ั้แ่หยุนจ่านเผิงและหานรุ่ยพบกัน หยุนจ่านเผิงก็ไปหาสู่หานรุ่ยทุกวัน แทบจะไม่อยู่กับเซวียนอี้เลย หยุนจ่านเผิงมีหลายเื่จะพูดคุยกับหานรุ่ย ราวกับว่าเขา้าชดเชยให้กับสามปีที่ผ่านมา หานรุ่ยก็ตามใจหยุนจ่านเผิง สามปีที่ไม่ได้พบกัน หานรุ่ยก็คิดถึงหยุนจ่านเผิง...เพื่อนที่ดีที่สุดคนนี้
เห็นหานรุ่ยและหยุนจ่านเผิงตัวติดกันทุกวัน จุนห่าวและเซวียนอี้ก็ทุกข์ใจ ชายทั้งสองอิจฉายิ่งนัก แต่ทว่า เพราะเป็เื่ของภรรยา พวกเขาจึงลังเลที่จะพูดออกไป ด้วยเหตุนี้ พวกเขาสองคนมักจะปรับทุกข์กัน หลังจากนั้นก็พูดคุยเื่ขมขื่น ต่างฝ่ายต่างเห็นอีกฝ่ายโกรธ อารมณ์ของพวกเขาจึงดีขึ้น ผ่านไปสองสามวัน ความสัมพันธ์ของจุนห่าวและเซวียนอี้เข้ากันได้มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกลายเป็เพื่อนกัน กระดกเหล้าคำนับ เรียกกันเป็พี่น้อง
เซวียนอี้มองหยุนจ่านเผิงที่ผลักประตูเข้ามาด้วยใบหน้าโกรธกริ้ว เอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า "เหตุใดวันนี้เ้าถึงกลับมาเร็วนัก?"
"ใครทำให้เ้าหงุดหงิดหรือ?" หากไม่ถึงเวลาเข้านอน หยุนจ่านเผิงก็จะยังไม่กลับมา และทุกครั้งที่กลับก็ต้องย่องเข้ามา วันนี้ตรงกันข้ามกับทุกวัน
หยุนจ่านเผิงนั่งลงตรงข้ามเซวียนอี้ หยิบถ้วยที่เซวียนอี้ใช้แล้ว เทใส่ถ้วยให้ตัวเองและดื่ม
เซวียนอี้เห็นหยุนจ่านเผิงหยิบถ้วยของเขาไปดื่ม อยากจะบอกว่า มันเป็ถ้วยที่เขาใช้แล้ว ให้เปลี่ยน ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยออกไป หยุนจ่านเผิงก็ดื่มไปแล้ว คิดจะยับยั้งแต่สายไป เซวียนอี้คิด ในเมื่อดื่มแล้วช่างมันละกัน แต่ทว่า นึกถึงหยุนจ่านเผิงที่ใช้ถ้วยของเขาดื่ม หัวใจของเซวียนอี้พองโต คิดถึงตรงนี้ เซวียนอี้ส่ายหัวยิ้มๆ เขารักหยุนจ่านเผิงจนเป็บ้าแล้ว
หยุนจ่านเผิงวางถ้วยที่ดื่มแล้วลง ถึงได้ตระหนักว่าเขาใช้ถ้วยของเซวียนอี้ เขารู้ว่าเซวียนอี้เป็พวกรักความสะอาด เขายิ้มอย่างงุ่มง่ามให้แก่เซวียนอี้ พลางชี้ไปที่ถ้วยและพูดว่า "ลูกผู้พี่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ท่านวางใจได้ ข้าไม่ได้ป่วย หรือไม่ข้าไปล้างให้ท่านดีไหม?" หยุนจ่านเผิงพูดจบก็เตรียมหยิบถ้วยไปล้าง
