เวินติ่งเทียนได้แสดงให้ชาวอวิ๋นเฉิงได้รับรู้แล้วว่ายอดคนโกรธเคือง ะเืฟ้าดิน เป็อย่างไร
แม้แต่ข้าราชการชั้นสูงอย่างหวังิชงตอนนี้ยังถูกบรรยากาศของเวินติ่งเทียนกดดันจนตื่นกลัวแต่ไม่นานเขาก็สามารถกลับมานิ่งสงบได้ดังเดิม
“เ้าทำให้ข้าผิดหวังมากเลยนะ เวินติ่งเทียน”
พอพูดจบก็โบกมือ ซูิชุนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ผงกหัวรับจากนั้นเหล่าองครักษ์ของราชวงศ์กว่าสองพันคนก็เริ่มขยับพร้อมกันจนทั่วทั้งเวทีถึงกับสั่นะเื
หวังิชงควบคุมสถานการณ์เอาไว้แล้วจากนั้นจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “แหวนพระสุเมรุของเ้าน่ะมันยอดเยี่ยมจนน่าใก็จริงแต่สุดท้ายมันก็เป็แค่อุปกรณ์สำหรับสนับสนุนเท่านั้น ต่อให้มันเป็ถึงระดับวิถีราชันก็ตามอย่างไรมันก็ไม่สามารถเอาไปเทียบกับดาบจันทรารุ่งโรจน์ได้อยู่ดีหากมันอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่งแล้วละก็มันจะสามารถแสดงพลังอันไร้เทียมทานในสนามรบได้อย่างร้ายกาจ”
“ไอ้มั่ว!!”
แต่ตอนที่เขาเพิ่งจะพูดจบนั้น ตู้ิที่อยู่ด้านหลังเขาก็อดไม่ได้จนสบถคำด่าออกมา
“ถ้าแหวนพระสุเมรุวงนั้นมีมิติช่องว่างถึงหนึ่งแสนตารางเมตรจริงๆละก็ แค่เก็บของอะไรก็ได้ที่หนักๆ เอาไว้จากนั้นใช้คนเพียงคนเดียวขึ้นไปปล่อยลงมาจากที่สูงแค่นี้ก็สามารถสังหารศัตรูบนสนามรบได้นับหมื่นๆ คนภายในครั้งเดียวไม่รู้เื่แล้วยังจะพูดมั่วอีก!!”
ฮือฮา
เกิดเสียงกระซิบพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่ว
ขนาดฝ่ายทหารอย่างตู้ิยังทนฟังคำพูดของหวังิชงต่อไปไม่ไหวคำพูดของหวังิชงนั่นไม่ต่างอะไรกับขยะจริงๆ
“เงียบ!!”
หัวหน้าองครักษ์ซูิชุนะโสั่งอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับเหล่าองครักษ์ทั้งสองพันคนน้ำเสียงอันดุดันนั้นทำให้เหล่าฝูงชนเงียบเสียงลงทันที
หวังิชงตอนนี้หน้าดำอย่างกับกระทะเหล็กอย่างไรอย่างนั้น
เขายิ้มอย่างเ็าพลางมองไปที่เวินติ่งเทียน เขารู้ตัวแล้วว่าเขาเริ่มควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่อยู่แล้วในที่สุดเขาก็คิดจะใช้กำลังบังคับแทนแล้ว
“เวินติ่งเทียนเื่ที่เขาเมฆมรกตนั่นได้ข้อสรุปไปนานแล้ว ไม่ว่าเ้าจะยอมรับหรือไม่เื่ทั้งหมดก็ถูกกำหนดไปแล้ว แต่วันนี้เ้ายังคิดจะเอาเื่นี้มาก่อความวุ่นวายในงานมงคลแบบนี้อีกซูิชุน จับคนผู้นี้เอาไว้ส่วนคนของตระกูลเวินทั้งหมดให้กลับไปสำนึกผิดที่คฤหาสน์ของตัวเองเสีย”
ขอรับ!!
