วันต่อมา หลินหวั่นชิวให้ยายสวีไปซื้อเครื่องในหมูกับถั่วลิสง ตุ๋นพะโล้เสร็จก็นำไปมอบให้คนที่ช่วยเหลือเมื่อวานบ้านละชุด
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านต้องให้ความสำคัญกับการปฏิบัติที่เหมาะสม ของที่มอบห้ามราคาแพงเกินไป ต้องดูตามความเป็อยู่และระดับชีวิตของทุกคน มิเช่นนั้นจะไม่ใช่การขอบคุณ แต่เป็การสร้างปัญหาให้ตัวเอง
หมูตุ๋นของนางรสชาติดีมาก เหลียงหู่ตั้งแผงขายหลายแห่ง กิจการดีมาก หากไปสายจะซื้อไม่ทัน
บรรดาเพื่อนบ้านไม่รู้ว่าหลินหวั่นชิวทำเอง คิดว่านางไปซื้อมา ทุกคนรับอย่างมีความสุข บางคนให้ต้นหอมมาหนึ่งกำ บางคนให้ผักกาดขาวมาหนึ่งหัว นางยิ้มรับทั้งหมด รู้สึกประทับใจขึ้นอีกระดับ
หลินหวั่นชิวตั้งชื่อร้านตัวเองว่าอันอี้จวี กำหนดวันเปิดร้านเรียบร้อย วันที่ยี่สิบแปดเดือนนี้ เหลือเวลาอีกหกวัน
นางให้เจียงหงป๋อช่วยเขียนเทียบเชิญตู้ซิวจู๋ จ่ายเงินสิบอีแปะให้คนขับรถนำไปส่ง
ปกติคนขับรถส่งคนก็ได้แค่ห้าอีแปะ แต่วันนี้แค่นำจดหมายไปส่งกลับได้ถึงสิบอีแปะ เขาย่อมดีใจมาก รับประกันว่าจะส่งถึงจวนตระกูลตู้ ไม่ให้คนนอกได้ไป
่นี้เจียงหงป๋อไม่ออกจากบ้านอีก อยู่บ้านสอนหนังสือกับวิธีคิดบัญชีให้เด็กสาวทั้งสองรวมถึงยายสวีด้วย
ฝั่งบ้านเหล่าหลิน คนทั้งบ้านกลับหมู่บ้านอย่างทุกข์ใจ หลินฟาไฉรู้สึกว่าเื่นี้มีกระไรแปลกๆ แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงที่ใด
หลินซย่าจื้อพูดว่า “หลินหวั่นชิวกล้าเพราะมีเจียงหงหย่วน แต่นางเป็นกกระทาบ้านพวกเรามาสิบกว่าปี พวกเรามีหรือว่าจะไม่รู้ว่านางนิสัยอย่างไร เจียงหงหย่วนเป็คนโหด แต่นึกไม่ถึงว่าตัวขี้โรคเช่นเจียงหงป๋อจะชั่วร้ายเช่นนี้!”
“ข้ารู้สึกเหมือนกันว่านังเด็กนั่นทำเื่ฉลาดเช่นนั้นไม่เป็! วันหน้าไปหานางต้องหลีกเลี่ยงคนบ้านเจียงเสียหน่อย แต่จะปล่อยไว้เช่นนี้ก็ไม่ใช่เื่อีก! ลูกซย่า…เ้าไปหาเทาจื่ออีกรอบดีหรือไม่ ปรึกษากับเทาจื่อดู?”
