ูเี่อันเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไร เธอให้พ่อครัวช่วยทำบะหมี่ให้หนึ่งชาม หลังอาบน้ำเสร็จก็เดินไปกิน จากนั้นจึงกลับห้องเพื่อเข้านอนทันที
เธอรีบเสียจนประตูห้องนอนยังไม่ได้ปิดสนิทดี ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้ามาช่วยปิดผ้าม่านให้เธอ จากนั้นค่อยๆ ดึงผ้าห่มที่เธอนอนทับอยู่มาห่มบนตัวเธอให้เรียบร้อย
วันนี้เธอดูว่าง่ายกว่าทุกที เธอนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มดั่งเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์ ไม่ขยุกขยิก ไม่เตะผ้าห่มแม้แต่น้อย
ลู่เป๋าเหยียนขยับมือจะไปเตะเธอหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจเดินออกจากห้องไป
เหมือนเมื่อตอนเที่ยงที่เขาอยู่ข้างเธอ ูเี่อันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเขาเข้าห้องมา
ูเี่อันนอนยาวจนถึงห้าโมงกว่า เธอรู้สึกเหมือนหลับไปเป็ศตวรรษ ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ เธอบิดี้เีแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ถึงได้รู้สาเหตุที่ทำให้ตนนอนได้เต็มอิ่มขนาดนี้ คงเป็เพราะผ้าม่านที่ถูกปิดไว้จนห้องมืดสนิทสินะ
ว่าแต่ ก่อนนอนเธอเดินไปปิดมันเหรอ?
ตอนนั้นร่างกายเธอเหมือนถึงขีดจำกัด ตัวเองเดินมานอนบนเตียงตอนไหนยังจำไม่ได้ ปิดผ้าม่านยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อาจเป็เพราะลักษณะงานที่ทำให้เธอต้องใส่ใจรายละเอียดในเื่มากมาย ทำให้ในชีวิตจริงเธอกลายเป็คนไม่ค่อยใส่ใจเื่เล็กน้อยพวกนี้ ูเี่อันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงลงไปข้างล่างและมุ่งหน้าตรงไปยังห้องครัวทันที
ลุงสวีนึกว่าเธอจะเตรียมมื้อค่ำให้กับลู่เป๋าเหยียนจึงพูดพลางยิ้มว่า
“คุณผู้หญิง ไม่ต้องรีบก็ได้นะครับ คุณชายยังหลับอยู่เลยครับ”
ูเี่อันได้แต่ยิ้มน้อยๆ กลับไป “ลุงสวีคะ ช่วยหาหม้อเก็บความร้อนให้หนูหน่อยสิคะ”
ลุงสวีเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง รอยยิ้มเมื่อครู่ถึงกับชะงักไป แต่เขาก็ยังคงไปหาของใหู้เี่อันตามที่ได้รับสั่ง
ูเี่อันจัดการทำอาหารอย่างรวดเร็ว เธอต้มซุปสองอย่าง แล้วจึงลงมือผัดกับข้าว
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง อาหารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ซุปก็ต้มจนได้ที่แล้ว
ูเี่อันนำซุปกระดูกหมูใส่ลงในหม้อเก็บความร้อน จากนั้นเธอและคนรับใช้อีกคนจึงช่วยกันยกกับข้าวอย่างอื่นออกไปวางที่ห้องอาหาร
ลู่เป๋าเหยียนตื่นลงมาพอดี ูเี่อันยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า
“กินข้าวได้แล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนอารมณ์ขุ่นมัวมาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเห็นรอยยิ้มสดใสของูเี่อันเมื่อครู่
“อืม” เขาตอบกลับไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย จากนั้นจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
ตอนนี้ทั้งเื่ข่าวฉาวของเขากับหานรั่วซี ทั้งเื่ที่เขาจะนำของมาเซอร์ไพรส์เธอ ูเี่อันพยายามกล่อมตัวเองให้ลืมมันไปให้หมด เธอตักซุปให้ลู่เป๋าเหยียนเหมือนอย่างเคย จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่พูดไม่จา
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนขมวดมุ่น
“เธอหิวมาก?”
ูเี่อันเงยหน้าขึ้นทันที “นายต่างหากที่โง่1!”
พูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองฟังผิด เขาไม่ได้กำลังว่าเธอ ูเี่อันยกนิ้วลูบปลายจมูกตัวเองอย่างเขินๆ และก้มหน้ากินข้าวต่อไป
“เปล่า หลังจากนี้ฉันมีเื่ต้องทำน่ะ”
อยู่ๆ เธอก็รู้สึกอิ่มขึ้นมา เธอวางตะเกียบลงและเดินไปหยิบหม้อซุปที่เตรียมไว้ในห้องครัว จากนั้นก็ตั้งท่าจะเดินออกไปข้างนอก แต่ขณะที่เธอกำลังจะหยิบกุญแจรถก็มีคนมารั้งมือเธอไว้
เธอหันกลับไปมองก็พบว่าคือ ลู่เป๋าเหยียน
“จะไม่บอกฉันหน่อยเหรอว่าเธอจะไปไหน”
สายตาอ่านยากของเขาถึงจะไม่แสดงอารมณ์ ทว่ากลับให้ความรู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังคุกรุ่นอยู่ภายใน
ูเี่อันตอบไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ฉันจะไปโรงพยาบาล”
“ไปเยี่ยมเจียงเส้าข่าย?” ลู่เป๋าเหยียนถาม
“อืม” ูเี่อันพยักหน้า “เขาน่าจะฟื้นแล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนแย้มยิ้ม ูเี่อันดูไม่ทันว่าเป็รอยยิ้มธรรมดาหรือเป็รอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองกันแน่ เขาก็หุบยิ้มไปเสียก่อน จากนั้นจึงปล่อยมือเธอ
“งั้นฉันไปนะ”
ูเี่อันหยิบกุญแจรถแล้วจึงเดินไปที่โรงจอด เธอขับ SLK 350 คันเดิมที่เคยขับมาก่อนหน้านี้ตรงไปโรงพยาบาลทันที
เจียงเส้าข่ายฟื้นั้แ่่บ่ายแล้ว ตอนนี้เขากับลั่วเสี่ยวซีที่ไม่รู้มาั้แ่เมื่อไรกำลังเล่นเกม Fruit Ninja ใน iPad กันอย่างเมามัน
หางตาของลั่วเสี่ยวซีมองไปเห็นหม้อซุปที่อยู่ในมือูเี่อัน จึงถามขึ้นว่า
“เธอพกของอร่อยอะไรมา”
“ซุปกระดูก”
ลั่วเสี่ยวซีตาเป็ประกาย และเพราะถูกเบนความสนใจมือจึงเผลอไปฟันโดนะเิเข้า แสงสว่างจ้าเต็มหน้าจอในทันที เจียงเส้าข่ายชนะแล้ว
เจียงเส้าข่ายขยับนิ้วเล็กน้อยพลางพูดขึ้นว่า
“ลั่วเสี่ยวซี ชีวิตนี้เธอจะเอาชนะฉันสำเร็จสักรอบไหมเนี่ย เหมือนที่เธอตามจีบซูอี้เฉิงยังไงก็จีบไม่ติดไม่มีผิด”
ลั่วเสี่ยวซีถลึงตาใส่เจียงเส้าข่าย เธอทำท่าเหมือนจะไปจิ้มแผลเขา
“ขืนพูดมากอีกฉันทำแผลนายฉีกแน่!”
ว่าแล้วเธอก็เปิดหม้อซุป จนกลิ่นหอมโชยฟุ้งไปทั่วห้อง ลั่วเสี่ยวซีรีบวิ่งไปล้างชามเพื่อเตรียมตัวลงมือกินในทันที
ูเี่อันนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง แล้วถามเจียงเส้าข่าย “เป็ยังไงบ้าง”
“ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว ปวดสุดๆ” เจียงเส้าข่ายทำหน้าตาน่าสงสาร
“เล่นเกมชนะลั่วเสี่ยวซีได้แบบนั้น ใครจะไปเชื่อนาย” ูเี่อันสวนกลับ
เจียงเส้าข่าย “...”
ลั่วเสี่ยวซีหยิบชามออกมา แล้วจึงลงมือตักซุปให้เจียงเส้าข่าย
“เดี๋ยวจะหาว่าฉันดูแลคนป่วยอย่างนายไม่ดี”
“เธอมาแย่งซุปฉันกินนี่เรียกดูแลฉันดี?”
“...ฉันกำลังช่วยนายนะ” ลั่วเสี่ยวซีพูดอย่างมั่นใจ “หม้อใหญ่ขนาดนี้นายกินคนเดียวไม่หมดหรอก”
ูเี่อันเพลียที่จะดูสองคนนี้เถียงกัน จึงเดินไปค้นกระเป่าลั่วเสี่ยวซี ลั่วเสี่ยวซีพกมือถือมาให้เธอด้วยตามที่คิด เพราะมือถือเธอแบตหมดแล้ว เธอจึงยืมสายชาร์ตของเจียงเส้าข่าย จากนั้นจึงกดเปิดเครื่อง
มีสายที่ไม่ได้รับเป็สิบๆ สาย จากคนคนเดียวกัน...
