เมื่อถูกดุว่าเรียนไม่เก่ง เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็ร้อนรนขึ้นมา รีบปัดความผิดออกให้พ้นตัวเอง “จะต้องสืบทอดมาจากพ่อแน่ๆ!”
“พูดไร้สาระอะไร” เนี่ยเซิงเสี่ยววางเขาลง แล้วจูงเขาขึ้นไปยังบ้านใหม่
เหยียนจิ่งจื้อพูดได้สี่ภาษา ตอนสมัยเรียนก็เคยได้รางวัลการแข่งคณิตศาสตร์ วิทยานิพนธ์ก็เคยถูกตีพิมพ์ ทำการทดลองและสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา เคยสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาด้วยตัวเอง...
เนี่ยเซิงเสี่ยวอยากจะบอกกับเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจริงๆ ว่ายกพ่อของเขาขึ้นมาเป็ข้ออ้างนั้นเป็ไปไม่ได้เลย
บริษัทขนย้ายกำลังลำเลียงของมาวาง เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่มองเนี่ยเซิงเสี่ยวทั้งคืนไม่ได้นอนในตอนนี้เริ่มสัปหงกเหมือนไก่จิกเม็ดข้าว ก่อนจะคิดถึงสิ่งที่เหยียนเจียอวี๋กำชับกับเขาเอาไว้
“ย้ายไปทบ้านใหม่แล้วจะต้องโทรหาฉัน จะต้องแอบๆ นะ อย่าให้แม่ของนายรู้ แม่ของนายไม่ชอบอาสองของฉัน คงไม่มีทางให้ฉันเล่นกับนายแน่”
ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินไปที่ห้องน้ำอย่างเงียบเชียบก่อนจะโทรไปหาเหยียนเจียอวี๋ เขาเกือบจะลืมเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว กดโทรออกอยู่หลายครั้งถึงจะกดเบอร์ถูก
ครั้งนี้ อีกฝ่ายรับสายทำให้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวใอยู่นิดหน่อย พวกเราย้ายบ้านกันทั้งคืน ตอนนี้เพิ่งจะตีห้ากว่าๆ เกือบหกโมงเอง ใครจะไปตื่นเร็วขนาดนั้น
“ฮัลโหล ใช่เจียอวี๋หรือเปล่าครับ?” ปลายสายรับสายแล้วก็ไม่พูด เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจึงเอ่ยปากถาม
เนิ่นนานอีกฝ่ายถึงจะเปิดปาก “เหนี่ยวเหนี่ยว”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวได้ยินก็กุมหูโทรศัพท์เอาไว้ เขายังจำเสียงนี้ได้ เป็เสียงอาสองของ
เหยียนเจียอวี๋ไม่ใช่หรือ!
แอบมองไปเห็นเนี่ยเซิงเสี่ยวกำลังหลับอยู่ เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวพูดเสียงเบา “คุณอา ทำไมคุณอามารับสายได้ เจียอวี๋ตื่นหรือยังครับ?”
“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” เสียงจากทางนั้นสดใสมาก และก็มีเสียงกัดฟันด้วย
จู่ๆ ก็รู้สึกว่ารีบโทรมากไปโดยที่ลืมถามว่าที่นี่ที่ไหน เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวส่ายหน้า “แฮ่ๆ ผมก็ไม่รู้”
“ไม่เป็ไร” เหยียนจิ่งจื้อวางสาย เขานั่งอยู่ตรงกลางโซฟาและพูดกับบรรดาบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ก่อนจะชี้ไปที่โทรศัพท์ที่เอามาจากบ้านของเหยียนจิ่งเสิน “ยืนยันตำแหน่ง ฉัน้ารู้ที่อยู่ภายในหนึ่งชั่วโมง”
เหยียนจิ่งจื้อกำชับเสร็จก็นวดคิ้วเตรียมตัวขึ้นไปนอน หลายวันมานี้อาการปวดหัวไม่ได้ลดลงเลยสักนิดเดียว พูดให้ถูกก็คือ ั้แ่หลังจากเนี่ยเซิงเสี่ยวปรากฏตัว อาการปวดหัวนี้ก็หนักขึ้นเรื่อยๆ
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าหนี เขาจะให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือเขา
แต่ว่าหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ผลสรุปที่บอดี้การ์ดรายงานก็ทำให้เขาเสียใจมาก
“ท่านประธานครับ สัญญาณโทรศัพท์เครื่องนั้นบล็อกการค้นหาตำแหน่งเอาไว้ มีคนกำลังช่วยเธอปิดกั้นการค้นหา พวกเราไม่สามารถหาตำแหน่งได้ครับ”
แก้วในมือของเหยียนจิ่งจื้อถูกบีบจนเกิดเสียง ไวน์แดงที่อยู่ข้างในสั่นจนน่ากลัว ถ้าหากเนี่ยเซิงเสี่ยวเห็นอารมณ์ของเขาตอนนี้คงจะหวาดกลัวเหมือนกับไวน์ในแก้วนี้
