เมื่อนึกได้ก็ลงมือทำ นี่เป็นิสัยของจ้าวอี้
จ้าวอี้ไม่สนว่าจะมืดแค่ไหน เรียกแท๊กซี่คันหนึ่งแล้วไปที่สุสานตระกูลหลี่
ที่นี่เงียบเชียบ บ้านหลังเล็กหนึ่งเดียวของผู้ดูแลสุสานก็มืดสนิท เห็นได้ชัดว่าได้หลับไปนานแล้ว
ความจำเขาดีมาก หลังจากแยกแยะทิศทาง ก็เดินไปทางที่โจวเหวินิเลือกตอนแรก
การมองเห็นในตอนกลางคืนนั้นแย่มาก จ้าวอี้ยืมแสงจันทร์ริบหรี่ ตามหาอยู่สักครู่ใหญ่ จึงพบที่แรกที่นั้น
พื้นดินตรงนี้ค่อนข้างต่างกับที่อื่น จ้าวอี้ยืนยันจุดนี้อีกครั้ง เขามีการเตรียมตัวแต่แรก หยิบพลั่วออกมา ขุดพลางหอบแฮกๆอยู่คนเดียว
โดยปกติกลางคืนอันมืดสนิท สภาพแวดล้อมที่มีแผ่นจารึกหน้าหลุมศพบางครั้งคราว สภาพแวดล้อมเช่นนี้เรียกได้ว่ามืดมนจนน่าใ เพียงแต่จ้าวอี้ไม่เคยเชื่อเื่นี้มาโดยตลอด เขาไม่มีความคิดหวาดกลัวใดๆ
ลึกลงหนึ่งเมตร พื้นดินด้านล่างยังคงมีร่องรอยการถูกขุด จ้าวอี้ไม่เชื่อในบาป เขาเพียง้าดู ว่าด้านล่างแท้จริงมีความลับอะไร
ขุดไปประมาณสองเมตร พลั่วของจ้าวอี้ก็ขุดถึงของแข็งอย่างหนึ่ง ขุดรอบๆ ด้านในก็พบโกศใส่กระดูกอันหนึ่ง
โกศอันนี้ใหม่มาก ดูน่าจะไม่ได้ถูกฝังไว้นาน
หลี่ต้าเฮิงยังไม่ได้ฝังศพไม่ใช่เหรอ?
อีกอย่าง ้ากลับไม่มีอนุสรณ์ หรือว่า วัฒนธรรมของ HK สามารถดำเนินการฝังได้เหมือนพีระมิด? หรือนี่เป็วิธีการฝังรวมอย่างหนึ่ง?
แต่โกศอันนี้ถูกฝังไว้อย่างลวกๆไปรึเปล่า?
จ้าวอี้คิดว่าไม่น่าเป็เช่นนี้
คิดดู จ้าวอี้ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปรอบๆ จากนั้นจึงเริ่มโทรหาฉือผิงฮุย สถานการณ์นี้ จำเป็ต้องแจ้งฉือผิงฮุย
รับสายขึ้น ไม่รอให้จ้าวอี้พูด ฉือผิงฮุยก็ชิงถามขึ้นก่อน “คุณอยู่ไหน หลิวฉินมีการติดเชื้อ ตอนนี้อันตรายมาก จะไปรับรถจากคุณ ก็พบว่าคุณไม่อยู่ที่โรงแรม”
“มีอันตรายต่อชีวิตไหม?”
“แพทย์บอกว่ายากที่จะยื้อไว้ให้ผ่านคืนนี้ คุณอยู่ไหน? ผมจะส่งรถไปรับคุณ”
จ้าวอี้บอกตำแหน่งของตนเอง ขณะเดียวกันก็พูดสถานการณ์ล่าสุดที่ตนเองได้พบ
ฉือผิงฮุยพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งที่อีกด้านของโทรศัพท์ จากนั้นจึงพูด “คุณอยู่ที่นั่นคุ้มกันที่เกิดเหตุ ผมจะส่งคนไปรับมือเื่นี้ ตามนี้”
ผ่านไปไม่นาน รถเปิดไซเรนก็ปรากฏอยู่ที่ตีนเขา คนขับคือเสี่ยวหลิน และยังมีเหล่าโจวที่ท่าทางสะลึมสะลือ
“หัวหน้าหน่วยตรวจการณ์รอเราอยู่ที่โรงพยาบาล ให้พวกเรารีบไป”
“ได้!”
