ใบหน้ากู้ฉีหยุดชะงัก ค่อยๆ วางถ้วยชาในมือลง
“ท่านน้าร่างกายดีอย่างมาก อิ่มเอิบไม่น้อยเลยขอรับ”
อันซื่ออดยิ้มออกมาไม่ได้ “จะไม่อิ่มเอิบได้หรือ นับขึ้นมานางก็ตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว ฮ่าๆ นางรอคอยมาตั้งนานเท่าไรกัน ในที่สุดสิ่งที่นางตั้งตารอก็มาเสียที”
กู้ฉีไม่กล่าวอะไรต่อ ในความเป็จริงเมื่อวานเขาไปเยี่ยมโหยวอวี่เวย เฉินซื่อก็อยู่ตรงนั้นกับพวกเขาด้วยั้แ่ต้นจนจบ สายตาที่มองเขาสลับซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก ทำให้หนังหัวของเขาชาวาบอยู่เล็กน้อย
อันซื่อสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าหัวข้อนี้ไม่เหมาะให้สนทนากับบุตรชาย นางกระแอมไอเบาๆ หนึ่งที “อวี่เวยเป็อย่างไรบ้าง สภาพอาการาเ็หายดีหรือยัง?”
สำหรับเื่ที่โหยวอวี่เวยเข้ามาขวางลูกธนูแทนกู้ฉี อันซื่อซาบซึ้งจากใจจริง หากไม่ใช่นางเข้ามารับศรแทนกู้ฉีไว้ ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงเห็นจะเป็กู้ฉีแล้ว
บุตรชายของนางร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยบ่อย กว่าจะบำรุงรักษาร่างกายให้ดีขึ้นมาได้ไม่ง่ายเลย หากาเ็เข้าอีกก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดอาการป่วยอะไรอื่นขึ้นตามมา
อมิตาพุทธ พระพุทธองค์คุ้มครอง!
หลังอันซื่อทราบเื่นี้ก็ตั้งใจไปวัดต้าเอินจุดธูปก้มลงกราบบูชาโดยเฉพาะ
“อื้ม ดีขึ้นมาก หมอหลวงจับชีพจรไปแล้ว บอกว่าร่างกายนางแข็งแรงเป็อย่างยิ่ง รอให้าแตกสะเก็ดก็หายแล้วขอรับ” กู้ฉีนึกถึงใบหน้าที่หัวเราะสดใสของนาง บนใบหน้าของเขาอดอ่อนโยนลงสองสามส่วนไม่ได้
“ฮ่าๆ ร่างกายของเด็กผู้นั้นแข็งแรงมากมาั้แ่เด็กแล้ว เจ็บป่วยน้อยยิ่งนัก จุ๊ๆ ไม่รู้เลยว่าท่านน้าของเ้าให้นางทานอะไรเข้าไป ครั้งก่อนตอนที่พบนาง ใบหน้ารูปไข่อมชมพู มองแล้วดึงดูดให้คนชื่นชอบนัก” อันซื่อชื่นชอบโหยวอวี่เวยั้แ่ยังเล็กแล้ว เด็กผู้นั้นร่างกายแข็งแรง รอบกายเต็มไปด้วยบรรยากาศสดใส อันซื่อให้นางเล่นเป็เพื่อนกู้ฉี เพียงเพราะอยากให้กู้ฉีรับเอาความสดใสจากนางมาบ้าง
โหยวอวี่เวยท่าทางกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา น่ารักมากจริงๆ มุมปากกู้ฉีอดยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
อันซื่อเห็นดังนั้น ในใจพลันกระตุกไหวหวั่น ดวงตาของนางกลอกไปมาเล็กน้อย หลังจากนั้นลองถามหยั่งเชิงขึ้น “ฉีเอ่อร์ โหยวอวี่เวยเป็แม่นางที่ดีผู้หนึ่งเลย เ้าดูสิ เพื่อเ้าแล้วแม้แต่ชีวิตนางก็สามารถละทิ้งไปได้”
กู้ฉีมองใบหน้าที่ระมัดระวังอย่างมากของผู้เป็มารดา เขาก็ทอดถอนหายใจอยู่ข้างใน
เขาเงียบสนิทอยู่นาน ในที่สุดก็ทำการตัดสินใจออกมา
