“เตี้ยนเซี่ยอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ” หรูอี้พูดปลอบใจเสียงอ่อนโยน
“เตี้ยนเซี่ยโปรดทรงวางพระทัยเถิดเพคะ นักฆ่าหมายเลขสามคงจะไม่ปล่อยให้ข้อมูลของเราแพร่งพรายออกไป” ฉินรั่วพูดออกมาอย่างระมัดระวัง การลงมือในครั้งนี้องค์รัชทายาททรงวางแผนมาอย่างดีเป็ระยะเวลาหนึ่งปี คิดไม่ถึงว่าแผนการจะล้มเหลวลงอย่างไม่เป็ท่า ผู้คนล้มตายไปมากขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงโทสะขององค์รัชทายาทเลย แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกเสียดายเป็อย่างยิ่ง
“ต่อให้นางจะให้ข้อมูลอะไรไป เปิ่นกงก็ไม่กลัว” ั์ตาของมู่หรงฉือฉายแววเย็นะเื
“เช่นนั้นหนูฉายจะไปบอกคนของตรอกหลิวเย่ให้พวกนางสลายตัวไปที่ตรอกเถาฮวานะเพคะ”
“อืม เื่นี้เ้าไปจัดการเถิด”
“หนูฉายทูลลาเพคะ” ฉินรั่วถอยออกไปจากตำหนักอย่างเงียบเชียบ
“เตี้ยนเซี่ย เตรียมน้ำร้อนเสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ”
หรูอี้พูดเสียงเบา ถึงว่า เหตุใดเตี้ยนเซี่ยจึงมีโทสะเพียงนี้ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นั้นกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว
เมื่อมาถึงตำหนักสรงน้ำ มู่หรงฉือยืนอยู่ในบ่อน้ำร้อนขนาดกว้างขวางด้วยท่าทางครุ่นคิด
หรูอี้เห็นดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าหมองจึงไม่กล้าเอ่ยปากกล่าววาจาใด แล้วเช็ดตัวให้อีกฝ่ายเงียบๆ
ครั้นนึกถึงผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารไปอย่างโชคร้าย มู่หรงฉือก็โกรธจนกัดฟันกรอด อยากจะฉีกทึ้งเนื้อกระชากิัแล้วดื่มเืของเขาเสีย
“เ้าออกไปเถิด เปิ่นกงอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
“เพคะ” แม้หรูอี้จะเป็กังวล ทว่านางก็ไม่เอ่ยถามอะไรแล้วถอยออกจากตำหนัก
ตอนนั้น เตี้ยนเซี่ยแต่งกายเป็นักฆ่าออกไป ทว่านางรออยู่ด้านนอกจวนอวี้หวางอยู่ค่อนคืนถึงจะเห็นเตี้ยนเซี่ยออกมา ระหว่าง่สองยามนั้นเกิดเื่อะไรขึ้นกับองค์รัชทายาทกัน? มู่หรงอวี้พบตัวนางหรือไม่?
มู่หรงฉือถูแขนขาและเนื้อตัวของตนอย่างแรง หวังจะทำลายกลิ่นอายของมู่หรงอวี้ที่ติดอยู่บนร่างออกให้หมดสิ้น
เมื่อหวนนึกถึงภาพความอัปยศที่ไม่อาจทนรับได้นั้น ความโกรธของนางก็ได้แต่สุมอยู่เต็มอกอย่างไร้ทางระบาย
มู่หรงอวี้ หัวของเ้า เปิ่นกงจะเอามันมาให้จงได้!
...