เมื่อจ้าวอี้ถึงโรงพยาบาล ฉือผิงฮุยก็มาถึงแล้ว
เขาเดินไปมาอย่างกระสับกระส่ายอยู่ที่ประตูห้องกู้ภัย
“สถานการณ์ตอนนี้เป็ยังไง? หลิวฉินพ้นขีดอันตรายรึยัง?”
จ้าวอี้ถามจบประโยคนี้ ก็รู้ว่าถามเปล่า ไฟของห้องกู้ภัยยังคงสว่าง หมายความว่าคนยังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ
ฉือผิงฮุยส่ายหน้า “ยัง น่าตายนัก ตอนเย็นยังพูดว่าพ้นขีดอันตราย พอตกดึกทำไมถึงอันตรายอีก!”
“หรือมีคนทำอะไร?”
จ้าวอี้คิดว่ามาตรฐานโรงพยาบาลนี้น่าจะไม่เลว การตัดสินเช่นนี้ไม่น่าจะมีความผิดพลาด
“ไม่ใช่ ผมจัดเตรียมสองคนให้คอยคุ้มกันอยู่ด้านนอกห้องผู้ป่วยของหลิวฉิน พวกเขายืนยันได้ นอกจากหมอและพยาบาล ก็ไม่มีคนอื่นเข้าไป หมอผู้รับผิดชอบสามารถยืนยัน ยาที่ใช้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม ยาฆ่าเชื้อจู่ๆก็ไม่ทำงาน อาจจะ เชื้อที่หลิวฉินติดไม่ใช่ประเภทที่พบได้บ่อย นี่เป็ข้อสรุปเบื้องต้นที่โรงพยาบาลให้”
ได้ยินคำตอบเช่นนี้ จ้าวอี้ก็รู้สึกช่วยไม่ได้
นึกถึงตอนเย็น หลี่เทียนิเข้าไปรอบหนึ่ง เพียงแต่เขาอยู่เป็เวลาไม่นาน ด้านนอกก็ยังมีการคุ้มกัน น่าจะไม่ใช่เขาที่ลงมือ
สองคนรออยู่ด้านนอกห้องกู้ภัย ทันใดนั้น ประตูเปิดออก
หมอที่เหน็ดเหนื่อยส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลือก “พวกเราทำเต็มที่แล้ว เราไม่สามารถลดไข้สูงของผู้ป่วยได้ ยาและวิธีระบายความร้อนต่างทดลองแล้ว แต่ล้มเหลวทั้งหมด ผู้ป่วยเสียชีวิตเนื่องจากการรักษาไม่เป็ผล”
เตียงหนึ่งถูกผลักออกมา บนนั้นคลุมผ้าสีขาว จ้าวอี้และฉือผิงฮุยมองอย่างหมดคำพูด
“กลับไปเถอะ ใช่แล้ว เตรียมแพทย์นิติเวชให้ชันสูตรอีกครั้ง ดูว่าบนร่างกายเธอมีรอยเข็มไหม ดำเนินการเปรียบเทียบกับผลของโรงพยาบาล” ฉือผิงฮุยนึกเื่นี้ขึ้นได้ เขาไม่กำจัดความเป็ไปได้ข้อนี้
ใครให้หมอและพยาบาลของโรงพยาบาลที่เข้าๆออกๆสวมหน้ากากอนามัย ดูป้ายชื่อเพื่อยืนยันสถานะก็ได้เหรอ?
“ดึกมากแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ คุณบอกว่าคุณพบว่าสุสานของหลี่ต้าเฮิงมีโกศใส่กระดูก?”