อันซื่อเดินออกไปจากที่พักไท่อันด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ รอยยิ้มกว้างปรากฏออกมาอย่างยับยั้งไว้ไม่อยู่ ในที่สุดฉีเอ่อร์ของนางก็ยอมพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว
เมื่อส่งอันซื่อจากไป กู้ฉีเดินเข้ามาภายในห้องหนังสือเพียงลำพัง ยืนอยู่หน้ารูปวาดูเาและแม่น้ำธรรมชาติภาพนั้น... ไม่ไหวติงอยู่นานมาก
ภาพม้วนทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามเงียบสงบแขวนอยู่ ยังคงเป็สีแดงไม่มากไม่น้อยจนเกินไป บ้านพักอาศัยหลบซ่อนอยู่ภายในป่าสีแดงผืนนั้น
กู้ฉีคล้ายกับว่ามองเห็นเงากายงดงามที่คุ้นเคยผู้หนึ่งเดินออกมาจากในบ้าน นางโบกมือมาที่เขาแล้วหมุนกายหลบเข้าไปในป่าสีแดง หลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏกายออกมาอีกเลย
เขาปิดดวงตาที่แสบร้อนลง สงบอารมณ์อยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเปิดเปลือกตาขึ้น
ยกมือขึ้นไปปลดภาพวาดลงมา ค่อยๆ เช็ดหนึ่งรอบอย่างทะนุถนอม พลางถอนหายใจแล้วม้วนภาพวาดให้เป็ขดเข้าหากัน
หันไปหยิบเอาตลับไม้สีแดงโบราณเรียบๆ หนึ่งตลับลงมาจากชั้นวางหนังสือ นำม้วนภาพวางลงไปด้านใน
“คุณชายห้า ด้านนอกองครักษ์เฉินเผิงเฟยขอเข้าพบเ้าค่ะ”
กู้ฉีดึงสติกลับมาและกล่าวออกไป “ให้เขาเข้ามา”
เฉินเผิงเฟยหอบเอากระแสลมหนาวเข้ามาในห้องหนังสือ เขาแสดงออกอย่างจริงจัง สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม
“คุณชาย เหวยจื่อยวนที่ท่านให้ข้าน้อยจับตาดู เมื่อวานเขาเข้าร่วมกับขันทีใหญ่ฉินเป่าอิงของตำหนักองค์ไท่จื่อแล้วขอรับ”
“เหวยจื่อยวน? กับฉินเป่าอิง?” กู้ฉีขมวดคิ้ว นับั้แ่สุขภาพของเขาดีขึ้น การพบกับเหวยจื่อยวนจึงน้อยครั้งมาก
“ขอรับ องครักษ์ลับที่จับตาดูรายงานมาว่า ขณะที่ท่านไปเอ้อโจวเขากับฉินเป่าอิงก็เริ่มมีการติดต่อกัน พอไม่กี่วันมานี้ที่ท่านกลับถึงจวนสกุลกู้ เขาก็อยู่อย่างสงบได้สองสามวัน แต่เมื่อวานฉินเป่าอิงส่งคนมาเชิญเขาไป เมื่อวานหลังจากที่เขากลับมาสีหน้าก็ผิดปกติเล็กน้อย วันนี้ตอนฟ้ารุ่งสางก็ออกจากจวนไปอีก จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่กลับเลยขอรับ” เฉินเผิงเฟยเพิ่งได้รับข่าวนี้เมื่อวาน วันนี้ทั้งวันเหวยจื่อยวนล้วนไม่กลับมาภายในจวนเลย เขารู้สึกว่าผิดปกตินักจึงรีบมารายงานกู้ฉี
“ทั้งวันไม่กลับมาเลย?” กู้ฉีหยัดกายยืนขึ้น สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไประมัดระวังและจริงจัง เหวยจื่อยวนเป็ผู้ที่รู้เื่ของวัตถุดิบอาหารสกุลหู แม้เื่ราวมากมายในภายหลัง เขาเจตนาปิดบังไว้ทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ขอแค่ปะติดปะต่ออาการป่วยของเขาในเมื่อก่อน ก็สามารถคาดคะเนเื่ได้ไม่ยากว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
เหวยจื่อยวน้าจะทำอะไร?