เที่ยงของวันต่อมา มู่หรงฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้าน
นางปวดร้าวไปหมดทั้งตัว รู้สึกเหมือนแขนถูกหักไป ขาทั้งสองข้างร้าวระบม พอยกขาจะก้าวเท้าก็จะเจ็บแปลบขึ้นมา
นางมองบรรดาอาหารเลิศรสที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะแล้วกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่นิด
“ท่านอ๋อง เข้าไปไม่ได้นะเพคะ! ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทยังไม่ตื่น… ท่านอ๋อง…”
ด้านนอกตำหนักมีเสียงร้องห้ามของนางกำนัล
นางส่งสัญญาณให้กับหรูอี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับรู้ว่าเตี้ยนเซี่ยไม่อยากจะพบท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ดังนั้นจึงไปห้ามเขาอยู่ที่ด้านหน้าตำหนัก
มู่หรงอวี้ก้าวเดินอย่างองอาจ ชุดคลุมสีดำที่ปักด้วยดิ้นทองเป็ลายเมฆายิ่งทำให้เ้าตัวดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามขึ้นไปอีก ขากางเกงสีดำขยับตามจังหวะก้าวเดิน
“ท่านอ๋องโปรดหยุดเถิด” หรูอี้มายืนขวางอยู่ตรงหน้าประตู ยกแขนขึ้นมากางขวางกั้นเอาไว้ “องค์รัชทายาททรงประชวรอยู่ ไม่ให้ใครเข้าพบทั้งนั้นเพคะ”
“เ้าคิดว่าเ้าจะขวางเปิ่นหวางได้หรือ?” เขาปรายตามองอย่างไม่ยี่หระ
นางใจหายวาบ รู้สึกราวกับถูกเข็มเงินนับพันเล่มทิ่มแทง เมื่อถูกสายตาดุดันของเขาจ้องมองมา
มู่หรงฉือที่อยู่ด้านในส่งเสียงออกมา “ให้ท่านอ๋องเข้ามาเถิด”
มู่หรงอวี้ก้าวเข้าไปในตำหนักแล้วนั่งลงตรงข้ามนาง เขามองไปทางองค์รัชทายาทด้วยสายตาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“เมื่อคืนท่านอ๋องเจอนักฆ่าที่งานเลี้ยง เปิ่นกงใแทบแย่” นางพูดออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัวและขี้ขลาด เป็เหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยที่ตื่นตูมจากการพบเจอเื่อันน่าใมาอย่างหนัก
“ทำให้องค์รัชทายาทใเสียแล้ว เป็ความผิดของเปิ่นหวางเอง” ถึงแม้จะเอ่ยคำขอโทษออกมา แต่ในน้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วไม่ได้มีความรู้สึกผิดอยู่เลยสักนิด
“ทำไมถึงมีนักฆ่าหญิงลอบเข้ามาทำร้ายท่านอ๋องกัน?”
“คงจะเป็โจรที่อยากจะได้ชีวิตของเปิ่นหวาง”
“ได้ยินมาว่าเมื่อคืนท่านจับเป็นักฆ่าหญิงมาได้หนึ่งคน...” มู่หรงฉือจงใจหยุดพูด แสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา
“เปิ่นหวางได้สั่งให้คนทรมานนักฆ่าหญิงผู้นั้นอย่างหนัก เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะจับผู้ที่ชักใยอยู่เื้ันางได้” ั์ตาดำของมู่หรงอวี้ฉายแววเย็นเยียบ “เมื่อเปิ่นหวางจับคนที่ชักใยอยู่เื้ันางผู้นั้นได้ เปิ่นหวางจะให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติการถูกทรมานสิบแปดชนิด”
“เปิ่นกงเองก็หวังว่าท่านอ๋องจะรีบจับคนที่บงการอยู่เื้ัออกมาได้โดยเร็ว”
“คนที่อยากจะสังหารเปิ่นหวางมากที่สุดผู้นั้น อยู่ไกลสุดขอบฟ้าอยู่ใกล้เพียงตรงหน้า”
“ท่านอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เมื่อเจอสายตาอันโเี้ของเขา จิตใจของนางก็สั่นไหว สีั์ตาเข้มขึ้นมาหลายส่วน
ก่อนที่จะเริ่มลงมือ นางคาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาคงจะคาดเดาได้หลายส่วน คิดไม่ถึงว่าจะเป็เช่นนั้นจริงๆ
มู่หรงอวี้สมควรตาย คนผู้นี้จะฉลาดเกินไปแล้ว
มู่หรงอวี้ยกยิ้มร้ายกาจ “ความหมายของเปิ่นหวาง ต่อไปองค์รัชทายาทก็จะเข้าใจเอง ความจริงแล้วเปิ่นหวางเคยสงสัยมาก่อนว่าการลอบสังหารเมื่อคืน อาจเป็คนใกล้ตัวที่เป็ผู้ลงมือ”
หัวใจของมู่หรงฉือกระตุก คลี่ยิ้มแห้ง “ท่านอ๋องนี่ก็ช่างล้อเล่นเสียจริง”
ั์ตาดำของเขายิบหยี “แต่ทว่า เปิ่นหวางเชื่อว่าเตี้ยนเซี่ยไม่มีความกล้านั้น”
นางลอบถอนหายใจ “ท่านอ๋องพูดถูกต้อง”
หลังจากมู่หรงอวี้กลับไปแล้ว นางก็สั่งหรูอี้ “เ้าจงนำเสื้อคลุมสีดำที่เปิ่นกงเอากลับมาเมื่อคืนไปเผาทิ้งเสีย”
หรูอี้เห็นเค้าความดุดันฉาบอยู่บนใบหน้าขององค์รัชทายาทก็พูดอย่างจนใจ “เพคะ”
องค์รัชทายาทเก็บซ่อนความสามารถอยู่ในตำหนักบูรพามาห้าปี คิดไม่ถึงว่าการลงมือครั้งแรกจะล้มเหลว ทั้งยังมีผู้คนล้มตายมากมาย เช่นนี้จะไม่กริ้วได้อย่างไร?
