หลังทานข้าวเสร็จ ลู่เป๋าเหยียนกับซูหงเยวี่ยนก็นั่งจิบชาคุยเื่ธุรกิจกันต่อ ส่วนเธออยู่ที่ห้องรับแขกกับซูหยวนหยวน เธอม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า “นั่งบนโซฟาละกัน เดี๋ยวฉันดูให้ว่าตกลงขาเธอเป็อะไร ”
“ูเี่อัน ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจ” ซูหยวนหยวนนั่งลงบนโซฟา พูดเสียงต่ำด้วยความเกลียดชัง “ฉันจะบอกเธอให้ก็ได้ว่า ที่จริงฉันหายตั้งนานแล้ว ขาฉันไม่เป็อะไรสักนิด”
ูเี่อันยิ้มเย็น เธอมองออกั้แ่ตอนอยู่ชั้นบนเมื่อกี้แล้วว่า ขาของซูหยวนหยวนไม่ได้เจ็บอะไรเหรอ ที่ลงทุนเล่นละครขนาดนั้นก็เพราะมีจุดประสงค์อื่น
“ฉันก็แค่อยากใกล้ชิดกับลู่เป๋าเหยียน” ซูหยวนหยวนยังพูดอีกว่า “คนทั้งเมืองอยากได้ผู้ชายคนนี้กันทั้งนั้น เธอคิดว่าแค่แต่งงานกับเขา แล้วเขาจะเป็ของเธอคนเดียวหรือไง ช่างไร้เดียงสา ผู้ชายอย่างเขาชีวิตนี้อยากจะมีผู้หญิงกี่คนก็ได้”
ูเี่อันนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าซูหยวนหยวน พูดเสียงเย็น “ลุกไม้หล่นไม่ไกลต้น ซูหยวนหยวน เธอนี่สมกับเป็ลูกแม่เธอเสียจริง”
ซูหยวนหยวนเชิดหน้า “ใช่แล้วยังไง ฉันจะแย่งลู่เป๋าเหยียนมาจากเธอให้ได้ เหมือนที่แม่ฉันแย่งพ่อมาจากแม่ของเธอ และถึงฉันจะไม่สบความสำเร็จ ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนอื่นจะทำไม่สำเร็จ ฉันไม่ทางปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่ ูเี่อัน”
ศัตรูคนสำคัญในชีวิตเธอคือูเี่อัน ั้แ่เด็ก ูเี่อันก็ได้เป็คุณหนูใหญ่ของบ้านหลังนี้ ได้ออกงานสังคมพร้อมพ่อแม่ มีแต่คนรักและชื่นชม ส่วนเธอพ่อของตนคือใครยังพูดออกไปไม่ได้
พอโตขึ้นมา เธอถึงได้มาเป็คุณหนูของบ้านหลังนี้ แต่คนที่ทุกคนพูดถึงบ่อยที่สุดก็ยังคงเป็ูเี่อันที่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็เหล่าคุณนายที่ชอบชมว่าตอนเด็กูเี่อันทั้งสวยทั้งฉลาด แถมยังบรรดาคุณชายตระกูลอื่นทั้งหลายที่มักเจอูเี่อันที่ต่างประเทศโดยบังเอิญ พอกลับมาก็พากันโอ้อวดอย่างกับเพิ่งได้เจอประธานาธิบดีกันว่า “ฉันได้เจอูเี่อันด้วยล่ะ ยิ่งโตก็ยิ่งสวยจริงๆ” บ้างล่ะ ส่วนเธอ ทั้งชีวิตนี้คงไม่สามารถหนีออกเงาของ “ลูกนอกสมรส” ไปได้ ทุกคนทำเหมือนกับว่าเธอจะไม่มีวันเทียบเคียงูเี่อันได้
แต่สิ่งที่ทำให้เธอโมโหที่สุดคือ ไม่ว่าูเี่อันจะถูกข่มขู่รังแกยังไง เธอก็ยังคงยิ้มออกมาได้เหมือนในตอนนี้
