สมัยเรียนูเี่อันเป็คนเรียนเก่งระดับตำนานของโรงเรียน
แต่ในเื่ความรักนั้นเธอกลับเป็พวกรู้ตัวช้า
ถึงเธอจะรู้จักกับลู่เป๋าเหยียนั้แ่สิบขวบแต่กว่าจะรู้ตัวว่าชอบเขา จากเด็กสาวก็ได้กลายเป็หญิงสาวเต็มตัวไปซะแล้วเธอไม่ได้เจอลู่เป๋าเหยียนมานานหลายปี เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเปลี่ยนไปบ้างไหมยังหล่อเหมือนตอนนั้นที่เธอเจอเขาอยู่หรือเปล่า
แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังชอบเขา
ตอนม.1 เธอได้รับจดหมายสารภาพรักในซองจดหมายกลิ่นหอมฟุ้งซองนั้นมีรูปเด็กผู้ชายเ้าของจดหมายใส่เอาไว้สมองของเธออดคิดไปถึงภาพของลู่เป๋าเหยียนในความทรงจำไม่ได้ จมูกของเด็กชายคนนี้ไม่โด่งเท่าลู่เป๋าเหยียนตาก็ไม่สวยเท่าลู่เป๋าเหยียน ทรงผมก็ไม่ได้ดูดีเป็ธรรมชาติเหมือนกับลู่เป๋าเหยียน
ตอนม.2 เธอโดนคนดักสารภาพรักเด็กผู้ชายท่าทางดูนักเลงคนหนึ่งมาขอให้เธอเป็แฟนกับเขาเขารับรองว่าถ้าเธอเป็แฟนกับเขาจะไม่มีใครกล้ารังแกเธอแน่นอนเธอมองเขาอย่างประเมินพลางคิดในใจ
‘อืม ไม่เท่เอาซะเลยไม่เหมือนลู่เป๋าเหยียน ที่หากใครมองเขาก็คงถูกภาพลักษณ์ที่ดูมั่นคงและสง่างาม ต่างจากคนในวัยเดียวกันดึงดูดสายตา’
แต่หลังจากการปรากฏตัวของสองแม่ลูกเจี๋ยงเสวี่ยลี่และซูหยวนหยวนรวมถึงการตายของแม่ ก็ทำให้เธอปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่ง
ตอนกลางวันเธอจะขลุกอยู่แต่ในห้องนอนของแม่ส่วนตอนกลางคืนก็เอาแต่ร้องไห้ หลายครั้งที่เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแต่ในวินาทีสุดท้ายเธอก็มักคิดถึงลู่เป๋าเหยียนเสมอ
ตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรกพ่อของเขาเพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แม่บอกเธอว่า พี่ชายคนนั้นกำลังเศร้าแม่ขอให้เธอช่วยไปอยู่เป็เพื่อนเขา
เขาอาจจะเบื่อที่เธอคอยตามติดเขาไม่เลิกทว่าเขาเป็สิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวของเธอในตอนนั้น
ลู่เป๋าเหยียนยังสามารถรับมือกับการสูญเสียของคนในครอบครัวได้เลยเธอก็ต้องทำได้สิ ถ้าเธออยากจะเป็ผู้หญิงที่คู่ควรกับเขาเธอก็ต้องเข้มแข็งหมือนเขาให้ได้
ด้วยเหตุนีู้เี่อันจึงมักเผลอคิดถึงลู่เป๋าเหยียนโดยไม่รู้ตัวแม้กระทั่งในเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชีวิต
แต่ตอนนั้นเธอไม่รู้ตัวเลยว่าสักนิดว่าได้ชอบลู่เป๋าเหยียนเข้าให้เสียแล้ว
่ใกล้จบม.ปลายเธอเห็นเขาในนิตยสารเล่มหนึ่งโดยบังเอิญ
ในความทรงจำของเธอลู่เป๋าเหยียนยังเป็เด็กหนุ่มอายุสิบหกปีที่อยู่ในชุดเสื้อไหมพรมกางเกงลำลองแต่เขาในนิตยสาร คือชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพงดูเ็าและอ่านยาก แถมยังตัวสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
จากเด็กหนุ่มได้กลายเป็นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จูเี่อันจึงได้รู้ว่า ลู่เป๋าเหยียนที่เธอเห็นคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ใช่พี่เป๋าเหยียนคนที่เธอเคยพบอีกต่อไป
ในตอนนั้น จู่ๆ หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมาเพื่อนร่วมชั้นเห็นเธอกำลังนั่งเหม่อจึงแกล้งแซวว่า
“เจี่ยนอันเธอก็เพ้อเหมือนคนอื่นเขาเป็ด้วยเหรอเนี่ย เขาเป็นักธุรกิจใหม่ไฟแรงที่หล่อสุดๆ ไปเลยเนอะเธอชอบเขาหรือเปล่า?”
