ยามนี้สตรีแซ่โจวรู้ดีแก่ใจดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ ต่อให้ไปถึงในเมืองแล้วตามหาท่านหมอย่อมต้องเสียเวลาบุรุษของตนอาจทนไม่ถึงยามนั้น ยิ่งไปกว่านั้นบางทีท่านหมอในเมืองอาจไม่สามารถรักษาได้
นางกำชายกระโปรงของอวี๋เจียวเอาไว้แน่นเอ่ยทั้งน้ำตาไหลพราก “แม่นางเมิ่ง เ้าลองดูเถิด ช่วยไม่ได้ข้าก็ไม่โทษเ้า”
อวี๋เจียวหันไปมองทางผู้เฒ่าอวี๋เอ่ยถามออกเสียงว่า “มีเข็มเงินหรือไม่? ขอข้ายืมสักหน่อย”
ไม่รอให้ผู้เฒ่าอวี๋ได้สตินางหันไปเอ่ยกับสตรีแซ่โจวอีกครั้งว่า “ท่านดึงข้าไว้เช่นนี้ข้าจะตรวจอาการบุรุษของท่านได้อย่างไร?”
สตรีแซ่โจวรีบปล่อยมือทันใด
ผู้เฒ่าอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอวี๋เจียวคิดจะตรวจอาการให้โจวไหวเดิมทีอาการม้าทะยานลมคืออาการที่ไม่อาจรักษาเมิ่งอวี๋เจียวรู้วิชาแพทย์เสียเมื่อใดกัน? หากคนผู้นี้ตายในสกุลอวี๋ของเขาจริงๆเมื่อแพร่งพรายออกไปจะต้องบอกว่าเขาผู้เฒ่าอวี๋หรูไห่ผู้นี้ให้การรักษาจนคนตายแน่นอนภายหน้าจะยังมีผู้ใดมาให้รักษาอีก?
ภรรยากล่าวเอาไว้ไม่ผิดเมิ่งอวี๋เจียวผู้นี้เป็ตัวหายนะจริงๆ!
อวี๋หรูไห่โมโหจนเครากระตุกไม่อยากไปเอาเข็มเงินมาให้อวี๋เจียว สตรีแซ่โจวคุกเข่าต่อหน้าอวี๋หรูไห่อีกครั้งเอ่ยพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “ท่านลุงอวี๋ ท่านรีบไปเอาเข็มเงินออกมาเร็วเข้าบุรุษของข้าไม่อาจรีรอ!”
อวี๋หรูไห่หันไปจ้องอวี๋เจียวชั่วครู่เขาสะบัดชายแขนเสื้อ เข้าไปเอาเข็มเงินในห้องแล้วโยนไปให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียวยกเชิงเทียนบนโต๊ะขึ้นมาเดินตรงไปยังโจวไหวที่หมดสติไม่รู้เื่รู้ราวส่งเชิงเทียนไปให้บุตรชายคนโตสกุลโจวถือไว้ หลังใช้มือเปิดเปลือกตาของโจวไหวออกดูพบว่าปรากฏสีแดงเข้มอมม่วงจึงไม่รีรออีกต่อไปนางรีบเปิดกระเป๋าใส่เข็ม หยิบเข็มเงินเล่มหนาหนึ่งเล่มออกมาลนไฟจากนั้นจิ้มลงไปบนปลายนิ้วทั้งสิบของโจวไหวอยู่หลายครั้ง
ผู้เฒ่าอวี๋เห็นท่าทางจับเข็มของอวี๋เจียวแลดูใช้ได้ภายในดวงตาฉายแววสงสัย หรือว่านางรู้วิชาการรักษาจริงๆ?