‘ลู่เป๋าเหยียน’
เธอมองดูเวลา เขาโทรมา่เช้าของเมื่อวานตอนที่ข่าวฉาวของเขากับหานรั่วซีเพิ่งออกมาพอดี
ที่แท้เขาก็โทรหาเธอ เขาอยากจะพูดอะไรกันนะ จะอธิบายเื่ของเขากับหานรั่วซีอย่างนั้นเหรอ
ลั่วเสี่ยวซีเห็นูเี่อันนั่งจ้องมือถืออย่างเหม่อลอย เธอเติมซุปอีกถ้วยพลางพูดว่า
“จ้องอะไรขนาดนั้น มีคนโอนเงินล้านมาให้เธอหรือไง”
ูเี่อันวางมือถือลงแล้วปล่อยให้มันชาร์ตต่อไป จากนั้นจึงเบนความสนใจตัวเอง
“บ่ายเมื่อวานไปสัมภาษณ์กับโมเดลลิ่งมาไม่ใช่เหรอ เป็ยังไงบ้าง”
“ก็ไม่เป็ไง” ลั่วเสี่ยวซีถอนหายใจ “เป็บริษัทเล็กๆ ในบริษัทมีแต่สาวสวยทั้งนั้น พวกเขาซื้อ Chanel มาสองใบคนละสีกัน เสร็จแล้วก็บอกว่าถ้าใครยอมไปกินข้าวกับบอส คนนั้นก็จะได้สะพายมัน”
“...”
“สิ่งที่ฉัน้าคือเวทีที่จะทำให้ฉันเจิดจรัส ไม่ใช่บอสรวยๆ สักหน่อย” ลั่วเสี่ยวซีไม่กินเนื้อสัตว์เป็อาหารเย็น จึงตักเนื้อติดกระดูกไปให้เจียงเส้าข่าย “ถ้าจะต้องไปกินข้าวเพื่อหาเงินล่ะก็ ฉันกลับบ้านไปกินข้าวกับพ่อฉันก็หมดเื่”
เธอเคยกินข้าวกับพ่อเพื่อหาเงินมาแล้วตามที่พูด ตอนนั้นเธอเอาแต่เที่ยวเล่นข้างนอก และสลัดพวกบอดี้การ์ดของที่บ้านทิ้งตลอดเวลา พ่อเธอโมโหจนระงับบัตรเครดิตทุกใบของเธอ พ่อบอกเธอว่า ถ้าเธอไปกินข้าวทุกอาทิตย์กับเขา ก็จะให้เงินสดเธอใช้ เธอจะได้เรียนรู้การคุยธุรกิจไปในตัว
ลั่วเสี่ยวซีเชื่อฟังพ่อเป็อย่างดี เธอแต่งตัวเซ็กซี่สุดเย้ายวนไปกินข้าวกับเขาทุกครั้ง ไม่ว่าจะลูกค้าหรือพนักงานในบริษัทต่างพากันประจบพ่อเธอไม่ขาดสาย พ่อเธอโกรธจนโรคหัวใจแทบกำเริบ สุดท้ายจึงยอมยกเลิกการระงับบัตรเครดิตของเธอเพื่อตัดรำคาญ
“แล้วเธอจะเอาไงต่อ” ูเี่อันถาม
“รอสิ จะต้องมีบริษัทใหญ่ๆ มาขอให้ฉันเซ็นสัญญาด้วยแน่นอน!”
ลั่วเสี่ยวซีตอบด้วยรอยยิ้ม บางครั้งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหน เธอมักจะเชื่อมั่นในอะไรบางอย่างโดยไม่มีเหตุผล เหมือนกับที่เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่งซูอี้เฉิงจะต้องชอบเธอ ในตอนนี้เธอก็เชื่อในตัวเองว่าตัวเองจะต้องได้เซ็นสัญญากับบริษัทั์ใหญ่และโด่งดังอย่างแน่นอน
เจียงเส้าข่ายพูดเสียงเอื่อย “โมเดลลิ่งเ้าใหญ่สุดในประเทศ ไม่ใช่บริษัทในเครือตระกูลลู่ Lu Media หรือไง”
Lu Media? ูเี่อันรู้สึกคุ้นหู
ลั่วเสี่ยวซีรับไม่ได้กับสีหน้างงงวยของูเี่อัน จึงบอกไปว่า “บริษัทสามีเธอไง!”
ูเี่อันถึงบางอ้อ “งั้นกลับไปฉันช่วยถามเขาให้ดีไหม”
“ไม่เอา!” ลั่วเสี่ยวซีปฏิเสธอย่างมีศักดิ์ศรี “ได้ยินมาว่าบรรดาผู้จัดการของ Lu Media สายตาเฉียบคมกันทั้งนั้น เดี๋ยวพวกเขาคงจะมาหาฉันเองแหละ!”