“ฉันรู้ดีว่ามีหลายคนอยากจะเป็คุณนายลู่ และรู้อีกว่าคนที่อยากเป็ที่สุดก็คือเธอ” ูเี่อันกะพริบตาแล้วยิ้ม “แต่ก่อนจะเพ้อฝันถึงการเป็คุณนายลู่ เธอคงต้องไปโรงพยาบาลสักรอบ”
ซูหยวนหยวนสีหน้าเปลี่ยนในทันที “ูเี่อัน เธอจะทำอะไร”
“อยากรู้งั้นเหรอ” ูเี่อันยิ้ม “รอดูแล้วกัน”
เธอยืนขึ้น หยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปหาซูหงเยวี่ยน “พ่อคะ ขาของหยวนหยวนมีอาการาเ็รุนแรง หนูไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แถมเธอยังปวดมากอีก คงต้องรีบไปโรงพยาบาลด่วน แต่พอดีหนูกับเป๋าเหยียนติดธุระด่วน เพราะฉะนั้นหนูเลยเรียกรถพยาบาลมารับแทนแล้วนะคะ”
เจี๋ยงเสวี่ยลี่รู้ดีว่าขาของลูกสาวหายตั้งนานแล้ว ูเี่อันจงใจแกล้งลูกเธอ เธอโกรธจนมือสั่นแต่ก็พูดอะไรไม่ได้จนรู้สึกเหมือนจะเป็ลม
ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง ูเี่อันรีบบอกกับหมอว่าคนไข้คือซูหยวนหยวน
เ้าหน้าที่พาซูหยวนหยวนขึ้นเปลพยาบาล ซูหยวนหยวนมองูเี่อัน เธอทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ยอมให้พวกเขาพาเธอไปโรงพยาบาล
ูเี่อันรู้สึกว่าที่นี่หมดเื่สนุกให้ทำแล้ว จึงส่งยิ้มให้ลู่เป๋าเหยียน “เรากลับกันเถอะค่ะ คุณมีธุระต่อหลังจากนี้อีกไม่ใช่เหรอคะ”
“ถ้ายังไงพวกผมขอตัวก่อนนะครับประธานซู” ลู่เป๋าเหยียนจูงมือูเี่อันแล้วเดินออกไป เมื่อออกจากตัวบ้านก็ทันเห็นรถพยาบาลที่เพิ่งรับซูหยวนหยวนไปเมื่อครู่พอดี เขายิ้ม “เธอตั้งใจ”
ูเี่อันกะพริบตาอย่างใสซื่อ “พี่เป๋าเหยียนพูดอะไรคะ ทำไมน้องฟังไม่เห็นเข้าใจ”
“......” รอยยิ้มเขาถึงกับชะงัก
เมื่อขึ้นรถ ูเี่กันก็เกาะขอบกระจกมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า “ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน นายช่วยพาฉันไปส่งที่หนึ่งได้ไหม”
ณ สุสานชานเมือง
หลุมศพแม่ของูเี่อันอยู่ที่นี่
“ขอบคุณมากที่มาส่งนะ” ูเี่อันลงจากรถ แล้วพูดว่า “นายกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับไปเองได้” พูดจบเธอก็ออกเดินไปหาหลุมฝังศพของแม่เธอ ไม่นานก็ถึง
รูปภาพของแม่ที่อยู่บนป้ายหน้าหลุมฝังศพคือภาพสุดท้ายของแม่ในความทรงจำของเธอ ผู้หญิงอายุ 40 ต้นๆ แต่เพราะดูแลตัวเองเป็ประจำ จึงทำให้ดูเหมือนคนอายุ 30 ปลายๆเท่านั้น รอยยิ้มของเธอช่างอบอุ่นดั่งดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว
เธอจำได้ว่าตอนเด็กๆ สิ่งที่แม่กังวลที่สุดคือการแก่ตัวลง เธอก้มตัวลงวางดอกคาร์เนชั่น ยกมือขึ้นแตะรูปภาพของแม่ “แม่คะ แม่ชอบพูดว่าถ้าหนูโตแล้วแม่จะแก่ลง ตอนนี้หนูแต่งงานแล้ว แต่แม่ยังคงสวยเหมือนเดิม วางใจเถอะค่ะ แม่ไม่แก่ลงเลยสักนิด”
“ใช่ค่ะ หนูแต่งงานแล้ว กับลูกชายของคุณน้าถัง แต่ก่อนแม่ชอบพูดว่า ปัญหาระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามีเป็อะไรที่แก้ไขได้ยากที่สุด แม่กลัวว่าถ้าหนูแต่งงานไปจะเจอปัญหานี้ แต่ตอนนี้แม่วางใจได้เลยนะคะ คุณน้าถังดีกับหนูมาก ระหว่างเราไม่มีปัญหาแบบนั้นแน่นอน”
แม่ของเธอคงไม่ได้ยินสิ่งที่เธอกำลังพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากบอกเื่นี้กับแม่อยู่ดี เพราะเธอรู้ดีว่า หากเหตุการณ์เมื่อ 9 ปีไม่ได้เกิดขึ้น แม่ต้องอยากรู้เื่พวกแน่นอน
เธอยืนเล่าเื่ต่างๆนาๆให้แม่ฟังอยู่ที่หน้าหลุมศพตลอดทั้งบ่าย จนกระทั่งพระอาทิตย์ใกล้จะตก เธอจึงมองรูปภาพที่เริ่มเปลี่ยนสีไปตามกาลเวลาพร้อมยิ้มลาแม่ของเธอ “หนูไปก่อนนะแม่ ไว้จะมาหาอีกนะคะ”
ระหว่างเดินกลับ เธอถึงรู้ตัวว่าเธอมีปัญหาเสียแล้ว เธอจะกลับยังไง? ที่นี่เรียกรถยากมากด้วยสิ แต่ขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้น เธอก็เห็นรถที่ดูคุ้นตาจอดอยู่ริมถนน รถของลู่เป๋าเหยียน แอสตันมาร์ติน ONE77
เขายังไม่ไป? หรือว่ากำลังรอเธออยู่? เื่นี้ไม่น่าเป็ไปได้
“ในที่สุดคุณก็ลงมาเสียที” เสิ่นเยว่ชวนลดกระจกรถลงแล้วมองมาทีู่เี่อัน “ผมนึกว่าคุณจะอยู่จนถึงมืดซะแล้ว” ถ้าเป็งั้นจริงเขาคงแย่
ูเี่อันมองคนที่อยู่หลังพวงมาลัยอย่างงงๆ “ทำไม... ถึงเป็คุณ”
“ผิดหวังเหรอครับ” เสิ่นเยว่ชวนยิ้ม “ผอ.ลู่ของคุณมีธุระกลับไปก่อนแล้ว จึงให้ผมรอคุณอยู่ที่นี่”
ผิดหวัง? เธอไม่ได้ผิดหวังสักหน่อย แค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น ลู่เป๋าเหยียนให้คนของเขารอเธอ หรือเขารู้ว่าที่นี่เรียกรถยาก? ไม่หรอกมั้ง... เขาคงไม่ใจดีกับเธอขนาดนั้น
เสิ่นเยว่ชวนเดินมาเปิดประตูรถให้เธอ “ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
ูเี่อันขึ้นรถ รัดเข็มขัดแล้วจึงพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็ไรครับ ใครใช้ให้ผมเป็ผู้ช่วยของสามีคุณล่ะ” เสิ่นเยว่ชวนสตาร์ทรถ “ลองไม่ทำตามที่เขาสั่งดูสิ รับรองผมถูกเขาส่งไปแอฟริกาแน่นอน”
ูเี่อัน “……”