นิ้วทั้งสิบของโจวไหวมีหยดเืซึมออกมาหยดเืไหลจากปลายนิ้วลงสู่พื้น
ชายหนุ่มสองคนจากสกุลโจวพึมพำว่า“นางเป็สตรีจะรู้วิชาการรักษาจริงหรือ? มีหมอที่ใดทำให้คนเืออกอย่าบอกว่ารักษาไม่ได้ผลแล้วกลายเป็ทำร้ายลุงไหว”
ลูกชายคนโตของสกุลโจวเต็มไปด้วยความสงสัยไม่เคยได้ยินว่ามีสตรีนางใดรู้วิชาการรักษา เกรงว่ามารดาของเขาจะใจนเลอะเลือนไปเสียแล้วนึกไม่ถึงว่าจะให้สตรีที่แต่งเข้ามาเสริมมงคลตรวจอาการนอกจากนั้นยังกล่าววาจาเหลวไหลว่ารักษาไม่ได้จะไม่ถือโทษเขาดึงชายแขนเสื้อสตรีแซ่โจว กระซิบเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ท่านเสียสติไปแล้วหรือ? เมิ่งอวี๋เจียวรู้วิชารักษาเสียเมื่อใด?”
ครอบครัวใหญ่และครอบครัวรองพึ่งจะมาถึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วภายในห้องเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นอวี๋เจียวฝังเข็มให้โจวไหวไม่ใช่ผู้เฒ่าในครอบครัวของตน ต่างพากันมองอย่างประหลาดใจ
อวี๋เจียวรู้ว่าตนไม่อาจเรียกใช้ผู้ที่อยู่ภายในห้องได้เมื่อเห็นอวี๋ฉี่เจ๋อเดินมาจึงเงยหน้าขึ้นเอ่ยทั้งรอยยิ้มกับเขาว่า “พี่ห้าในบ้านมีชงไป๋[1]หรือไม่? รบกวนท่านนำชงไป๋จำนวนหนึ่งไปคั่วให้ร้อนแล้วเอามาให้ข้าที”
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่เคยเข้าห้องหุงต้มสตรีแซ่ซ่งกลัวว่าเขาจะทำได้ไม่ดี นางรีบเอ่ยขึ้นว่า “ในเรือนมี ข้าจะไปทำให้เอง”กล่าวจบก็รีบเดินไปทางห้องหุงต้ม
ผู้เฒ่าอวี๋ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าชงไป๋สามารถใช้รักษาคนใบหน้าของเขาดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม ลอบคิดในใจว่าอวี๋เจียวแอบก่อเื่เสียเเล้วครั้นกำลังจะปริปากตำหนิ ในยามนี้ผู้ที่นอนไม่รู้เื่รู้ราวอยู่บนบานประตูเช่นโจวไหวกลับส่งเสียงหอบหายใจออกมา
เสียงหายใจนี้ทั้งยาวทั้งกระชั้นราวกับขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในประตูิญญา แต่ทันใดนั้นถูกกระชากิญญากลับคืนมา
จากนั้นโจวไหวค่อยๆเปิดเปลือกตาหลังได้สติ เพียงแต่แขนขาทั้งสี่ยังคงแข็งทื่อ ราวกับปากถูกปิดผนึกไม่ฟังคำสั่ง ไม่อาจเอ่ยวาจาออกมาได้
คนสกุลโจวทั้งประหลาดใจระคนยินดีทั้งร้องไห้ทั้งเผยยิ้มออกมา เพราะต่างไม่คิดว่าโจวไหวจะได้สติเร็วถึงเพียงนี้
“สามี ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ทำเอาข้าใแทบตาย!”สตรีแซ่โจวดวงตาแดงก่ำพลางนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายโจวไหวความตึงเครียดถูกผ่อนคลายลงในทันใด