ซูิชงตอบรับเสียงดังแต่เวินติ่งเทียนกลับยังมีท่าทีไม่หวาดหวั่นแถมยังหันกลับไปชี้นิ้วใส่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเขาด้วย
“หวังิชง วันนั้นที่แกตัดสินคดีของเราด้วยคำๆเดียวว่า ไม่มีหลักฐาน วันนี้ข้าพาคนๆ หนึ่งมาด้วยเขาคนนั้นคือหลักฐานชั้นดีที่สามารถยืนยันได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเขาเมฆมรกต มันไม่ใช่การกระทำโดยพลการของคนๆ เดียวแน่นอนแถมมือสังหารในวันนั้นก็ยังไม่ได้ถูกปะาด้วย พวกมันอยู่ในที่แห่งนี้นี่แหละ!!”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่ฝูงชนอีกครั้ง
หวังิชงและเฉินเย่เซิงและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตอนนี้หน้าถอดสีไปแล้ว
เงาร่างของคนๆ หนึ่งที่คลุมผ้าคลุมสีขาวเอาไว้ ค่อยๆ ก้าวออกมาจากกลุ่มคนของตระกูลเวินดูคล้ายกับิญญาอาฆาตตนหนึ่ง ทำเอาทั่วทั้งสนามถึงกับหนาวสั่น
“เ้าเป็ใคร? ทำตัวประหลาดพิสดาร!!”หวังิชงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
ชายในผ้าคลุมนั่นค่อยๆ ถอดส่วนที่เป็หมวกของผ้าคลุมออก ภายในนั้นเป็ใบหน้าที่สวมหน้ากากแบบที่สามารถทำให้ผู้คนถึงกับใเมื่อได้เห็นมัน
หลินหยางเลือกใช้วิธีที่ดึงดูดสายตาที่สุดในการปรากฏตัวในภพมนุษย์แห่งนี้อีกครั้ง
เขาค่อยอ้าปากพูดช้าๆ ว่า “เป็คนที่... น่าจะต้องตายไปนานแล้ว”
มีชาวอวิ๋นเฉิงจำนวนไม่น้อยที่จำหน้ากากของหลินหยางได้
“นั่นมันคนที่ตายในเทือกขาวเมฆมรกตผู้าุโหลินแห่งตระกูลเวิน ท่านหลินอี้ นี่นา!! เขายังไม่ตาย!!!!”
“เฮ้ย!! คราวนี้ความจริงถูกเปิดเผยทั้งหมดแน่!!!! ผู้าุโหลินกลับมาทวงหนี้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว!!”
“พวกเ้าดูสิ พวกเ้าดู ไอ้เฉินเย่เซิงนั่นหน้าซีดอย่างกับผีไปแล้วเื่นี้ต้องเกี่ยวกับมันด้วยแน่ๆ!!”
การปรากฏตัวของหลินหยาง ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งสนาม
เหล่าผู้ชมต่างก็พยายามแย่งกันเบียดตัวเองไปข้างหน้า ถ้าไม่ได้เหล่าทหารจากกองกำลังพิทักษ์เมืองของตู้ิเข้ามาควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ทันก่อนละก็คงจะสูญเสียการควบคุมจนเกิดเป็ความอลหม่านไปทั่วทั้งงานแน่
แต่สิ่งที่เสียการควบคุมไปแล้วตอนนี้คือ สติของเฉินเย่เซิง
‘ไม่ เป็ไปไม่ได้... ทำไม...ทำไมมันยังไม่ตายล่ะ!!!! หรือว่าเฉินผิงไม่ได้ฆ่ามันแต่กลายเป็ฝ่ายที่โดนมันฆ่าเองอย่างนั้นหรือ...’
หัวใจของเฉินเย่เซิงกำลังเต้นรัวอย่างรุนแรง นับจากตอนนี้ไปเขาก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อะไรได้อีกเลย
วันนี้มันไม่ใช่วันที่เขาจะมีชัยเหนือตระกูลเวินเลยสักนิดแต่เป็วันที่ตระกูลเวินจะมาคิดบัญชีหนี้แค้นที่พวกตนติดค้างเอาไว้ต่างหาก!!
ส่วนโอวหยางกงตอนนี้กลับไปยืนอยู่ในกลุ่มของตัวเองแล้วั้แ่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ส่วนซ่างกวันเฟยนั่นก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าหม่นหมองเงาร่างที่สวมชุดคลุมสีดำเอาไว้ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างหลังเขาตอนนี้ก็เริ่มปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างช้าๆ แล้ว
หลินหยางเดินหน้าเข้าไปหาเวินติ่งเทียนจากนั้นก็รับ่ต่อจากชายชรามา
เขาหันไปมองหวังิชงที่ยังทำหน้าอึ้งอยู่ “หวังิชง วันนั้นพวกเ้าพาคนของตระกูลเราเข้าไปเชือดทิ้งในเทือกเขาเมฆมรกตแต่ตอนนี้เ้ากลับยังเห็นข้ามีชีวิตอยู่แบบนี้ เ้าคงจะผิดหวังมากเลยสินะ!!”
