ที่ชั้นล่าง ซูหงเยวี่ยนให้คนจัดเตรียมอาหารกลางวันไว้เต็มโต๊ะ
ลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันมาที่ห้องอาหาร ทั้งยังช่วยเธอลากเก้าอี้ออกมา “นั่งสิ”
นี่เขากำลังบริการเธออยู่อย่างนั้นเหรอ?
เธอรู้สึกยิ่งกว่าถูกหวย จึงนั่งลงพร้อมส่งยิ้มหวานให้ลู่เป๋าเหยียน “ขอบคุณค่ะที่รัก”
เธอกวาดตามองดูอาหารบนโต๊ะ แล้วตักซุปเป็ดตุ๋นให้กับลู่เป๋าเหยียนเฉกเช่นภรรยาผู้แสนดีทำให้สามีพร้อมฉีกยิ้ม “ชิมซุปก่อนสิคะ ซุปนี้อร่อยมากนะคะ”
ลู่เป๋าเหยียนเกลียดซุปเป็ดตุ๋นที่สุด เขาขยี้ผมูเี่อันพร้อมยิ้มประชด “ขอบคุณครับ” ท่าทางเหมือนกำลังเอ็นดูเธอ แต่แท้ที่จริงแล้วลงแรงเต็มที่
“ไม่เป็ไรค่ะ ขอแค่คุณชอบก็พอ” ูเี่อันรู้ว่าเขากำลังแก้แค้นเธออยู่ แต่ถึงผมเธอในตอนนี้คงยุ่งเหยิงยิ่งกว่ารังนก แต่เธอก็ยังสามารถฉีกยิ้มได้อย่างมีความสุข
ลู่เป๋าเหยียนพอใจที่เธอยอมเขา ถึงจะไม่รู้ว่านางมารน้อยคนนี้จะทนได้อีกแค่ไหน แต่เขาก็ยอมดื่มซุปที่เธอตักให้ไปจนหมด
ซูหยวนหยวนเห็นถ้วยที่ว่างเปล่าของลู่เป๋าเหยียนจึงรีบอาสา “เดี๋ยวฉันตักเพิ่มให้นะคะ พ่อครัวของที่นี่ต้มซุปอร่อยมาก ทานเยอะๆ นะคะ”
“ขอบคุณ แต่ไม่เป็ไรครับ” ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “ที่จริงแล้วผมไม่ชอบซุปเป็ดตุ๋น”
ซูหยวนหยวนถึงกับชะงัก สีหน้าดูอึดอัด “แล้วตอนที่พี่เจี่ยนอันตักให้เมื่อกี้...” เธอนึกว่าเขาชอบเสียอีก
ลู่เป๋าเหยียนมองูเี่อันอย่างรักใคร่ “ภรรยาตักให้ทั้งที ผมต้องดื่มอยู่แล้ว” แต่ถ้าคนอื่นตักให้ละก็...ขอบคุณ แต่ไม่เป็ไร
ูเี่อันยิ้มอย่างอ่อนหวาน อยากจะเข้าไปจุ๊บลู่เป๋าเหยียนสักที
ซูหยวนหยวนทั้งหน้าเสียและน้อยใจในเวลาเดียวกัน เธอวางถ้วยของเขาคืนที่เดิมอย่างหงุดหงิด
ูเี่อันยังคงไม่หยุดเพียงแค่นี้ เธอชี้ไปที่กุ้งเครย์ฟิช “ที่รักขา ฉันอยากกินอันนั้นจัง”
ลู่เป๋าเหยียนชักสงสัยว่าเธอชอบกินจริงหรือเปล่า เขาสวมถุงมือแล้วจึงหยิบกุ้งมาแกะเปลือกวางลงบนจานของเธอ แถมยังพูดอย่าง “อ่อนโยน” อีกว่า “กินช้าๆ นะครับ”
ูเี่อันชอบกินกุ้งเครย์ฟิชมาก แค่เห็นเนื้อนุ่มๆ ของกุ้งก็สามารถจินตนาการได้ถึงรสััที่นุ่มแน่นเต็มปากเต็มคำ เธอพยักหน้าตอบรับ แล้วจึงหยิบกุ้งจิ้มซอสกินอย่างเอร็ดอร่อย
ลู่เป๋าเหยียน “...”
