จ้าวอี้นำข้อสรุปนี้แจ้งกับเหล่าโจว เหล่าโจวถอนใจคำหนึ่ง
“ยังดี ยังดี ไม่ใช่ผลสรุปที่แย่ที่สุด ฉันยังคิดว่าต้องลองผิดลองถูกที่ห้องคุมตัวของ HK ซะอีก” เหล่าโจวพูดอย่างล้อเล่น
"คุณไม่เตรียมตัวสักหน่อย?"
“ไม่มีอะไรต้องเตรียม แค่พูดความจริงตอนฉันขึ้นศาลก็พอแล้ว ฉันขอคำแนะนำจากเพื่อนทนายเล็กน้อย เขาบอกว่าในสถานการณ์เช่นฉัน โดยปกติแล้วไม่อาจถูกตัดสินว่าไม่พบความผิด ตอนแรกฉันอยากให้เขามาฟ้องร้องคดีนี้ด้วยตนเอง แต่เขาเสนอให้ฉันหาทนายใหญ่ในท้องที่สักคน เพราะ ทนายท้องที่มีอิทธิพลในพื่นที่แน่นอน เื่จะจัดการได้ง่ายกว่ามาก อีกทั้ง กฎหมายของแผ่นดินใหย่และ HK ไม่เหมือนกัน เขาก็ไม่คุ้นเคยในด้านนี้”
เหล่าโจวเชื่อมั่นเพื่อนคนนี้มากอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางไว้ใจเต็มเปี่ยม
จ้าวอี้ก็วางใจแล้ว
“ฉันถึงฮ HK แล้ว นายอยู่ไหน? ฉันจะเรียกแท๊กซี่ไป!” เจี่ยงจาวตีโทรศัพท์มาหา สำหรับเธอแล้ว ไม่มีความคิดให้จ้าวอี้มารับที่สนามบินเลยไม้แต่น้อย และก็ไม่จำเป็ต้องทำด้วย
จ้าวอี้บอกที่อยู่
เวลาไม่นาน เจี่ยงจาวตี้ก็มาถึง
โจวเหวินิให้ช่องว่างกับพวกเขาสองคนอย่างรู้ว่าต้องทำตัวยังไง
เจี่ยงจาวตี้ในสายตาของจ้าวอี้ ยังคงเป็คนที่ท่าทางดูมีความสามารถ
ชุดทหารสีเขียว ผมสั้นเท่าใบหู ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง เดินอย่างรีบร้อน
“เป็ยังไง ่นี้สบายดีไหม? ดีสิ มาทำธุระถึง HK มีอะไรให้ฉันช่วย?” เจี่ยงจาวตี้ตบๆไหล่ของจ้าวอี้ พูดโดยไม่สนใจผู้อื่น
“ฉันสบายดี เธอไม่เปลี่ยนไปเลย คดีจัดการเสร็จแล้ว หน้าที่ของฉันก็หมดแล้ว เที่ยวเล่นใน HK กับเธอได้พอดี” ใบหน้าของจ้าวอี้มีแต่รอยยิ้ม กล้ามเนื้อค่อนข้างแข็งตึง เหมือนกับไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับความกระตือรือร้นของเจี่ยงจาวตี้ยังไง
“แก้ปัญหาแล้ว ฉันยังรีบร้อนกลัวว่าเื่ของนายจะล่าช้า ก็ดี ไม่เกี่ยวกับนายมากใช่ไหม?” เจี่ยงจาวตี้ถามอย่างใส่ใจประโยคหนึ่ง
“ไม่มีเื่ของฉัน เพียงแค่เจอเื่พอดี เบื้องบนยังไว้ใจฉันมาก ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้มีส่วนร่วมในคดีนี้ ฉันโทรศัพท์ถามดูหน่อย ว่า HK มีที่ที่มีของกินอร่อยที่เที่ยวสนุกๆไหม”
จ้าวอี้คิด โทรศัพท์หาเสี่ยวหลิน เวลานี้ความสัมพันธ์ของเขาและเสี่ยวหลินไม่เลว เขายังเป็คนท้องที่ ต้องรู้สิ่งพิเศษของ HK แน่
สำหรับว่าทำไมถึงไม่โทรถามฉือผิงฮุย คนอย่างเขายุ่งมาก ถามไปก็เปล่าประโยชน์
เสี่ยวหลินบอกสองสามที่กับจ้าวอี้ จ้าวอี้จำเอาไว้
“พอดีเลย ได้ยินเพื่อนบอกว่า ตอนเย็นมีการแข่งม้า ไปลองดูไหม?”
