“มีนักฆ่าแฝงเข้ามา! ปกป้องท่านอ๋อง! ปกป้ององค์รัชทายาท!”
ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็คนะโขึ้นมา งานเลี้ยงที่กำลังร้องรำทำเพลง ชนจอกสุรากันไม่ขาดสายก็พลันแปรเปลี่ยนเป็ความชุลมุนวุ่นวายในชั่วพริบตา
แเื่ทุกคนพากันลุกขึ้นยืน ถ้วยชามบนโต๊ะถูกกวาดลงกับพื้นเกิดเสียงแตกดังเพล้ง ตามมาด้วยเสียงร้องะโด้วยความใ เสียงดังเซ็งแซ่ สภาพบนพื้นเละเทะ หากใช้คำว่า ‘วุ่นวาย’ คำเดียวมาบรรยายก็เป็อันเข้าใจ
เห็นแต่เพียงนางรำที่แต่งกายงดงามสี่คนได้เปลี่ยนจากชุดนางรำเป็ชุดนักฆ่าเพียงเสี้ยววินาที ในมือของพวกนางถือกระบี่อ่อน ก่อนจะกระโจนแทงดาบไปทางเ้าของงานวันเกิดอย่างท่านอ๋อง
กระบวนท่าที่รุนแรง การเคลื่อนไหวรวดเร็วฉับไว ทำเอาผู้คนป้องกันการโจมตีนี้ไม่ทัน
เดิมทีอวี้หวางมู่หรงอวี้นั่งดื่มสุราชมการร่ายรำอยู่ที่เก้าอี้ในตำแหน่งประธาน ตอนที่กระบี่อ่อนทั้งสี่แทงจ่อมายังเขาราวกับงูพิษ เขายังคงเอ้อระเหย ยกจอกสุราสีเขียวหยกขึ้นดื่มอย่างช้าๆ
ปลายกระบี่แหลมคมแทงตรงมาทางท่านอ๋อง สถานการณ์อันตรายเข้าขั้นวิกฤต
ในเสี้ยวเวลาแห่งความเป็ความตายนั้น ั์ตาดำของเขาเหลือบขึ้นมาช้าๆ ทันใดนั้นเขาพลันตบโต๊ะะโขึ้น
สุราในจอกสีเขียวหยกถูกสาดออกไป ประหนึ่งอาวุธที่เป็ดั่งยาพิษ สาดเข้าสู่ดวงตาของนักฆ่าในคราบนางรำทั้งสี่
“กรี๊ด....”
พวกนางกรีดร้องเสียงแหลมอย่างทุกข์ทรมาน ดวงตาถูกสุราฤทธิ์แรงโจมตี ั์ตาแดงก่ำบวมเป่ง พวกนางต่างาเ็จนไม่อาจลืมตาได้
ผู้คนที่มาอวยพรวันเกิดแก่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนองค์รัชทายาทที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้น ล้วนเป็บุคคลใหญ่โตในราชสำนักทั้งสิ้น แเื่ส่วนหนึ่งใกลัวจนวิ่งหนีเตลิดออกไป อีกส่วนหนึ่งก็หลบตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง ทหารหลายนายเริ่มต่อสู้กับนักฆ่าที่ยังเหลืออยู่ องค์รัชทายาทมู่หรงฉือยืนอยู่ในมุมที่ปลอดภัย มองฉากการฆ่าฟันที่แสนน่ากลัวนี้ด้วยความเศร้าสลดใจ
นักฆ่าในคราบนางรำทั้งสี่คนล้มลง แต่ก็มีนางรำอีกสี่คนมุ่งตรงมาเพื่อหวังจะสังหารมู่หรงอวี้ แต่ละกระบวนท่าล้วนหมายปลิดชีวิตของเขา
“ปกป้ององค์รัชทายาท! ปกป้ององค์รัชทายาท!”
หรูอี้นางกำนัลข้างกายของมู่หรงฉือร้องะโออกมาอย่างตื่นตระหนก ยกแขนขึ้นขวางหน้าผู้เป็นาย
ั์ตาวาววับของมู่หรงฉือทอประกายเย็นเยียบออกมา นางค่อยๆ ถอยหลังไปทีละก้าว สุดท้ายก็หายออกไปจากโถงใหญ่
เมื่อสาวเท้าเดินอย่างว่องไวไปด้านหน้าได้ครู่หนึ่งจู่ๆ นางก็หยุดฝีเท้าลงแล้วผลุบหายเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง หรูอี้รีบเดินตามเข้าไป
เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทของตนเองถอดเสื้อคลุมสีเหลืองที่เดินด้ายด้วยดิ้นสีทองออก หรูอี้ก็ใจนหน้าถอดสี พูดเสียงเบา “เตี้ยนเซี่ย[1] จะทรงทำสิ่งใดเพคะ?”