สีหน้าของผู้เฒ่าอวี๋และฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋ที่อยู่ด้านข้างต่างแฝงความหมายลึกซึ้งเพราะคนทั้งสองคิดไม่ถึงว่าอวี๋เจียวจะจับพลัดจับผลูช่วยชีวิตโจวไหวเอาไว้ได้จริงๆโดยเฉพาะผู้เฒ่าอวี๋ เมื่อครู่ย้ำนักย้ำหนาว่าการตายคาอกไม่อาจรักษาได้ยามนี้เมิ่งอวี๋เจียวกลับรักษาได้สำเร็จ ทำให้ใบหน้าชรารู้สึกค่อนข้างอับอาย
“คั่วชงไป๋เสร็จแล้ว” สตรีแซ่ซ่งได้ยินเสียงร้องไห้ขณะอยู่ในห้องหุงต้มเดิมทีคิดว่าบุรุษสกุลโจวไม่ไหวแล้วจึงรีบยกชงไป๋เข้ามา
อวี๋เจียวบอกใบ้ให้สตรีแซ่โจวรับชงไป๋ไปก่อนเอ่ยว่า “นำชงไป๋วางไว้ใต้สะดือบุรุษของท่านในระยะสองนิ้วเ้าค่ะ”
สตรีแซ่โจวรีบทำตาม
อวี๋เจียวเอ่ยกับสตรีแซ่ซ่งว่า“ในบ้านมีต้นซานชี[2]หรือไม่เ้าคะ?”
สตรีแซ่ซ่งพยักหน้า“มี”
“เอาต้นชงไป๋สองต้นกับซานชีสิบสลึงไปต้มด้วยสุราเ้าค่ะ” อวี๋เจียวเอ่ย
สตรีแซ่ซ่งรีบไปยังห้องฝั่งตะวันตกเพื่อหยิบต้นซานชีมุ่งหน้าไปยังห้องหุงต้มเพื่อต้มน้ำแกงสมุนไพรตามที่อวี๋เจียวบอก
อวี๋เจียวมองอวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยว่า “พี่ห้า มีกระดาษและพู่กันหรือไม่? ให้ข้ายืมใช้สักหน่อย”
อวี๋ฉี่เจ๋อจดจ้องมองนางชั่วครู่ก่อนจะกลับไปเอากระดาษและพู่กันในห้องจากนั้นวางคลี่กระดาษไว้บนโต๊ะให้เรียบร้อย
อวี๋เจียวหาม้านั่งมานั่งตรงหน้าโต๊ะหยิบพู่กันขึ้นมา จุ่มน้ำหมึกเล็กน้อย จรดพู่กันก้มหน้าก้มตาเขียนผู้เฒ่าอวี๋ชะโงกเข้าไปดู พยายามวิเคราะห์อย่างสุดความสามารถแต่กลับอ่านออกเพียงคำว่าเปลือกรากต้นโบตั๋นเท่านั้น
“เ้ากำลังเขียนเทียบยา?” ผู้เฒ่าอวี๋เอ่ยถาม
อวี๋เจียวหยักหน้า
ผู้เฒ่าอวี๋ลูบเคราครุ่นคิดภายในใจครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ลายมือของเ้าน่าเกลียดเกินไปหากนำออกไปหาสมุนไพรข้างนอก ท่านหมออ่านไม่เข้าใจ จัดยาผิดขึ้นมาคงจะเกิดเื่”
อวี๋เจียวชะงักปลายพู่กันบนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความอับอาย นางเกิดมาในสกุลแพทย์แผนโบราณถูกท่านปู่บังคับให้ฝึกคัดอักษรั้แ่เด็ก แต่ั้แ่ต้นจนจบลายมือก็ยังไม่ต่างจากหนอนคลานไม่มีรูปร่าง อีกทั้งยังไม่มีความตั้งใจ ถูกท่านปู่ดุด่าเป็ชุดไม่น้อยครั้งเมื่อก่อนมักจะเป็ศิษย์พี่ใหญ่ที่ช่วยเขียนเทียบยาให้นางตลอด
อวี๋เจียวเงยหน้ามองไปทางอวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยเอาใจด้วยทั้งรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ห้า...”
