“เนี่ยหลีคงไม่เกิดเื่นะ?” ตู้เจ๋อจ้องมองเงาหลังที่หายลับไปของเนี่ยหลี สองคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย กับสถานที่ที่ไม่รู้จักเช่นด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนนี้ เขายังมีความกังวลใจอยู่บ้าง
ลู่เพียวหัวเราะฮาๆ และพูดว่า “ตู้เจ๋อ เ้าคิดมากเกินไป และก็ไม่เชื่อใจเนี่ยหลีเกินไปแล้วกระมัง? ยังมีเื่อะไรที่ยากสำหรับเนี่ยหลีบ้าง? หากมีเวลาเป็ห่วงเนี่ยหลี มิสู้เอาเวลาไปหลอมรวมกับจิตอสูรให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ข้าแทบรอดูไม่ไหวแล้วว่าเสือดาวปีศาจสีโลหิตของข้าจะแข็งแกร่งปานไหน!” ลู่เพียวแตะแหวนมิติ ท่าทางตื่นเต้นยิ่ง
สองคนหันไปมองด้านข้าง หาสถานที่ว่างแห่งหนึ่งนั่งลงฝึกยุทธ์ ทางหนึ่งก็รอคอยเนี่ยหลี
เห็นความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง เยี่ยเซิ่งอดรู้สึกดีใจมิได้ ไม่แปลกใจที่วรยุทธ์ของตู้เจ๋อและลู่เพียวจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ช่างขยันขันแข็งเกินไปแล้ว แม้แต่เวลาเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่ยอมให้เสียไป หากนักเรียนคนอื่นๆ ขยันขันแข็งเช่นตู้เจ๋อและลู่เพียว เช่นนั้นพวกตนก็วางใจได้แล้ว
เยี่ยเซิ่งและคณะอาจารย์ขยับไปด้านข้างเพื่อพักผ่อน ส่วนตู้เจ๋อ ลู่เพียว สองคนมุ่งมั่นอยู่กับการหลอมรวมจิตอสูร
เวลานี้ ภายในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วน
ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยแสงเงา ภาพนับไม่ถ้วนฉายผ่านหน้าไป ราวกับกำลังเดินผ่านห้วงเวลาและอวกาศอันไม่สิ้นสุด เนี่ยหลีเดินเข้ามา ทอดตามองออกไป เบื้องหน้าเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ดอกไม้เบ่งบานราวกับภาพปักฝีมือเยี่ยม เป็ภาพฉากที่งดงามยิ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนแล้ว เนี่ยหลีรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงะเิในอาณาเขติญญาของตน พลังิญญาก็เหมือนกับกำลังจะะเิออก ขยายตัวออกไปไม่หยุด อาณาเขติญญาขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อาณาเขติญญาของเขาขยายตัวออกไปทีละน้อยๆ ใบหน้าของเนี่ยหลีแสดงความเ็ป รู้สึกว่าอาณาเขติญญาของตนกำลังขยายตัวออกไป ทรมานอย่างยิ่ง
ที่แท้ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนนี้ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งซึ่งสามารถบำรุงพลังิญญาได้!
พักอยู่ในนี้เพียงครู่เดียว ได้ผลมากยิ่งกว่าการฝึกในโลกภายนอกหลายๆ วันเสียอีก!
อาณาเขติญญาขยายตัวขึ้นถึงหนึ่งในสามส่วนแล้ว! ความเ็ปรุนแรงแทบทำให้ซีกแก้มของเนี่ยหลีกระตุก
เนี่ยหลีลืมตาขึ้น จ้องมองไกลออกไป เขาเห็นในทุ่งหญ้าที่อยู่ไกลออกไป มีเงาร่างหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะเป็หนิงเอ๋อ ทว่าสายตาของเนี่ยหลีกำลังพล่าเลือนนัก เวลานี้ยังมองเห็นไม่ชัดเจน ‘อยู่ที่เดิมโคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูร่างกายอีกสักครู่ก่อน จึงค่อยว่ากัน’
ในอาณาเขติญญา พลังของปีศาจเงาและแพนด้าเขี้ยวเสือกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ช่างสมกับเป็ด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนเสียจริง เนี่ยหลีรู้สึกได้ว่าจิตอสูรทั้งสองในอาณาเขติญญาของตนกำลังแข็งแกร่งขึ้น ความก้าวหน้าในการฝึกยุทธ์น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง
ชั่วขณะนี้เอง ลึกลงไปในสติสัมปชัญญะของเนี่ยหลี เสียงแปลกใจแหบพร่าสูงวัยดังขึ้นคราหนึ่ง
“เ้าผีน้อย ในอาณาเขติญญาของเ้ามีจิตอสูรสองตนได้อย่างไร?”
