หรงหว่านซีคล้ายได้ยินเสียงเรียก“พี่รอง” สองคำนี้มาข้างหน้า
เสียงเอะอะโวยวายรอบข้างค่อยๆเงียบลงราวกับทุกคนกำลังกลั้นหายใจฟังสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้าเช่นเดียวกับหรงหว่านซีในยามนี้
ครั้นนางได้ยินเฉินอ๋องเอ่ยคำว่า“พี่รอง” หัวใจที่เดิมทีสงบเงียบถึงกับวูบไหวทันใด
ยามนี้หน้าขบวนรับตัวเ้าสาวถูกกองทหารสวมเสื้อเกราะราวหนึ่งร้อยนายล้อมปิดถนนหนทางข้างหน้าอย่างหนาแน่น
ผู้นำหน้าทัพคือบุรุษสวมเสื้อเกาะสีเงินบนหลังม้าสีพุทราจีนใบหน้าหล่อเหลา แลดูสูงสง่า
ในมือของเขาถือกระบี่ยาวหนึ่งเล่มโดยที่กระบี่ล้ำค่าเล่มนั้นยังไม่ถูกชักออกจากฝัก
เขามองเ้าบ่าวสวมชุดมงคลสีแดงตรงหน้าแล้วเอ่ย“ถนนสายนี้ หากเ้าจะผ่านไป ย่อมได้... แต่เกี้ยวเ้าสาวข้างหลังเ้าเปิ่นหวางจะเอาไปด้วย...”
ครั้นได้ยินเขาแทนตนเองว่า“เปิ่นหวาง” และดูจากการแต่งกายเช่นนี้ของเขาทันใดนั้นมีเสียงร้องด้วยความใดังมาจากฝูงคนว่า “คือหลิงอ๋อง!หลิงอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะมาชิงตัวเ้าสาวแล้ว!”
ภายในใจของหรงหว่านซียิ่งตื่นตระหนก
แต่หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีพลันกลับคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม
ใช่แล้วหากได้ยินข่าวว่านางจะออกเรือนกับผู้อื่น จากนิสัยของเขาเขาจะต้องมาขวางงานแต่งอย่างแน่นอน
เขาเป็คนเด็ดขาดกล้าหาญ และรู้จักคิดวางแผนมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าเื่ความรักเขากลับเป็คนกลายดื้อรั้นและบุ่มบ่ามยิ่งนัก
เขาไม่มีทางเสียเวลาสงบสติอารมณ์ชั่วคราวเพื่อคิดวางแผนเพราะสำหรับเื่ความรัก เขาไม่อาจปล่อยให้มีฝุ่นผงในตาหากต้องปล่อยให้นางออกเรือนไปกับผู้อื่นเช่นนี้ เขาทำไม่ได้
เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม“พี่รอง คำกล่าวนี้ของท่าน เหตุใดน้องจึงฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก? ในเกี้ยวเ้าสาวคือพระชายาที่เปิ่นหวางได้รับสมรสพระราชทานจากไทเฮาหากเอาเกี้ยวเ้าสาวนี่ให้ท่านเสียแล้ว พระชายาของเปิ่นหวางจะนั่งอะไรเล่า?”
ทันทีที่เห็นหลิงอ๋องแสดงท่าทีเช่นนี้เขาจึงรู้ทันทีว่าพี่รองคิดจะทำอะไรแต่เขาไม่อยากให้เื่นี้กลายเป็เื่ไม่น่าดูนักเพราะถึงอย่างไรก็ยังอยู่บนถนนใหญ่ยามกลางวันแสกๆจะดีเสียกว่าหากควรแก้ไขเื่นี้อย่างประนีประนอม ส่วนเื่การมาขวางทางในวันนี้วันหลังพวกเขาสองพี่น้องค่อยไปพูดคุยกันต่อหน้า ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า“พี่รองมีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? น้องกำลังรับเ้าสาวกลับจวนไม่อาจพลาดฤกษ์งามยามดี ท่านพี่รองโปรดเปิดทางจะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
แต่เขานึกไม่ถึงว่าหลิงอ๋องจะกล่าวเช่นนี้ส่วนคำกล่าวของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเกรงอกเกรงใจไม่น้อย
เขารู้ว่าพี่รองไม่ใช่คนมุทะลุบุ่มบ่ามไร้เหตุผลยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่คนใจร้อนทำอะไรโดยไม่สนใจส่วนรวมเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบแต่วันนี้กลับเป็อะไรไป?
