ูเี่อันเหมือนจะเห็นความกังวลใจในสายตาของลู่เป๋าเหยียนแต่เพราะมองไม่ชัด จึงไม่กล้าปักใจเชื่อหรือดีใจไปกับมัน
เธอชี้ไปที่ท้ายทอยของตัวเองลู่เป๋าเหยียนลุกขึ้นพลางจับท้ายทอยเธอและกดลงไปเบาๆ เธอเจ็บจนร้องออกมา
“เจ็บนะ เบาๆ หน่อยสิ”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วเครียด“เมื่อกลางวันทำไมไม่บอก”
ว่าแล้วเขาก็จูงูเี่อันเดินออกไปข้างนอก
“ลู่เป๋าเหยียนเดี๋ยวก่อน!” ูเี่อันสะบัดมือเขาไม่หลุด จึงทำได้แต่เดินตามเขาไป“นายจะพาฉันไปไหน กล่องยาบ้านเราอยู่ที่สวนงั้นเหรอ”
“ไปโรงพยาบาล!”
“ทั้งๆ ที่ฉันใส่ชุดนอนอยู่เนี่ยนะ!”
ฝีเท้าของลู่เป๋าเหยียนถึงกับหยุดชะงักเขาหันกลับมา ูเี่อันอยู่ในชุดนอนผ้าแพรตัวหลวม สายลมแ่เบาที่พัดผ่านในยามค่ำคืนทำให้ชุดนอนแนบเนื้อเผยต้นขาเรียวงามและส่วนเว้าส่วนโค้งให้เห็นเป็ครั้งคราว
ลู่เป๋าเหยียนรีบเบนสายตามองทางอื่น“ขึ้นไปเปลี่ยนชุด ฉันจะรอเธออยู่ด้านนอก”
“นี่ก็ดึกแล้วไว้พรุ่งนี้...”
ูเี่อันตั้งใจจะบอกเขาว่าเดี๋ยวเธอค่อยไปโรงพยาบาลเองก็ได้พรุ่งนี้ แต่จากสายตาอันเย็นะเืที่เขาส่งมาทำให้เธอรีบกลืนคำพูดลงไปแทบไม่ทันว่าแล้วจึงรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปโรงพยาบาลกับเขา
ถนนบนทางด่วนในยามค่ำคืนมีรถน้อยคันลู่เป๋าเหยียนขับรถด้วยความเร็วสูง ูเี่อันแอบชำเลืองมองเขาก็พบว่าสีหน้าเขายังคงดูเ็าไร้ความรู้สึกดั่งทุกที
หรือว่าที่เห็นเขานั่งหงอยๆอยู่ตรงโซฟาเมื่อกี้เธอแค่ตาฝาด?
เพื่อยืนยันความจริงเธอจึงถามออกไปว่า
“เมื่อกี้นายกำลังนั่งคิดอะไรอยู่”
“คิดเื่งาน”
น้ำเสียงไร้อารมณ์ของเขาสื่อชัดว่าเขาไม่้าคุยเื่นีู้เี่อันจึงพยักหน้าแล้วเงียบไป
บรรยากาศบนรถเต็มไปด้วยความเงียบงันตลอดทางยังดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลนัก
ที่นี่คือโรงพยาบาลเอกชนที่หรูหราราคาแพงที่สุดของเมือง A ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวมีทั้งร้านกาแฟที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง Wi-Fi ความเร็วสูงครอบคลุมทั่วพื้นที่สวนดอกไม้ที่สวยงาม รวมไปถึงโรงหนังที่คุณภาพเสียงดีกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วๆ ไปเสียอีกว่ากันว่าบรรดาเศรษฐีทั้งหลายต่างมารักษาตัวที่นี่กันทั้งนั้น
ถึงแม้เวลานี้จะดึกมากแล้วแต่ทั้งโรงพยาบาลก็ยังคงเปิดไฟสว่างไสว
ูเี่อันเคยได้ยินชื่อเสียงของที่นี่มานานแล้วแต่ยังไม่ทันมองสำรวจได้รอบ เธอก็ถูกลู่เป๋าเหยียนลากไปพบหมอเสียก่อนคุณหมอยิ้มทักทายเธออย่างดี
“เชิญทางนี้ค่ะคุณนายลู่เดี๋ยวพวกเราจะทำการตรวจเช็กอย่างละเอียดนะคะ”
เธอหันไปมองลู่เป๋าเหยียน“แล้วนายล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว“ฉันไม่จำเป็ต้องตรวจ”
“...”เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย
คุณหมอเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อจึงพูดว่า“คุณนายลู่้าถามคุณลู่น่ะค่ะ ว่าคุณจะไปรอเธอที่ไหน”
ลู่เป๋าเหยียนมองลึกเข้าไปในตาของูเี่อันแล้วจึงตอบว่า
“ฉันจะไปรอที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลยังไม่กลับหรอก”
คุณหมอยิ้มอย่างมีนัยูเี่อันเองก็หน้าแดงเป็ลูกตำลึง เธอจึงรีบก้มหน้าก้มตาเดินตามคุณหมอไป
เธอไม่ได้กลัวเขาหนีกลับก่อนสักหน่อยก็แค่ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลคนเดียวก็เท่านั้น
เก้าปีก่อนหลังจากที่แม่เสียที่โรงพยาบาล เธอก็รู้สึกต่อต้านที่นี่นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเลือกที่จะเป็แพทย์นิติเวชแทนที่จะทำงานเป็แพทย์ปกติตามโรงพยาบาล
คุณหมอหญิงผู้ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางคนนี้ได้แต่มองูเี่อันอย่างอิจฉา
“คุณนายลู่กับคุณลู่ดูรักกันดีอย่างที่ในข่าวเขียนไว้เลยนะคะ”
ูเี่อันได้แต่ยิ้มตอบโดยไม่พูดอะไร
เธอจะบอกคุณหมอได้อย่างไรกันว่าเธอกับลู่เป๋าเหยียนรักกันแค่ในข่าว...