“ท่านเป็ใคร?” เนี่ยหลีเอ่ยถาม ขณะกำลังจดจ่ออยู่กับการรวบรวมพลังิญญาที่เพิ่มพูนขึ้น เขารู้สึกได้ว่ามีิญญาดวงหนึ่งกำลังแอบดูเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ิญญาดวงนี้ไม่ได้ทำร้ายเขา ดังนั้นเนี่ยหลีจึงมิได้กังวล
“ฮาๆ เ้าตอบคำถามของข้าก่อนสิ ข้าจึงจะบอกว่าข้าเป็ใคร!”
“เพราะข้าได้ฝึกเคล็ดวิชาที่พิเศษอย่างหนึ่ง เช่นนี้ได้หรือไม่...” เนี่ยหลีพูดอย่างสงบ
“อ้อ... วิชาอะไรจึงวิเศษเช่นนี้?”
“นี่เป็คำถามที่สองแล้ว?” เนี่ยหลีกลอกตา “เอาแต่ถามคำถามผู้อื่นไม่หยุด แต่กลับไม่ตอบคำถามของผู้อื่น จะไม่ไร้มารยาทเกินไปสักหน่อยหรือ!”
เสียงสูงวัยนั้นทำท่าใและพูดว่า “เ้าผีน้อยคนนี้รับมือยากเสียจริง ข้าหลับอยู่ในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนแห่งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว แม้จะได้พบเห็นเด็กมีพร์มาแล้วมากมาย ทว่าพวกเขาไม่เข้าตาผุๆ ของข้าเอาเสียเลย เ้ากับนางหนูที่อยู่ตรงนั้นมีพร์ดีเยี่ยม ทว่าพร์ของเ้าดูท่าจะดีกว่าเล็กน้อย วันนี้ข้าต้องตาเ้าแล้ว ตาแก่เช่นข้าจะยอมรับเ้าเป็ศิษย์ก็แล้วกัน!”
“ท่านจะรับข้าเป็ศิษย์รึ? ข้าพูดั้แ่เมื่อใดว่าจะกราบท่านเป็อาจารย์?” เนี่ยหลีพูดอย่างดูแคลน จะเป็อาจารย์ของข้า เ้าเป็ใครกัน? สามารถสอนข้าได้หรือ? โผล่ออกมาก็อยากจะเป็อาจารย์ของข้า เช่นนั้นข้าคงมีอาจารย์เสียมากมายก่ายกองแล้ว?
“เ้าเด็กเหลือขอ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?” เสียงสูงวัยนั้นพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“แล้วท่านเป็ใครเล่า?” เนี่ยหลีถามขึ้นอย่างดูแคลนเล็กน้อย
“หลังจากยุคมืด พวกเราผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานทั้งห้านำพาผู้รอดชีวิตนับแสนคนอพยพมาถึงเมืองกวงฮุยแห่งนี้ ต้านทานการโจมตีจากฝูงสัตว์อสูร! ข้าคือหนึ่งในห้าบรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุย บรรพชนเยี่ยเหยียน! เป็บรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลวายุเหมันต์ เ้าเด็กเหลือขอ ได้ยินชื่อเสียงของข้าเข้า หวาดกลัวแล้วล่ะสิ!” เสียงสูงวัยนั้นดูมีความภาคภูมิใจ “ข้าผนึกิญญาเอาไว้ในด่านศักดิ์สิทธิ์เทียนฮ่วนและคอยปกป้องเมืองกวงฮุยเสมอมา หากไม่เป็เพราะข้า เมืองกวงฮุยก็คงล่มสลายไปแล้ว!”
