อวิ๋นอี้จ้องหรงซิวอย่างไม่ชอบใจนัก ถ้าพูดไม่เป็ก็ไม่ต้องพูดออกมา กระไรคือคุยโวกัน นี่มันแผนการตลาดที่สมเหตุผลต่างหาก
นางอยากกระชากคอหรงซิวมาพูดกันดีๆ สักครั้งเสียจริง
แต่ว่าลู่จงเฉิงอยู่ด้วย เพื่อรักษาภาพลักษณ์สตรีสูงศักดิ์ของนาง นางจึงอดกลั้นไว้ชั่วคราว
อวิ๋นอี้ปรับอารมณ์ได้แล้ว ี้เีจะสนใจหรงซิว จึงหันกลับมาคุยกับลู่จงเฉิงแทน "อัครมหาเสนาบดีขวาลู่เ้าคะ ในเมื่อท่านพอใจแล้ว กระนั้นข้อตกลงของเรา..."
“ดำเนินได้ตามข้อตกลงเลยพ่ะย่ะค่ะ” ลู่จงเฉิงพูด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม สีหน้าจริงจัง เขานำสัญญาที่เคยลงนามไว้ออกมา ต่อหน้าอวิ๋นอี้ แล้วลงนามชื่อของตนเอง จากนั้นก็ยื่นอีกฉบับลงให้อวิ๋นอี้ "นี่เป็สัญญาที่ยังมิได้ลงนามครั้งก่อน ต่อไปรายได้ของทั้งร้านตัดเสื้อและโรงเตี๊ยม เมื่อหักรายจ่ายคงที่แล้ว รายได้สุทธิทั้งหมดที่หาได้จะแบ่งเป็ของข้าและท่านคนละครึ่ง"
"นอกจากนี้" ลู่จงเฉิงหยุดไป แล้วก็พูดต่อ "ข้าจะรับผิดชอบต้นทุนของโรงเตี๊ยมและร้านตัดเสื้อเอง พระชายาต้องรับผิดชอบกิจการรายวันของทั้งสองร้าน มิทราบว่าท่านจะมีปัญหาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ไม่มีแน่นอนสิ!
อวิ๋นอี้แทบอยากจะกรีดร้องขึ้นฟ้า ดูแลกิจการเป็จุดแข็งของนางนี่ แม้ว่าลู่จงเฉิงจะไม่มอบหมายเื่นี้ให้นาง นางก็จะขอทำเองอยู่แล้ว
นางไม่ใช่คนไร้ยางอายถึงเช่นนั้น หากินแบบไม่ลงแรง นางทำไม่ลง
ความร่วมมือระหว่างทั้งสองเป็ไปอย่างราบรื่น
สุดท้ายอวิ๋นอี้ก็ยิ้มส่งลู่จงเฉิงกลับไป
เมื่อมองดูรถม้าจากไป นางนึกถึงเงินทองที่จะไหลมาเทมานับจากนี้ไป ใบหน้าเล็กๆ ของนางก็เบิกบานราวกับดอกไม้บาน
อวิ๋นอี้หันกลับมา ชนเข้ากับอ้อมอกของหรงซิว
แรงกระแทกที่มิได้คาดคิด ทำให้นางไม่ได้ระวังตัว จมูกชนเข้ากับเขาจนเจ็บ
หรงซิวกินกระไรโตมาก็ไม่รู้ เหตุใดหน้าอกจึงได้แข็งเช่นนี้?
“ทำกระไรเพคะ?” อวิ๋นอี้เอื้อมมือไปตีหน้าอกของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “จมูกข้าโดนชนจนจะหักแล้ว! ฝ่าาจงใจใช่หรือไม่เพคะ?”
“จริงหรือ?” น้ำเสียงของเขาสับสนเล็กน้อย รีบจับคางของนางให้เงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับเขา
แววตาชายหนุ่มนั้นอ่อนโยนและจริงจัง ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องอยู่ที่แก้มของนาง
การเผชิญหน้ากันอย่างใกล้ชิดทำให้อวิ๋นอี้รู้สึกทำกระไรไม่ถูก
สายตานางเหม่ออย่างไม่เป็ตัวเอง ถามขึ้นว่า "ฝ่าา...ท่านจะทำกระไร?"
ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง นิ้วของหรงซิวก็บีบจมูกนางเบาๆ มือของเขาเย็นเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมน้อยๆ ซึ่งทำให้นางหดคอราวกับว่าเต่าที่ตัวสั่นไปทั้งตัว
บุรุษผู้นี้กำลังทำกระไรกันแน่?
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้วอยากจะปัดมือของเขาออก ทันใดนั้น เสียงที่ไพเราะของเขาก็ดังก้องเข้ามาข้างหู “จมูกยังเจ็บอยู่หรือไม่? เมื่อครู่กระแทกโดนที่ใด? ข้าขอดูหน่อย เหมือนจะไม่เป็กระไรมากนะ”
“...…”
ที่แท้เขาก็กำลังตรวจสอบอาการาเ็ของนาง
แทบจะบ้าตาย
อวิ๋นอี้สงสัยว่าหรงซิวสมองผิดปกติหรือไม่
นางผลักเขาออกไป ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็กว้างขึ้นในทันที
หรงซิวมองนางอย่างไม่เข้าใจ อวิ๋นอี้กลอกตาขาวแล้วพูดว่า "จมูกของข้าไม่เป็กระไรเพคะ แต่ถ้าฝ่าาให้ข้าตีจมูกของท่านหน่อย ข้าน่าจะหายเร็วขึ้นเพคะ!"
นางพูดเช่นนั้นออกไป คิดว่าจะแกล้งเขาเล่น
จากมุมมองของอวิ๋นอี้ หรงซิวไม่น่าจะเห็นด้วยกับคำขอที่ไร้สาระเช่นนี้
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ ชายหนุ่มไม่คิดเลยสักนิด เขาเอาหน้าเข้าไปทั้งหน้าแล้วขยิบตาให้นางว่า “เอาเลย เ้าตีข้าสิ!อยากจะตีเท่าใดก็ตีให้พอ ขอแค่เพียงเ้ามีความสุข"
ขอแค่เพียงเ้าความสุข...
อวิ๋นอี้ถูกฟ้าผ่าจนตะลึงไป “ข้า...ข้าก็แค่...” นางไม่เข้าใจหรงซิวจริงๆ รีบพูดจนติดๆ ขัดๆ “ข้ามิได้จะเอาจริงเสียหน่อย…”
“ไม่เป็ไร ตีข้าสิ จมูกของข้าแข็งแรง มันน่าจะทนไหว” หรงซิวพูดด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นอี้ไม่มีทางเลือก กระทืบเท้าอย่างแรง นี่มันกระไรกัน นางรีบวิ่งเข้าเรือนไปอย่างเร็ว
ไม่รู้จริงๆ ว่าหรงซิวโง่จริงหรือแกล้งโง่
อวิ๋นอี้เพิ่งเดินออกมา หรงซิวก็เดินตาม
เขาไล่ตามเข้าไปในห้อง เห็นว่าสตรีตัวน้อยนั้นนอนราบอยู่บนเตียงแล้ว จิตใจของเขาพลุ่งพล่าน เขาเดินไปข้างหน้าและมองลงมาที่นาง
ภายใต้แสงสลัว ผิวของนางดูเรียบเนียน เปล่งประกายเย้ายวน ดวงตาที่ปิดลงอย่างนุ่มนวล โครงหน้าที่สง่างาม และขนตาที่ยาวราวกับแมลงปอกระพือปีก
หรงซิวถึงกับกลืนน้ำลายลงหลายครา
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยิ่งมองนางใกล้ๆ ยิ่งควบคุมตัวเองไม่อยู่
หลังจากระงับแรงกระตุ้นในใจลงได้ หรงซิวก็ล้มตัวลงนอนข้างนาง นึกว่าสตรีตัวน้อยหลับไปแล้ว แต่ผู้ใดจะรู้ว่าขณะที่เขานอนลงเขาก็รู้สึกถึงร่างกายที่แข็งทื่อของนางอย่างชัดเจน
ที่แท้ก็แกล้งหลับนี่เอง
หรงซิวเกิดความคิดชั่วร้าย
เขาเอาร่างกายครึ่งหนึ่งเบียดเข้าหานาง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ปากอิงถาว [1] ของนาง และเอนตัวเข้าไปจูบ
วินาทีถัดมาหลังจากจูบ ก็มีฝ่ามือหนึ่งลอยเข้ามา
หรงซิวขยับมาประชิดใช้แขนขวาง แล้วกดหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างเขา
เขาเลิกคิ้วมองนางอย่างเป็ต่อ อวิ๋นอี้รีบร้อน คิดไม่ถึงว่าหรงซิวจะเ้าเล่ห์เช่นนี้ อยากจะดึงมือกลับ แต่จู่ๆ เขาก็คว้ามือนางไปตีเขาเบาๆ ที่จมูก "จมูกของเ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?"
