“…”
“…”
ั์ตาสวยจ้องมองผู้ชายแปลกหน้าอีกคนที่เพิ่งพุ่งพรวดเข้ามาในร้านของเธอด้วยท่าทางเหนื่อยหอบอย่างคนเพิ่งวิ่งมา ชายหนุ่มตรงหน้าที่มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากอีกคนที่หลบอยู่ในห้องลับ แต่ใบหน้าหล่อของเขาจะดูเหมือนลูกครึ่งชัดมากกว่า ไหนจะรอยถากที่คิ้วกับรอยสักตรงมือนั่นอีกที่เธอแอบสังเกตด้วยความรวดเร็ว นั่นยิ่งทำให้ผู้ชายคนนี้แลไม่น่าไว้วางใจ
แต่ที่แน่ ๆ ทั้งสองคนไม่ใช่คนแถวนี้แน่นอนเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยตลอดระยะเวลาที่อยู่ระแวกนี้มาั้แ่เด็กยันโต…
ปล้นกันงั้นหรอ…หรือไล่ฆ่า?
“เห็นผู้ชายใส่สูทตัวพอ ๆ กับฉันผ่านมาบ้างไหม” เสียงทุ้มเข้มถามออกมาพลางตาก็มองไปรอบ ๆ ร้านอย่างกับกำลังหาอะไร
“…ไม่มีนะ พอดีกำลังจะปิดร้าน”
ข้าวหอมลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไปเพราะเธอเพิ่งสังเกตเห็นมีดเล่มเล็กที่ชายร่างสูงตรงหน้าถือมันไว้ในมือ ทำให้หนุ่มลูกครึ่งต้องมองตามสายตาของหญิงสาวแล้วหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าตรงอกออกมาปาดคราบเืที่ติดอยู่ออก แล้วเก็บของมีคมกลับเข้าไปในสูทตัวหนาของตัวเอง
“…”
ผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้วางใจตรงหน้าไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่อ แต่เขากลับเดินสำรวจร้านของเธออย่างถือวิสาสะทุกซอกทุกมุม ทำให้ตอนนี้ภายในร้านมีเพียงเสียงรองเท้าหนังของเขาที่ดังกระทบกับพื้นเป็ระยะ มือหนาด้านที่มีรอยสักตรงนิ้วยื่นออกไปจับม่านที่คลุมเอาไว้ระหว่างชั้นวางหนังสือพร้อมกับกระชากแหวกมันออกทำให้เขาเห็นประตูอะไรสักอย่างที่ซ่อนอยู่ด้านหลังม่าน…
“นี่อะไร?” ใบหน้าหล่อร้ายหันขวับกลับมาถามหญิงสาวทันที
“ประตูขึ้นไปชั้นสอง…บ้านฉัน ไม่อนุญาตให้เปิด” เสียงหวานเอ่ยบอกตามจริงและแฝงความหนักแน่นเพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จะเริ่มเสียมารยาทเกินไปแล้ว
“เค”
ชายคนเดิมไม่ได้ตื๊ออะไรพอเห็นว่าเธอพูดออกไปแบบนั้นเขาก็ปล่อยม่านให้ตกลงมาบังประตูไว้ตามเดิม แต่เขาก็ยังคงเดินสำรวจเข้ามาใกล้ และใกล้กับชั้นหนังสือที่มีกล่องดนตรีวางอยู่มากขึ้น จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามัน ซึ่งไม่ห่างจากเคาน์เตอร์หรือโต๊ะทำงานของเธอเท่าไหร่นัก
กึก…
คิ้วถากขมวดเข้าหากันทันทีที่หูของเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น พร้อม ๆ กับสาวเ้าของร้านที่ก็ได้ยินและรู้ว่ามันดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งด้านในของชั้นวางหนังสือ ทำให้ใจดวงน้อยถึงกับกระตุกเบา ๆ
กึก กึก…
ข้าวหอมเคาะส้นรองเท้าลงกับพื้นทำให้เกิดเป็เสียงเดียวกันจนชายร่างสูงหันกลับมามองที่ขาเรียวของเธอแทน และเข้าใจว่าต้นตอของเสียงเกิดจากหญิงสาวคนนี้ เขาหมุนตัวหันกลับมามองหน้าผู้หญิงใบหน้าสวยแบบจริงจังครั้งแรก ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปที่หน้าร้านแล้วชะโงกมองอะไรบางอย่างแล้วถึงได้หมุนตัวเดินกลับเข้ามาด้านในอีกหน
“โกดังข้างหลังร้าน…รู้จักเ้าของไหม” เขาถามออกมาพร้อมกับจ้องหน้ารอคำตอบ
“ไม่ค่ะ ไม่เคยเห็นคนเข้าออกด้วย น่าจะเป็โกดังร้างนะ อยู่มานานแล้ว”
เสียงหวานตอบออกไปตามที่คิดเพราะโกดังขนาดใหญ่ด้านหลังร้านหนังสือของเธอสร้างขึ้นทีหลัง หลังจากที่ครอบครัวของเธอเปิดร้านหนังสือตรงนี้มาได้เกือบสิบปี โกดังนั้นถึงได้มีการก่อสร้างขึ้น จนกระทั่งผ่านมาอีกสิบปีเธอก็ยังไม่เคยเห็นคนเข้าออกโกดังนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว…
“งั้นหรอ…มันคงเพิ่่งกลับมาอยู่เหมือนกันสินะ”
“อะไรนะคะ?”