“ใช่” จ้าวอี้นำเื่อธิบายอีกครั้ง เขากลับไม่ได้บอกว่าเป็การเตือนของเจี่ยงจาวตี้ การปกปิดนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ
“ดูแล้วน่าจะถามหมอดูสักหน่อย ถึงเหตุผลที่บุคคลลึกลับนี้ทำเช่นนี้ นอกจากนั้นยังต้องตรวจสอบเล็กน้อย ว่าขี้เถ้านี้เป็ของใคร ช่างกล้าอะไรขนาดนี้” ฉือผิงฮุยขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่เข้าใจ
“ผมเดาว่าโกศนี้น่าจะเป็ของแม่หลิวฉิน สำหรับหมอดูที่คุณพูด เหล่าโจวไม่ใช่เหรอ?”
เหล่าโจวก็อยู่บนรถคันนี้เช่นกัน เขารู้สึกเหมือนกับค่อนข้างปวดหัว กุมๆขมับ “แม้ว่าจะไม่รู้ว่าหลิวฉินคนนี้เป็คนยังไง แต่ถ้าเธอทำเช่นนี้ ก็ไม่เหมาะสมอย่างมาก จะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อตนเองตลอดจนลูกหลาน จากตารางฮวงจุ้ยแล้ว นี่เรียกว่าไม่มีทางฟื้นคืนได้”
“ไม่มีทางฟื้นคืน? หมายความว่ายังไง?”
“คุณคิดดู สมมุตว่าภายหลังตั้งอนุสรณ์ ต้องเป็ชื่อของหลี่ต้าเฮิงแน่นอน แม่ของเธอก็จะถูกฝังอยู่ใต้ร่างของหลี่ต้าเฮิง เท่ากับถูกเขากดลง บวกกับป้ายหลุมฝังศพ สามารถพลิกกลับได้ถึงจะแปลก? ก็ไม่รู้ว่าเธอไม่พอใจหมอดูคนไหน ถึงมีความคิดโหดร้ายเช่นนี้”
เหล่าโจวไม่รู้สถานะของหลิวฉิน เพียงแต่ถอนใจกับความบกพร่องเช่นนี้ จ้าวอี้และฉือผิงฮุยต่างไม่มีความคิดจะอธิบาย
สำหรับด้านนี้ จ้าวอี้ไม่เชื่อ แต่ฉือผิงฮุยเชื่ออย่างมาก
“งั้นมีผลต่อลูกหลานของหลี่ต้าเฮิงรึเปล่า?”
“มีแน่นอน ผลกระทบของฮวงจุ้ยมีร่วมกัน เพียงแต่ ฮวงจุ้ยนั่นดีมาก ผลกระทบนี้เกรงว่าต้องใช้เวลานานถึงจะค่อยๆส่งผล โดยพื้นฐานพูดได้ว่าครอบครัวจะค่อยๆล่มจม นี่ต้องเกลียดพวกเขามากแน่ๆ ถึงวางแบบแผนฮวงจุ้ยที่โหดร้ายเช่นนี้” เหล่าโจวคิดเล็กน้อย จึงตอบคำถาม และไม่ลืมที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับหมอดูฮวงจุ้ยคนนี้
“น่าเสียดาย ตอนนี้หลิวฉินตายแล้ว ไม่อย่างนั้น อาจสามารถรู้ได้จากปากของเธอ ว่าหมอดูคนนี้เป็คนยังไง” ฉือผิงฮุยลำบากใจ คน HK ที่ชอบดูดวงมีไม่น้อย จึงยากที่จะตรวจสอบหาข้อสรุป
จ้าวอี้พูดในใจประโยคหนึ่ง เหมือนกับการหาที่มาของกระจกทองแดงบานนั้น
“พรุ่งนี้ เป็วันสุดท้ายที่หัวหน้าแผนกกำหนด ต้องสรุปคดีได้พอสมควรแล้ว พรุ่งนี้เช้าจัดการแฟ้มคดีสักหน่อย ตอนบ่ายไปรายงานด้วยกัน?” ฉือผิงฮุยเหมือนจะขอความเห็นจ้าวอี้ แต่ที่จริงได้ตัดสินใจไว้แล้ว
เพียงแต่ในใจจ้าวอี้ค่อนข้างประหลาดใจ อดไม่ได้ที่จะถาม “สรุปคดีตอนนี้ คดีนี้มีเื่มากมายที่ยังไม่ได้ทำให้ชัดเจน?”