เซวียนอี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับพฤติกรรมของหยุนจ่านเผิง คิดในใจ ทำไมลูกผู้น้องของเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้ ยิ่งมองก็ยิ่งรัก เซวียนอี้ดึงมือของหยุนจ่านเผิงไว้ ให้เขานั่งลงบนตักของตัวเอง พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า "เขาลืมไปแล้วหรือ ว่าตอนนี้เราเป็อะไรกัน งั้นข้าจะบอกเ้าอีกครั้ง ตอนนี้เ้าคือว่าที่ภรรยาของข้า อย่าว่าแต่ให้เ้าใช้ถ้วยของข้าเลย ต่อให้เ้าจูบข้า ข้าก็จะไม่คัดค้านใดๆ"
"จริงด้วย เมื่อครู่ข้าตื่นเต้นจนลืมไป" หยุนจ่านเผิงพูดพลางตบหัวตัวเอง
"ไม่ต้องตบ เดิมทีก็ไม่ฉลาดอยู่แล้ว ยิ่งตบก็ยิ่งโง่นะ" เซวียนอี้ดึงมือของหยุนจ่านเผิงที่ตบหัวตัวเองไว้
หยุนจ่านเผิงไม่สนใจว่าเซวียนอี้จะพูดว่าเขาโง่ ต่อหน้าคนรักของเขา เขาก็เต็มใจแสร้งเป็คนโง่ แต่ทว่า สำหรับโรครักความสะอาดของเซวียนอี้ เขายังจำเป็ต้องแก้ไข หยุนจ่านเผิงพูดอย่างน้อยใจว่า “หากมิใช่เพราะลูกผู้พี่ ท่านเป็โรครักความสะอาดทำให้ข้าไม่กล้าแตะต้องสิ่งของของท่าน ข้ากลัวว่าท่านจะทอดทิ้งข้า” พูดจบก็กระพริบตาอย่างกล่าวโทษมองไปทางเซวียนอี้
เห็นหยุนจ่านเผิงเป็เช่นนี้ เซวียนอี้รีบเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะแก้ไข ข้าเปลี่ยนได้แก้ไข” คิดในใจ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่า โรครักความสะอาดจะมีอะไรไม่ดี ขอแค่ทำให้มันสะอาด คงไม่สร้างปัญหากับชีวิตของเขา ตอนนี้เพราะลูกผู้น้องกลัวการแตะต้องเขา จะทำยังไงได้ล่ะ เขายังคิดจะสนิทสนมแแ่กับลูกผู้น้อง ในเมื่อตอนนี้โรครักความสะอาด ได้กลายเป็ปัญหาระหว่างเขาและลูกผู้น้อง ถึงลูกผู้น้องไม่พูด เขาก็ต้องแก้ไข
ฟังคำของเซวียนอี้ หยุนจ่านเผิงใช้แขนของเขาคล้องคอเซวียนอี้อย่างดีใจ ดีใจจนจูบริมฝีปากของเซวียนอี้อย่างมีความสุข จูบแล้วก็มองเซวียนอี้ด้วยดวงตาเป็ประกาย และเอ่ยว่า “ข้าอยากทำแบบนี้นานแล้ว แต่ข้าเกรงว่าลูกผู้พี่จะทอดทิ้งข้า จึงไม่เคยกล้าทำ วันนี้ในที่สุดข้าก็สมปรารถนาแล้ว ริมฝีปากของลูกผู้พี่ช่างหอมหวานอย่างที่ข้าคิดไว้” พูดจบ พูดก็เขาเลียริมฝีปากของตัวเองราวกับว่าหวนลิ้มรสนั้นอีกครั้ง
เห็นหยุนจ่านเผิงเช่นนี้ เซวียนอี้ลดสายตาลง คิดในใจ หากเขายังจะทนอีก ตัวเขาคงต้องดูถูกตัวเองแล้ว เขาพูดกับหยุนจ่านเผิงพร้อมกัดฟันกรามว่า “วายร้ายน้อย ในเมื่อเ้าจุดไฟขึ้น งั้นข้าต้องดับไฟแล้ว” พูดจบก็โอบหยุนจ่านเผิงเข้ามาจูบ การกระทำนั้นช่างกระตือรือร้นและหยาบกระด้าง ขณะที่จูบ เซวียนอี้ยังคิดว่า เขาก็อยากทำแบบนี้นานแล้ว เพียงแต่ไม่เคยมีโอกาส เกรงว่าหยุนจ่านเผิงจะหาว่าเขาบุ่มบ่าม เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย หากเขารู้ว่าการขจัดเื่รักความสะอาดได้จะส่งผลดีขนาดนี้ เขาคงบอกกับหยุนจ่านเผิงไปแต่แรกว่าเขาไม่รักความสะอาดแล้ว
