เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็นึกออกขึ้นมาทันที “หมอหาน?”
ถูกจำได้เร็วขนาดนี้ หานอวี้จือก็แสดงท่าทางว่าไม่สนุกเลยสักนิดออกมา ในตอนที่เขาบังเอิญได้ยินเป้ยน่าบอกว่าเหยียนจิ่งจื้อจะให้จัดคนไปรับคนรักที่เมืองบี เขาก็รีบเข้าไปถามเหยียนจิ่งจื้อด้วยความอยากรู้ทันที จะใช่คนเดียวกับที่มาถามเขาเื่บริจาคร่างกายหรือบริจาคสเปิร์มเมื่อคราวก่อนหรือเปล่านะ
สรุปตอนที่รีบมาด้วยความอยากรู้ก็พบว่าเป็อดีตคนไข้ของตัวเอง แต่ว่าเมื่อมองดีๆ แล้วเด็กคนนี้ก็เหมือนกับเหยียนจิ่งจื้อจริงๆ
“ฮ่าๆ ถูกจับได้ซะแล้ว” หานอวี้จือลูบหัว ก่อนจะหันกลับมามองเนี่ยเซิงเสี่ยว “ทำไมคุณหนูเนี่ยถึงเปลี่ยนหัวข้อล่ะ เมื่อครู่ถามถึงไหนแล้วนะ?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวตอบออกมาเองทันที “เมื่อครู่คุณลุงถามแม่ว่ายังรักคุณพ่อของลูกอยู่หรือเปล่า”
เนี่ยเซิงเสี่ยวกลั้วหัวเราะ ถูกเด็กน้อยทำให้ขำออกมา
หานอวี้จือรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ “อั้ย หัวเราะก็คือยอมรับแล้ว ที่แท้ก็ลืมผู้ชายคนแรกของตัวเองไม่ได้”
“คุณ…” เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองติดกับเขาเข้าให้แล้ว
หลังจากรถวิ่งไปได้หลายชั่วโมงก็มาจอดที่โรงเรียนอนุบาลหลิวซิงได้อย่างถูกต้อง วันนี้เป็วันฉลองจบการศึกษาของโรงเรียนอนุบาล จึงมีกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ตอนสายจะเป็การแสดงของเด็กๆ ตอนบ่ายจะเป็การเล่นเกม ตอนกลางวันโรงเรียนอนุบาลก็ยังจัดอาหารกลางวันให้กับครอบครัว ไม่แปลกใจเลยที่เหนี่ยวเหนี่ยวอยากมา
ตอนที่ยังไม่ลงรถก็ได้ยินเสียงเด็กเล่นกันเสียงดังแล้ว เนี่ยเซิงเสี่ยวเพิ่งจะเปิดประตูออกไปก็ได้ยินหานอวี้จือโบกมือให้กับคนข้างนอก “ไฮ จิ่งจื้อ มาส่งแล้วนะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวก้าวขาลงมาที่พื้นเพียงก้าวเดียว อีกข้างยังอยู่ในรถ เธอจ้องไปยังเหยียนจิ่งจื้อที่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้า และกำลังมองเธออยู่เช่นเดียวกัน เธออยากจะหดตัวกลับเข้าในรถจริงๆ
ในใจของเธอเหมือนถูกมือบีบเอาไว้แน่น
ส่วนเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวได้วิ่งออกไปแล้ว พร้อมทั้งเรียกคุณอาเหยียนเสียงหวาน จากนั้นก็ตบบ่าเหยียนเจียอวี๋ “เจียอวี๋ ฉันได้ซ้อมการแสดงของพวกเราเอาไว้แล้วนะ”
“คุณอาเหยียน….” หานอวี้จือที่อยู่ด้านข้างเศร้าใจมาก เื่บริจาคร่างกายไปก็ช่างมันเถอะ แต่ว่าหลังจากบริจาคไปแล้วลูกชายยังมาเรียกตัวเองว่าอาอีก ถึงว่าเหยียนจิ่งจื้อถึงได้โมโหขนาดนี้
เนี่ยเซิงเสี่ยวหันไปถามหานอวี้จือ “หมอหานคะ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้คะ?”