เพราะไม่ต้องต่อคิวรอทำให้การตรวจเสร็จอย่างรวดเร็ว เธอเดินตามคุณหมอกลับไปหาลู่เป๋าเหยียน
ลู่เป๋าเหยียนนั่งอยู่ในร้านกาแฟพลางฟังคุณหมออธิบายอย่างละเอียด
“อาการาเ็ของคุณนายลู่เกิดจากการถูกกระแทกอย่างแรงค่ะแต่จากผลการตรวจไม่พบอะไรน่าเป็ห่วง ทายานิดหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ลู่เป๋าเหยียนรับยาที่คุณหมอส่งมาแล้วจูงมือูเี่อันเดินออกไป
นี่ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้วบรรยากาศรอบกายจึงเงียบสนิทูเี่อันปล่อยให้เขาจูงมือเธออย่างไม่อิดออดพลางคิดว่าที่เธอตกลงแต่งงานกับเขาเป็ทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะ
อย่างน้อยชีวิตเธอในอนาคต ภาพของเขาที่กำลังจูงมือเธออยู่ในตอนนี้ ก็คงกลายเป็ความทรงจำที่ไม่จางหาย
เมื่อถึงลานจอดรถหลังลู่เป๋าเหยียนปลดล็อกรถแล้วเรียบร้อยูเี่อันก็รีบเดินไปทางที่นั่งด้านหลังทันที แต่ลู่เป๋าเหยียนรั้งมือเธอไว้
“ไม่รู้หรือไงว่าเวลาอยู่กันสองคนถ้าเธอไปนั่งข้างหลังมันดูไม่มีมารยาท”
ูเี่อันกะพริบตาปริบๆ“แต่ข้างหลังนอนสบายกว่านี่...”
นี่ก็เลยเที่ยงคืนแล้วเขาคิดว่าคนอื่นไม่ง่วงเหมือนเขาหรือไง
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปแล้วจึงปล่อยมือูเี่อันจากนั้นเขาก็หยิบผ้าห่มโยนไปยังที่นั่งข้างหลังให้เธอ
ูเี่อันยิ้มแล้วจึงห่มผ้าห่มนอนหลับไป
แม้จะเคลื่อนตัวอยู่บนถนนในยามค่ำคืนแต่รถราคาแพงมีระดับคันนี้กลับไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาเลยสักนิดภายในรถตอนนี้จึงเงียบสนิท เสียจนลู่เป๋าเหยียนได้ยินเสียงหายใจแ่เบาของูเี่อันจากที่นั่งด้านหลัง
มีเพียงตอนนอนเท่านั้นเธอถึงยอมอยู่นิ่งๆ ข้างกายเขา มีแต่เวลาแบบนี้ ที่เขารู้สึกได้ว่าเธอคือภรรยาเขา
เธอคือผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น
ลู่เป๋าเหยียนเริ่มขับรถช้าลงโดยไม่รู้ตัว
เขาอยากให้่เวลาแบบนี้ผ่านไปช้าลงสักนิด
แต่ทุกการเดินทางย่อมมาถึงจุดหมายไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงบ้าน ูเี่อันตื่นขึ้นมาพอดีเหมือนรู้ว่าถึงแล้วเธอเดินสะลึมสะลือลงจากรถไป
เธอเดินอย่างง่วงๆ กลับห้องตัวเองพอหัวถึงหมอนก็นอนกอดผ้าห่มหลับไปในทันที ราวกับอยากจะนอนไปอีกสักร้อยปี
ในขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นเธอก็ได้ยินเสียงคนผลักประตูเข้ามา ตามด้วยเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้แต่ตอนนี้เธอง่วงเสียจนไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วมองท่านอนอันมั่วซั่วของูเี่อันแล้วจึงดึงผ้าห่มออกจากมือเธอ
“นอนคว่ำซะ”
ูเี่อันพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก
“ลู่เป๋าเหยียนนะ...นายจะทำอะไร”
ลู่เป๋าเหยียนเปิดฝากระปุกยา
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร”
“ฉัน...”ูเี่อันเห็นกระปุกยาที่อยู่ในมือเขาจึงนิ่งไป แล้วค่อยๆ พูดออกมา
“ฉันก็คิดว่านายจะทายาให้ฉันไง...”