"......"
อวิ๋นอี้รู้สึกเขินอาย เื่ตั้งนานแล้ว ทำไมเขายังไม่ลืมมันไปอีก
แต่ทว่า ถูกหรงซิวขัดจังหวะเช่นนี้ ความโกรธของนางก็หายวับไปทันที
“น่าเบื่อ” นางเม้มปากกลอกตาขาว “ยังไม่นอนหรือเพคะ? พรุ่งนี้ข้าต้องตื่นแต่เช้าไปร้านตัดเสื้อนะเพคะ!”
ลู่จงเฉิงให้ผลประโยชน์กับนาง อวิ๋นอี้มีความสุขมาก ใช้โอกาสตอนนี้ที่นางมีแรงบันดาลใจ วางแผนที่จะปฏิรูปร้านตัดเสื้อ
“หากงานหนักไป ก็มิต้องทำหรอก” หรงซิวพูดต่อ เขาปล่อยมือนางแล้วเอนตัวไปเกี่ยวเอวนาง “อย่างไรข้าก็เลี้ยงเ้าได้”
มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?
ให้บุรุษเลี้ยงกับเลี้ยงตัวเอง มันคนละเื่กันเลย
อวิ๋นอี้อยากจะคุยกับเขาเื่สตรีต้องพัฒนาตัวเองเช่นกัน แต่ก็คิดว่าในยุคสมัยนี้ ความคิดเื่บุรุษเป็ใหญ่สตรีเป็รอง ถือว่าเป็เื่สำคัญ นางจึงไม่คิดจะทำกระไรที่ไร้ประโยชน์
นางพูดออกมาเบาๆ "ข้าอยากทำ"
"ก็ได้" น่าแปลกที่เขาไม่ปฏิเสธเลย เข้าแนบตัวเข้ามาอย่างเห็นดีเห็นงาม "อวิ๋นเออร์อยากจะทำการใดก็ย่อมได้ ตราบเท่าที่เ้ามีความสุข"
คำสารภาพอันเปลือยเปล่าของเขา ทำให้อวิ๋นอี้อบอุ่นหัวใจ นางพึมพำ แล้วพูดเบาๆ "นอนเถิดเพคะ ข้าง่วงแล้ว"
หากหรงซิวยังคงพูดต่อไป นางก็ไม่รู้จะพูดกระไรต่อ
อวิ๋นอี้กังวลว่าจะรับมือไม่ไหว ทำได้แค่นอนตัดบท
ที่ไหนได้ ชายหนุ่มไม่คิดจะปล่อยนางไปง่ายๆ ขนาดนั้น ดึงดันที่จะเรียกนางขึ้นมาคุยเื่วันเกิดของอวิ๋นเส่าต้าว
อวิ๋นอี้ผู้ง่วงนอน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฟังเขา หรงซิวถามว่า "เ้าเตรียมของขวัญวันเกิดหรือยัง?"