ขณะที่เขากำลังดื่มด่ำ ในที่สุดเซวียนอี้ก็ปล่อยตัวหยุนจ่านเผิง เวลานี้ เขากับหยุนจ่านเผิงยังไม่ได้แต่งงานกัน เขาไม่อยากให้หยุนจ่านเผิงรู้สึกไม่เป็ธรรม ดังนั้น เซวียนอี้จึงพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง และพูดด้วยเสียงแหบซ่านว่า “เ้ารอข้าก่อนนะ รอให้เราแต่งงานกัน แล้วมาดูว่าข้าจะจัดการกับเ้ายังไง”
หยุนจ่านเผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกคิ้วขึ้นและพูดอย่างไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ว่า “ข้าจะรอ รอดูว่าลูกผู้พี่จะจัดการข้ายังไง” พูดจบ เขาก็หัวเราะเต็มที่ หลายวันนี้เป็เวลาที่เขามีความสุขที่สุด ได้พบทั้งเพื่อนรัก และยังได้แสดงความรักกับลูกผู้พี่ที่เขารัก
มองดูหยุนจ่านเผิงที่หัวเราะอย่างมีความสุข เซวียนอี้ก็หัวเราะด้วย เซวียนอี้มีความสุขมากที่ได้เห็นหยุนจ่านเผิงเป็เช่นนี้
เขาจำได้เสมอว่าครั้งแรกที่เขาได้พบหยุนจ่านเผิงนั้น หยุนจ่านเผิงมอบรอยยิ้มอันแสนหวานให้เขา รอยยิ้มนั้นยังตราตรึงจนถึงทุกวันนี้ ั้แ่นั้นมา เขาก็ตกหลุมรักลูกน้องที่มีรอยยิ้มแสนหวานและไร้กังวลผู้นี้ ทว่าสามปีก่อนหน้านี้ ที่ได้พบหยุนจ่านเผิงอีกครั้ง เขาพบว่าหยุนจ่านเผิงเปลี่ยนไป รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป กลายเป็คนจมปลักอยู่กับความเศร้า ในดวงตามีความเกลียดชังอย่างท่วมท้น
แต่ทว่า หลังจากได้พบหานรุ่ย หยุนจ่านเผิงกลับมาสดใสเหมือนในอดีต กลายเป็หยุนจ่านเผิงที่ไร้กังวลและกระตือรือร้นดังเดิม เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็เพราะหานรุ่ย หากจะบอกว่าไม่อิจฉาหานรุ่ย ถือว่าโกหก แต่ทว่า ยังไงเขาก็อิจฉามิตรภาพระหว่างหยุนจ่านเผิงและหานรุ่ย
มิตรภาพ สำหรับเซวียนอี้แล้ว ก็คือคำเยินยอและเล่ห์เหลี่ยม ตลอดชีวิตของเขาเกรงกลัวว่าจะไม่ได้ยิ้มไปถึงจุดสุดท้าย เซวียนอี้ไม่ลืมคำถามเื่เมื่อครู่นี้ เขาเอ่ยถามต่อว่า “เ้ายังไม่ตอบคำตอบเมื่อครู่ของข้าเลย”
“โอ้ คำถามไหนล่ะ” หยุนจ่านเผิงเอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน
“เ้านี่นะ หลงลืมั้แ่อายุยังน้อยอย่างนี้ได้ยังไง” เซวียนอี้พูดกับหยุนจ่านเผิงอย่างเอ็นดู
“ก็ที่ว่าเหตุใดวันนี้เ้าถึงกลับมาเร็วนัก อีกอย่างตอนที่กลับมาก็ดูไม่มีความสุขเท่าไหร่”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนจ่านเผิงหายไปทันที กล่าวอย่างเคืองโกรธว่า “จุนห่าวนั่นไง ช่างงี่เง่านัก เขาพยายามขับไล่ข้าออกมา บอกว่าโคมไฟของข้าสว่างเกินไป รบกวนชีวิตสองสามีของพวกเขา ยังบอกด้วยว่าข้าไม่ได้เื่ บอกว่าข้าไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง บอกว่าพลังปราณข้าต่ำ สู้อย่ากระตือรือร้นดีกว่า บอกว่าข้าไม่สนใจเ้า บอกว่าข้า......” หยุนจ่านเผิงนำคำที่จุนห่าวพูดกับเขาทั้งหมดเล่าให้เซวียนอี้ฟังอย่างน้ำไหลไฟดับ
ฟังคำบ่นของหยุนจ่านเผิง เซวียนอี้คิดในใจ ดูเหมือนว่าจุนห่าวจะปากคอเลาะร้ายจริงๆ จุนห่าวอดทนต่อหยุนจ่านเผิงได้หลายวัน เซวียนอี้ยังรู้สึกทึ่ง ทว่าสำหรับเื่นี้ เขากลับมีความสุขที่มันเกิดขึ้น เขาไม่้าให้หยุนจ่านเผิงและหานรุ่ยตัวติดกันทุกวัน เพียงแต่เขาก็ไม่อาจพูดกับหยุนจ่านเผิงได้
หลังจากหยุนจ่านเผิงฟ้องเื่จุนห่าวจบ ก็พูดกับเซวียนอี้ว่า "เ้าก็ว่าจุนห่าวงี่เง่าไหม เหตุใดหานรุ่ยถึงหาคนที่จิตใจคับแคบเช่นนี้ ต้องโทษท่านปู่ของหานรุ่ยที่เลอะเลือน พรุ่งนี้ข้าก็จะไปหาหานรุ่ย ข้าเห็นเขายังเกรงใจที่ขับไล่ข้าออกมา"
เซวียนอี้คิด แน่นอนว่าที่เขาตั้งใจขับไล่เ้าออกมา ทว่าเขาไม่อาจพูดคำนี้กับหยุนจ่านเผิงได้ เขากล่าวเสริมว่า "จุนห่าวช่างงี่เง่าเสียจริง จิตใจก็คับแคบ" เซวียนอี้คิดในใจ เขาเป็ชายที่ดี ภรรยาว่าไงก็ว่าตาม หยุดสักพักหนึ่ง ก็กล่าวต่อว่า "ข้ามิใช่ชายอย่างจุนห่าว ข้าสนับสนุนให้เ้าไปหาหานรุ่ย แม้ว่าข้าจะไม่ได้เจอเ้าเป็เวลานาน แต่ทว่า ในเมื่อจุนห่าวพูดเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่าเ้าอย่าเพิ่งไปเสียดีกว่า เ้าหมกมุ่นกับการบำเพ็ญเพียร่หลายวันนี้ก่อน รอให้พลังปราณสูงขึ้น ค่อยไปอีก"
"แต่ทว่า ก็แค่ไม่กี่วัน ต่อให้ข้าไม่กินไม่ดื่มไม่นอน พลังปราณก็คงไม่เพิ่มขึ้นเร็วหรอก" หยุนจ่านเผิงพูดอย่างเดือดดาล คิดในใจ ไม่แปลกใจเลยที่จุนห่าวจะบ่นว่าพลังปราณของเขาต่ำ เขาอายุมากกว่าจุนห่าวสองปี ทว่าจุนห่าวมีลมปราณขั้นสิบเอ็ดแล้ว เขากลับเพิ่งถึงลมปราณขั้นที่แปด เขาก็อยากมีพลังปราณสูงไว้โอ้อวดเหมือนกับจุนห่าว ตอนนี้คิดๆ ดูก็ควรตื่นตระหนก