จ้าวอี้ออกความเห็น เจี่ยงจาวตี้พูดแบบยังไงก็ได้ “ได้สิ ได้ยินมาว่าการแข่งม้าของ HK มีชื่อเสียงมาก มาแล้วจะไม่ดูได้ยังไง?”
ที่จริง การแข่งม้าของ HK ค่อนข้างโด่งดัง ถ้ามาเที่ยวที่นี่ การแข่งม้าจึงเป็โปรแกรมที่ขาดไม่ได้
สองคนนั่งรถไฟฟ้าไปลงรถที่คอสเวย์เบย์ คือคอสเวย์เบย์ที่โด่งดังจากภาพยนตร์นั่น หัวหน้าแก๊งคอสเวย์เบย์คือใครคงไม่ต้องบอก สำหรับเหตุผลที่ไม่เรียกแท๊กซี่ เพราะนั่งรถไฟฟ้านั้นรวดเร็วกว่า
ระยะทางห่างจากที่แข่งม้าอีกครึ่งชั่วโมง จ้าวอี้สองคนไม่เร่งรีบ เดินไปทางที่แข่งม้าราวกับเดินเล่น
ระหว่างนี้ เจี่ยงจาวตี้ยังซื้อแกงกะหรี่ลูกชิ้นปลาสองชุด กินอย่างมีความสุข
“ทำไมเธอยังใส่ชุดทหารอีก เสียดายใช่รึเปล่า?” จ้าวอี้พูดพลางหัวเราะ
“เปล่า เพียงแต่ฉันไม่มีชุดอื่น ตอนมาก็รีบมาก อีกทั้ง ฉันเคยชินกับชุดทหารนี่แล้ว” เจี่ยงจาวตี้ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
อารมณ์ของจ้าวอี้กลับไม่ได้ดีอะไร
เจี่ยงจาวตี้อยู่ใน่อายุที่รุ่งโรจน์ของหญิงสาว กลับสวมชุดทหารอยู่ตลอด ชุดทหารนั้นดูดี นี่ไม่ผิด แต่ใส่ตลอดเช่นนี้ ทำให้จ้าวอี้รู้สึกค่อนข้างปวดใจ
ฝืนยิ้มออกมา จ้าวอี้พูด “รอดูแข่งม้าจบ ฉันจะไปซื้อเสื้อผ้าสักสองชุดกับเธอ? ใส่ชุดทหารแบบนี้ จะเที่ยวเล่นก็เล่นไม่สนุก!”