สมองของกู้ฉีแล่นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ครั้งแรกที่สกุลหูขายโสมคนให้กับฝูอันถัง เหวยจื่อยวนก็ทราบเช่นกัน หรือเขาจะเดาออกว่าโสมคนที่ถวายขึ้นไปให้ฮ่องเต้เป็สมุนไพรที่มาจากสกุลหู หลังจากนั้นก็เป็จวนสกุลกู้ที่เป็ผู้ถวายขึ้นไปให้ฮ่องเต้? เขาติดต่อกับขันทีฉินเป่าอิงจากตำหนักองค์ไท่จื่อ คิดจะใช้ข่าวนี้ทำให้ไท่จื่อเกิดความโมโหและมาลงที่จวนสกุลกู้ พอจวนสกุลกู้ประสบกับผลกระทบอย่างหนักก็คงต้องยุ่งวุ่นวายขึ้นแน่ๆ หากเป็เช่นนั้นเขาก็จะใช้โอกาสจากความวุ่นวายให้ตัวเองหลุดพ้นจากจวนสกุลกู้ไปได้
กู้ฉีสีหน้าครึ้มทันที
เหวยจื่อยวน เห็นกันอยู่ว่าเป็คนฉลาดเฉียบแหลมชัดๆ แต่กลับกระทำเื่ไร้เหตุผลเช่นนี้ออกมาเสียได้
“เผิงเฟย รีบส่งคนออกไปหาเหวยจื่อยวน พาเขากลับมาให้ได้ หากเขาต่อต้าน ก็ฆ่าทิ้งได้เลย” กู้ฉีออกคำสั่งไปอย่างเ็า
จวนสกุลกู้เลี้ยงดูเขาด้วยเงินเดือนสูงยิ่ง เขาไม่ซาบซึ้งในพระคุณ คิดว่าการตรวจไข้และรักษาให้คนในจวนสกุลกู้จากตำแหน่งสูงสุดไปจนต่ำสุดเป็การทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี หากคิดจะทรยศหักหลังแค่เขา กู้ฉีไม่ได้ให้ความสำคัญเลย จวนสกุลกู้ถวายสมุนไพรขึ้นไปย่อมมีความดีความชอบ หากองค์ไท่จื่อ้าแก้แค้นก็ต้องดูว่าฮ่องเต้เห็นด้วยหรือไม่ แต่หากจะลากสกุลหูลงเหวไปด้วย เช่นนั้นไม่อาจให้อภัยได้
บุญคุณช่วยชีวิตของสกุลหูยังไม่ทันได้ตอบแทน จะมาเป็เพราะเขาแล้วถูกเกี่ยวโยงในการถกเถียงของราชสำนักไม่ได้เด็ดขาด
“เ้าให้คนติดตามการเคลื่อนไหวของตำหนักองค์ไท่จื่ออย่างใกล้ชิด มีเื่อะไรเข้ามารายงานได้ทุกเมื่อ”
“ขอรับ ข้าน้อยรับทราบ” เฉินเผิงเฟยรับคำสั่งพร้อมจากไป
กู้ฉีเดินอยู่ในห้องหนังสือด้วยความกังวลอยู่สองรอบ ไม่รู้ว่าเหวยจื่อยวนกล่าวอะไรกับฉินเป่าอิงไปแล้วบ้าง แต่สามารถมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าสถานการณ์ของสกุลหูในตอนนี้ไม่ดีแล้ว
เขาขมวดคิ้วคิดอยู่พักหนึ่ง จึงนั่งลงหน้าโต๊ะหนังสือ เริ่มเขียนจดหมายให้หลิวผิง สั่งเขาให้โยกย้ายกองกำลังองครักษ์ภายในเขตเอ้อโจว มาคอยดูแลครอบครัวสกุลหูทั้งวัน จนกว่าอำนาจขององค์ไท่จื่อจะหมดไป ไม่เช่นนั้นกลุ่มองครักษ์ล้วนต้องคุ้มครองความปลอดภัยของสกุลหูอยู่ตลอด
เขียนจดหมายให้หลิวผิงเสร็จ เขาก็เริ่มเขียนจดหมายให้เจินจู เื่ราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วจะปกปิดสกุลหูไว้ไม่ได้ หากเกิดเื่อะไรขึ้น เขาจะมีหน้าไปเผชิญกับพวกนางได้อย่างไร