พูดจบลั่วเสี่ยวซีก็หิ้วกระเป๋าเดินออกจากห้องไป
คิดจะมาก็มาจะไปก็ไป ูเี่อันกับเจียงเส้าข่ายคิดอย่างชาชิน
เจียงเส้าข่ายพูดกับูเี่อัน “ไปปิดประตูทีสิ ฉันมีอะไรจะถามเธอ”
ูเี่อันทำตามที่เขาบอก เธอเดินกลับมาพลางมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“ทำเป็ลึกลับไปได้ ตกลงนายจะถามอะไรฉัน”
“คืนวันก่อนทำไมอยู่ๆ เธอถึงไปที่เกิดเหตุกะทันหันกลางดึกแบบนั้น”
“ฉันอยากกลับไปหาเบาะแสเพิ่มเติมน่ะสิ เผื่อว่าอาจจะมองข้ามจุดไหนไป ศาสตราจารย์เคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่า ให้เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง เวลาเจอทางตัน ให้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นฉันก็เลย...”
“ฉันรู้ว่าเธอเป็คนจริงจังกับงาน” เจียงเส้าข่ายขัดูเี่อันกลางคัน “แต่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอจะจริงจังขนาดนี้”
ูเี่อันนิ่งไป “นายอยากจะพูดอะไรกันแน”
“วันก่อนเธอพยายามบังคับตัวเองให้โฟกัสกับงาน ขนาดเวลากินข้าวยังนั่งคิดเื่งานไปด้วย ตอนเย็นก็ไม่ยอมกลับบ้าน พอตกดึกก็ไปที่เกิดเหตุอีก...” เจียงเส้าข่ายจ้องตาูเี่อัน “ฉันเป็เพื่อนกับเธอมาเจ็ดปี รู้จักเธอดีแค่ไหนเธอก็รู้ เธอกล้าปฏิเสธไหมล่ะว่าไม่ได้เอาเื่งานมาเป็ข้ออ้างไม่ให้คิดถึงเื่อื่น?”
สิ่งที่เธอแอบซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ถูกคำพูดของเจียงเส้าข่ายขุดมันออกมาวางไว้ตรงหน้าจนหมด
เจียงเส้าข่ายหย่อนะเิชิ้นสุดท้าย
“เธอคิดว่าตัวเองปิดได้มิดงั้นเหรอ คนทั้งออฟฟิศมองออกกันหมด ทุกคนเลยไม่กล้าพูดเื่ลู่เป๋าเหยียนกับหานรั่วซีออกมาไง”
ูเี่อันหลุบตาลงต่ำ “งั้นฉันคงต้องขอบคุณพวกนายมาก”
ถ้าหากพวกเขามาถามเอาความจริงจากเธอว่า สองคนนั้นนอนด้วยกันจริงหรือเปล่า เธอคงเป็บ้าแน่ๆ
“เจี่ยนอัน เรามาย้อนความหลังกันหน่อย” เจียงเส้าข่ายลุกขึ้นนั่ง “ตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันกับลั่วเสี่ยวซีถามเธอเล่นๆ ว่า มีคนมากมายมาตามจีบเธอ แต่ทำไมถึงไม่ตกลงปลงใจกับใครเสียที หรือว่าเพราะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ตอนนั้นเธอนิ่งไป พวกเราเลยถือว่านั่นคือคำตอบรับ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกสักทีว่าคนคนนั้นคือใคร”
“ไม่กี่เดือนก่อน จู่ๆ เธอก็มาบอกว่าจะแต่งงานกับลู่เป๋าเหยียน เธอพูดว่าระหว่างพวกเธอไม่ได้มีใจให้กัน ที่แต่งงานก็เพราะความปลอดภัยของเธอและเพื่อไม่ให้พี่ชายเธอเป็ห่วง แถมยังบอกอีกว่า เขากับหานรั่วซีต่างหากที่เหมาะสมกัน ในสองปีข้างหน้าพวกเธอก็จะหย่า”
“ฉันเกือบเชื่อไปแล้วว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับลู่เป๋าเหยียน แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับเขา สภาพจิตใจของเธอเหมือนตกอยู่ในการควบคุมของเขา เช้าวันที่เขามาหาเธอเพราะเธอทำโอทีทั้งคืน เธอยิ้มไม่หุบทุกวันเมื่อวานพอข่าวฉาวของเขากับหานรั่วซีออกมา เธอก็กลายเป็คนบ้างาน เพื่อทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด”
“เจี่ยนอัน เธอไม่ได้เปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น แต่คนที่เธอชอบมาตลอดหลายปีคนนั้นก็คือลู่เป๋าเหยียนใช่หรือเปล่า”
*********************
1 คำว่า 饿 (è) ที่แปลว่า “หิว” ในภาษาจีน ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 二 (èr) ที่เป็คำสแลง แปลว่า “โง่”