“ได้ ข้าจะไปถามเทาจื่อ” หลินซย่าจื้อตอบ
“ไม่ต้องไปหาเทาจื่อ ครั้งก่อนเทาจื่อบอกแล้วว่าจะมาหาตอนกลับหมู่บ้าน เื่นี้พวกเราต้องทบทวนให้ดี” แค่คิดถึงเงินที่บ้านเจียงอาจมี หลินฟาไฉก็อิจฉาตาร้อน
เขารู้สึกว่าต่อให้ไม่มีเจียงหงหย่วน หลินหวั่นชิวก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้พวกเขารังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไป
ดังนั้น เื่นี้ไม่ใช่เื่ที่แค่พูดแล้วจะสำเร็จเป็แน่
“ได้” หลินซย่าจื้อตอบตกลง นางไม่สบายใจเช่นกัน เหตุใดนังเด็กเวรนั่นถึงจัดการยากขึ้นมาได้
บรรยากาศเศร้าหมองที่บ้านเหล่าหลิน ต่างจากบ้านหัวหน้าหมู่บ้านสวีฝูที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
ทั้งครอบครัวกินข้าวเสร็จ สวีฝูให้บรรดาสตรีเก็บชามไปล้าง ในห้องเหลือแค่เขากับสวีเต๋อเซิ่ง
สวีฝูเล่าแผนการของตัวเองให้ฟัง
สวีเต๋อเซิ่งคิดไปคิดมาแล้วพูดว่า “บอกว่าเขาเป็โจรูเาไม่ได้ ตอนข้ากลับมามีคดีใหญ่พอดี มีพ่อค้าถูกปล้น ผู้ติดตามสองคนโดนฆ่า สูญเสียเงินทองและสินค้าจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีป้ายหยกซึ่งอยู่กับข้า ยังจับคนร้ายไม่ได้ ทางการออกประกาศจับแล้ว ท่านหาวิธีให้ป้ายหยกนี้ไปอยู่บ้านเจียงหงหย่วนเป็พอ ถึงเวลาข้าจะพาคนมาจับพร้อมหลักฐาน นี่เป็คดีฆ่าคนชิงสินค้า ขอเพียงมีหลักฐาน เจียงหงหย่วนจะโดนโทษปะาเป็แน่ เมื่อเจียงหงหย่วนตาย เื่นี้ก็จะไม่มีกระไรน่ากังวลอีก แต่หลังจับคนได้แล้ว บ้านหลังนี้จะโดนยึดเป็ของหลวง หากพวกเราจะยึดคืนคงต้องให้พ่อตาข้าช่วยคิดหาวิธี ต้องจ่ายเงินให้เขานิดหน่อย”
สวีฝูไม่ได้ถามสวีเต๋อเซิ่งว่ามีป้ายหยกของพ่อค้าได้อย่างไร ลูกชายคนนี้เชื่อถือได้ “เ้ารู้สึกว่าควรให้เงินพ่อตาเท่าไร?”
“ให้ตามราคาที่ดิน ที่รกร้างหกสิบไร่ก็หกสิบตำลึง บวกเพิ่มไปอีกสี่สิบตำลึง หากเงินน้อยเกินไปเขาคงไม่สนใจ ขอแค่เขาพยักหน้าก็ถือว่าเขายอมขายที่ดินให้ท่าน ส่วนของบนที่ดินย่อมเป็ของท่านเช่นกัน”
เขาไปดูบ้านตระกูลเจียงมาตอนบ่าย แค่เห็นก็คิดอิจฉาแล้ว มีเงินไม่ถึงสองร้อยตำลึงสร้างไม่ได้เป็แน่ ใส่เครื่องเรือนเพิ่มเข้าไป…ราคาจะยิ่งสูง
ได้บ้านมาแล้วเขากับเหล่าเอ้อร์ต่างได้ส่วนแบ่ง เงินหนึ่งร้อยตำลึงเอามาจากทางการ ตกถึงมือเขาอย่างน้อยห้าสิบตำลึง
ไม่ว่าแบบใดเขาล้วนได้ประโยชน์