ในยามนี้ องค์ฮ่องเต้เฉยชา ไม่สนใจบ้านเมือง ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนกุมอำนาจของราชสำนักทั้งหมดเอาไว้อย่างยโสจองหอง ขุนนางในราชสำนักส่วนมากคือผู้ที่จะทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าคนอื่นเสียก่อน นอกจากคนประจบประแจงแล้วก็มีแต่พวกสอพลอ ไม่ว่าจะเป็ขุนนางหรือว่าประชาชน ล้วนไม่มีใครกล้าเอ่ยคำว่า “ไม่” กับท่านอ๋องผู้นี้ แม้แต่องค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาผู้เป็ว่าที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นนี้ในภายภาคหน้า ก็ไม่อาจพูดคำว่า “ไม่” กับเขาได้เช่นกัน แล้วเตี้ยนเซี่ยจะไม่อัดอั้น จะไม่ทรงกริ้วได้อย่างไร?
วันนี้ มู่หรงฉือนั่งเอื่อยเฉื่อยพิงอยู่ที่ตั่งคนงาม ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ จนกระทั่งอาทิตย์อัสดง ฉินรั่วก็เดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน สีหน้าหวาดหวั่น “เตี้ยนเซี่ย เกิดเื่แล้วเพคะ”
มู่หรงฉือกระเด้งตัวขึ้นมา “เกิดเื่อะไรขึ้น?”
“ตรอกหลิวเย่กับตรอกเถาฮวาทั้งสองที่ถูกทำลายแล้วเพคะ” ฉินรั่วพูดเสียงหนัก
“ว่าอย่างไรนะ?” มู่หรงฉือลุกยืนขึ้นทันที ในดวงตามีประกายไฟลุกโชน “เป็มู่หรงอวี้หรือ?”
ฉินรั่วพยักหน้าหนักแน่น
มู่หรงฉือสะบัดแขนเสื้อขึ้นอย่างแรง “หรูอี้ มาช่วยเปิ่นกงเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้”
ฉินรั่วพูดโน้มน้าว “เตี้ยนเซี่ย เหตุการณ์ไม่สงบเช่นนี้ จะทรงออกไปตอนนี้ไม่ได้นะเพคะ”
หรูอี้ส่งสายตาไปทางนาง ความหมายก็คือ เื่ที่เตี้ยนเซี่ยตัดสินใจแล้ว ใครเล่าจะสามารถห้ามหรือเปลี่ยนใจได้?
ผ่านไปไม่นาน มู่หรงฉือก็แต่งกายเป็สตรี สวมหน้ากากหนังเดินไปทางห้องตำรา ที่ห้องมีทางลับเชื่อมต่อกับด้านนอกตำหนัก ทุกครั้งที่นางออกนอกตำหนักก็มักจะอาศัยเส้นทางลับนี้เสมอ
เรือนที่ตรอกเถาฮวานั้นธรรมดามาก มองจากด้านนอกไม่มีทางพบว่าด้านในซุกซ่อนอะไรไว้ เช่นนั้นมีอยู่เพียงความเป็ไปได้เดียว ก็คือแม่นางนักฆ่าหมายเลขสามเป็คนบอก
ภายในเรือนเละเทะ แน่ชัดว่าเคยเกิดการปะทะกันมาก่อน แต่ว่าศพได้ถูกจัดการออกไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงคราบเืที่เจิ่งนองอยู่เท่านั้น
สถานที่นี้เป็ผลลัพธ์การจัดการห้าปีของนาง เช่นเดียวกับเรือนที่ตรอกหลิวเย่ที่ใช้เพื่อการฝึกฝนนักฆ่าหญิง
นางคิดไม่ถึงว่าวางแผนพลาดไปเพียงครั้งเดียวจะทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย
ทันใดนั้นน้ำตาพลันเอ่อขึ้นมาที่ขอบตา
นางกำหมัดแน่นจนเสียงกระดูกดังลั่น
มู่หรงอวี้!