ชอบสิูเี่อันได้ยินเสียงตัวเองตอบอยู่ในใจ
ชอบมาโดยตลอด...
ตอนนั้นเอง เธอถึงเข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบผู้ชายวัยเดียวกันไม่อาจคบใครสักคนเป็แฟนตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไปไม่ว่าจะเป็เด็กผู้ชายหลังห้องที่ชอบมาหยอกล้อเธอ หรือหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนก็ถูกเธอนำไปเปรียบเทียบกับลู่เป๋าเหยียนจนหมด ส่วนผลลัพธ์นั้นแน่นอนว่าสำหรับเธอไม่มีใครสักคนที่เทียบกับลู่เป๋าเหยียนได้
ที่จริงเธอคงเริ่มชอบเขาั้แ่ตอนสิบขวบแล้วล่ะเพียงแต่ว่าเพิ่งมารู้ตัวเท่านั้น
หลังจบม.ปลายเธอก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย A เธอเริ่มชอบอ่านนิตยสารด้านธุรกิจเพราะในหนังสือพวกนั้นมักมีข่าวหรือบทความการสัมภาษณ์ของลู่เป๋าเหยียน
รูปภาพของเขาตามอินเทอร์เน็ตเธอก็จัดการเซฟลงอัลบั้มลับในมือถือแม้แต่ลั่วเสี่ยวซีเองก็ไม่เคยรู้
สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยเธอแอบชอบเขามาโดยตลอด บางครั้งเวลาคุยโทรศัพท์หรือนัดเจอกับถังอวี้หลันเธอก็ได้ฟังเื่ราวของเขาอยู่บ้าง
มีหลายครั้งที่ถังอวี้หลันชวนเธอไปกินข้าวที่บ้านบอกว่าวันนี้ลู่เป๋าเหยียนก็กลับมาที่บ้าน พวกเธอจะได้เจอหน้ากัน
ตอนนั้นลู่เป๋าเหยียนได้ขยายอาณาจักรของเครือตระกูลลู่จนใหญ่โตเขากลายเป็ผู้ชายในฝันของหญิงสาวทุกคนไปแล้วแถมยังมีข่าวซุบซิบอยู่กับหานรั่วซีอีก ภาพของพวกเขาทั้งสองมีอยู่ทั่วอินเทอร์เน็ตเธอจึงส่ายหัวปฏิเสธไป โดยอ้างว่าติดเรียน
แต่ที่จริงแล้วเธอกลัวที่จะเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นต่างหาก
ถึงจะอย่างนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าหญิงสาวที่แอบชอบเขาข้างเดียวคนอื่นเป็ไหนๆเพราะอย่างน้อยเธอก็เคยเจอเขา และยังได้รับรู้ข่าวคราวของเขาอยู่ตลอด
หลังเรียนจบซูอี้เฉิง้าส่งเธอไปเรียนเมืองนอก เธอจึงเลือกไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับที่ลู่เป๋าเหยียนเรียนจบมา
ตอนที่ลู่เป๋าเหยียนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเขาก็เป็คนดังของที่นั่น ศาสตรจารย์ทั้งหลายยังคงจำเขาได้ดี ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนจบไปนานหลายปีแล้วก็ตามเธอมักจะได้ยินเื่ราวของลู่เป๋าเหยียนตอนที่ใช้ชีวิตที่นี่ผ่านคณาอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นจนบางทีเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เจียงเส้าข่ายบอกว่าสงสัยเพราะเธอเจอศพเยอะเกินไป เลยกลายเป็คนบ้าที่อยู่ๆ ก็ชอบยิ้มโดยไม่มีสาเหตุ
บ้าก็บ้าสิเพราะถึงอย่างไรเื่ที่เธอชอบลู่เป๋าเหยียนเธอก็ไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้ว
่เวลาสองปีที่เธอเรียนอยู่ที่อเมริกาเครือเฉิงอันของซูอี้เฉิงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเครือเฉิงอันโจมตีธุรกิจของเครือซูอย่างไม่หยุดหย่อนจนซูหงเยวี่ยนเริ่มทนอยู่เฉยไม่ได้เขาเริ่มมีความคิดที่จะลักพาตัวเธอเพื่อข่มขู่ซูอี้เฉิง
ตอนที่ซูอี้เฉิงกับถังอวี้หลันเสนอให้เธอแต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนปฏิกิริยาแรกของเธอคือ เธอกลัว
คนที่เธอแอบชอบมานานหลายปีในตอนนี้ได้กลายเป็คนดังไปแล้ว ส่วนเธอวันๆ หมกตัวอยู่แต่กับศพ และอีกอย่างดูเหมือนเขาเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว...