เฉินอ๋องหันกลับไปมองด้านหลังไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่รองรักผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเ้าสาวนั่น รักมากเสียจนยอมทำเื่ไม่สมควรเพราะนางกลายเป็ที่น่าตลกขบขัน แม้จะถูกฮ่องเต้กริ้วโกรธก็ไม่นึกเสียใจ
“น้องสามเ้าอย่าได้แสร้งเลอะเลือน ผู้ที่อยู่ในเกี้ยวเ้าสาวนั่นเปิ่นหวางก็จะพาไปด้วยเช่นกัน”น้ำเสียงของหลิงอ๋องเด็ดเดี่ยวและเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ใบหน้าที่เดิมทีประดับด้วยรอยยิ้มของเฉินอ๋องแปรเปลี่ยนเป็เรียบนิ่ง“พี่รอง ท่านควรจะรู้ว่าในฐานะองค์ชายบางครั้งบางคราผลลัพธ์ของการพูดผิดก็ร้ายแรงยิ่งกว่าการกระทำความผิดเสียอีก”
“พี่รองข้ารู้ว่าท่านรีบร้อนไปสะสางงานราชการเมื่อเห็นขบวนของน้องขวางทางจึงรู้สึกไม่พอใจเท่าใดนักเพราะเหตุนี้จึงเอ่ยวาจาข่มขู่น้องเพราะความโมโห น้องจะไม่เก็บไปใส่ใจนะพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเฉินอ๋องนุ่มลึกและแฝงความนัยสำคัญลงในประโยค “พี่รองท่านไม่ต้องรีบร้อนไปนัก ในฐานะน้องชาย วันนี้ข้าไม่ถือโทษโกรธเคืองท่านแต่อย่างใดเพราะถึงอย่างไรพวกเราก็มีสายสัมพันธ์ฉันพี่น้องน้องย่อมไม่อาจปล่อยให้ท่านฝ่าหายนะเพราะทำให้พระพักตร์ัของเสด็จพ่อฉายแววพิโรธส่วนเื่การพูดจาหยอกล้อกันเมื่อครู่วันหน้าพวกเราสองคนพี่น้องค่อยนั่งเปิดอกพูดคุยกันอย่างละเอียดยามไร้ผู้อื่นดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินอ๋องจงใจเน้นย้ำคำว่า“หายนะ” “พระพักตร์ัพิโรธ” และ “ยามไร้ผู้อื่น”เพื่อเตือนสติหลิงอ๋องเื่ผลลัพธ์จากการกระทำ รวมถึงสถานที่ในยามนี้
แน่นอนว่าหลิงอ๋องรู้ความหมายที่เฉินอ๋อง้าจะสื่อแท้จริงแล้วน้องสามไม่ได้โกรธเคืองที่เขามาขวางทางในทางกลับกันก็กำลังพยายามช่วยเขา
แต่หลังจากเขาตัดสินใจเช่นนี้เขารู้ดีว่านี่คือเื่ควรไม่ควรเช่นไรและเขาก็รู้เช่นกันว่าหากเื่นี้ไม่สำเร็จ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็เช่นไร
หลังรู้ข่าวเขาเร่งเดินทางข้ามวันข้ามคืนมาจากชายแดน แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่ทันเข้าเฝ้าไทเฮาเพื่อขอพระเมตตาให้ถอนพระราชเสาวนีย์ขณะเขามาถึงเมืองหลวง ขบวนรับตัวเ้าสาวของเฉินอ๋องก็เริ่มเคลื่อนตัวเสียแล้วหากเลือกระหว่างต้องยอมสูญเสียซีเอ๋อร์กับยอมฝ่าอันตราย เขาตัดสินใจเลือกอย่างหลัง
ทว่าหลิงอ๋องก็รู้ว่าเ้าสามไม่รู้เื่ราวระหว่างเขากับซีเอ๋อร์ดังนั้นเมื่อมีสมรสพระราชทานจากพระพันปี เ้าสามจึงจำต้องสู่ขอซีเอ๋อร์เดิมทีเื่นี้ไม่ได้เป็ความผิดของเ้าสามสักนิด
เมื่อครู่เขากรุ่นโกรธจนขาดสติถึงได้เอาความโกรธไปลงที่เ้าสาม
ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงจึงอ่อนลงเล็กน้อย“เ้าสาม เหวยซงกับซีเอ๋อร์คือเหมยเขียวม้าไม้ไผ่*ให้คำมั่นสัญญาจากใจจริงกันมาเนิ่นนาน ข้ารู้ว่าเ้าไม่รู้เื่นี้ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด เหวยซงจะไม่โทษเ้าเื่ในวันนี้เหวยซงทำให้เ้าต้องเสียหน้าวันหน้าเหวยซงจะไปพบเ้าเพื่อขอโทษด้วยตนเอง หากวันนี้เ้ายอมให้เหวยซงพาซีเอ๋อร์ไปเหวยซงจะตอบแทนให้สมกับน้ำใจของเ้าจะดีหรือไม่หากพวกเรายอมประนีประนอมกันสักหน่อย หากให้ข้าพาซีเอ๋อร์ไปเื่นี้ก็จะจบ เ้าคิดเห็นเช่นไร?”
เฉินอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างเอ้อระเหยมุมปากแฝงรอยยิ้มหลังฟังหลิงอ๋องกล่าววาจาเช่นนี้“เห็นทีพี่รองจะไม่ใช่คนเลอะเลือน เพราะยังดูออกว่าผู้เป็น้องคิดจะช่วยท่านในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดท่านถึงยังจะแย่งพระชายาของข้าให้ได้อีกเล่า? พี่รองก่อนหน้านี้น้องคิดจะช่วยท่าน ทว่ายามนี้ท่านกลับจะแย่งชิงพระชายาของข้าให้ได้ท่านไม่จิตใจคับแคบเกินไปหน่อยหรือ?”
คนผู้นี้คือพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเคารพทว่ายามนี้เฉินอ๋องกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์เพราะความไม่เอาถ่านเขาอุตส่าห์เอาบันไดไปวางให้หลิงอ๋องเดินลงมา แต่นอกจากหลิงอ๋องจะไม่ยอมเดินลงมายังคิดจะปีนขึ้นสูงกว่าเดิมโดยการพูดออกมาอย่างชัดเจนกว่าเดิม
แสดงให้เห็นว่าหนนี้พี่รองไม่แยแสต่อผลที่จะตามมาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะพาหรงหว่านซีไปให้ได้ ในเมื่อเป็เช่นนี้เื่นี้คงไม่อาจปกปิดอีกต่อไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็ต้องสร้างเกราะให้หลิงอ๋อง
และหรงหว่านซีผู้นี้...เขาไม่มีทางให้ผู้ใดพานางไปเด็ดขาด
“พี่รอง...”เฉินอ๋องยกยิ้มคล้ายจะหยอกล้อ “ในเมื่อท่านอยากทำให้กลายเป็เื่ใหญ่ให้ถ้าเช่นนั้นน้องก็จะให้ความร่วมมือจนถึงที่สุด วันนี้ท่านจะมาชิงตัวพระชายาของเปิ่นหวางทว่าเปิ่นหวางไม่ยอม ท่านคิดว่าเื่นี้ควรทำเช่นไร?”
“เ้าสาม...”สีหน้าหลิงอ๋องเคร่งขรึม “ผู้หญิงของเ้ามีมากมายเ้ารู้จักรักมั่นต่อหญิงเพียงนางเดียวั้แ่เมื่อใดกัน? ข้ารู้ว่าเ้าทำไปเพราะรักษาหน้าเื่นี้ง่ายดายนัก ในเมื่อข้าฉีกหน้าเ้า ภายหน้าเ้าก็หาวิธีมาฉีกหน้าข้าเป็พอข้าจะไม่แก้แค้นอย่างแน่นอน เพราะถือเป็การชดเชยให้เ้า หากวันนี้ข้าพาซีเอ๋อร์ไปต่างถือเป็เื่ดีสำหรับเ้าและข้า รวมถึงตัวซีเอ๋อร์เ้าจำเป็อะไรต้องแต่งกับสตรีที่ไม่ได้รักเ้าเพียงเพื่อรักษาหน้า อีกทั้งยังต้องพาสตรีที่ไม่ได้รักเ้าเช่นกันกลับจวน?”