มีเสียงอะไรบางอย่าง!
มู่หรงฉือกระโจนตัวขึ้นไปบนหลังคา ในตอนนี้เองนางพลันมองเห็นคนยืนอยู่บนกำแพงด้านล่าง
เสื้อคลุมสีดำพลิ้วไหวไปตามสายลมหนาวของเดือนสาม ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสนิทดั่งเหล็กกล้า
มู่หรงอวี้!
เขาไม่ขยับและสงบนิ่ง นางเองก็ไม่ขยับเช่นกัน
นางอดยอมรับไม่ได้ว่าเครื่องหน้าของเขาหล่อเหลา ครึ่งชีวิตที่อยู่ในสนามรบทำให้เขากลายเป็คนโเี้ดุดัน เป็ความดุดันร้ายกาจแบบทหารกล้าที่นางไม่อาจมีได้
มู่หรงอวี้จดจำใบหน้าของนางได้ นางก็คือสตรีหน้าตางดงามที่โรมรันพันตูกับเขาเมื่อคืน
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา นางยิ่งดูงดงามกว่าเมื่อคืนเสียอีก
“แม่นาง โปรดแจ้งนามของเ้าได้หรือไม่?”
พอคิดถึงเื่กัดกร่อนิญญาเมื่อคืน กล้ามเนื้อของเขาพลันอ่อนยวบ หัวใจพองโต
เขาหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็จะมีวันนี้
“เ้าจงจำไว้เพียงอย่างเดียว สักวัน พวกเราจะเอาหัวเ้ามาสังเวย” มู่หรงฉือแค่นสีหน้าราวยิ้มแต่ไม่ยิ้ม หัวใจเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
“เป็เกียรติของเปิ่นหวางอย่างยิ่ง” ั์ตาดำของมู่หรงอวี้ทอประกายดุจตาเหยี่ยว “เ้าคือคนของแคว้นตงฉู่หรือ?”
“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร?” นางเข้าใจแล้ว นักฆ่าหมายเลขสามบอกสถานที่อย่างตรอกหลิวเย่กับตรอกเถาฮวาสองที่นี้ก่อน ต่อมาก็บอกว่าตัวเองเป็คนของแคว้นตงฉู่ เขาคงจะเชื่อถึงได้มาที่นี่
“ทำไมแม่นางไม่ลองพิจารณามาเป็…”
“หากเ้ามอบศีรษะของตัวเองมา บางทีข้าอาจจะลองพิจารณาดูเสียหน่อย”
มู่หรงอวี้หัวเราะเสียงต่ำ “หากเ้าตั้งครรภ์ลูกของเปิ่นหวาง เ้าก็มาหาเปิ่นหวางที่จวนอวี้หวางได้”
มู่หรงฉือหัวเราะเสียงเย็น “หากในร่างของข้ามีเืเนื้อเชื้อไขของเ้า เช่นนั้นเ้าคงต้องลงไปหาลูกของเ้าที่นรก”
เขาหัวเราะออกมา “เป็สตรีที่ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เปิ่นหวางยิ่งถูกใจขึ้นไปอีก”
นางกำลังจะกระโจนตัวออกไป จู่ๆ ก็เห็นเขาทะยานตัวเข้ามาหาราวกับลูกธนู จึงอดใไม่ได้ ทั้งยังเจือไปด้วยความกรุ่นโกรธ นางจึงเพิ่มแรงการทะยานตัวขึ้นไปอีก
เพียงแต่นางประเมินเขาต่ำเกินไป เพียงไม่นานนางก็ถูกเขาไล่ตามทัน
มู่หรงอวี้จับไหล่ขวาของนางก่อนจะดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด จากนั้นเขาก็พานางไปในถนนเปลี่ยวสายหนึ่ง
“ปล่อยข้า!” เมื่อถูกเขาหยอกเย้ากลางถนนแบบนี้ มู่หรงฉือโกรธเสียจนแทบกระอักเื
“หากแม่นางไม่ทิ้งชื่อเอาไว้ วันนี้ก็ไปไหนไม่ได้” เขาจับคางของนาง แววตาของเขาฉายแววร้ายกาจและคมกริบดั่งกระบี่ “เมื่อคืนมองเห็นไม่ชัด วันนี้เปิ่นหวางขอมองดีๆ เสียหน่อยแล้วกัน”
นางยกขาขึ้นถีบที่ด้านล่างเอวของเขาอย่างแรง
ปฏิกิริยาของเขาว่องไวมาก เขาถอยหลบไปด้านหลัง หัวเราะเสียงต่ำอย่างชั่วร้าย “แม่นางไม่คิดถึงเื่ราวอันงดงามที่ทำกับเปิ่นหวางหรือ? ขอแค่เ้ากลับจวนกับเปิ่นหวาง...”