“เปิ่นกง[2] ทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก” มู่หรงฉือถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกอย่างรวดเร็ว “รีบปล่อยผมของเปิ่นกงลงมาเร็วเข้า”
“เพคะ เตี้ยนเซี่ย”
ครั้นเห็นองค์รัชทายาทยืนกรานหนักแน่น หรูอี้ก็ได้แต่ทำตาม ก่อนจะใช้ผ้าเส้นหนึ่งมามัดเส้นผมขององค์รัชทายาทเอาไว้
หลังจากนั้นมู่หรงฉือก็ล้วงหยิบผ้าที่เหมือนกันออกมา นำมันแปะไว้บนหน้า แล้วออกแรงกดลงรอบๆ ใบหน้าไปหลายที
เสี้ยวนาทีต่อมา จากองค์รัชทายาทหน้าตาหล่อเหลาก็แปรเปลี่ยนเป็สตรีผู้มีใบหน้างดงามเยือกเย็นราวูเาน้ำแข็ง
“เ้าไปหาที่หลบก่อน หาสถานที่ที่หลบซ่อนได้สะดวกสักหน่อย” มู่หรงฉือมองการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของตัวเองอย่างพอใจ
“หนูฉาย[3] ทราบแล้วเพคะ เตี้ยนเซี่ยจะต้องทรงระวังให้มาก อย่าแสดงความสามารถของตนเองออกมาเด็ดขาดนะเพคะ”
หลังจากหรูอี้กำชับเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูยื่นหน้าออกไปดูสถานการณ์รอบๆ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้จึงให้องค์รัชทายาทออกไป
ในตอนนั้นเอง องครักษ์ในจวนอวี้หวางต่างพากันไปตามจับนักฆ่าที่โถงใหญ่ มู่หรงฉือเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น แต่ว่านางกลับเปลี่ยนความคิดก่อนจะเลี้ยวไปทางเรือนด้านในของจวนอ๋อง
ทางด้านโถงใหญ่ นักฆ่าในคราบนางรำถูกจับเป็หนึ่งคน อีกเจ็ดคนที่เหลือล้วนตายไปจนหมด เืไหลเจิ่งนองอยู่เต็มพื้น
นักฆ่าที่ถูกจับเป็ผู้นั้นสาดผงยาสีขาวไปทางท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ใบหน้าและเสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยผงสีขาว
แขกทั้งหมดถูกจัดให้ไปอยู่ที่ห้องอื่น พ่อบ้านหลินสั่งให้บ่าวรับใช้เคลื่อนย้ายศพของเหล่านักฆ่าออกไป “ท่านอ๋องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนด้านในก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาเย็นเยียบของมู่หรงอวี้หรี่ลงก่อนจะเดินออกจากโถงหลักไป
ครั้นกลับมายังเรือนด้านใน เขาเปิดประตู ฝีเท้าของเขาพลันหยุดลง ั์ตาสีดำเผยแววเ็า
จากนั้นเขาเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน ก่อนจะปิดประตูให้สนิทและกล่าวว่า “ออกมาเถิด”
มู่หรงฉือที่ซ่อนตัวอยู่บนขื่อใมาก หูของเขาเฉียบคมถึงเพียงนี้เชียวหรือ
กระบี่อ่อนกระชับอยู่ในมือ นางพุ่งตัวลงมาราวกับนกนางแอ่น แล้วจ่อปลายกระบี่ไปยังศีรษะของเขา
มู่หรงอวี้ไม่ได้หลบการโจมตีนั้นแต่กลับยื่นมือขึ้นไป ก่อนพลังอันแข็งแกร่งดั่งมีดแหลมสายหนึ่งจะพุ่งทะยานออกมา
มู่หรงฉือใจนหน้าถอดสี หากยังยืนหยัดที่จะแทงศีรษะของเขา ตนก็จะถูกพลังของเขาโจมตีเข้าที่หัวใจ เช่นนั้นนางไม่รอดแน่
ข่าวลือที่ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเก่งกาจด้านวิทยายุทธ์นั้นไม่ใช่เื่โกหกแต่อย่างใด
ทว่า…
นางยิ้มอย่างมีเลศนัย พลางเบี่ยงตัวหลบก่อนจะคว้าถ้วยชาใบหนึ่งแล้วขว้างไปทางเขา
เขายังคงไม่หลบหลีก ตอนที่ถ้วยชาลอยมาตรงหน้าเขาเพียงยกมือขึ้นมารับมันเอาไว้
ทันใดนั้น ถ้วยชาในมือพลันแตกออกเป็เสี่ยงๆ เขายกมือขึ้นขว้างออกไป เศษกระเบื้องลอยไปราวกับเป็ภาพลวงตา
มู่หรงฉือตวัดกระบี่อ่อนจนเกิดเป็ไอกระบี่ขึ้นมา เศษกระเบื้องพวกนั้นพลันร่วงลงไปที่พื้น
ั์ตาของนางเต็มไปด้วยไอสังหารพลางลอบยิ้มเย็น มู่หรงอวี้ใช้กำลังภายในได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
คิ้วเรียวดุจกระบี่ของมู่หรงอวี้เลิกขึ้นเล็กน้อย “เปิ่นหวาง[4] ต่อให้เ้าสามกระบวนท่า”
ในใจของนางลิงโลด รีบแทงกระบี่เข้าไปทันที ไอสังหารในแววตาของนางแผ่ซ่าน มู่หรงอวี้ เปิ่นกงจะฆ่าเ้า!