คำถามนี้ จู่โจมนางเข้าเต็มๆ
คราก่อนที่อวิ๋นอี้กลับเรือนอวิ๋น นางคิดที่จะไปหาของขวัญวันเกิด แต่กลับไม่พบกระไรเลย
ต่อมาก็ยุ่งๆ กับเื่ของลู่จงเฉิง ยุ่งมากจนยังคิดไม่ออกว่าจะเตรียมของขวัญวันเกิดกระไรดี
เมื่อเื่นี้ถูกพูดขึ้นอีกครั้ง อวิ๋นอี้ก็ต้องอ้าปาก เกาหัวอย่างหงุดหงิด สารภาพไปตามตรง “ฝ่าา ข้าไม่รู้จะเตรียมของขวัญกระไรดีเพคะ ฝ่าาก็รู้ว่าข้าความจำเสื่อม ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อชอบสิ่งใด!"
หรงซิวได้ยินเช่นนั้นจึงครุ่นคิดครู่หนึ่ง
สีหน้าของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็ปกติ ดวงตาที่สงบจ้องไปที่อวิ๋นอี้ เขาพูดช้าๆ ว่า “อยากให้ข้าช่วยหรือไม่?”
อวิ๋นอี้ยิ้มยินดี “ฝ่าารู้หรือว่าท่านพ่อชอบกระไร?"
"ต้องลองดู"
หรงซิวผู้นี้ จนถึงตอนนี้อวิ๋นอี้อ่านเขาออกหมดแล้ว
พูดให้น่าฟังคือเขาเป็คนถ่อมเนื้อถ่อมตัว พูดให้แย่ก็คือ เขากำลังแสดงความเก่งกาจอยู่ เขาจะไม่มีวันพูดกระไรที่เขาไม่มั่นใจ สิ่งที่พูดออกมาล้วนเป็สิ่งที่เขาทำได้
“ฝ่าาเตรียมของขวัญกระไรเพคะ?” อวิ๋นอี้ยังคงสงสัย
หรงซิวยิ้มอย่างมีเลศนัย เอามือใหญ่แตะหัวนางเบาๆ แล้วลูบเบาๆ “เดี๋ยวเ้าก็รู้เองเมื่อถึงเวลา นอนก่อนเถิด”
“บอกหน่อยเถิดเพคะ!”
อวิ๋นอี้ไล่ถามด้วยความอยากรู้
หลังจากถามซ้ำหลายครั้ง ก็ทำให้หรงซิวกดนางลงอย่างไม่ไร้ความอดทน “หากไม่นอนก็ทำอย่างอื่นเสีย!”
สิ่งที่เขาหมายถึง การขยับร่างอย่างแนบชิดนาง ทำให้อวิ๋นอี้รู้สึกเสียวซ่าน
ตอนที่ทั้งสองทำเื่อย่างว่า เป็เื่ไม่คาดฝันในงานเทศกาลล่าสัตว์
อวิ๋นอี้ตื่นขึ้นมาบอกกับเขาว่าไม่ต้องรับผิดชอบ ทำเอาหรงซิวโกรธจัด
ั้แ่นั้นมา แม้ว่าจะมีการััทางร่างกายอย่างใกล้ชิดหรือแม้กระทั่งทุกคืนที่นางนอนหลับอย่างสะลึมสะลืออยู่ นางถูกปลุกให้ตื่นด้วยแก่นกายแข็ง ของเขา แต่การพัฒนาทางความสัมพันธ์เช่นนั้นกลับไม่มีกระไรเกินเลย
อวิ๋นอี้เขินอายและรู้สึกสับสน
ความรู้สึกของนางที่มีต่อหรงซิว แม้แต่ตัวนางเองยังบอกไม่ได้ว่ามันคือกระไร
นางชอบ แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบถึงเพียงนั้น
บางครั้งนางก็มีความฝันแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะพานางย้อนเวลากลับไปในอดีตของหรงซิวและอวิ๋นอี้
สิ่งเ่าั้ในอดีตทำให้ความรู้สึกของนางที่มีต่อหรงซิวกลายเป็ความแปลกและซับซ้อน
“หืม?” เสียงต่ำของชายหนุ่มแหบแห้งเล็กน้อย ดังขึ้นข้างหูของนาง
ความเหม่อลอยของอวิ๋นอี้ทำ ให้เขาไม่พอใจ "อยู่ใต้ร่างข้า เ้ายังคิดถึงเื่อีกอีกหรือ?"