หานอวี้จือยังไม่ได้พูดอะไร เหยียนจิ่งจื้อก็พูดแทนเขาแล้ว “หานอวี้จือ คุณไปได้แล้ว”
“ดีจริงๆ ที่คุณหนูเนี่ยสามารถรับนิสัยของเขาได้” หานอวี้จือแบะมือออกสองข้าง
เนี่ยเซิงเสี่ยวกรู้สึกหมดคำจะพูด
จู่ๆ หานอวี้จือก็หันกลับมาพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ผมไม่ได้ตั้งใจหลอกคุณมานะ แต่ว่าเหยียนจิ่งจื้อเขาบังคับผมน่ะ”
เหยียนจิ่งจื้อเม้มปาก แผ่รังสีอำมหิตผุดออกมา
เมื่อเห็นหานอวี้จือขับรถออกไปแล้วเนี่ยเซิงเสี่ยวก็หันหลังให้ สายตาจากด้านหลังทำให้เธอหายใจไม่ออก พลางคิดหาทางว่าจะพาเหนี่ยวเหนี่ยวแยกตัวออกมาอย่างไรตลอดเวลา
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ” จู่ๆ เหยียนจิ่งจื้อก็ก้มตัวลงมาอุ้มเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเอาไว้ด้านซ้าย ด้านขวาก็อุ้มเหยียนเจียอวี๋ขึ้นมาก่อนจะเดินตรงเข้าไปในงาน
เนี่ยเซิงเสี่ยวหันกลับไปมองพวกเขาแล้วกัดริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธ ทั้งๆ ที่สูญเสียความทรงจำจนลืมเธอไปแล้ว ทำไมคนคนนี้ถึงได้มั่นใจขนาดนั้นว่าเหนี่ยวเหนี่ยวคือลูกของเขา!
แถมเหนี่ยวเหนี่ยวก็ยังทำหน้าระรื่นมีความสุขอีก ตอนที่เขาจำตัวอักษร 26 ตัวไม่ได้เธอยังไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้เลย
เพราะว่าเสียเวลาตอนเดินทางมา ทำให้มาสาย พื้นที่ก็มีจำกัด ในที่สุดเนี่ยเซิงเสี่ยวก็หาเจอที่ว่างเพียงสองที่นั่ง หนึ่งก็คือข้างเหยียนจิ่งจื้อ อีกที่ก็เป็มุมที่ไกลมากๆ
“แม่ครับ ตรงนี้ รีบมาตรงนี้!” เหนี่ยวเหนี่ยวปีนอยู่บนตัวของเหยียนจิ่งจื้อแล้วโบกมือเรียกเธอ แค่ไม่กี่นาทีก็ไปติดกับไหล่ของเหยียนจิ่งจื้อแล้ว มองจากสายตาคนอื่นก็ดูออกว่าเป็ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก
เนี่ยเซิงเสี่ยวถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจหันไปทางที่ว่างตรงมุมแทน เหยียนจิ่งจื้อในตอนนี้ก็เหมือนกันศาล เธอไม่โง่เข้าไปถูกพิพากษาหรอก
“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง เดี๋ยวคนรักของผมก็จะมาแล้วครับ” ผู้ชายที่อยู่ข้างที่ว่างแสดงออกอย่างมีมารยาทว่าตรงนี้มีคนนั่งแล้ว
เนี่ยเซิงเสี่ยวได้แต่ยืนอย่างทำอะไรไม่ถูก หลังจากวนไปมาอยู่หลายก้าวก็ยังคงยืนอยู่ สุดท้ายก็คิดจะเดินออกไปด้านนอกห้องโถงแล้วไปยืนอยู่ด้านนอก
จู่ๆ บนมือก็ร้อนขึ้นมาเพราะถูกมือหนึ่งจับเอาไว้ จากนั้นก็ถูกแรงมหาศาลดึงไปยังที่นั่ง เนี่ยเซิงเสี่ยวใจนนิ่งไป มองร่างใหญ่ที่จับมือตนเองอยู่ “จิ่ง…” เกือบจะหลุดปากเรียกเขาออกไปแล้ว โชคดีที่สุดท้ายดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะสะบัดมือเขาออก “คุณคิดจะทำอะไร?”
“สัญชาตญาณ” เหยียนจิ่งจื้อมองเธอ รู้สึกว่าเป็เพราะสัญชาตญาณก่อเื่จริงๆ ในตอนที่เขาเห็นเธอเดินไปเดินมาในห้องโถงไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงคิดจะไปลากเธอมาอยู่ข้างตัว ทันใดนั้นเขาก็เข้ามาจับมือเธอไว้ทันที
เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบคลั่ง จู่ๆ เหยียนจิ่งจื้อก็ตื่นเต้นมาก ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองอายุแค่สิบขวบที่เริ่มมีอาการใจเต้นแรงผิดปกติ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาคิดถึงมาหลายวัน คิดถึงจนเ็ปใจ
“คุณอา…” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวอ้าปาก ทำไมเขาเหมือนเห็นคุณอากุมมือประสานเข้ากับแม่ ทำไมคุณอาถึงได้จับมือมั่วซั่วแบบนี้ล่ะ!
เหยียนเจียอวี๋ที่เข้าใจได้ไวจู่ๆ ก็เข้าไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว ซึ่งคนที่ได้ฟังก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินตามเหยียนเจียอวี๋ไปที่ด้านหลังเวที “แม่ครับผมจะไปเตรียมตัวแสดงแล้ว แม่ก็อยู่ที่นี่อย่างวิ่งซนไปไหนนะ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ตอบ เธอคิดอยากจะเดินไปทั่วจริงๆ ข้างตัวเหยียนจิ่งจื้อไม่ใช่ที่ที่เธอควรอยู่
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเมื่อเห็นเธอไม่พูดก็เดินกลับมาอีกหลายก้าว “แม่ได้ยินที่ผมพูดไหม?”