“หลินอี้!! เ้า เ้าพูดอะไรพล่อยๆ!!”หวังิชงพยายามสะกดอาการตื่นตระหนกของตัวเองไว้ไม่นานก็สามารถกลับมาเป็ปกติได้
ต่อให้หลินอี้ยังไม่ตาย แล้วจะทำไมเล่า
เขากลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูองอาจอีกครั้ง “ผู้าุโหลินสามารถหนีรอดจากความตายได้น่ายินดีน่ายินดีแต่ว่าคนในเหตุการณ์ที่ยังเหลือดรอดอยู่มีเพียงแค่ท่านคนเดียวแบบนี้เกรงว่าคำพูดของท่านจะยังมีน้ำหนักไม่พอนะ”
หลินหยางแสยะยิ้มย่างเ็า “ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เ้าจะรีบปฏิเสธข้าทำไม?”
เอ่อ...
หวังิชงถูกสวนกลับจนไปต่อไม่เป็
หลินหยางค่อยๆ ปลดเอาผ้าคุลมของตัวเองออกมาเผยให้เห็นชุดสีขาวที่สวมอยู่ข้างในจากนั้นเขาก็เริ่มปล่อยจิตสังหารอันเข้มข้นออกมาช้าๆ
รอยยิ้มของเขา เยือกเย็นดุจน้ำแข็งหมื่นปี
แววตาของเขา ราวกับแววตาของยมทูตที่ไร้ความรู้สึก
“หวังิชง ข้ารู้ว่าต่อให้ข้าจะพูดอะไรออกไปเ้าก็คงจะไม่ฟังข้าเองก็ไม่คิดจะทำอะไรยุ่งยากด้วยเหมือนกัน ความจริงในวันนั้นข้าจะให้เ้าตัวมันพูดออกมาจากปากตัวเองเลยนี่แหละ”
คำพูดของหลินหยางทำเอาทั่วทั้งเวทีเย็นเยือกราวกับถูกแช่แข็งอยู่บนูเาหิมะ
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าผู้ชมที่ดูอยู่ตรงลานกว้างข้างล่างเวทีพวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดผวาเมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลินหยาง
บรรยากาศของผู้าุโวัยรุ่นผู้นี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลินหยางะโเรียกชื่อของคนๆ หนึ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน “โอวหยางกง!!”
เอ๋?
โอวหยางกงถึงกับขนลุกซู่ กล้ามเนื้อสั่นกระตุกไปหมด
“มีอะไร?”
“ข้าให้โอกาสแกอีกครั้งเดียว ถ้าเ้ายอมบอกความจริงที่เ้ารู้ออกมาดีๆละก็ วันนี้ข้าจะปล่อยให้เ้ามีชีวิตรอดไปจากที่นี่ก็ได้”
“ฮ่าฮ่า....” โอวหยางกงพยายามข่มความกลัวในใจเอาไว้แล้วจึงปั้นสีหน้าเ็าตอบกลับไปว่า “เ้าพูดเื่อะไรข้าฟังไม่รู้เื่เลยสักนิด!!”
“ได้ เ้าเลือกที่จะทิ้งโอกาสรอดไปเองนะ!!”
พอกล่าวจบ เขาก็เดินไปทางโอวหยาวกงทันที
การก้าวเท้าของหลินหยางทั้งที่น่าจะดูเชื่องช้าแต่กลับสามารถก้าวข้ามไปอีกฟากของเวทีได้ในชั่วพริบตาเผลอครู่เดียวเขาก็มาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ โอวหยางกงแล้ว
ท่าร่างนั่นร้ายกาจเกินบรรยาย
ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาร่างจำนวนหนึ่งโผล่แวบออกมายืนขวางอยู่ที่ด้านหน้าของโอวหยางกง
เป็ผู้าุโระดับเซียนเทียนสี่คนของตระกูลโอวหยางที่มาพร้อมกับลูกชายที่เขาภูมิใจมากที่สุดคนนั้นโอวหยางเฟิง ทั้งหมดล้วนจ้องมาทางหลินหยางด้วยสีหน้าอำมหิต
โอวหยางเฟิงนั้นะเิจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง “หลินอี้ ถ้าเ้าขยับเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียวละก็อย่าหาว่า....”