"ได้เลย! นายพูดเองนะ"
เจี่ยงจาวตี้ตอบตกลงในทันที
สวมชุดทหารไม่สะดวกจริงๆ แม้ว่าเจี่ยงจาวตี้จะถอดยศทหารแล้ว แต่ในฐานะที่เคยเป็ทหาร สวมชุดเช่นนี้ ทุกท่าทางของเธอจึงยังคงทำตามมาตรฐานกองทัพโดยจิตใต้สำนึก อย่างเช่นถ้าไปสถานที่เช่นบาร์อะไรพวกนี้ สวมชุดทหารอาจไม่เหมาะสม
แต่ที่แข่งม้ากลับไม่ต้องใส่ใจ ที่นี่มีชนชั้นสูงแต่งตัวดูดีมากมาย และมีคนธรรมดาที่แต่งตัวตามใจเช่นกัน
ค่าบัตรถูกมาก คนทั่วไปก็สามารถจ่ายไหว การแข่งม้าที่นี่เป็กีฬาประจำชาติของ HK คนจำนวนมากไม่มีอะไรก็ซื้อลอตเตอรี่แข่งม้า
จ้าวอี้สองคนเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม พวกเขาไม่รู้ว่าเล่นยังไง ดังนั้นจึงเลือกวิธีเล่นที่ง่ายที่สุด คือเดาว่าม้าตัวไหนจะวิ่งนำเป็สามอันดับแรก แน่นอนเงินเดิมพันก็น้อยมาก
อย่างไรก็เป็เพียงความบันเทิง
ต้องรู้ว่า การเดิมพันลอตเตอรี่ม้ามีเกินพันล้าน ไม่ใช่หนึ่งล้าน แต่เป็พันล้าน เห็นได้ชัด ถึงระดับความนิยมในกีฬานี้
ทุกเดือน การแข่งม้าต่างมีธีมหนึ่งธีม ซึ่งเป็ที่นิยมมาก
เมื่อม้าแข่งออกจากคอก บรรยากาศสนามแข่งม้าถึงจุดสุดยอดในทันที ตามปกติผู้คนที่งดงามต่างก็ะโเชียร์เสียงแหบแห้งเช่นกัน เจี่ยงจาวตี้ก็ได้รับผลจากบรรยากาศในที่นี้ ร้องเชียร์เสียงดังให้กับม้าที่ตนเองพนันไว้
“ถูกแล้ว ถูกแล้ว!“
เจี่ยงจาวตี้มองม้าพุ่งเข้าเส้นชัย กอดจ้าวอี้และโหวกเหวกเสียงดังด้วยความดีใจ!
“ยินดีด้วยๆ!”
จ้าวอี้ก็มีความสุขเช่นกัน สองคนไม่ได้ซื้อหมายเลขเดียวกัน เจี่ยงจาวตี้ถูก เขาไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางให้เขามีความสุขกับเจี่ยงจาวตี้
วิธีเล่นที่ง่ายที่สุดย่อมได้เงินรางวัลไม่มาก ที่นั่นมีจุดแลกเงิน
สองคนต่อแถวแลกรางวัลพูดคุยอย่างสนุกสนาน ดูออกว่าเจี่ยงจาวตี้มีความสุขมาก
ทันใดนั้น ด้านหน้าก็เกิดความโกลาหล!
“เอาเงินออกมา เร็วๆ!”
ในมือเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งหยิบมีดหั่นผักชูขึ้นสูงๆข่มขู่พนักงานแลกรางวัลด้านหน้า
“ตอนแรกยังดีใจ แต่กลับเจอเื่แบบนี้!” เจี่ยงจาวตี้ไม่ดีใจแล้ว ้าไปข้างหน้าลงมือหยุดยั้งเด็กคนนี้
ในสายตาของเธอ ถือมีดหั่นผักหรือไม่มีอาวุธก็ไม่แตกต่างกัน
“อย่าขยับ เธอดูดีๆ”
จ้าวอี้ดึงเธอไว้ ชี้ไปที่รอบด้าน เจี่ยงจาวตี้มองอย่าละเอียด และพบความระแคะระคายอย่างหนึ่ง วัยรุ่นสองสามคนสวมชุดธรรมดาอยู่รอบด้านนิ่งเงียบไม่พูดจา ส่วนเอวของวัยรุ่นเหล่านี้นูนๆ เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งของบางอย่าง
“เร็วหน่อย! เร็วหน่อย!” วัยรุ่นเร่งเร้าอย่างวุ่นวายใจ คอยโบกมือไปที่ด้านหลังอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้
แต่ คนใส่ชุดลำลองที่ล้อมเข้ามาเล็งหาโอกาส แล้วจับแขนของเขา จับเขาล้มลงกับพื้น ขณะเดียวกันก็ใส่กุญแจมือไว้
“ไม่เป็ไรแล้วๆ ทุกคนทำต่อไป!” พนักงานะโสองคำด้วยท่าทางใจเย็น เริ่มทำงานต่อ
“เห็นรึยัง พนักงานที่นี่วุ่นวายขนาดนี้ เงินสดหมุนเวียนมากขนาดนี้ จะไม่มีกำลังรักษาความปลอดภัยได้ยังไง ฝีมือของคนเหล่านี้ไม่เลวจริงๆ” จ้าวอี้พูดพลางหัวเราะ ในสายตาของเขา ฝีมือของตำรวจที่จัดการได้อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยต่างอยู่ในระดับที่ไม่เลว
“จ้าวอี้ ไม่เลว ฉันคิดว่าการสังเกตของนายสุดยอดไปเลย ฉันยังคิดว่านายจะถดถอยหลังจากออกจากกองทัพ” เจี่ยงจาวตี้มองพิจารณาจ้าวอี้ขึ้นๆลงๆ พูดติดตลก
“ทำไมไม่เรียกหัวหน้าแล้ว?”