“พี่รองท่านพูดเช่นนี้ฟังดูทึกทักเอาเองเกินไปกระมัง? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่รักหรงหว่านซี?”เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม“ข้ายังยืนยันกับท่านอย่างชัดเจนอีกครั้งว่า วันนี้ข้าจะแต่งกับนาง”
“และ...”จู่ๆเฉินอ๋องกลับยกยิ้มกว้างกว่าเดิม เขาหันหลังไปทางเกี้ยวเ้าสาวเอ่ยเสียงดังว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าหรงหว่านซีไม่รักข้า? หากนางไม่รักข้าเหตุใดนางถึงยอมแต่งงานกันข้าเล่า? ไม่แน่ว่านางอาจชอบพอเปิ่นหวางมานานแล้วก็ได้!”
หรงหว่านซีนั่งฟังนางรู้ว่าเฉินอ๋องจงใจกล่าวเช่นนั้นให้นางได้ยินและนึกขบขันเล็กน้อยเวลาเช่นนี้เขายังคิดจะยั่วแหย่สตรีความสามารถในการยั่วโมโหผู้อื่นช่างเป็เลิศเสียจริง
โชคดีที่หลิงอ๋องไม่ถูกเขายั่วโมโหเพราะเริ่มมีสตินึกคิดขึ้นมาบ้างแต่ถ้าจะต่อปากต่อคำเช่นนี้ไปเรื่อยๆก็ไม่ใช่วิธี
หวังว่าเฉินอ๋องจะมีความสามารถทางวาทศิลป์สามารถโน้มน้าวให้หลิงอ๋องกลับไปและอย่าทำเื่นี้ให้เป็เื่ใหญ่
วิธีที่สามารถแก้สถานการณ์ระหว่างเฉินอ๋องกับหลิงอ๋องอย่างสงบถึงจะเป็วิธีที่ดีที่สุดแต่หากนางเป็คนออกหน้า ไม่ว่าอย่างไรเื่นี้ก็คงไม่อาจสงบวันข้างหน้าทุกตรอกทุกซอยคงวิจารณ์ให้ทั่วคาดว่าหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคงจะเป็เื่ชื่อเสียงของหลิงอ๋อง ท่านพ่อรวมถึงตัวนางเอง ไม่ได้เป็ผลดีต่อผู้ใดทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้หรงหว่านซีจึงได้แต่อดทนอดกลั้นนิ่งฟังเฉินอ๋องและหลิงอ๋องเจรจากันต่อไปโดยหวังว่าจะมีวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเื่นี้แต่แท้จริงแล้วนางค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของเฉินอ๋อง
หลิงอ๋องไม่ร้อนใจและเอ่ย“เื่นี้มีต้นสายปลายเหตุระหว่างที่ข้าเร่งเดินทางได้สั่งให้คนไปสืบมาอย่างชัดเจนแล้ว เ้าสามนับั้แ่ซีเอ๋อร์กลับเมืองหลวงไม่เคยออกจากจวน เ้าจะเคยพบนางได้อย่างไร? ระยะเวลาที่เ้ารู้จักกับซีเอ๋อร์ก็แค่เมื่อครึ่งเดือนก่อนระยะเวลาครึ่งเดือนนี้จะเกิดความรู้สึกได้มากเพียงใดกัน? เ้าอย่างได้พูดเื่ตลกอีกเลย”
“ข้ารู้ว่าเ้าแค่อยากเอาชนะและรู้ว่าเ้าก็เป็ห่วงข้าเ้าวางใจเถิด หลังข้าพาซีเอ๋อร์ไป ข้าจะเข้าวังเพื่อขอรับโทษจากไทเฮาและเสด็จพ่ออย่างแน่นอนขอเพียงแค่ยามอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮากับเสด็จพ่อ เ้าไม่ถือสาเื่นี้ข้าย่อมมีวิธีจัดการอย่างเหมาะสม เื่นี้พี่ติดค้างน้ำใจเ้าวันหน้าเหวยซงจะตอบแทนน้ำใจเ้าอย่างแน่นอน”