หาแม่เ้าสิ!!
ผลคือโอวหยางเฟงยังไม่ทันพูดจบดีก็ถูกหลินหยางซัดปลิวในฝ่ามือเดียว โอวหยางเฟิงปลิวหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ในชั่วพริบตา
ตูม!!
ร่างของโอวหยางเฟิงปลิวไปชนแท่นหินที่อยู่ใต้เท้าของหวังิชงอย่างรุนแรงเืสดๆสาดกระจาย เศษหินแตกกระจาย ทำเอาผู้คนทั่วทั้งสนามถึงกับตาโตอ้าปากค้าง
นั่นมันโอวหยางเฟิงนะ!!
นั่นมันหนึ่งในสี่ัน้อยแห่งเมืองอวิ๋นเฉิงเลยนะ!!
ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนที่เป็เหมือนดวงดาราของวัยรุ่นชายหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนนั่นกลับโดนหลินหยางซัดจนปลิวไปง่ายๆ อย่างกับตบแมลงวันเช่นนี้น่ะหรือ?
โอ้ ์!!
ผู้าุโหลินกำลังจะทำให้เมืองอวิ๋นเฉิงสั่นะเืแล้ว!!
“ฆ่า!!”
สี่ผู้าุโแห่งตระกูลโอวหยางพอเห็นนายน้อยของตัวเองถูกตบกระเด็นแบบนั้นก็ะเิลงทันที พวกเขาทั้งสี่ล้วนเป็ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นต้นในเมืองอวิ๋นเฉิงเองก็นับว่ามีชื่อเสียงพอตัวแต่พอมาอยู่ต่อหน้าหลินหยางในตอนนี้แล้วกลับไม่ต่างอะไรกับหมูกับหมา
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
เสียงอัดกระแทกดังขึ้นต่อเนื่องสี่ครั้งรวดจากนั้นเหล่าผู้าุโทั้งสี่ก็ปลิวว่อนกันไปคนละทิศละทางและหมดสติลงไปทันที
ฤทธิ์เดชของหลินหยางสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วทั้งสนามเขาสามารถจัดการยอดฝีมือของตระกูลโอวหยางลงได้ในเสี้ยวพริบตา เหล่าคนของตระกูลโอวหยางตอนนี้ล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัวจนตัวแข็งค้างดุจรูปสลักไม่มีใครกล้าออกมาท้าทายอีก
โอวหยางกงนั้นหวาดกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาจนเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปหมดเขาถูกหลินหยางคว้าตัวเอาไว้แล้วพากลับมายังกลางเวที
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ
ซูิชุน เฉินเย่เซิง และซ่างกวันเฟยยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรด้วยซ้ำ หลินหยางก็จัดการจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
โอวหยางกงตอนนี้ก้มหัวอยู่ใต้เท้าของหลินหยางราวกับก้อนเนื้อเน่าๆก้อนหนึ่ง
“โอกาสสุดท้าย พูดเื่ที่เ้ารู้ออกมาให้หมด”น้ำเสียงของหลินหยางไร้ซึ่งความอ่อนโยนแม้แต่เสี้ยวเดียว
ครั้งนี้โอวหยางกงไม่สามารถสะกดข่มความกลัวที่บีบรัดหัวใจนั่นได้แล้วเขาเริ่มพูดโพล่งเื่ทุกอย่างที่รู้ออกมาทันที
“ข้าพูด ข้าพูด... วันนั้นหลังจากก่อกวนที่เลี่ยนเทียนเฮ่าแล้ว ข้าที่อยู่ในคฤหาสน์เฉินก็ได้ยินเฉินเย่เซิงมันพูดว่าจะฆ่าผู้าุโหลินทิ้งเสียมันยังบอกว่าจะให้ซ่างกวันเฟยช่วยด้วย!! ที่ข้ารู้ทั้งหมดมีแค่นี้แหละเื่หลังจากนั้นทั้งหมดข้าไม่ได้ไปข้องเกี่ยวด้วยเลยนะ!!!!”