“คนลามก! หน้าไม่อาย!” มู่หรงฉือพ่นถ้อยคำด่าทอด้วยความอับอาย ถึงจะเคยเจอคนหน้าหนามาก่อน แต่กลับไม่เคยเห็นใครที่ไร้ยางอายเช่นเขา
‘ฟิ้ว ฟิ้ว!’
อาวุธสองชิ้นปรากฏขึ้นในอากาศพุ่งตรงไปยังมู่หรงอวี้ เขารีบเบี่ยงหลบทันที
ต่อมาเสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้น ก่อนที่หมอกควันจะขยายอาณาเขตปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด
เขาพูดเสียงเบา “แย่แล้ว” ก่อนจะรีบทะยานตัวขึ้นไป ทว่าไร้เงาของแม่นางผู้นั้นเสียแล้ว
เขายกยิ้มเย็น เดิมทีแม่นางผู้นั้นยังมีเพื่อนร่วมสำนักด้วย
ใช้การทรมานเพียงไม่กี่วิธี นักฆ่าสาวผู้นั้นก็ยอมสารภาพ แต่คนที่ลงมือฆ่านั้นเป็คนที่แคว้นตงฉู่ส่งมาจริงๆ หรือ?
หรือว่าเื่การลอบสังหารจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทจริงๆ
...
เป็ฉินรั่วที่มาช่วยมู่หรงฉือไว้ได้ทันการ
มู่หรงฉือเพิ่งจะกลับไปถึงตำหนักบูรพา หรูอี้ก็เข้าไปต้อนรับ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความร้อนรน “เตี้ยนเซี่ย นางกำนัลของตำหนักชิงหยวนมารายงาน ฮ่องเต้กระอักเื ทรงประชวรหนักเพคะ”
“อะไรนะ?” มู่หรงฉือใมาก ในหัวขาวโพลนไปชั่วครู่ “เมื่อใดกัน?”
“มากราบทูลเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเพคะ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เปิ่นกงเร็วเข้า”
นางเข้าไปยังห้องบรรทม โดยมีหรูอี้เดินตามเข้ามา
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว นายบ่าวก็รีบร้อนไปที่ตำหนักชิงหยวน
ตำหนักชิงหยวนเป็ตำหนักของโอรส์ ซึ่งมีระยะห่างกับตำหนักบูรพาไม่น้อย
ตำหนักชิงหยวนในเวลานี้มีขันทีและนางกำนัลจำนวนมากคอยดูแลอยู่ด้านนอกตำหนัก หมอหลวงทั้งหกกำลังหารือกันอย่างเร่งด่วน เซียวกุ้ยเฟยนั่งอยู่ในตำแหน่งประธานทางทิศเหนือ ดื่มชาด้วยท่าทีนิ่งสงบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางยังแสดงท่าทีร้อนใจออกมา
“องค์รัชทายาทเสด็จ”
นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกตำหนักชิงหยวนเอ่ยรายงาน
ทุกคนในตำหนักรวมถึงหมอหลวงทั้งหกต่างพากันโค้งคำนับ นางกำนัลคนสนิทของเซียวกุ้ยเฟยเข้ามาพยุงนาง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกไป ใบหน้ารูปไข่งดงามค่อยๆ มีความกังวลฉายอยู่