เขาเขียนอย่างคลุมเครือ ไม่ได้แสดงปัญหาออกมาตามตรง แต่เด็กสาวฉลาดเฉียบแหลมอย่างยิ่งจะต้องเข้าใจเจตนาของเขาแน่นอน
กู้ฉีละอายใจเป็อย่างมาก เพราะความสัมพันธ์ของเขาได้ทำลายชีวิตอันสงบเงียบของพวกนาง แม้พระอาการประชวรของฮ่องเต้ในขณะนี้จะดีวันดีคืน แต่จะกลับมาภายในโถงราชสำนักอีกครั้งยังต้องใช้ระยะเวลา่หนึ่ง อีกอย่างอำนาจขององค์ไท่จื่อได้จัดวางไว้มานานแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถโค่นล้มลงได้ง่ายๆ
การวางตัวขององค์ไท่จื่อจ้องมองคนด้วยความโกรธแค้นจำเป็ต้องสนอง [1] ด้วยวิธีการโเี้ จวนสกุลกู้ถวายสมุนไพรขึ้นไปจะต้องกลายเป็หนามที่ทิ่มแทงตาอย่างแน่นอน หากแต่พระพลานามัยของฮ่องเต้แข็งแรงสงบนิ่งดี เขาไม่มีทางทำให้จวนสกุลกู้อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้าแน่ ดังนั้นแปดถึงเก้าในสิบส่วนองค์ไท่จื่อจะต้องไประบายอารมณ์กับสกุลหูอย่างแน่นอน ความปลอดภัยของสกุลหูจะประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เขาเขียนใส่กระดาษจดหมาย ภาษาที่ใช้ลื่นไหลงดงาม เขียนไม่เว้น่ตอนเต็มหน้ากระดาษ รอจนร่องรอยน้ำหมึกแห้งดีจึงพับอย่างระมัดระวังและใส่เข้าซองจดหมาย
หวังว่าเื่ราวจะไม่พัฒนาไปยังทิศทางที่แย่ที่สุด
...บนูเาซิ่วซี เงากายที่สวมชุดสีน้ำเงินร่างหนึ่งกำลังเดินไต่ขึ้นไป้า
“เสี่ยวเฮย รอข้าด้วย” เจินจูปีนขึ้นูเาพร้อมกล่าวอย่างเค้นเสียงออกมา
เสี่ยวเฮยยืนอยู่ส่วนที่สูงและมองลงมายังนาง
ถนนูเาเดินทางได้ยากลำบาก เจินจูยกเท้าทีละก้าวๆ ปีนขึ้นไปบนที่สูง
นางกับเสี่ยวเฮยกำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของูเาซิ่วซี ูเาลึกในฤดูหนาว ความมีชีวิตชีวาของต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่มลดน้อยลง กลับมีความเงียบเหงาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
นกนานาชนิดที่เมื่อก่อนร้องเจี๊ยวจ๊าวก็ไม่มีร่องรอยให้ได้เห็น
จังหวะก้าวย่างของเสี่ยวเฮยนำอยู่ข้างหน้านางอย่างงดงามมีสง่า เจินจูตามอยู่ข้างหลังอย่างลมหายใจหอบกระชั้น
นางถอดเสื้อสองชั้นสีเรียบออก และโยนทิ้งเข้าไปในมิติช่องว่าง สายลมูเาเย็นเยือกพัดโชยจนนางตัวสั่นเทา
ไอ๊หยา ปีนูเาในฤดูหนาวเช่นนี้ลำบากจริงๆ เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน หากไม่ระวังคงเป็หวัดเอาได้