เขาเพียงขยับตัวหลบเล็กน้อย มือขวาเคลื่อนไหวว่องไวราวกับงู ปราดเข้าไปคว้าข้อมือของนางแล้วปลดกระบี่อ่อนในมือนางทิ้ง
เมื่อกระบี่ถูกปลดไปแล้ว มู่หรงฉือก็โมโหที่ตัวเองประมาทเลินเล่อ พยายามสะบัดอยู่หลายทีก็พบว่าสะบัดไม่หลุด จึงซัดมือไปยังหน้าอกของเขา ในตอนนี้เองผ้ารัดผมของนางก็หลุดออก เส้นผมกระจายหล่นลงมาปกปิดใบหน้าเรียวเล็กที่แสนเ็าและงดงาม
“สตรีผู้มีใบหน้างดงามเช่นนี้กลับมาเป็นักฆ่า น่าเสียดายจริงๆ”
ั์ตาสีดำของมู่หรงอวี้ฉายแววตื่นตะลึงในความงดงามของมู่หรงฉือ แต่เพียงครู่เดียวคิ้วของเขาพลันขมวดมุ่น มือกุมอกของตน
แววตาของมู่หรงฉือเปล่งประกาย โอกาสของนางมาถึงแล้ว!
นางใช้มือประหนึ่งมีดฟาดลงไปที่อกของมู่หรงอวี้หนึ่งที เขาเจอฝ่ามือนี้เข้าไปหนึ่งทีอย่างเต็มแรง ถึงกับต้องถอยหลังไปสองก้าว
สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยเส้นเืฝอย ใบหน้าแดงก่ำ
นางรู้ว่าตอนนี้เืลมของเขากำลังไหลย้อนกลับ นี่เป็โอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารเขา ดังนั้นนางจึงยกกระบี่ขึ้นมาแล้วแทงเข้าไปอย่างโเี้
คิ้วของมู่หรงอวี้ขมวดเข้าหากันด้วยความเ็ป ก่อนจะถอยหลังไปอย่างรวดเร็วกระทั่งถึงหน้าเตียงจึงได้หยุดลง
มู่หรงฉือเดินไปข้างหน้าต่อ จิตสังหารในดวงตาของนางล้นทะลักออกมา กระชับกระบี่หมายจะแทงไปยังหัวใจของเขา
“เ้าอยากฆ่าเปิ่นหวาง?”
นิ้วมือของเขาบีบเบาๆ จับคมกระบี่เอาไว้ ก่อนจะหักกระบี่อ่อนของนางทิ้ง
นางเบิกตากว้างด้วยความใ ชะงักไปครู่หนึ่ง
วินาทีนี้ มู่หรงอวี้จับข้อมือของนาง ก่อนจะโยนนางไปที่เตียง
มู่หรงฉือรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ซัดฝ่ามือใส่เขาอีกครั้ง แต่ว่าถูกการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของเขาจัดการจนอยู่หมัด
เขาเปลี่ยนมาเป็สัตว์กระหายเื หิ้วเหยื่อที่ล่ามาได้มัดเอาไว้บนเตียง เสื้อคลุมของนางถูกฉีกออกเป็ชิ้นๆ ....