“อืม สถานการณ์ที่คุณพูดยังมีอยู่จริง เพียงแต่คดีนี้ไม่ง่าย เวลาของพวกเราเองก็กระชั้นชิด ตอนนี้ที่ต้องทำ คือยื่นคำร้องให้ตุลาการ เมื่อขึ้นศาลอย่างน้อยต้องหลางจากสามเดือน เวลานี้ก็สามารถรวบรวมหลักฐานได้”
ฉือผิงฮุยมีดุลพินิจของเขา อี้เกอให้เวลาจำกัดเจ็ดวัน ถ้างั้น ก็ต้องให้กระดาษคำตอบสักใบ กระดาษคำตอบใบนี้จะได้มาตรฐานหรือไม่ แท้จริงแล้วในใจเขาไม่มีข้อสรุป
คดีเพิ่งเกิดสี่สิบแปดชั่วโมงเป็เวลาทองของการไข่คดี ถ้าตอนนั้นหาเบาะแสที่มีประโยชน์ไม่เจอ คดีก็ยากที่จะไขได้ เว้นแต่เป็การตรวจสอบมีข้อสรุป
จ้าวอี้พยักหน้า ส่งสัญญาณว่าเข้าใจ สักพักหนึ่งบนรถไม่มีแม้เสียงกาเสียงนกกระจอก บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
ในใจของคนที่นั่งอยู่เข้าใจดี เป็ไปได้มากที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับเหล่าโจว แต่สำหรับจะตัดสินว่ายังไง นั่นเป็เื่ของฝ่ายตุลาการ
เกิดเหตุมาเจ็ดวัน
เื่การจัดระเบียบแฟ้มคดีจ้าวอี้ไม่ต้องเป็คนลงมือเอง ที่เขาต้องทำ ก็คือดูกระบวนการและข้อสรุปภายใน ว่าสอดคล้องกับความเป็จริงไหม ถ้าสอดคล้อง เซ็นชื่อ ถ้าไม่สอดคล้อง เขาก็ต้องจัดการไล่เลียง
จ้าวอี้กำลังอ่านรายงานการเสียชีวิตของแม่หลิวฉิน
รายงานได้เขียน แม่หลิวเวลาเที่ยงตรง โอบชามอาหารตกจากระเบียงชั้นหก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าตอนนั้นหน้าต่างเปิดออก ได้กู้คืนที่เกิดเหตุให้เป็ตอนอุบัติเหตุตอนแม่หลิวทานอาหารแล้วตกจากระเบียง
รายงานฉบับนี้ไม่ซับซ้อน เรียบง่ายมาก
จ้าวอี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนดักฟัง หลี่เยว่หรูคิดว่าหลิวฉินทำร้ายแม่หลิว คาดเดาว่าเหตุผลเป็เื่ความรู้สึก หรือเพราะกุมหลักฐานที่แท้จริงไว้? นำข้อสรุปจากการสอบปากคำหลี่เยว่หรูมาอ่าน ไม่มีหลักฐานมาอธิบายเื่ปัจจัยทางอารมณ์
จ้าวอี้ไม่เต็มใจเชื่อเื่เช่นนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ นี่เป็เื่ยากที่จะรับได้
“คุณจ้าว จัดการแฟ้มคดีเสร็จแล้ว”
เสี่ยวหลินนำแฟ้มคดีวางไว้ตรงหน้าจ้าวอี้ จ้าวอี้พลิกอ่านดู คำอธิบายบนนั้นชัดเจนมาก แนบมากับหลักฐาน เื่ทั้งหมดไม่มีปัจจัยในด้านความเห็นส่วนตัวใดๆ ท้ายที่สุดจ้าวอี้จึงลงชื่อของตน
ฉือผิงฮุยเดินนวยนาดเข้ามา “เป็ยังไง? อีกสักครู่ไปรายงานให้หัวหน้าแผนก?”