“ได้ ไว้ข้าจะรวบรวมเงินให้เ้า” สวีฝูพูด
“จริงสิ สวีเทาคิดหาวิธีตักตวงผลประโยชน์จากบ้านเจียงเช่นกัน…” สวีฝูเล่าเื่ที่สวีเทาทำให้ฟัง
สวีเต๋อเซิ่งพูดว่า “อย่างมากเขาก็ได้แค่หลอกเอาเงินบ้านเจียงก่อนหรือไม่ก็หลังพวกเราลงมือ เพียงแต่ท่านพ่อ เขาหลอกเอาเงินมาได้เท่าไร ต้องเป็ของพวกเราครึ่งหนึ่ง”
“อืม ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปบอกเขา” สวีฝูพูด
สวีเต๋อเซิ่งพูดอีกว่า “บอกเขาด้วยว่าอย่าทำกระไรตุกติกต่อหน้าพวกเรา ไม่เช่นนั้น งานของเขาได้มาเช่นไรก็จะเสียไปเช่นนั้น! ถึงเวลานั้นพ่อตาเขาจะเดือดร้อนไปด้วย”
ต่อหน้าผลประโยชน์แล้วความสัมพันธ์พี่น้องไม่มีค่ากระไร
“ข้าทราบแล้ว” สวีฝูพยักหน้า
“อีกสองสามวันข้าจะเอาป้ายหยกมาให้ ท่านลองหาโอกาส ให้เื่นี้แดงต่อหน้าทุกคนตอนขึ้นบ้านใหม่จะดีที่สุด” สวีเต๋อเซิ่งกำชับ
เื่แดงก่อนบ้านสร้างเสร็จและมีเครื่องเรือนครบคงไม่ดี
“อืม เ้าวางใจเถิด ข้าจับตาดูทางนั้นให้ทุกวัน” สวีฝูพูด
สองพ่อลูกหารือกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้องไปนอน
สวีเต๋อเซิ่งกลับอำเภอั้แ่เช้าวันรุ่งขึ้น
เจียงหงหย่วนที่กำลังล่าสัตว์ในป่าลึก และหลินหวั่นชิวที่กำลังยุ่งกับการเปิดร้านไม่รู้เลยว่ามีผู้ใดบางคนวางแผนถึงขั้นเอาชีวิต ซึ่งต่างจากการโวยวายเพียงเล็กน้อยของบ้านเหล่าหลิน
หลินหวั่นชิวทำใบโฆษณาหลายแบบ ทำซ้ำบนเสียนอวี๋เป็หมื่นชุด ส่งไปร้านเครื่องประดับจวี๋ฝูหนึ่งชุด ขอให้เ้าของร้านช่วยมอบให้บรรดาฮูหยินคุณหนูที่มาซื้อของดู เ้าของร้านถามนางว่าขายสิ่งใด นางก็บอกไปว่าขายของเบ็ดเตล็ดที่บรรดาสตรีชอบกัน มุ่งเน้นแต่ลูกค้าสตรีเท่านั้น บุรุษไม่ต้องมา
เขาได้ยินดังนั้นก็วางใจ ไม่ชนกับสินค้าที่เขาขาย อีกอย่าง นางจะช่วยแนะนำให้ลูกค้ามาจับจ่ายที่ร้านจวี๋ฝูเช่นกัน
เ้าของร้านได้ยินเช่นนั้นย่อมตอบตกลง ทั้งยังบอกอีกว่าจะให้สมาชิกสตรีที่บ้านแวะมาตอนวันเปิดร้าน
จากนั้น หลินหวั่นชิวใช้ฟู่เหรินที่ผูกมิตรในละแวกบ้านช่วยแจกใบปลิว ก่อนวันเปิดร้าน ทั้งบรรดาฟู่เหริน ทั้งสตรีสาวและสาวใช้จากตระกูลใหญ่ที่ออกมาซื้อของต่างได้ไปกันคนละใบ
หลินหวั่นชิววาดภาพสวยมาก คนเหล่านี้ได้ใบปลิวมาจึงไม่กล้าโยนทิ้ง ไม่ว่าจะรู้หนังสือหรือไม่ก็เก็บไว้ บางคนถึงกับเอาไปแปะเป็ภาพวาดบนกำแพง