หนึ่งคนหนึ่งแมวเดินทางมุ่งหน้าไปยังูเาในส่วนที่ลึกและข้ามบึงมรกตเข้าไปอีก เสี่ยวเฮยร้องขึ้นหนึ่งที “เหมียว”
“ฤดูหนาวเช่นนี้ ผู้ใดจะไปงมปลาให้เ้า อย่าได้คิดเลยเชียว รอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิไปแล้วค่อยมาอีกที” เจินจูโบกมือให้มันรีบเดิน
เสี่ยวเฮยหันกลับไปมองหนหนึ่งด้วยความอาลัยอาวรณ์ แล้วจึงก้าวต่อไปอย่างเซื่องซึม
จุดมุ่งหมายของพวกนางคือูเาลูกหนึ่งที่อยู่ด้านหลังแห่งนั้น ูเาลูกนั้น เจินจูเคยไปสองครั้ง ตัวเขาไม่สูง ที่ดินอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้เจริญงอกงามอย่างมาก มีแม่น้ำลำธารสายเล็กๆ ระหว่างูเาและเนินลาดก็มากอีกด้วย
เจินจูเลือกหยุดฝีเท้าลงข้างลำธารสายเล็กแห่งหนึ่งอยู่ระหว่างูเา ที่มีแสงอาทิตย์ส่องถึง
“พอแล้ว เสี่ยวเฮย ตรงนี้แหละ”
เสี่ยวเฮยเลือกนั่งลงบนก้อนหินที่ยื่นขึ้นมาก้อนหนึ่ง
“เ้ารอหน่อยนะ ข้าจะไปขุดม่านถัวหลัวออกมา”
ไม่ผิด... จุดประสงค์ที่นางปีนขึ้นมาบนูเาครั้งนี้ก็เพื่อย้ายต้นม่านถัวหลัวออกมาปลูกที่นี่
ในมิติช่องว่าง ต้นม่านถัวหลัวงอกงามเจริญเติบโตสูงมากแล้ว ดอกม่านถัวหลัวบนต้นออกถี่ยิบ กลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์ของมันลอยกระจายอยู่ในอากาศ เจินจูอยู่ในนั้นนานๆ รู้สึกวิงเวียนหน้ามืดตาลาย สติลางเลือน ดังนั้นนางจึงไม่กล้าปลูกต้นม่านถัวหลัวไว้ในมิติช่องว่างอีกต่อไป
นางหยิบจอบเล็กออกมา ทำการขุดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมของม่านถัวหลัวในมิติช่องว่างเข้มข้นเกินไป อยู่นานไม่ได้
ขุดดินรอบๆ โคนต้นของมันทั้งหมดหนึ่งรอบ แล้วออกแรงดึงขึ้นอย่างแรง
ทันทีหลังจากนั้นแบกมันขึ้นบนบ่า แล้วปรากฎกายออกมาจากมิติช่องว่าง
“โอ๊ย... ดอกไม้เล็กๆ น้อยๆ นี่ มีพลานุภาพยิ่งนัก ข้าเพิ่งเข้าไปครู่เดียวเอง ศีรษะวิงเวียนไปหมดแล้ว” เจินจูทิ้งต้นม่านถัวหลัวลง สูดเอาอากาศด้านนอกเข้าไปเฮือกใหญ่
“เหมียว” เสี่ยวเฮยเดินเข้ามาชมต้นม่านถัวหลัวใกล้ๆ
“นี้ เ้าอย่าเข้าไปใกล้มัน ทั้งต้นมันมีพิษอันตรายยิ่งนัก” เจินจูรีบเตือนเสี่ยวเฮย
เสี่ยวเฮยหันมากลอกตาทางนาง สัญชาตญาณสัตว์ป่าของมันรู้อยู่แล้วล่ะน่าว่าแตะต้องเ้าต้นนี้ไม่ได้ ยังจำเป็ต้องให้นางเตือนเสียที่ไหน
เจินจูหมดคำพูด เ้าบรรพบุรุษตัวน้อยนี่ อย่าแสดงความคิดออกมาเหมือนมนุษย์เช่นนี้จะได้หรือไม่