แต่กล่าวไม่ทันจบกลับถูกผู้เฒ่าอวี๋ขัดจังหวะเสียก่อน
“ข้าจะเขียนเทียบยาเอง” สิ้นเสียง เขาชิงพู่กันไปจากมือของอวี๋เจียว
อวี๋เจียวหัวเราะเสียงเบาเห็นถึงเจตนาของผู้เฒ่าอวี๋อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ไม่ได้ถือสาเขาเอ่ยอย่างเอ้อระเหยว่า “โกวเถิง[3] สือเจวี๋ยิ[4]และหลงต่านเฉ่า[5] อย่างละเจ็ดสลึงเพิ่มตันผี[6] ชางผู[7] ต่านซิง[8] น้ำไผ่สกัดและหวงฉิน[9] อย่างละห้าสลึงใช้ไฟแรงเคี่ยวเป็หนึ่งถ้วย หนึ่งวันกินสองครั้ง”
ทันทีที่พูดจบผู้เฒ่าอวี๋เขียนใบสั่งยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกว่าอวี๋เจียวช่วยโจวไหวให้ฟื้นขึ้นมาได้เพราะโชคช่วยแต่พอได้ยินอวี๋เจียวอ้าปากพลันเอ่ยเทียบยาออกมาเช่นนี้ภายในใจพลันเข้าใจแล้วว่าตนประเมินเมิ่งอวี๋เจียวผู้นี้ต่ำเกินไปแท้จริงแล้วเป็คนรู้วิชารักษา เพียงแต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสกุลเมิ่งมีคนรู้วิชาการรักษาด้วย
ผู้เฒ่าอวี๋เป่าหมึกบนกระดาษจนแห้งแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า "ไม่เลว สมกับที่ข้าสั่งสอนจริงๆจัดเทียบยานี้ได้ถูกต้องยิ่งนัก"
วาจาเพียงหนึ่งประโยคได้เอาความดีความชอบที่อวี๋เจียวชำนาญในการรักษาไปไว้กับเขาจนหมดสิ้น
อวี๋เจียวเม้มปากเล็กน้อยภายในใจมีแผนการอื่นจึงไม่ได้เปิดเผยเจตนาของผู้เฒ่าอวี๋
อวี๋หรูไห่หยิบเทียบยาที่เขียนเอาไว้แล้วลุกขึ้นยืนเอ่ยกับสตรีแซ่โจวว่า "ข้ามีสมุนไพรส่วนใหญ่ในเทียบยานี้ส่วนหลงต่านเฉ่ากับต่านซิงสองอย่างนี้ เ้ายังต้องไปตามหาที่ร้านขายยาในเมือง"
"ลุงอวี๋ ถ้าเช่นนั้นท่านช่วยจัดยาให้ข้าเถิด" สตรีแซ่โจวกล่าว
"เ้าตามข้ามา"อวี๋หรูไห่ถือเทียบยาและพาสตรีแซ่โจวไปทางยังห้องทิศตะวันตกเพื่อหาสมุนไพร
สตรีแซ่ซ่งถือน้ำแกงสมุนไพรชงไป๋และซานชีเดินเข้ามาอวี๋เจียวไม่รับเอาไว้ส่งสัญญาณให้บุตรชายคนโตของสกุลโจวป้อนโจวไหวที่นอนอยู่บนพื้น
เชิงอรรถ
[1] ชงไป๋คือหัวของต้นหอม(葱白)หอมรสเผ็ดฤทธิ์อุ่น เข้าสู่เส้นลมปราณปอด ม้าม มีสรรพคุณขับเหงื่อ และลมเย็น ป้องกันหวัด