“ที่แท้ก็คือหนึ่งในบรรพชนผู้ก่อตั้ง!” เนี่ยหลีพลันเข้าใจทันที ยกสองมือขึ้นคำนับปลกๆ “ข้าช่างเสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้ว แต่ทว่า ท่านบรรพชน ข้าไม่สนใจจะเป็ลูกศิษย์ของท่าน!”
“ไม่สนใจรึ? เ้าไม่สนใจจะเป็ลูกศิษย์ของข้าจริงหรือ?” เยี่ยเหยียนโมโหแล้ว “เ้าเด็กเหลือขอ เ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังได้รับโอกาสอะไร? ด้วยการชี้แนะของข้า เ้าอาจจะกลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่งได้สำเร็จภายในชั่วอายุของเ้าก็เป็ได้ อย่างน้อย ก็จะสามารถกลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองดำได้!”
“ข้าไม่ต้องกราบท่านเป็อาจารย์ ก็สามารถกลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานได้เช่นกัน!” เนี่ยหลีบ่นอุบกับตัวเอง แม้ข้าจะนับถือท่านในฐานะที่เป็บรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองกวงฮุย แต่ก็ไม่จำเป็ต้องกราบกรานท่านเป็อาจารย์!
“เ้า... อวดดีเกินไปแล้ว โอหังนัก! เ้าคิดว่าผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเป็กันได้ง่ายดายนักหรือ? ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานคนหนึ่งคือยอดคนที่คงอยู่ในทวีปเชียวนะ! นอกจากพวกที่มีพร์อันโดดเด่นแล้ว คนทั่วไปย่อมไม่อาจได้ััถึงเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์นั้น!” หากเยี่ยเหยียนยังมีชีวิตอยู่ เดาว่าปอดของเขาคงต้องะเิแล้ว เขาเป็บรรพชนผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่งซึ่งคิดจะรับเนี่ยหลีเป็ศิษย์ กลับถูกเนี่ยหลีปฏิเสธ นี่ช่างเป็เื่ที่ไม่อาจทนทานรับได้เสียจริงๆ! “เ้ารู้หรือไม่ว่าปีนั้นมีกี่คนที่ต้องมาขอร้องกราบกราน ขอเป็ศิษย์ของตาแก่เช่นข้า?”
“เอาเถอะๆ!” เนี่ยหลีเริ่มสลดทดท้อไม่จบ “ท่านบรรพชน ในเมื่อท่าน้าเป็อาจารย์ข้า ไหนท่านลองบอกมา ท่านคิดจะสอนอะไรข้าบ้าง?”
“ในฐานะที่เป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนาน ข้ารอบรู้ทุกสิ่งในแผ่นดินใหญ่นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้ ข้าเชี่ยวชาญในดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ทั้งยังมีเคล็ดวิชาที่ทรงอานุภาพซึ่งเป็มรดกตกทอดต่อๆ มาอีกมากมาย ในด้านเคล็ดวิชายุทธ์ ข้าก็สามารถให้คำแนะนำแก่เ้าได้!” เยี่ยเหยียนพูดอย่างภาคภูมิใจ ท่าทางพึงพอใจในตนเองถึงสิบส่วน “ตรงนี้มีเคล็ดวิชายุทธ์ที่ทรงอานุภาพอยู่ถึงห้าอย่าง เ้าสามารถเลือกได้อย่างหนึ่ง!”
ตรงหน้าของเนี่ยหลีพลันปรากฏแสงสว่างวาบขึ้น เป็แสงเจิดจ้าห้าจุด ้าปรากฏเป็รูปร่างอย่างหนังสือห้าเล่ม
“ให้ข้าดูสิว่าท่านมีเคล็ดวิชาดีๆ อะไรบ้าง!” สายตาของเนี่ยหลีตกอยู่บนหนังสือทั้งห้าเล่ม “หา? เคล็ดวิชามู่จ่วนท่านก็ยังเอาออกมาได้ ของเล่นชิ้นนี้อย่างมากที่สุดก็ฝึกได้ถึงแค่ระดับทองดำเท่านั้น? ทั้งขั้นตอนที่บันทึกอยู่ก็มีข้อผิดพลาดมากมาย ในบทที่สามบอกให้โคจรพลังิญญาไปยังจุดเทียนซู นี่มิใช่เป็การทำลายตัวเองในอนาคตข้างหน้าหรอกหรือ? จุดเทียนซูเป็จุดที่ใช้เชื่อมต่อฟ้าดิน!”