พักอยู่เล็กน้อย เจินจูจึงเด็ดดอกของม่านถัวหลัวทั้งหมดมากองอยู่ข้างหนึ่ง อย่างไรเสียตอนนี้ก็เป็ฤดูหนาว แม้นางไม่เด็ดออกพอผ่านไปสองสามวัน ดอกก็เหี่ยวเฉาหมดแล้ว
นางเด็ดดอกลงมาแล้วจะนำไปอบแห้ง หลังจากนั้นโม่ให้กลายเป็ผง เตรียมเผื่อเอาไว้ใช้ในยามที่้า
เหอะ หากพบเข้ากับผู้ใดที่ไม่มีสายตา สาดผงหนึ่งห่อเข้าไป รับรองได้เลยว่าสติของเขาต้องเลือนลางอย่างแน่นอน หัวเราะและร้องไห้แปรปรวนไม่หยุดแน่
จางเฉิงหย่วนในอำเภอที่โดนพิษเข้าไปครั้งนั้น อาชิงไปสืบข่าวมาแล้ว ผ่านมาหลายวันเพียงนี้ ได้กรอกยาสมุนไพรแก้พิษไปหลายวัน ก็ยังคงหลอนการได้ยินและเห็นภาพหลอนอยู่เลย ทั้งยังจิตใจสับสน แต่ไม่ได้บ้าคลั่งหรือมีอาการกระสับกระส่ายเหมือนตอนที่เพิ่งโดนพิษเช่นนั้น คนทั้งร่างผอมลงไปมาก แม้ไร้ความทุกข์ในชีวิต ทว่าจิตใจและกำลังวังชาของเขาค่อยๆ หมดเรี่ยวแรงลงไป
อืม... สิ่งของที่ผ่านการใช้น้ำแร่จิติญญาปรับปรุงให้ดีขึ้น ทำให้มีอานุภาพเพิ่มขึ้นมากจริงๆ ด้วย ประสิทธิภาพและความรุนแรงของพิษเพิ่มมากขึ้นกว่าม่านถัวหลัวปกติหลายเท่านัก
เด็ดดอกจนหมด จึงจัดการเก็บเข้าไปในมิติช่องว่าง จากนั้นเริ่มขุดหลุมขึ้น
หิมะเพิ่งตกลงมา ดินบนพื้นจึงเปียกชุ่มอยู่บ้าง เจินจูขุดอยู่หนึ่งเค่อ จึงขุดระดับความลึกที่เหมาะสมออกมาได้
จับต้นม่านถัวหลัวตั้งลงไปและเติมดินลงให้เต็ม งานนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น
รดน้ำแร่จิติญญาลงไปสองสามกระบวย เพื่อให้รากของมันยึดแน่นกับดิน รอจนปีหน้าค่อยมาดูอีกที ถึงตอนนั้นดอกก็บานสะพรั่งแล้ว
ยังดีที่ตอนนี้ไร้เื่รบกวนจิตใจจึงผ่อนคลายสบายดี ม่านถัวหลัวแผ่กิ่งก้านอยู่ในมิติช่องว่างมาระยะหนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของมันอย่างเข้มข้น ทำเอาเจินจูไม่กล้าเข้าไปพักอยู่ในมิติช่องว่างเลยทีเดียว
พอย้ายมันออกมาจากมิติช่องว่าง ก็กำจัดความกังวลในใจไปเสร็จสิ้น เจินจูจึงพาเสี่ยวเฮยลงเขาไปอย่างร่าเริง
กลับมาถึงหน้าประตูบ้าน ยังไม่ทันได้เคาะประตู ประตูลานบ้านก็เปิดออกมาแล้ว
ใบหน้าเล็กโศกเศร้าของผิงอันก็ปรากฏออกมาหลังประตู
“ท่านพี่ ท่านพาเสี่ยวเฮยไปเล่นคนเดียวอีกแล้ว”
เชิงอรรถ
[1] จ้องมองคนด้วยความโกรธแค้นจำเป็ต้องสนอง หมายถึง แม้ความขุ่นเคืองเล็กน้อยมากก็ต้องแก้แค้นให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้