ในขณะที่เขาพูด เขาก็เปิดเสื้อของนางด้วยมือใหญ่ อยากจะจับทะลุเข้าไปข้างใน อวิ๋นอี้รีบร้อง จับมือของเขาอย่างตื่นตระหนก กล่าวขอความเมตตา "ไม่...นอนแล้ว นอนแล้วเพคะ"
หรงซิวยังคงเคลื่อนไหวเหมือนเดิมราวกับรอกระไรบางอย่างอยู่
คงเข้าใจว่าเขาหมายถึงกระไร อวิ๋นอี้ถอนหายใจอย่างไม่เต็มใจ โน้มตัวเข้าไปจูบ "พอใจหรือยังเพคะ?"
"พอใจแล้ว" หรงซิวหยีตามอง "ตอนนี้ก็นอนได้แล้ว"
ไร้สตินัก!
อวิ๋นอี้พูดด่าในใจ
นางยังมีเื่จะด่าหรงซิวอีกมากนัก หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักนางก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้นตอนที่ตื่นขึ้น หรงซิวไม่อยู่ข้างกายแล้ว อวิ๋นอี้ชินเสียแล้ว หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เตรียมตัวจะไปร้านตัดเสื้อ
นางยังไม่ทันได้ออกจากจวน พ่อบ้านรีบมาบอกว่าพระชายาเก้ากู่ซือฝานมาอีกแล้ว
อวิ๋นอี้คิด กู่ซือฝานว่างขนาดนั้นเชียวหรือ?
คิดแล้วถึงแม้ว่าจะไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่นางเป็คนน่ารัก อวิ๋นอี้โบกมือให้พ่อบ้านเชิญนางเข้ามา
ทันทีที่กู่ซือฝานเข้ามาก็เห็นว่าอวิ๋นอี้กำลังจะออกไป ก็พูดว่า "ท่านพี่จะไปที่ใดเพคะ พาข้าไปด้วยสิเพคะ!"
"ออกไปเดินน่ะ วันเกิดพ่อข้าจวนจะถึงแล้ว ข้าอยากจะหาของขวัญสักชิ้น” นางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
กู่ซือฝานตาเป็ประกาย “พาข้าไปด้วยนะเพคะ ข้าช่วยท่านพี่ดูได้!”
"......"
สตรีสองคนพากันเดินไปที่ตลาดที่ครึกครื้น หัวข้อสนใจได้เปลี่ยนจากวันเกิดของอวิ๋นเส่าต้าวไปเป็โรงเตี๊ยมเกาเซิ่งที่กำลังเป็กระแสอยู่ จากนั้นก็พูดถึงซูเมี่ยวเออร์
ทุกครั้งที่พูดเื่ซูเมี่ยวเออร์ ปากของกู่ซือฝานก็แทบจะเบะขึ้นฟ้า นางกลอกตาขาวมองบนเสมอ "ซูเมี่ยวเออร์นางแสดงเก่ง คราก่อนหลังจากถูกทุบตี นางไปไหว้พระขอพรใช่หรือไม่เพคะ? ครานี้นางทำตัวเองขาหักที่วัดอีกครา เสียน้ำตาอาบน้ำอยู่ทุกวัน ไทเฮาจะทนเห็นนางตกระกำลำบากได้อย่างไร ส่งคนไปรับนางกลับมาแล้วเพคะ"
อวิ๋นอี้เลิกคิ้ว ซูเมี่ยวเออร์กลับมาแล้ว มาให้นางคลายความเบื่อหน่ายได้ทันเวลาพอดี
เชิงอรรถ
[1] อิงถาว 樱桃 หมายถึง เชอรี่