สุดท้ายเหยียนจิ่งจื้อก็ยืนขึ้นแล้วดื่มเข้าไปจนหมดภายในอึกเดียว
่นี้เนี่ยเซิงเสี่ยวกำลังยุ่งอยู่กับการหาโรงเรียนให้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว จะขึ้นระดับประถมแล้ว จุดเริ่มต้นของการศึกษาภาคบังคับ การได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ นั้นมีความสำคัญมาก แต่ดูเหมือนว่าเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจะไม่ค่อยดีใจเท่าไร
พอถามถึงได้รู้ว่าพิธีจบการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลหลิวซิงจะเริ่มขึ้นแล้ว
“แม่ครับ ผมอยากไป”
“ไม่ได้” เนี่ยเซิงเสี่ยวสั่งห้าม ไม่แน่ว่าที่นั่นอาจจะถูกหยียนจิ่งจื้อจับตาดูอยู่แล้ว กลับไปตอนนี้รับประกันได้ยากว่าเขาจะไม่มาปรากฏตัวแบบกะทันหันอีก
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวไม่พูดไม่จา หลบไปอยู่ด้านข้างเงียบๆ ด้วยความโกรธ
“เหนี่ยวเหนี่ยวมานี่”
“ไม่ไปครับ” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก้มหน้าแสร้งตั้งใจวาดภาพ “เพื่อนๆ จะต้องคิดว่าผมเป็เต่าหดหัวอยู่ในกระดองแน่ๆ แล้วแม่ก็คือแม่เต่า”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเม้มปาก จู่ๆ ก็ย้ายบ้านกะทันหันจะต้องกระทบจิตใจของเขาแน่นอน ยิ่งตอนนี้
เหยียนจิ่งจื้อมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมทั้งค้นพบการมีอยู่ของเหนี่ยวเหนี่ยว ต่อไปก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีทางย้ายบ้านอีก เนี่ยเซิงเสี่ยวเก็บความรู้สึกผิดต่อเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเอาไว้แล้วฝืนพยักหน้า “พิธีจบการศึกษามีเมื่อไหร่?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวดีใจจนแทบจะะโขึ้นมา “พรุ่งนี้ครับ เสี่ยวเสี่ยว พวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ ผมจะไปสะพายกระเป๋า”
เนี่ยเซิงเสี่ยวดึงเขากลับมา “รีบอะไร ตั้งพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางสิ” จู่ๆ ก็ถอนหายใจออกมา นิสัยใจร้อนของเด็กคนนี้ก็เหมือนกับถอดคนคนนั้นออกมา คิดอะไรก็จะทำอย่างนั้นทันที
โดยเฉพาะถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่ยอมหยุด บ้าอำนาจ มีความคิดเป็ของตัวเองสูง เธอแยกไม่ออกแล้วว่ามันเป็ข้อดีหรือข้อเสียกันแน่
ณ ชั้นสูงสุดของตึกบริษัทเฉินตง
จินเป้ยน่ากำลังยืนสรุปตารางงานวันพรุ่งนี้ ตอนสายมีประชุมสรุปกลางปี ตอนบ่ายจะต้องเข้าร่วมงานพิธีลงนามอีกหนึ่ง หลังจากลงนามเสร็จแล้วยังต้องไปกินข้าวกับผู้ร่วมลงทุน ซึ่งเป็สิ่งที่สำคัญที่สุดในหลายวันนี้
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “พรุ่งนี้ฉันมีธุระ"
“เช่นนั้นฉันจะยกเลิกการกินข้าวตอนกลางคืนออกไปนะคะ” จินเป้ยน่าทำสัญลักษณ์เอาไว้บนตารางนัดหมาย
จู่ๆ เหยียนจิ่งจื้อก็เงยหน้าขึ้นมา “ฉันบอกไปแล้วว่าพรุ่งนี้ฉันมีธุระ” สายตามุ่งมั่นยากที่จะต่อต้าน จนทำให้อากาศในห้องทำงานท่านประธานลดลงไปหลายองศา
จินเป้ยน่ากุมหน้าผาก ่นี้ท่านประธานดูแลยากมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก ได้ยินมาว่าเลิกกับคุณหนูเจินแล้ว ดูเหมือนจะจริง…
ในตอนที่กำลังจะไปทำงานนั้นเธอก็ถูกเหยียนจิ่งจื้อเรียกเอาไว้ “จัดรถมาหนึ่งคัน พรุ่งนี้เช้าตอนตีห้าไปรออยู่ที่หน้าประตูหมู่บ้านิเยว่เมืองบี”
จินเป้ยน่ารีบจดเอาไว้พลางมองไปยังเหยียนจิ่งจื้อ ถ้าหากเธอจำไม่ผิด เมืองบีห่างจากที่นี่ถ้าหากขับรถก็อย่างน้อยก็ขับถึงสี่ชั่วโมง หรือว่าเลี้ยงดูอิหนูอยู่ที่นั่น?