“นอนดีๆ หน่อย”
ูเี่อันไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านต่อเธอนอนคว่ำหน้าอย่างว่าง่าย ไม่นานก็รู้สึกถึงยาเย็นๆ ที่ถูกหยดลงบนผิวตามด้วยนิ้วมือของลู่เป๋าเหยียนที่ค่อยๆ ทายาพลางนวดไปรอบๆ จุดที่าเ็
เขาไม่ได้ใช้แรงมากอะไรแต่เพราะเดิมทีเธอปวดแผลอยู่แล้ว พอโดนทายาจึงเจ็บมากจนมือเท้าเกร็งไปหมดเธอเผลอหลุดส่งเสียงร้องออกมาอย่างเ็ปราวกับลูกแมวที่กำลังร้องไห้
“ทนหน่อย”ลู่เป๋าเหยียนบอกเธอ “เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว”
ูเี่อันกลั้นหายใจอย่างอดทนแต่ความเจ็บก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เธอต่อว่าลู่เป๋าเหยียนเสียงเครือ
“คนโกหก!”
ลู่เป๋าเหยียนเบามือลงทันทีูเี่อันจึงค่อยๆ รู้สึกสบายขึ้นหน่อย ไม่นานความง่วงก็เริ่มครอบงำเธออีกครั้ง...
ลู่เป๋าเหยียนเห็นูเี่อันหลับไปแล้วจึงหยุดนวดแล้วอุ้มเธอให้พลิกตัวขึ้นมา พลางจัดท่าทางให้เธอนอนอย่างสบาย
พอถูกเขาอุ้มขึ้นมาูเี่อันเองก็ดิ้นเล็กน้อยจนัันุ่มนิ่มบางอย่างเผลอมาโดนอกแกร่งของเขา ลู่เป๋าเหยียนหายใจหนักเขารีบห่มผ้าใหู้เี่อันและเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ขืนอยู่นานกว่านี้สักวินาทีเดียวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเผลอทำอะไรลงไปหรือไม่
ความเ็ปที่ท้ายทอยเริ่มลดลงมากูเี่อันจึงนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มตลอดคืน
วันรุ่งขึ้นกว่าเธอจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงลู่เป๋าเหยียนไปทำงานแล้ว เหลือเพียงป้าหลิวกับคนรับใช้อีกไม่กี่คนที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในห้องรับแขก
“คุณผู้หญิงครับ”ลุงสวีเดินเข้ามาต้อนรับ “จะให้ผมอุ่นอาหารเช้าไว้ให้เลยไหมครับ”
“ไม่เป็ไรค่ะ”ูเี่อันรับปากเจียงเส้าข่ายว่าจะเอาข้าวเที่ยงไปให้เขาเธอพับแขนเสื้อแล้วจึงเดินเข้าห้องครัวไป “หนูไม่ค่อยหิวค่ะเดี๋ยวทานข้าวเที่ยงเลยทีเดียว”
เพียงแต่เที่ยงนี้เธอคงจะไม่ได้กินข้าวที่บ้านหลังทำอาหารเสร็จเธอก็จัดการห่อให้เรียบร้อย และเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อกินพร้อมกับเจียงเส้าข่าย
“เพื่อนแท้จริงๆ” เจียงเส้าข่ายพูดพลางดื่มซุปข้น“ค่อยคุ้มหน่อยที่ยอมเสี่ยงช่วยเธอไว้”
เจียงเส้าข่ายร้องอยากจะกินอาหารฝีมือเธอมาโดยตลอดตอนที่เขาได้ชิมอาหารฝีมือเธอครั้งแรก ก็ถึงกับพูดว่าอีกหน่อยจะต้องหาเมียที่ทำอาหารเก่งแบบเธอให้ได้
ูเี่อันเทซุปจากหม้อให้เจียงเส้าข่ายจนหมด
“ซุปนี้ช่วยบำรุงเืกินเข้าไปเยอะๆ”
เจียงเส้าข่ายไม่ปฏิเสธอยู่แล้วเขากินไปพลางพูดว่า
“ใช่สิเธอได้ข่าวหรือยัง ไอ้ฆาตกรโรคจิตที่จับตัวพวกเราไว้ โดนซ้อมในคุกจนเกือบตาย”
“นักโทษคดีใหญ่แบบนี้ปกติต้องถูกขังเดี่ยวไม่ใช่เหรอ”ูเี่อันถามอย่างงงๆ “ทำไมถึงถูกซ้อมได้?”