"เ้ายังไม่ลองแล้วรู้ได้ยังไงล่ะ ข้าเชื่อในตัวเ้า" เซวียนอี้กล่าว เขาก็ไม่คิดว่า่เวลาไม่กี่วันนี้พลังปราณของหยุนจ่านเผิงจะเพิ่มขึ้นเร็ว แต่ทว่า ความจริงคือเขา้าให้หยุนจ่านเผิงอยู่ที่นี่ พวกเขาเพิ่งจะเผยความรู้สึกต่อกัน เซวียนอี้อยากใกล้ชิดกับหยุนจ่านเผิงมากขึ้น แต่ทว่า ไม่เคยมีโอกาส ่ไม่กี่วันนี้ ความสัมพันธ์เขากับจุนห่าวเลยแน่นแฟ้นขึ้น
ณ ห้องพักของจุนห่าวและหานรุ่ย
"เ้าพูดเช่นนั้นกับอาเผิงไม่ดีนัก" หานรุ่ยขมวดคิ้วแล้วพูดกับจุนห่าว คิดในใจ จุนห่าวเป็คนปากร้ายเกินไป จนทำให้อาเผิงคิดว่าเขาเป็คนจิตใจคับแคบ เขาต้องเกลียดจุนห่าวอย่างแน่นอน
ฟังคำว่าอาเผิง สองคำนี้ จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "เราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เ้ายังไม่เคยเรียกข้าว่าอาห่าวเลย แต่เ้าเรียกอาเผิง...อาเผิงตลอด ข้าฟังแล้วขัดใจนัก"
หานุร่ยฟังน้ำเสียงปวดร้าวของจุนห่าว พูดอย่างยิ้มๆ ว่า "ข้าเรียกเ้าแบบนี้จนชินแล้ว นี่เ้าก็ใส่ใจด้วยหรือ? ก็แค่คำเรียก งั้นจากนี้ไปข้าจะเรียกเ้าว่าอาห่าว"
"ช่างมัน เรียกว่าจุนห่าวแหละ อาห่าว ข้าฟังแล้วก็ไม่ชิน" จุนห่าวกล่าว
"เ้านี่นะ จะพูดกับเ้ายังไงดี?" หานรุ่ยขมวดคิ้ว พูดอย่างจนใจ ก็แค่หึงหวง
จุนห่าวยกคิ้วขึ้น เปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า "หยุนจ่านเผิงงี่เง่าเกินไป หน้าก็หนา หากข้าไม่พูดตรงๆ เขาก็แสร้งว่าไม่เข้าใจ เซวียนอี้รู้สึกกับเื่พวกเ้าอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เขาไม่กล้าพูด ครั้งนี้ข้าเลยไล่หยุนจ่านเผิงไป ข้าเชื่อว่าเราคงอยู่สงบสุขได้สักวันสองวัน"
หานรุ่ยจนใจ คิดในใจ ชายสองคนนี้นี่นะ จิตใจคับแคบนัก "ข้างในกล่องหยกนั้นที่เ้ามอบให้อาเผิงคืออะไรหรือ?" แม้หานรุ่ยคาดคะเนไว้แล้ว ทว่ายังคงเอ่ยถาม
"ผลไม้ชิงลัว ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อเราแล้ว ถือว่าเป็ของขวัญแต่งงานให้แก่หยุนจ่านเผิงและเซวียนอี้" จุนห่าวพูดอย่างเฉยเมย เวลานี้ ผลไม้ชิงลัวที่บ่มเพาะอยู่ในเทศะของเขาใกล้จะสุกงอมแล้ว แค่ผลไม้ชิงลัวสองผล เขาไม่สนใจนัก
หานรุ่ยเม้มปาก และเอ่ยว่า "ของล้ำค่าเช่นนี้ เ้ามอบให้หยุนจ่านเผิงตามใจอย่างนั้น ทั้งยังไม่บอกกับเขาสักหน่อย ข้าเกรงว่าเขาจะคิดว่าเ้ามีเจตนาไม่ดี แล้วทิ้งมันไป"
"คงไม่หรอก" จุนห่าวพูดอย่างขาดความมั่นใจ คิดในใจ ก็อาจเป็ไปได้