จ้าวอี้เบ้ปาก ผู้หญิงคนนี้ทำตามใจตัวเองเรื่อยๆแล้ว
เจี่ยงจาวตี้จงใจแน่นอน เมื่อก่อนเรียกหัวหน้าเพราะสนิท ตอนนี้เรียกชื่อตรงๆ ก็เป็เหตุผลเดียวกัน
แลกรางวัลเสร็จ พวกเขาสองคนก็เดินทอดน่อง แน่นอนว่ามีที่หมาย คือซื้อเสื้อผ้า
“ร้านนี้ไม่ได้ มีแต่กระโปรง ฉันใส่กระโปรงไม่ได้แน่นอน”
ร้านแรก ยังไม่ทันเข้าไป ก็ถูกเจี่ยงจาวตี้ปฏิเสธแล้ว
“มีอะไรไม่ได้?”
“ครั้งล่าสุดที่ฉันใส่กระโปรงตอนไหนกัน ฉันลืมไปหมดแล้ว ไม่งั้นชุดกีฬา ไม่งั้นก็กางเกงยีนส์และเสื้อลำลองเถอะ อย่างอื่นฉันไม่เหมาะจริงๆ”
สีหน้าของเจี่ยงจาวตี้ดูไม่ค่อยดี เธอจินตนาการถึงท่าทางตนเองสวมกระโปรง ตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ นำความคิดเช่นนี้กำจัดออกจากสมองอย่างเด็ดขาด
“งั้นพวกเราไปดูด้านหน้าต่อ”
ที่จริงในใจจ้าวอี้อยากเห็นเจี่ยงจาวตี้สวมกระโปรงมาก แต่ดูสีหน้าเจี่ยงจาวตี้ จึงล้มเลิกความคิดนี้
ร้านต่อไปเจี่ยงจาวตี้รู้สึกไม่เลว เลือกขนาดที่เหมาะสม เปลี่ยนชุดในห้องลอง จ่ายเงินแล้วจากไป ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไปสิบนาที พูดได้ว่าไม่อืดอาดยืดยาดแม้แต่น้อย
จ้าวอี้ถือถุงใส่ชุดทหารของเจี่ยงจาวตี้ สองคนเดินเล่นอยู่บนถนนของ HK
เมื่อเปลี่ยนชุดแล้ว สายตาแปลกประหลาดรอบด้านก็น้อยลงมาก ทำให้เจี่ยงจาวตี้สบายขึ้นมาก
“ดึกแล้ว คืนนี้เธอพักที่ไหน?”
“เธอเหนื่อยแล้ว? ไม่งั้นเปิดห้องสักห้องในโรงแรมนั้นที่ฉันอยู่เถอะ”
“ได้! เหนื่อยน่ะไม่เหนื่อย กลางคืนสามารถไปที่ไหนได้อีก?” เจี่ยงจาวตี้ตกลง
นั่งเครื่องบินสำหรับคนทั่วไปจำเป็ต้องปรับตัว สำหรับเจี่ยงจาวตี้ กลับไม่จำเป็
“คืนนี้จะทานอาหารกับเหล่าโจว ไม่งั้นคืนนี้พวกเราค่อยไปเดินเล่นที่บาร์?”
จ้าวอี้เสนอความเห็น เจี่ยงจาวตี้ตื่นตัวขึ้นทันที ถามขึ้น “นายมา HK เคยไปบาร์? สาวๆข้างในสวยมากล่ะสิ?”