โอวหยางกงคุกเข่าอยู่หน้าหลินหยาง ตัวสั่นราวกับลูกกวางเพิ่งเกิดไม่เหลือเค้าของผู้นำตระกูลใหญ่เลยสักนิดแรงกดดันของหลินหยางทำให้มันเสียขวัญไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“เ้าได้ยินแล้วใช่ไหม ?”
หลินหยางหันกลับไปมองหวังิชงที่โมโหจนเส้นเืปูดโปนออกมาน้ำเสียงเปลี่ยนเป็เกรี้ยวกราด สั่นะเืทั่วทุกทิศ
“หลินอี้ นี่เ้ากำลังลูบคมข้าอยู่ใช่ไหม?”หวังิชงรู้สึกอับอายจนเปลี่ยนไปเป็ความโกรธ
“เหอะ ข้ากะไว้แล้วว่าต้องไม่ได้ผล...” ในสถานการณ์ที่ยิ่งมายิ่งเคร่งเครียดยิ่งกดดันขึ้นเรื่อยๆแบบนี้หลินหยางก็ยังคงมีท่าทีเหมือนจอมราชันที่กุมทุกอย่างเอาไว้ในมือแล้ว
เขาเตะโอวหยางกงทิ้งในทีเดียว ”ไสหัวไปซะ...”
จากนั้นเขาก็หันไปหาเฉินเย่เซิงที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดและซ่างกวันเฟยที่ยืนอยู่ข้างๆโดยไม่ได้สนใจเหล่าองครักษ์ของราชวงศ์ที่กำลังล้อมกรอบเข้ามาเลย
ไอ้สองคนนี้ต่างหาก ที่อยู่เื้ัการสังหารคนของตระกูลเวินอย่างโเี้ในวันนั้น
“โอวหยางกงสารภาพออกมาแล้ว ซ่างกวันเฟยแกก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ใช่หรือไม่?”
คำพูดประโยคเดียว ราวกับมีคมมีดนับพันคมดาบนับหมื่นจิตสังหารอันมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดพลันพุ่งไปทิ่มแทงซ่างกวันเฟย
หลินหยางจะไล่จัดการบัญชีมันเรียงตัวเลย ซ่างกวันเฟยคือคนแรก
“หึ!!”
ซ่างกวันเฟยถอนหายใจออกมาอย่างเ็าดัง หึตัวเขาเองก็ปล่อยจิตสังหารอันเกรี้ยวกราดออกมาเหมือนกัน
ด้านหน้าเขา มีเงาร่างสี่สายมายืนขวางเอาไว้แล้ว
เป็เงาร่างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับเซียนเทียนทั่วๆ ไปอย่างเทียบไม่ได้
เป็นักฆ่าฝีมือฉกาจสี่คนที่ลงมือสังหารคนของตระกูลเวินทั้งหกสิบกว่าชีวิตทิ้งอย่างง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วย
“ทหาร จับไอ้โจรชั่วนี่ซะ!!”
หวังิชงที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น สุดท้ายก็ต้องออกคำสั่งให้จับกุมตัวไว้เขาจะปล่อยให้หลินหยางแสดงท่าทีก้าวร้าวแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
เฉินเย่เซิงที่อยู่ข้างๆ นั้นพอเห็นโอกาสที่จะสามารถฆ่าหลินหยางได้แล้ว ก็รีบออกตัวกับหวังิชงทันทีว่า “โปรดท่านหวังอย่าโมโห ไอ้ขี้ข้าพันธ์นี้ไม่จำเป็ต้องถึงมือของเหล่าองครักษ์ราชวงศ์ของท่านหรอกปล่อยให้ข้าน้อยจัดการเถอะ!!”
นี่เป็โอกาสดีที่จะใช้หวังิชงเป็ข้ออ้างในการฆ่าหลินอี้ปล่อยให้ยอดฝีมือทั้งสี่ที่เป็ลูกสมุนของซ่างกวันเฟยจัดการซะ
เขาจะฆ่าหลินอี้เดี๋ยวนี้เลย
หวังิชงพอสบตากับเฉินเย่เซิงแล้ว ก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันทีจึงพยักหน้าตอบรับ
เหล่าสมุนทั้งสี่ของซ่างกวันเฟยค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากกลุ่มคนของตน
“ฆ่ามันซะ!!”
เฉินเย่เซิงและซ่างกวันเฟยออกคำสั่งฆ่าออกมาพร้อมกัน!!