“ไม่ได้พูดกับเธอ”
ข้าวหอมเงียบไปเพราะเห็นถึงความไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ของผู้ชายตรงหน้า เธอเลยเลือกปล่อยผ่านประโยค่ท้ายที่เขาพูดก่อนหน้าออกมาเบา ๆ จนเธอจับใจความไม่ได้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญคุณออกไปจากร้านฉันได้แล้วค่ะ เลยเวลาปิดร้านมามากแล้ว”
ปากเล็กพูดบอกกึ่งไล่หลังจากเหลือบสายตามองเวลาถึงได้เห็นว่านี่สองทุ่มกว่าแล้ว ไหนจะผู้ชายอีกคนที่ยังอยู่ด้านในห้องลับอีก ถ้าผู้ชายคนนี้ยังไม่ออกไปอีกคนก็ไปไม่ได้ มีหวังเธอไม่ต้องปิดร้านกันพอดี…
“…” เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเดินออกไปจากร้านโดยไม่ได้เอ่ยอะไร
ั์ตาสวยมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มลูกครึ่งออกไปจนเขาเดินหายลับไปจากสายตา เธอถึงได้ล้วงเอากุญแจดอกเล็กดอกเดิมออกมาจากกระเป๋ากระโปรงแล้วเดินตรงไปหากล่องดนตรีสีสวยทันที ข้าวหอมไขกล่องให้เปิดอ้าออกแล้วปล่อยให้ชั้นวางเลื่อนช้า ๆ เพราะไม่เห็นว่าคนด้านในมีทีท่าที่จะเปิดออกมา
“…นี่คุณ”
ปากเล็กส่งเสียงเรียกชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่กับพื้นไม่ดังมากนัก และเขาก็ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นพร้อมกับหันใบหน้ามามองเธอ
“ออกมาได้แล้ว ฉันจะปิดร้านแล้ว แล้วผู้ชายที่ดูน่ากลัวเมื่อกี๊ก็ไปแล้วด้วย”
“…”
ร่างแกร่งยันตัวเองลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยไม่ได้พูดอะไร เขาเดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทางนิ่ง ๆ ข้าวหอมเลยปิดชั้นวางหนังสือให้กลับเข้าที่เดิมแล้วหมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ชายแปลกหน้าที่ดูไม่ได้น่ากลัวเท่าคนเมื่อสักครู่
“คุณหนีเขามาหรอ คนนั้นที่ทำร้ายคุณ”
เสียงหวานเอ่ยถามออกไปด้วยความมั่นใจระดับหนึ่ง เพราะเท่าที่สังเกตด้วยสายตาผู้ชายทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของรอยฟกช้ำตามใบหน้า หรือรอยเืต่าง ๆ แล้วไหนจะมีดเล่มนั้นที่ผู้ชายหน้าหล่อร้ายถือเข้ามาในร้าน กับรอยแผลตรงต้นแขนของผู้ชายคนนี้อีก
“ไม่ได้หนี แต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปะทะกันแบบสกปรก”
เขาพูดออกมาด้วยใบหน้านิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ให้เธอได้คาดเดา ร่างสูงหันใบหน้าหล่อ ๆ ของตัวเองมองไปรอบ ๆ ร้านหนังสือก่อนจะก้าวขาเดินสำรวจทั่วทั้งร้านไม่ต่างไปจากผู้ชายคนก่อนหน้า
“…คุณไม่ไปโรงพยาบาลหรอ แผลตรงต้นแขนน่ะ”
ข้าวหอมพยักเพยิดหน้าบอกเขาแต่เหตุผลจริง ๆ คือเธอกำลัง้าไล่คนแปลกหน้าให้ออกไปจากร้านต่างหาก เพราะเห็นว่าผู้ชายคนนี้แลจะไม่ได้เป็อะไรมากขนาดนั้น
“ยังไปตอนนี้ไม่ได้”
“…”
ั์ตาคมตอบออกมาเพียงเท่านั้นพลางจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจเป็ครั้งแรก