“ฉันมีเวลาไปบาร์ที่ไหน? ไม่เคยไปจริงๆ นี่เป็ความเห็นของเพื่อนคนนั้นที่ถามเมื่อครู่ ธรรมเนียมบาร์ของ HK ค่อนข้างโด่งดัง”
จ้าวอี้มองเจี่ยงจาวตี้อย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อธิบายไปประโยคหนึ่ง
“ไม่ไป ที่นั่นมีอะไรดี อยากดื่มเหล้าพวกเราแค่หาร้านอาหารสักร้านก็พอแล้ว” เจี่ยงจาวตี้มองดูตนเอง และคิดดู ปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้อย่างเด็ดขาด
จ้าวอี้ย่อมตกลง
เพิ่งถึงโรงแรม ก็เห็นเหล่าโจวเดินไปเดินมาอย่างกังวลอยู่ที่แผนกต้อนรับ
“นายกลับมาก็ดี ที่สำนักงานเกิดเื่ โทรหานายไม่ติด” ดวงตาเหล่าโจวเป็ประกาย พูดอย่างรีบร้อน
“เกิดเื่อะไรขึ้น? โทรศัพท์ผมแบตหมด”
“ตอนแรกตำรวจที่ัักับกระจกทองแดงในคดีคฤหาสน์ซีซานต่างเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น พวกเราต้องรีบกลับไป นอกจากนั้น ในคดีนี้ยังพบกระจกทองแดง พวกเราก็ต้องคุ้มกันมันกลับไป คนธรรมดาแตะต้องกระจกทองแดงนี้อันตรายเกินไป ใช่แล้ว นายก็ต้องระวัง นายก็ัักระจกบานนี้มาก่อนเช่นกัน แม้ว่าสามเณรจะบอกว่าชะตาของนายแข็งมาก ถึงไม่กลัว แต่ก็ต้องดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท”
จ้าวอี้พยักหน้า “งั้นพรุ่งนี้พวกเรานั่งเครื่องบินเที่ยวแรกกลับไปเถอะ”
พูดจบ เขาก็มองเจี่ยงจาวตี้อย่างขอโทษ “ขอโทษ ตอนแรกบอกว่าจะเที่ยวเล่นใน HK กับเธอ อีกเดี๋ยวก็เที่ยวเล่นไม่ได้แล้ว”
เจี่ยงจาวตี้พูดอย่างไม่ใส่ใจ “งานสำคัญ นี่ไม่เป็ไร เมื่อก่อนพวกเราอดหลับอดนอนหลายคืนก็มีเป็ประจำ? กระจกทองแดงที่พวกนายพูดมีความหมายอะไร?”
ในใจเธอไม่สนใจจริงหรือแสร้งเป็ไม่สนใจ ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอกังวลความปลอดภัยของจ้าวอี้มาก
“คราวนี้จะอธิบายกับเธอ พวกเราออกไปกินข้าวก่อนเถอะ”
อาหารมื้อนี้จบลงอย่างลวกๆ สามคนต่างหนักใจไม่มีอารมณ์ดื่มเหล้า
กลับถึงโรงแรม เจี่ยงจาวตี้ไม่ได้กลับไปห้องของตนเอง แต่ไปที่ห้องของจ้าวอี้ “ตอนนี้ไม่มีใคร นายพูดมาเถอะ”
จ้าวอี้นำเื่พูดอย่างคร่าวๆรอบหนึ่ง แน่นอนว่าตามกฎแล้วต้องเก็บเป็ความลับ แต่นี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครถามไม่ใช่เหรอ?
“ฟังนายพูดแบบนี้ กระจกทองแดงนี้เลวร้ายจริงๆนะ? จริงหรือหลอก? เกินจริงขนาดนี้?”
เจี่ยงจาวตี้ตกอยู่ในความคิด
“เขาไม่ได้พูดว่าอุบัติเหตุเหรอ? อาจเป็เพียงเื่บังเอิญ ประสบการณ์ของเราก็นับว่าล้นเหลือ ก็ไม่เคยพบเื่เช่นนี้?” จ้าวอี้ยังคงมีใจสงสัยอย่างมากต่อเื่เช่นนี้