หลิงอ๋องกล่าวอย่างมีน้ำอดน้ำทนและจริงใจเพราะดูออกว่าเขาอยากใช้วิธีประนีประนอมแก้ไขเื่นี้และยังคงเห็นแก่ความเป็พี่น้องจึงมิได้ทำไปโดยไม่เห็นแก่ความรู้สึกของเฉินอ๋อง
ทว่าเฉินอ๋องกลับเอาแต่นั่งยิ้มอยู่บนหลังม้าอย่างสบายใจ
ผ่านไปครู่หนึ่งเอ่ยทั้งรอยยิ้ม“พี่รอง น้องมองออกว่าท่านรักมั่นต่อพระชายาของข้ายิ่งนักเมื่อรู้ว่าข้าแย่งคนรักของพี่รองโดยไม่ได้ตั้งใจ ภายในใจจึงรู้สึกแย่เป็อย่างมากแต่ถึงอย่างไรข้ากับพระชายาก็มีใจตรงกัน นอกจากนั้นยังมีสมรสพระราชทานจากไทเฮาและพระบรมาานุญาตจากเสด็จพ่อวันนี้ขุนนางทั้งราชสำนักต่างมาส่งขบวนเ้าสาว บันไดนี้ที่ท่านมอบให้ข้าคงไม่อาจเดินลงไปเสียแล้ว”
“จะดีกว่าหรือไม่หากพี่รองเปิดทางให้น้องลูกผู้ชาย ไขว่คว้ามาได้ก็ต้องปล่อยวางได้หากพี่รองให้สัญญาว่าวันหน้าจะไม่มาข้องเกี่ยวกับพระชายาของข้าเื่นี้ก็จะกลับกลายเป็น้องติดค้างน้ำใจพี่รองภายหน้าย่อมต้องตอบแทนน้ำใจท่านเป็อย่างดีท่านพี่รองคิดว่าเช่นนี้ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
คำตอบของเฉินอ๋องก็คือการตอกกลับหลิงอ๋องหลิงอ๋องถึงกับหายใจติดขัดไม่อาจเอ่ยสิ่งใดแน่นอนว่าเขาเข้าใจสิ่งที่เฉินอ๋องจะสื่อความหมายของเฉินอ๋องคือ้าให้เขารู้ตัวว่าข้อเสนอเมื่อครู่ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก
แต่ไม่ว่าจะไร้มารยาทก็ดีไร้ไมตรีก็ดี ไม่เชื่อฟังหรืออกตัญญูก็ช่าง วันนี้เขามายืนอยู่ตรงนี้ยืนอยู่หน้าเกี้ยวเ้าสาวของนาง เขาไม่มีทางยอมให้นางออกเรือนกับผู้อื่นต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม
เคยสัญญากันไว้แล้วว่าจะเคียงคู่ชั่วชีวิตจะเกิดเื่ผิดพลาดไม่ได้
“ดังนั้น...น้องสามหมายความว่าไม่ยอมงั้นรึ?”ยามนี้หลิงอ๋องกำกระบี่ยาวในมือแน่น
สายตาของเฉินอ๋องชำเลืองลงมองมือหลิงอ๋องแล้วยกยิ้มไม่เอ่ยตอบ
ทว่าทันใดนั้นกลับะโลงจากหลังม้าและคว้าเอากระบี่ประจำกายองครักษ์ด้านข้างหลังชักดาบออกจากฝักจึงหันคมดาบเข้าหาหลิงอ๋อง“นานแล้วที่ไม่ได้ประลองกระบี่กับท่านพี่ จะดีหรือไม่หากวันนี้จะประลองกันสักตั้งหญิงอยู่ในเกี้ยวเ้าสาว ผู้ใดชนะผู้นั้นก็แต่ง! เป็อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ดีถือว่าเ้าก็เป็คนใจถึงเช่นกัน!” หลิงอ๋องสามารถหลบกระบี่ของเฉินอ๋องจากนั้นชักกระบี่ของตนออกจากฟักเช่นกัน
*เหมยเขียวม้าไม้ไผ่หมายถึงคู่รักที่มีใจให้กันั้แ่เด็กและจะครองคู่จนแก่เฒ่าหรือชายหญิงที่รู้จักกันั้แ่เด็กและจะแต่งงานกันตอนโต