[2] ต้นซานชีคือสมุนไพรจีน คัมภีร์“เปิ่นเฉ่ากังมู่” (本草纲目) ได้ยกย่องยาสมุนไพร ซานชี เป็สมุนไพรที่มีคุณค่าถึงขั้น“เอาทองคำมาแลกยังไม่ให้” (金不换) ทั้งยังกล่าวถึงสรรพคุณของยาว่า“สามารถบำรุงเมื่อถูกทุบตีมาใหม่ๆ (生打熟补) ถ้าใช้สด สามารถกระตุ้นการไหลเวียนสลายการคั่งค้างของเืลดบวมแก้ปวด รักษาาเ็จากการกระทบกระแทก ถูกทุบตีจากภายนอก ถ้าใช้แบบสุกสามารถเสริมบำรุงเืพลัง ทำให้ร่างกายแข็งแรง
[3] โกวเถิง 钩藤สรรพคุณลดหยางตับ ดับร้อนในตับ รสชาติและคุณสมบัติ รสหวาน เย็นเล็กน้อย เข้าสู่เส้นลมปราณตับถุงหุ้มหัวใจ ปริมาณที่ใช้ 3 – 15 กรัม
[4] สือเจวี๋ยิ สรรพคุณ ลดหยางตับ ดับร้อนในตับ รักษาตา รสชาติและคุณสมบัติรสเค็ม เย็น เข้าสู่เส้นลมปราณตับ ปริมาณที่ใช้ 3 – 15 กรัม
[5] หลงต๋านเฉ่า Lónɡ Dǎn Cǎo มีรสขมฤทธิ์เย็น เข้าเส้นลมปราณตับ ถุงน้ำดี ส่วนที่ใช้ส่วนมากจะใช้รากในการปรุงยา
[6] ตันผี丹皮 จีนกลางตันผี แต้จิ๋ว ตังพ้วย (ไทย เปลือกรากโบตั๋น) รสขมอมเผ็ด เย็น เล็กน้อยระบายความร้อน ทําให้เืเย็น กระจายเืเสียทําให้การไหลเวียนของเืดีขึ้น ส่วนมากแล้วตันผีมักจะใช้เป็ยาช่วยและเสริมการรักษาในตำรับยามีสรรพคุณสองทางคือเดินเืก็ได้ ห้ามเื(เนื่องจากกำเดากระทำ)ก็ได้
[7] ชางผู (菖蒲) เป็พืชในสกุล Acoruscalamus มีหลากหลายสายพันธุ์ั้แ่ขนาดใหญ่ไปจนถึงเล็กมาก ๆมีสรรพคุณทางยาที่เด่นชัด ในตำราเปิ่นเฉ่ากังมู่ (本草纲目) ของท่านหลี่สือเจินในสมัยิที่รวบรวมสรรพคุณทางยาสมุนไพรเอาไว้ก็มีบันทึกว่าชางผู่นั้นเหง้ามีรสขมสรรพคุณขับลม ทำให้เืไหลเวียน แก้อาการลำไส้อักเสบในประเทศไทยเป็กลุ่มเดียวกับพวกว่านน้ำ, ว่านน้ำเล็กซึ่งอยู่ในสกุล Acorus เหมือนกันในจีนนอกจากจะใช้เหง้าของชางผู่มาทำยายังนำใบของพืชชนิดนี้มาเป็ส่วนประกอบของเครื่องหอมกำยานเพื่อไล่แมลงกำจัดกลิ่นอับ
[8] ต่านซิงคือเป็ตัวยาที่เตรียมจากเทียนหนานซิง 天南星ซึ่งเป็เหง้าที่ผ่านการฆ่าฤทธิ์(เผ้าจื้อ) และทำให้แห้งของพืชที่มีชื่อโหราน้ำเต้า ช่วยระบายความร้อน ขับและละลายเสมหะที่ร้อนจัดลดอาการสะดุ้ง ผวาและดับลม
[9] หวงฉินคือชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่ง รากสีเหลืองทางแพทย์จีนนำมาใช้เป็ยาแก้ร้อนใน