“โอ๋... หนังสือเล่มนี้ เป็ข้าหยิบออกมาผิดแล้ว” เยี่ยเหยียนสีหน้าจืดเจื่อนเล็กน้อย หนังสือเล่มหนึ่งบนอากาศหายวับไป
“ให้ข้าดูเล่มนี้ซิ ข้าแทบพ่นแล้ว เคล็ดวิชาหยางหลิง เคล็ดวิชาชุดนี้ฝึกได้ช้ายิ่ง ยังต้องหาสถานที่ที่มีแสงตะวันส่องถึงจึงจะฝึกได้ วันที่มีหมอกหนาก็ฝึกไม่ได้แล้ว ต่อให้สามารถฝึกถึงระดับตำนานได้ เกรงว่าคงต้องรอจนอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีเสียก่อน อีกทั้งทฤษฏียุทธ์ทั้งหมดตรงนั้น ข้าไม่พูดอะไรแล้ว ถ้าเปลี่ยนคำว่า ‘ซื่อหยางเข้าสู่ร่างกาย’ เป็คำว่า ‘หยินหยางผสานรูป’ อัตราเร็วในการฝึกยุทธ์จะเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเลยทีเดียว!”
“...” เยี่ยเหยียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าสิ่งที่เนี่ยหลีบอกออกมามีเหตุผลที่ลึกซึ้งอยู่หลายส่วน ถูกสกัดกั้นจนไม่ทราบว่าจะพูดอะไรออกมาแล้ว
“ข้าดูเล่มนี้ซิ นี่มิใช่เคล็ดวิชาชางหลางหรอกหรือ? จะต้องหลอมรวมกับจิตอสูรจำพวกหมาป่า จึงจะสามารถฝึกจนถึงระดับตำนานได้...”
“เป็อย่างไร เ้าชอบเคล็ดวิชาชุดนี้หรือไม่?” เยี่ยหยางเอ่ยถามขึ้นอย่างดีใจเล็กน้อย
“ฝึกเคล็ดวิชาพวกนี้หรือ? ข้าขอถามท่านบรรพชน เคล็ดวิชาชางหลางของท่านเหตุใดจึงมีแค่เก้าบท? ฝึกถึงระดับตำนานสามดาวก็หมดแล้ว ที่ข้าก็มีเคล็ดวิชาชางหลางเช่นกัน ให้ข้ามอบบทที่สิบแก่ท่านดีหรือไม่? ข้ารับรองว่าจะช่วยให้ท่านฝึกจนถึงระดับตำนานขั้นห้าได้!” เนี่ยหลีพูด
“...” เยี่ยเหยียนพูดไม่ออกแล้ว เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเป็บ้า เ้าเด็กเหลือขอผู้นี้มีความเป็มาอย่างไรกันแน่? คิดไม่ถึงว่ายังกลับจะมาสอนเคล็ดวิชาให้เขา?
หลายปีที่ผ่านมา อัจฉริยะที่เยี่ยเหยียนได้พบ ไม่ถึงจำนวนหมื่นก็มีจำนวนหลายพันคนแล้ว ทุกคนล้วนเป็ยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเมืองกวงฮุย ทว่ากลับไม่เคยพบสักคนที่เหมือนตัวประหลาดเช่นเนี่ยหลี เคล็ดวิชาทั้งห้าที่มอบให้เนี่ยหลีดู ทุกเล่มล้วนเป็เคล็ดวิชาทรงอานุภาพระดับสูงแล้ว ทว่าเมื่อให้เนี่ยหลีดู ทุกเล่มกลับล้วนไร้ค่า
เยี่ยเหยียนคิดๆ ก็ไม่เข้าใจ เนี่ยหลีอายุเท่าไหร่กัน เหตุใดจึงมีความรู้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ยังน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตาแก่ที่อยู่มานับพันๆ ปีเช่นเขาอีกหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้