แต่ถึงเลี้ยงอิหนู ก็คงไม่…เช่ารถมารับหรอกมั้ง?
“ท่านประธาน คุณแน่ใจว่าเป็ที่เมืองบี?” ่นี้สมองของท่านประธานไม่ค่อยปกติ เธอรู้สึกว่าควรจะเตือนสักหน่อย
“มีปัญหา?” เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้ตอบตรงๆ
“ไม่…ไม่มีค่ะ” จินเป้ยน่าปาดเหงื่อ ไปรับคนตอนตีห้าท่านประธานนี่ช่างโรแมนติกดีจริงๆ
วันต่อมาเนี่ยเซิงเสี่ยวสวมกระเป๋าให้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว ตอนที่หยิบกุญแจเดินลงจากตึกก็เห็นรถเบนซ์ลีย์สีขาวมาจอดตรงหน้าตัวเอง เธอจึงจูงมือเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเตรียมตัวจะเดินอ้อมไป คนขับรถด้านในก็กดกระจกหน้าต่างลงมา “คุณหนูจะขึ้นรถเลยไหมครับ?”
เ้าของรถเชิญชวนอย่างกระตือรือร้นแบบนี้ คิดแล้วคงไม่ได้มีความคิดที่ดีเท่าไร เนี่ยเซิงเสี่ยวหันกลับไปปฏิเสธ “ไม่ล่ะค่ะ พวกเราจะไปที่ที่ไกลมากๆ ขอบคุณค่ะ”
“คุณหนูพวกเธอจะไปที่ไหนกัน? มาดูว่าเป็ทางผ่านหรือเปล่า การมีเพื่อนร่วมทางเป็สิ่งที่ดีนะ”
“แม่ครับ พวกเราจะไม่ที่เมือง H ไม่ใช่หรือครับ?” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวจับหัวตัวเอง รถคันนี้สวยจริงๆ สามารถเทียบกับรถคันนั้นของอาสองของเหยียนเจียอวี๋ได้เลย
การป้องกันตัวเองของเนี่ยเซิงเสี่ยวยังคงแข็งแกร่งมาก เธอจูงเนี่ยเซิงเสี่ยวเดินไป จะพาเด็กขึ้นรถคนแปลกหน้ามั่วๆ ได้อย่างไร
เ้าของรถคันนั้นขับรถตามมา ตวัดหัวรถมาขวางหน้าพวกเธอไว้ “คุณหนูเนี่ย ผมจะพูดกับคุณตามตรงแล้วกัน ผมได้รับคำสั่งให้มารับคุณ คุณรีบขึ้นรถเถอะ”
ั์ตาของเนี่ยเซิงเสี่ยวฉายแววใ จากนั้นในหัวก็เริ่มค้นหาคนที่พอจะเป็ไปได้พร้อมถามเขา “…ใครคะ?”
“คุณจ้าวครับ” เ้าของรถก้มหน้าตอบ ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมเหยียนจิ่งจื้อต้องให้เขาพูดโกหก
สุดท้ายเนี่ยเซิงเสี่ยวก็ยังก็รับไม่ได้กับวิธีหลอกลวงของคนคนนี้ แล้วเดินขึ้นรถก่อนจะโทรไปหาจ้าวหยวนฟาง แต่กลับไม่มีคนรับสาย เธอจึงทำได้แค่พูดขอบคุณคนคนนี้
หนี้บุญคุณของจ้าวหยวนฟางยากที่จะตอบแทนให้หมดจริงๆ
“คุณหนูเนี่ยเกรงใจเกินไปแล้ว” คนขับรถมองเธอจากกระจกมองรถข้างหน้า “ได้ยินมาว่าคุณ
จ้าวดีกับคุณหนูเนี่ยมากขนาดนี้ พวกคุณคิดจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ครับ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวส่ายหน้า “คุณคิดมากเกินไปแล้วล่ะค่ะ”
แต่ว่าคนขับรถก็ยังคงตื๊อพูดต่อไป “คุณหนูเนี่ยไม่ชอบคุณจ้าวหรือครับ”
เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าคนขับรถคนนี้ก็ขี้เมาท์ไปหน่อย จึงตอบไปเพียงประโยคเดียว “ฉันเคยแต่งงานแล้ว และก็มีลูกแล้วค่ะ”
“อย่างนั้นจะพูดว่าคุณหนูเนี่ยยังรักพ่อของเด็กอยู่หรือครับ?” จู่ๆ คนขับรถก็หันกลับมาพูดด้วยความตื่นเต้น “ใช่ไหมครับคุณหนูเนี่ย?”
จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็รู้สึกว่าคนขับรถคนนี้หน้าตาคุ้นๆ แต่ว่าโรคจำหน้าคนไม่ได้ของเธอค่อนข้างจะหนักไปหน่อยจึงคิดไม่ค่อยออก ทว่าจู่ๆ เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็ชี้ไปที่คนขับรถแล้วพูดเสียงดัง “หมอ! คุณคือคุณลุงหมอที่ฉีดยาผมครั้งที่แล้ว!”