แค่ได้แอบชอบเขาเธอก็พอใจแล้วแต่นี่เธอจะได้แต่งงานกับเขา...
“เจี่ยนอันนี่เป็โอกาสเดียวของน้อง” ซูอี้เฉิงพูดกับเธอ “พี่รู้ว่าน้องชอบเขา”
เธอนิ่งอึ้งมองหน้าพี่ชายอย่างกับเด็กสาวที่ถูกจับได้ว่าแอบขโมยรองเท้าส้นสูงของแม่ไปใส่หน้าเธอแดงจนอยากจะหายตัวจากตรงนั้นไปให้รู้แล้วรู้รอด
“เวลาที่เธอชอบของสิ่งไหนก็ต้องพยายามไขว่คว้ามันด้วยตนเองคนที่เธอชอบก็เช่นกัน” ซูอี้เฉิงลูบผมเธอเบาๆ “ลองคิดดูถ้าเขาไปแต่งงานกับคนอื่นเราจะเสียใจไหม”
เธอพยักหน้าซูอี้เฉิงจึงพูดต่อว่า “งั้นน้องก็แต่งงานกับเขาซะอย่าปล่อยให้เขาแต่งงานกับคนอื่น อย่างน้อยก็คว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ดี”
ด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมตกลงแต่งงาน เธอกับเขาจึงได้กลายมาเป็สามีภรรยากันแต่ลู่เป๋าเหยียนกลับบอกเธอว่า อีกสองปีเขาจะหย่ากับเธอ
“บังเอิญจังฉันก็ไม่ได้คิดอะไรกับนายเหมือนกัน” คำตอบของเธอในตอนนั้นเธอโกหกที่จริงเธอแอบซ่อนความเ็ปเอาไว้
ลู่เป๋าเหยียนเคยถามเธอว่าทำไมถึงยอมตกลงแต่งงานกับเขา สาเหตุที่แท้จริงก็คือเธอชอบเขาตอนที่ถูกฆาตกรโรคจิตจับตัวไว้ เจียงเส้าข่ายถามเธอว่ามีอะไรอยากจะพูดกับลู่เป๋าเหยียนหรือเปล่าความจริงแล้วเธออยากพูดออกไปว่า เธอชอบลู่เป๋าเหยียน แต่พอลองคิดดูดีๆถ้าเขากับหานรั่วซีคบกันแล้ว คำพูดนี้ก็ไม่จำเป็อีกต่อไป
ได้แต่งงานกับเขาเพียงแค่นี้เธอก็พอใจแล้ว
เธอแอบชอบลู่เป๋าเหยียนมานานหลายปีอย่าว่าแต่แต่งงานเลย แค่ได้คบกันเป็แฟนเธอยังไม่กล้าจะคิด ถึงเธอจะถูกฆ่าจริงๆแต่อย่างน้อยเธอก็ได้เป็สามีภรรยากับเขาตั้งสองเดือนชีวิตนี้เธอไม่มีอะไรให้เสียดายอีกต่อไป
เธอไม่กล้าบอกเื่นี้กับใครการชอบเขามันทำให้คนกล้าหาญอย่างเธอกลายเป็คนขี้ขลาดในพริบตา
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเจียงเส้าข่ายจะดูออกทั้งหมด
ูเี่อันไม่ได้ใมากเท่ากับตอนที่ถูกซูอี้เฉิงรู้ความจริงอีกแล้วเธอยิ้มพลางขอร้องเจียงเส้าข่าย
“อย่าไปบอกคนอื่นนะ”
เจียงเส้าข่ายพูดอย่างโกรธๆ“ไร้อนาคตจริงๆ เธอเนี่ย!”
“ใครบอก? ฉันแค่เอาอนาคตไปฝากไว้กับเื่อื่นต่างหาก!”
“จะมาเถียงกับฉันให้เปล่าประโยชน์ทำไม”เจียงเส้าข่ายพูด “ไปเถียงกับหานรั่วซีนู่น ไปแย่งลู่เป๋าเหยียนกลับมาสิ!”
ูเี่อันนึกไปถึงภาพของพวกเขาสองคนในข่าว
“แย่งไม่ไหวมั้งพวกเขามีใจให้กัน”
“เจี่ยนอัน อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกสงสารเธอจัง”
“ฉันร่างกายแข็งแรงกินอิ่มนอนหลับ แถมได้แต่งงานกับคนที่ชอบ น่าสงสารตรงไหน?” ูเี่อันเบ้ปากพลางตอบ“นายไปสงสารเสี่ยวซีดีกว่า เธอโดนพ่อตัดเงินอีกแล้ว...”