นางพยายามขัดขืนอย่างเต็มกำลัง ทว่าใช้แรงเท่าไหร่ก็ไร้ผล นางหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขา
ผงสีขาวพวกนั้นเป็ผงยาที่ทำให้เืลมไหลย้อนกลับ ขอเพียงสูดดมเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้เขาไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ ทั้งยังทำให้กามารมณ์ของเขายุ่งเหยิง สติพร่าเลือน ไม่อาจควบคุมตนเอง
มู่หรงฉือคาดไม่ถึงว่าเื่ราวจะกลับกลายมาเป็เช่นนี้ คิดไม่ถึงว่านางลงมือฆ่าเขาไม่สำเร็จ กลับกันยังเอาตัวเองมาป้อนเข้าปากเสืออีก
มู่หรงอวี้โจมตียึดเมืองและเอกราชของนางไป เสียงแหบทุ้มคำรามดังอยู่ในเตียงที่มีม่านปกคลุม
นางเ็ปจนแทบหมดสติ กระดูกปวดร้าวไปหมด แต่นางไม่ได้ร่ำไห้ นางกลืนน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปในใจแล้วกัดริมฝีปากแน่น
“เ้าเป็ใคร? ชื่ออะไร?” เขาถามเสียงแหบพร่า
“ข้าคือศัตรูของเ้า! ข้าจะแล่เนื้อเถือหนังเ้าออกเป็พันเป็หมื่นชิ้น! ”
มู่หรงฉือนอนอยู่บนหมอนสูง กัดฟันแน่น
มู่หรงอวี้ไม่เคยตามใจตัวเองเช่นนี้มาก่อน ตลอดชีวิตสามสิบปีที่แสนยุ่งวุ่นวายของเขา ในใจมีความยึดมั่นเดียวนั่นก็คือ ปณิธานของบุรุษอยู่ที่แคว้น
ดังนั้น ตอนที่ร่างกายของนางมอบความรู้สึกอันเหลือเชื่อให้แก่เขา มันกัดกินจิติญญาและกระดูกของเขาอย่างยากจะบรรยาย ทั้งยังเป็รสชาติหอมหวานจนอยากจะลิ้มลองใหม่อีกสักครั้ง
มู่หรงฉือไม่รู้ว่าเหตุใดในสถานการณ์ที่เืลมของเขาไหลย้อนกลับ เขายังคงฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้มุทะลุเช่นนี้ มีหลายครั้งที่นางแทบจะเป็ลมไป
ตอนนี้คงจะเป็ยามจื่อ[5]แล้ว มู่หรงอวี้นอนหลับสนิทไปแล้ว นางค่อยๆ ข้ามตัวเขาแล้วลงจากเตียงอย่างแ่เบาที่สุด แต่กลับเจ็บระบมขึ้นมาจนต้องสูดปาก
ร่างทั้งร่างแทบจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ ราวถูกรถม้าทับ พอเดินก็เหมือนร่างกายถูกผูกติดกับอะไรไว้
ความเ็ปที่เหมือนกับร่างจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ นี้ บอกกับนางว่า จงจำความอัปยศนี้เอาไว้!
แเื่แยกย้ายกันกลับไปแล้ว ทว่าในจวนเพิ่งจะเกิดเื่ที่นักฆ่าบุกเข้ามา บ่าวรับใช้ไม่กล้าหลับตานอน องครักษ์เองก็เพิ่มการลาดตระเวนให้หนาแน่นมากขึ้น เมื่อเป็เช่นนี้นางจะหนีออกไปได้อย่างไร?
ทว่าหากไม่หนีออกไปตอนนี้แล้วเขาตื่นขึ้นมาเจอ นางต้องหนีไม่พ้นแน่
มีวิธีแล้ว!
นางรีบหยิบเสื้อคลุมตัวนอกของมู่หรงอวี้ขึ้นมาสวม ก่อนจะเอาเชือกสีเขียวมามัดผมแบบง่ายๆ สุดท้ายก็มองไปยังท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่กำลังนอนหลับเหมือนหมูตายผู้นั้น
ไม่ถูกสิ! ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารเขาหรืออย่างไร?
โง่จริง! ทำไมคิดไม่ถึงเื่นี้กัน?