เธอกินหมดแล้วก็อยากกินอีก แต่ก็ี้เีแกะเปลือกเอง จึงหันไปยิ้มกับลู่เป๋าเหยียน “ที่รักขา ขออีกได้ไหมคะ”
ลู่เป๋าเหยียนใช้สายตาปรามมองมาทางเธอเหมือนจะสื่อว่า อย่าให้มันมากเกินไป
ูเี่อันไม่สนหรอกกว่าจะเกินไปหรือเปล่า เธอยังคงส่งยิ้มหวานน่าหลงใหลให้กับลู่เป๋าเหยียนต่อไป
ซูหยวนหยวนเห็นดังนั้น จึงแนะนำด้วยความ ‘หวังดี’ ว่า “พี่เจี่ยนอัน ถ้าไม่งั้นให้น้าหลิวแกะเปลือกให้ไหมคะ ดูแล้วพี่เขยจะไม่ค่อยเต็มใจ อย่าฝืนใจเขาเลยค่ะ”
ซูหยวนหยวนเห็นว่าูเี่อันจงใจวางอำนาจเพื่อแสดงให้เธอดู เพราะรู้เื่ที่เธอชอบลู่เป๋าเหยียน แต่ว่าตอนนี้เธอจะทำใหู้เี่อันรู้ว่า ผู้ชายอย่างลู่เป๋าเหยียน ไม่ใช่คนที่เธอจะควบคุมได้!
ูเี่อันไม่ได้สนใจซูหยวนหยวนเลยสักนิด เธอยังไงคงใช้สายตาออดอ้อนลู่เป๋าเหยียน “ที่รักไม่เต็มใจงั้นเหรอคะ”
มุมปากของลู่เป๋าเหยียนถึงกับกระตุก
เขาหยิบทิชชู่เช็ดมุมปากที่เลอะซอสให้กับเธอ จากนั้นจึงเริ่มแกะเปลือกกุ้ง จุ่มซอส แล้ววางลงบนจานให้เสร็จสรรพ “จะไม่เต็มใจได้ยังไง คุณอยากกินเท่าไรผมก็จะแกะให้คุณ”
สายตาของเขาดูเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ เธอรู้ดีว่าที่เขาทำเป็แค่การแสดงอันยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่หัวใจเธอกลับเหมือนถูกเคลือบความหวานด้วยน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าความหวานนี้มักทำให้คนเสพติด เธอคงรับไว้ไม่ได้
ซูหยวนหยวนมองภาพนั้น ก้มหน้าลง น้ำตาไหลออกมา เธอเคยเจอลู่เป๋าเหยียนมาก่อนหน้านี้ คนที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลต์อย่างเขาจะไม่สังเกตเห็นเธอเลยเป็เื่ปกติ แต่เธอกลับตกหลุมรักเขาั้แ่แรกพบ หลังจากรู้ว่าลู่เป๋าเหยียนจะแต่งงานกับูเี่อัน เธอที่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่กลับไม่มีใครเห็นใจยอมช่วยเธอสักคน แต่หลังจากนั้นพ่อบอกเธอว่า งานแต่งงานของลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันก็แค่ละครฉากใหญ่ที่เล่นให้พวกเราดูเท่านั้น
แต่ตอนนี้ จากที่ลู่เป๋าเหยียนรักูเี่อันมากขนาดยอมช่วยแกะเปลือกกุ้งให้ แถมูเี่อันจากแต่ก่อนที่แยกเขี้ยวยิงฟันดั่งนารมารร้ายเวลาอยู่บ้าน กลับกลายเป็คนอ่อนหวานน่าทะนุถนอม สองคนนี้ดูอย่างไรก็เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามัน
“หยวนหยวน เป็อะไรหรือเปล่าลูก” เจี๋ยงเสวี่ยลี่เห็นลูกสาวร้องไห้จึงถามขึ้นอย่างเป็ห่วง “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ซูหยวนหยวนจึงตอบกลับไปว่า “หนูเจ็บ...เจ็บขาน่ะค่ะ”
“ขายังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ” ซูหงเยวี่ยนคิ้วขมวด “ไม่ต้องร้องนะลูก ทานข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวเสร็จพ่อพาไปโรงพยาบาล”
“แต่ว่าวันนี้คนขับรถหยุดนี่คะ แถมคุณก็เพิ่งดื่ม จะขับรถไม่ได้นะคะ” เจี๋ยงเสวี่ยลี่วางแผนในใจพลางมองไปที่ลู่เป๋าเหยียน “เป๋าเหยียน หลังทานเสร็จรบกวนไปส่งหยวนหยวนที่โรงพยาบาลได้ไหมคะ ลูกดูจะชอบคุณมากทีเดียว”
ูเี่อันกลอกตา ประโยคสุดท้ายของเจี๋ยงเสวี่ยลี่จะสื่ออะไร? ให้ลู่เป๋าเหยียนไปส่งหยวนหยวนที่โรงพยาบาลโดยไม่แคร์ความรู้สึกเธอไม่พอ ยังบอกกับเขาอีกว่าลูกสาวตนชอบเขา?
เฮอะ นี่กำลังบอกใบ้อะไรลู่เป๋าเหยียนอยู่หรือไง
“ไม่ต้องลำบากไปถึงโรงพยาบาลหรอกค่ะ” ูเี่อันฉีกยิ้ม “ลืมไปแล้วหรือคะ ว่าหนูก็เป็หมอเหมือนกัน ประสบการณ์ผ่าตัดของหนูมากกว่าหมอแผนกอื่นเสียด้วยซ้ำ หลังทานข้าวเดี๋ยวหนูช่วยดูให้เองค่ะ ”
“เอ่อ...ไม่ต้อง...” ซูหยวนหยวนใจนขาแทบจะหายเป็ปลิดทิ้ง ูเี่อันเป็หมอนิติเวช การผ่าตัดที่เธอพูดเมื่อกี้ มันผ่าศพไม่ใช่เหรอ?!
เจี๋ยงเสวี่ยลี่กลัวเสียยิ่งกว่าลูกสาว “ูเี่อัน เธอคิดจะทำอะไร หมอนิติเวชอย่างเธอจะมาดูอาการลูกสาวฉันได้ยังไงกัน”
เฮ้อ ดูถูกอาชีพเธอกันเข้าไป อยากจะสร้างโอกาสให้ลูกตัวเองอยู่กับลู่เป๋าเหยียนนักใช่ไหม เธอเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว ในตอนนั้นเอง ลู่เป๋าเหยียนนำกุ้งที่เพิ่งแกะเสร็จมาวางบนจานของเธอพร้อมส่งสายตาทำนองว่าอย่าใจร้อน เธอจึงพยายามควบคุมอารมณ์
นั่นสินะ โมโหไปก็เท่านั้น กินกุ้งแสนอร่อยตรงหน้าก่อนดีกว่า กินเสร็จแล้วค่อยว่ากัน
“เจี่ยนอันมีใบประกอบวิชาชีพแพทย์นะครับ” ลู่เป๋าเหยียนพูดพลางถอดถุงมือ เขามองหน้าซูหยวนหยวน “คุณหนูซู ไม่เชื่อใจเจี่ยนอันเหรอครับ”
ท่าทางดูสูงศักดิ์สง่างามของเขาเวลามองเธอ ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธออกไปได้ สมองของเธอเหมือนสูญเสียการประมวลผล เธอตอบออกไปอย่างเชื่อฟัง “แล้วแต่พี่เป๋าเหยียนแล้วกันค่ะ”