เจียงเส้าข่ายเชอะใส่เธอหนึ่งที“ลั่วเสี่ยวซียังกล้าหาญกว่าเธอละกัน”
ูเี่อันนิ่งไปแล้วจึงยิ้มออกมา
นั่นสินะเสี่ยวซีกล้าหาญกว่ามาก เธอชอบใครก็กล้าสารภาพออกไป ถึงอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับแต่ไม่เป็เดี๋ยวเธอเป็ฝ่ายตามจีบเอง
ูเี่อันหยิบหม้อซุปแล้วลุกขึ้น
“พรุ่งนี้ฉันจะเอาข้าวเที่ยงมาส่ง”
เจียงเส้าข่ายไม่ปฏิเสธ“ขับรถดีๆ ล่ะ”
กว่าูเี่อันจะถึงบ้านก็ดึกแล้วเธอจอดรถเสร็จก็ถือหม้อซุปเดินเข้าบ้านแล้วจึงเห็นลู่เป๋าเหยียนนั่งอยู่คนเดียวที่โซฟาในห้องรับแขกที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยขี้บุหรี่ ในอากาศยังคงมีกลิ่นควันบุหรี่หลงเหลืออยู่
เท่าที่เธอจำได้เขาไม่สูบบุหรี่นี่นา
ว่าแล้วเธอจึงเดินเข้าไปถาม“นายไม่เป็ไรใช่ไหม?”
ลู่เป๋าเหยียนค่อยๆ เงยหน้ามองเธอ“ไม่เป็ไร เธออยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเลยงั้นเหรอ”
ูเี่อันพยักหน้า “เสี่ยวซีก็อยู่ที่นั่นพวกเราเลย...คุยกันเพลินไปหน่อย”
“อืม”ลู่เป๋าเหยียนตอบพลางยื่นมือไปเหมือนจะหยิบบุหรี่กับไม้ขีดไฟที่วางอยู่ที่โต๊ะแต่แล้วก็ชะงักและดึงมือกลับมา เขามองูเี่อัน“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบเข้านอนเถอะ”
“เมื่อวาน...”ูเี่อันลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันลืมมือถือไว้ที่บ้านเสี่ยวซีเลยไม่รู้ว่านายโทรมา”
เธอพูดอย่างคาดหวังโดยไม่ปิดบังทว่าลู่เป๋าเหยียนกลับตอบสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยน
“ไม่มีอะไรหรอก”
“อืม”เหมือนเขาจะไม่อยากคุยกับเธออีกแล้ว ูเี่อันซ่อนความรู้สึกผิดหวังเอาไว้แล้วเดินไปเก็บหม้อซุปให้เรียบร้อย จากนั้นจึงกลับขึ้นห้องทันที
เมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็เอนตัวลงบนเตียงเตรียมเข้านอน แต่กลับรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอยมากเลยนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเธอถูกคนร้ายตีศอกเข้า ตอนนี้จะปวดขึ้นมาก็ไม่แปลก
เพื่อความปลอดภัยเธอจึงเดินลงไปข้างล่างเพื่อหากล่องยา
ห้าทุ่มกว่าแล้วโคมไฟใหญ่ในห้องรับแขกถูกปิดลงเหลือเพียงแสงสีเหลืองนวลจากหลอดไฟดวงเล็กที่ยังคงส่องสว่าง
ูเี่อันได้กลิ่นบุหรี่
เธอหันไปมองทางโซฟา ลู่เป๋าเหยียนยังคงนั่งอยู่ที่นั่นนิ้วเรียวยาวคีบบุหรี่ แผ่นหลังดูโดดเดี่ยวอ้างว้าง
หนังสือทีู่เี่อันเคยอ่านเขียนเอาไว้ว่าใบหน้าของคนสามารถซ่อนความรู้สึกได้อย่างแเีก็จริง แต่แผ่นหลังกลับทำไม่ได้
คนเราไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์เราสามารถมองเห็นมันได้จากแผ่นหลังของคนคนนั้น
ลู่เป๋าเหยียน...กำลังทุกข์อยู่อย่างนั้นเหรอถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงมานั่งสูบบุหรี่เงียบๆ คนเดียวในเวลาแบบนี้
หัวใจของูเี่อันเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงเท้าของเธอเดินเข้าไปหาลู่เป๋าเหยียนโดยไม่รู้ตัว
ถึงเขาจะไม่อยากให้เธอเข้าใกล้แต่เธอทำเป็ไม่เห็นเขาคนที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ไม่ได้
ลู่เป๋าเหยียนนึกไม่ถึงว่าดึกขนาดนี้แล้วูเี่อันยังลงมาข้างล่างเขารีบดับบุหรี่
“ฉันบอกให้เธอรีบเข้านอนไม่ใช่หรือไง”
“ฉัน...”ูเี่อันนิ่งไปชั่วครู่ “ฉันลงมาหากล่องยา”
สายตาของลู่เป๋าเหยียนแปรเปลี่ยนไปทันทีพลางถามว่า
“เธอาเ็ตรงไหน?”