จ้าวอี้ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วย
ทานอาหารกลางวันเสร็จ นัดเวลากับอี้เกอเรียบร้อย
อี้เกอนำแฟ้มคดีอ่านจบอย่างจริงจัง จากนั้นพยักหน้า “สามารถส่งให้ฝ่ายตุลาการได้ พวกนายยังไม่ต้องละทิ้งการสืบสวน เส้นทางของมอเตอร์ไซค์ ยังมีการโอนเงินจำนวนไม่น้อยในนั้น สามารถไปหาที่มาสักหน่อย ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีร่องรอยอะไรเลย ที่มาของปืนก็ต้องตรวจสอบสักหน่อย อย่าละทิ้ง และยังตามหาผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือของ HK สักหน่อย ดูว่าพินัยกรรมใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือเป็คนลอกเลียนแบบหรือไม่ การติดตามงานเบื้องต้นเป็เช่นนี้”
ผู้เชี่ยวชาญการลอกลายมือ ยากมากที่จะจำแนกออกมาได้ พวกเขาถึงเป็ผู้เชี่ยวชาญ
“รับทราบ!”
อี้เกอจัดการเื่เหล่านี้ก่อน จากนั้นจึงพูดต่อ “คนสุดท้ายที่พวกนายจะส่งเื่ดำเนินคดีจะเป็หลี่เยว่หรู โจวเหวินิ?”
“ใช่แล้ว ตอนนี้หลักฐานชี้ชัดว่าโจวเหวินิเกี่ยวข้องกับการตายของหลี่ต้าเฮิง และการตายของบอดี้การ์ดสองสามคน ก็ตัดความเกี่ยวข้องของหลี่เยว่หรูออกไปไม่ได้ แม้ว่าหลักฐานจะไม่มากพอ แต่ร่องรอยทุกอย่างยังคงชี้ชัดในเื่นี้”
ฉือผิงฮุยกัดฟัน พูดเหตุผลนี้ออกมา
อี้เกอพิจารณาอยู่นาน จึงพยักหน้า “ได้ ท้ายที่สุดต้องให้ฝ่ายตุลาการตัดสิน นอกจานั้น ในเมื่อพวกนานสงสัยโจวเหวินิ ถ้างั้นก็เพิ่มคนที่จะส่งดำเนินคดีเพิ่มอีกคนหนึ่ง หลี่เทียนิ เพราะบนแฟ้มคดี ตอนนั้นเขาก็อยู่ในที่เกิดเหตุเช่นกัน ไม่พ้นจากความเกี่ยวข้อง”
จ้าวอี้ชะงัก พยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว ไม่ผิด เป็เหตุผลนี้ ในเมื่อโจวเหวินิน่าสงสัย งั้นหลี่เทียนิที่อยู่ในที่เกิดเหตุเช่นกันก็ต้องน่าสงสัยเหมือนกัน เพียงแต่ความรู้สึกว่าเขามีอยู่ต่ำเกินไป จ้าวอี้จึงมองข้ามคนคนนี้ไป
“เกี่ยวกับการจัดการสามคนนี้ พาพวกเขาคุมตัวไปจับตามองนั้นไม่เหมาะสม เอาอย่างนี้ ส่งหนังสือไปแจ้งฉบับหนึ่ง ไม่ให้่นี้หลี่เยว่หรูสองพี่น้องออกจาก HK สำหรับคุณโจวเหวินิ ฉันจะแจ้งทางแผ่นดินใหญ่ ให้มาที่นี่ตรงเวลาตอนขึ้นศาล”
อี้เกอไม่กังวลว่าโจวเหวินิจะหลบหนีแม้แต่น้อย
นี่ไม่ใช่เื่ชัดเจนเหรอ ถ้าหลบหนี ก็หมายถึงมีปัญหาจริง และข้อสรุปการขึ้นศาลจะเป็ยังไง จะเลือกยังไง มองดูครั้งเดียวก็เข้าใจ
เหมือนกันกับหลี่เยว่หรู เธอหาทนายโดยเฉพาะคนหนึ่ง ระหว่างการฆ่าคนโดยเจตนาและการฆ่าคนโดยประมาท รายงานที่สามารถเขียนได้ก็เยอะมากแล้ว