แขนของเหยียนจิ่งจื้อยกขึ้นมากดให้เธอนั่งลงก่อนที่จะโบกมือให้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว “ได้ยินแล้ว”
“คุณ!” เนี่ยเซิงเสี่ยวมองร่างของเหนี่ยวเหนี่ยวที่วิ่งไปไกลแล้วขมวดคิ้ว ต่อหน้าเหนี่ยวเหนี่ยวเธอทำตัวดีไม่สนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนไหนก็เพื่อจะรักษาภาพลักษณ์คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดี เหยียนจิ่งจื้อวันนี้ไม่รักษาระยะห่างเอาเสียเลย
“ตอนนี้เธอบอกฉันได้หรือยัง ใน่เวลาที่ฉันสูญเสียความทรงจำไป พวกเรามีความสัมพันธ์อะไรกัน” แววตาของเหยียนจิ่งจื้อมองไปยังเวที ใบหน้าเอียงมาหาเธอหน่อยๆ จนระยะห่างใกล้กันมาก
น้ำเสียงโอหังเหมือนกำลังบอกว่าเธอบอกฉันมา ไม่แน่ฉันอาจจะยอมรับ
“ฉันจะไปห้องน้ำ” เนี่ยเซิงเสี่ยวชินกับการเป็เต่าหดอยู่ในกระดองต่อหน้าเขาแล้ว
ทันใดนั้นแขนก็ถูกจับเอาไว้ น้ำเสียงอันตรายอยู่ข้างหู “การแสดงของลูกชายจะเริ่มแล้ว เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
ถูกหายใจรดใกล้ๆ จนทำให้หน้าแดง สมองของเนี่ยเซิงเสี่ยวรวนไปหมดจนปากหลุดพูดออกไป “เขาไม่ใช่ลูกชายของคุณ!”
เหยียนจิ่งจื้อแบมือทั้งสองข้าง “เธอร้อนรนอะไรน่ะ? ฉันไม่ได้บอกว่าเขาคือลูกชายฉันเสียหน่อย”
ในวินาทีนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกถูกหลอกให้เสียรู้ ั้แ่ก่อนก็เป็แบบนี้ ไม่ว่าจะทะเลาะกันระดับไหนเธอก็ไม่เคยชนะเขาได้เลย สุดท้ายก็ได้แต่กลับไปอยู่ข้างกายของเขาอย่างเชื่อฟัง
“คุณเหยียน ถ้าแน่จริงก็ไปหาความทรงจำที่หายไปของคุณกลับมา แล้วค่อยมาคุยกับฉันเื่นี้” ครั้งแรกที่เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองใจแข็งตอบกลับไป มองสีหน้าถมึงทึงของเหยียนจิ่งจื้อเธอก็หันไปตั้งใจดูการแสดงของเหนี่ยวเหนี่ยวบนเวที
เหนี่ยวเหนี่ยวอยู่กลุ่มเดียวกับเหยียนเจียอวี๋ แต่งตัวเป็ชุดทานตะวันที่ส่องแสงสีทอง ท่าทางน่ารักทำให้ผู้ปกครองทุกคนก็หัวเราะออกมา เนี่ยเซิงเสี่ยวเองก็อดไม่ไหว แต่ว่าตอนที่กำลังคิดจะหัวเราะออกเสียง สายตาก็เห็นเหยียนจิ่งจื้อจึงอดกลั้นเอาไว้ สุดท้ายก็กดอารมณ์เอาไว้จนจบการแสดง
เธอลุกขึ้นยืน เหยียนจิ่งจื้อก็รีบพูดทันที “จะไปไหน?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ตอบแล้วเดินตรงออกไป ความหมายชัดเจนมากว่า นายบังคับฉันไม่ได้
เหยียนจิ่งจื้อถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นตามเธอไป จากด้านหลังของเธอสามารถมองเห็นชุดกระโปรงยาวสีดำที่ช่วยขับให้ผิวเธอดูขาวมาก รอยแหวกน้อยๆ ด้านล่างยิ่งทำให้ข้อเท้าเล็กเด่นออกมา
เหยียนจิ่งจื้อมองไปสมองก็เริ่มจะเต้นตุ้บๆ ไม่สามารถสงบลงได้ ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อยั่วยวนเขา รวมทั้งความรู้สึก จิตใจ ความคิด…ทั้งหมด เขานวดขมับแล้วอยากจะดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของเขา
“อ๊ะ!”
เหยียนจิ่งจื้อยังไม่ทันได้มองชัดๆ ว่าด้านหน้าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ยินเสียงร้องของเนี่ยเซิงเสี่ยวจากนั้นร่างนุ่มก็หล่นเข้ามาในอ้อมกอดของเขา
ความนุ่มนิ่มนี่
นิ้วของเขาแข็งค้างไป
์ช่างไม่มีคุณธรรมเอาเสียเลย ถึงได้มาแอบมองความคิดของเขาแบบนี้