เจียงเส้าข่ายยักไหล่“เื่นี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนเช้าสารวัตรเหยียนบอกฉันมา”
ฆาตกรที่พรากชีวิตคนบริสุทธิ์อย่างโเี้แบบนั้นจะเป็ตายร้ายดีอย่างไรเธอไม่อยากใส่ใจ หลังจากกินข้าวเสร็จเธอจึงเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อยเจียงเส้าข่ายเห็นดังนั้นจึงถามขึ้นว่า
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ไปซื้อกับข้าวเดี๋ยวเย็นนี้จะทำซุปปลาให้นายกิน”
เจียงเส้าข่ายตาเป็ประกาย“งั้นรีบไปเลย ไปๆๆ! อ้อใช่ ซื้อเยอะๆ หน่อยนะ ลั่วเสี่ยวซีอาจจะมากินด้วย”
ูเี่อันขับรถไปตลาดปลาเพื่อซื้อปลาสดๆสองตัว จากนั้นจึงให้พ่อครัวช่วยล้างเตรียมเอาไว้จากนั้นเธอก็ลงมือต้มซุปปลาหอมกรุ่นจนเสร็จเรียบร้อย อย่างที่คิดไว้ลั่วเสี่ยวซีโทรมาหาเธอให้เตรียมกับข้าวไปเยอะๆ หน่อยเพราะเธอกำลังจะไปโรงพยาบาลเพื่อดวลเกม Fruit Ninja กับเจียงเส้าข่ายต่อจากเมื่อวาน
หกโมงกว่าลู่เป๋าเหยียนเลิกงานกลับมาที่บ้านเขาเห็นซุปปลาและกับข้าวอีกสองอย่างที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นวางอยู่ที่โต๊ะ ก็รู้ทันทีว่าูเี่อันเป็คนลงมือทำทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
ลุงสวีเดินเข้ามา“คุณผู้หญิงเอาอาหารไปเยี่ยมคุณชายเจียงที่โรงพยาบาลครับ”
“เธออยู่บ้านทั้งวัน?”
ลุงสวีทำสีหน้าลำบากใจ“ไม่ครับ เอ่อ...เมื่อตอนกลางวันคุณผู้หญิงก็เอาอาหารไปให้คุณชายเจียงเหมือนกันครับ”
พูดง่ายๆ ว่าเธอใช้เวลาทั้งวันยุ่งอยู่กับการดูแลเจียงเส้าข่าย
ลู่เป๋าเหยียนปลดเนกไทให้หลวมขึ้นทว่ากลับยังรู้สึกอึดอัดไม่หาย เขาจึงถอดมันออกแล้วส่งให้ลุงสวี
“เธอได้บอกหรือเปล่าว่าจะกลับมากี่โมง”
ลุงสวีส่ายหน้า“เปล่าครับ”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตา
เขาเป็สามีเธอแต่เธอกลับวิ่งไปกินข้าวกับชายอื่นโดยที่ไม่บอกกันสักคำ
หรือว่าเพราะเขาไม่เคยทำอะไรเธอเธอถึงไม่รู้ตัวว่าพวกเราเป็สามีภรรยากัน?
หรือจะเป็อย่างที่เสิ่นเยว่ชวนเคยบอกคนที่เธอชอบมาโดยตลอดคนนั้นคือเจียงเส้าข่าย?
ูเี่อันกินข้าวที่โรงพยาบาลเสร็จก็ออกไปเดินเล่นกับลั่วเสี่ยวซีที่ถนนคนเดินใกล้ๆ โรงพยาบาลจนดึก กว่าจะกลับมาที่บ้านลุงสวีกับคนอื่นก็ต่างพากันไปพักผ่อนเรียบร้อยเธอนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่รออยู่หน้าประตูบ้านจะเป็ลู่เป๋าเหยียน
เขายังคงสวมชุดเดิมที่ใส่ไปทำงานเมื่อกลางวันสีหน้าเย็นเยียบเสียจนูเี่อันเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี
“ลู่เป๋าเหยียน นะนายมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?”
“ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้”ลู่เป๋าเหยียนมองนาฬิกา ห้าทุ่มกว่าแล้ว
“เจียงเส้าข่ายให้เธออยู่เป็เพื่อนจนดึกขนาดนี้เลยงั้นเหรอ”
“ฉัน...”
แต่ยังไม่ทันทีู่เี่อันจะพูดต่อลู่เป๋าเหยียนก็ยื่นมือมาผลักตัวเธอจนหลังชิดกับผนัง...