“ทำแผลให้หน่อย เหนียว” เสียงทุ้มเข้มพูดบอกแบบคนชินในการออกคำสั่ง
“ฉันจะปิดร้านแล้ว คุณไปโรงพยาบาลสิ ที่นี่ไม่ได้มีอุปกรณ์ทำแผลครบครันหรอก” ข้าวหอมพูดบอกพลางมองสบตากับใบหน้าหล่อลูกครึ่งที่ชัดไปทางเอเชีย
“ทำเท่าที่ได้ก็พอ”
ชายหนุ่มย้ำคำเดิมก่อนจะสอดส่ายใบหน้าหาที่นั่งใกล้ตัวเพื่อรอให้หญิงสาวไปจัดการตามที่เขาบอกอย่างไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง ใบหน้าสวยมองผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งแบบไม่ฟังเธอสักนิด พลันในหัวก็ลังเลเล็กน้อยแล้วถึงได้ตัดสินใจเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลขนาดพกพาตรงหลังเคาน์เตอร์ออกมา
เท้าเรียวในรองเท้าหนังแบบตุ๊กตาเดินตรงเข้าไปหาผู้ชายที่มีใบหน้าไร้อารมณ์คนนั้น พร้อมกับย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อวางอุปกรณ์ทำแผลลงข้างตัว
“ขออนุญาต”
ปากเล็กเอ่ยบอกตามมารยาทและรอให้ผู้ชายตรงหน้าพูดตอบก่อน แต่ผ่านไปเกือบนาทีเขาก็ยังนิ่งเงียบเธอเลยไม่สนใจจะถามอะไรต่อและลงมือทำแผลบนใบหน้าให้เขาเพราะ้าให้ผู้ชายคนนี้ออกไปจากร้านหนังสือของเธอไว ๆ
มือบางหยิบสำลีชุบน้ำเกลือแล้วเช็ดเบา ๆ ลงที่คิ้วหนาดกดำของเขา เธอจ้องมองแผลแตกอย่างละเอียดเพราะไม่้าออกแรงมากเกินไปจนแผลใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ข้าวหอมลากมือออกมาจากคิ้วของชายหนุ่มพร้อมกับก้มตัวลงหยิบสำลีอีกแผ่นมาซับเืที่มุมปากหนาอย่างแ่เบาเช่นกัน ทำให้ใบหน้าหล่อต้องหลุบสายตาลงมองการกระทำของสาวเ้าของร้านอย่างช่วยไม่ได้
ั์ตาคมมองใบหน้าสวยที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงฝ่ามือพลันในใจก็แอบคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ระวังตัวขนาดนี้ทั้งๆ ที่เขาเป็ผู้ชายแปลกหน้าสำหรับเธอ
“อย่าจ้องได้ไหม มันอึดอัด”
เสียงหวานเปล่งออกมาแม้เธอจะไม่ได้ละสายตาออกมาจากแผลที่มุมปากของเขา แต่ก็รับรู้โดยตลอดว่าผู้ชายตรงหน้าจ้องมองเธอมาสักพัก
“…”
เขาไม่ได้พูดอะไรแต่ดึงสายตากลับไปมองทางอื่นทันที เธอเลยทำแผลต่ออย่างไม่คิดอะไร…
“คุณไปทำอะไรให้เขาหรอ หรือคนนั้นเขาเป็พวกค้ายา?”
สาวเ้าของร้านถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะเธอยังไม่ได้คำตอบใด ๆ จากปากคนตรงหน้าที่กำลังทำแผลให้อยู่
“ฉันเหมือนพวกขี้ยาหรอ”
ใบหน้าหล่อสไตล์ลูกครึ่งหันขวับกลับมามองสบตากับเธอหลังจากได้ยินสิ่งที่หญิงสาวถาม แต่เขาน่าจะตีความไปกันคนละความหมาย ทำให้ทั้งสองคนต่างต้องจ้องมองหน้ากันอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยระยะที่ใกล้ชิดจนน่ากลัว
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย”
“หึ ตาไม่ถึงเอาซะเลย”
น้ำเสียงทุ้มเข้มเค้นหัวเราะออกมาพลางดึงสายตามองออกไปทางอื่นอย่างเอือม ๆ