เมื่อนางลองทบทวนดู คืนนี้ไม่ได้ผลประโยชน์แล้วยังขาดทุนอีก มู่หรงฉือหยิบกระบี่ที่หักไปแล้วขึ้นมาจากพื้น เตรียมจะแทงลงไปที่ร่างของท่านอ๋องอย่างแรง
่เวลาสำคัญนั้นเอง ประตูพลันถูกเคาะขึ้นในค่ำคืนอันเงียบสงัด
ตึก ตึก ตึก
“ท่านอ๋อง... ท่านอ๋อง...” เป็เสียงของพ่อบ้านหลิน
นางรีบหลบไปด้านข้าง เผื่อว่ามู่หรงอวี้จะตื่นขึ้นมา
แต่เหมือนไร้วี่แววที่เขาจะตื่น เขานอนหลับลึกเสียจริง
พ่อบ้านหลินเรียกต่อไป มู่หรงฉือจึงต้องละทิ้งโอกาสนี้ไปอย่างจำใจ แล้วฉีกหน้ากากหนังปลอมตัวของนางออกยัดไว้ในอกเสื้อจากนั้นก็เปิดประตู
เดิมทีพ่อบ้านหลินมาเพื่อดูว่าท่านอ๋องเป็อย่างไรบ้าง ทำไมท่านอ๋องกลับเรือนมาเปลี่ยนเสื้อผ้านานนัก ถึงขนาดแขกกลับไปหมดแล้วท่านอ๋องก็ยังไม่ออกมา
แต่เขากลับรู้สึกเหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น เขาขยี้ตาตัวเอง เมื่อมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือองค์รัชทายาทเขาจึงทำความเคารพ
“องค์รัชทายาท เหตุใดยังทรงรั้งอยู่ในจวนหรือพ่ะย่ะค่ะ? มิใช่ว่าทรงเสด็จกลับตำหนักบูรพาไปนานแล้วหรือ?”
“เปิ่นกงออกไปแล้วจริงๆ แต่ว่ากลับมาดูท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนอีกครั้ง เ้าเองก็รู้ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนคอยดูแลราชสำนักทั้งหมด หากเจอนักฆ่าทำร้ายจนได้รับาเ็จะทำอย่างไร?” มู่หรงฉือพูดเสียงเย็น
พ่อบ้านหลินไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก เขามองไปทางห้องที่มืดสนิท “ท่านอ๋องไม่เป็อะไรใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ั์ตาของนางเย็นเยียบ “ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่เป็อะไร พักผ่อนไปแล้ว เปิ่นกงเองก็จะกลับตำหนักแล้ว”
เขารีบรับคำ “หนูฉายจะเตรียมรถม้าให้เตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าในตอนนั้นเองเขาพลันพบว่าเสื้อคลุมสีดำบนตัวขององค์รัชทายาทค่อนข้างคุ้นตา ช่างเหมือนเสื้อคลุมของท่านอ๋องนัก
เหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้สวมชุดของท่านอ๋องเล่า?
ณ วินาทีนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
ครั้นกลับไปถึงตำหนักบูรพา หรูอี้ดูแลมู่หรงฉือเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฉินรั่วที่แต่งตัวเป็นางกำนัลเดินเข้ามาเงียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งขรึม “เตี้ยนเซี่ย คนของพวกเราตายไปสิบคน นักฆ่าหมายเลขสามถูกจับเป็เพคะ”
มู่หรงฉือหยิบหวีงาช้างจากโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมา นางใช้แรงสางผม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโเี้
เชิงอรรถ
[1] 殿下 เตี้ยนเซี่ย ตรงกับลำดับชั้นในภาษาไทยคือ "ฝ่าละอองพระบาท" หรือ "ฝ่าพระบาท" ใช้กับลำดับองค์หญิงและองค์ชาย
[2] 本宫 “เปิ่นกง” หากแปลแบบไทยจริงๆ คงแปลได้ว่า “คุณข้างใน” ไท่จื่อ (太子) หรือองค์รัชทายาท ในขณะว่าราชการจะใช้คำแทนตัวว่า เปิ่นกง (本宫) เพราะได้รับการสถาปนาเป็ตงกง (东宫) หรือตำหนักบูรพา เ้าหญิงหรือพระราชธิดาที่ได้รับสถาปนายศก็สามารถใช้ได้เช่นกัน แต่หากเ้าหญิงหรือพระราชธิดาไม่ได้รับการแต่งตั้งเต็มยศนี้ ก็ไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเปิ่นกงได้ เรียกได้แต่ว่า เปิ่นกงจู่ (本公主)
[3] 奴才 “หนูฉาย” เป็คำเรียกแทนตัวเองของขุนนางฝ่ายใน มียศมีศักดิ์ เข้าวังได้จากการประกาศรับสมัครและสอบคัดเลือกอย่างเข้มงวด
[4] 本王 “เปิ่นหวาง” เป็คำที่องค์ชายหรือเชื้อพระวงศ์ชายใช้เรียกแทนตัวเอง
[5] ยามจื่อ (子时) คือเวลา 23.00 น. – 01.00 น.