ชายสวมหน้ากากใช้พลังเปลี่ยนแปลงเสียง น้ำเสียงฟังดูไม่คลับคล้ายของจริงแต่กลับให้ความรู้สึกเยือกเย็นสั่นสะท้าน
เขาเอื้อนเอ่ย “ยาอยู่ที่ใด? ”
“อยู่…”
“อยู่ที่นี่! ”
กูเฟยเยี่ยนถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นจึงนำหวางเป่าติงขนาดเล็กออกมา ภาชนะปรุงยาหวางเป่าติงนั้นมีสีทองแดงสัมฤทธิ์และมีสามขา บนผิวเตาสลักลวดลายเมฆาดูลึกลับโบราณและเรียบง่าย สูงเพียงสามนิ้ว ช่างเล็กกะทัดรัด ผู้ที่ไม่รู้คงคาดคิดว่าเป็เพียงจี้ห้อย
ชายสวมหน้ากากขมวดคิ้วเป็ปม ทันใดนั้นหวางเป่าติงก็เกิดควันพวยพุ่งขึ้น ผ่านไปสักครู่ก็เกิดกลิ่นหอมแปลกประหลาด ชายสวมหน้ากากรีบกลั้นลมหายใจพร้อมก้าวถอยหลังทันทีทว่ายังคงเกิดความรู้สึกเวียนหัว
กูเฟยเยี่ยนเชิดหน้าใส่เขา “ตัวข้ามิใช่อย่างร่างเดิมที่ขี้ขลาดตาขาว ไม่ง่ายที่จะมารังแกข้า! ”
นางหันหลังวิ่ง เพียงแต่ชายสวมหน้ากากกลับไม่นำพากลิ่นหอมประหลาด จู่ๆ ก็เข้าประชิดตัวนางจากด้านหลังกดไปที่ต้นคอผลักนางชิดลำต้นไม้ทันที
กูเฟยเยี่ยนพยายามขัดขืน เขาจึงโยนดาบยาวทิ้ง ก่อนจะคว้าจับเข้าที่ข้อมือของนางตรึงไว้ด้านหลัง จากนั้นจับหวางเป่าติงโยนห่างออกไปให้ไกล
กูเฟยเยี่ยนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ รู้สึกประหลาดใจเป็อย่างมาก ความเก่งกาจด้านการต้านพิษของชายผู้นี้แกร่งกล้าเกินไปแล้ว
หากเปลี่ยนเป็คนธรรมดาสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปขนาดนี้แล้วต่อให้ไม่สลบก็ต้องไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“ส่งมอบยาแก้พิษมา แล้วบอกข้ามาว่ายาของแม่ทัพเฉิงอยู่ที่ใด ข้าจะไม่ให้โอกาสเ้าเป็ครั้งที่สอง! ”
น้ำเสียงของชายสวมหน้ากากเย็นะเื เขาปล่อยมือออกหนึ่งข้างจากนั้นวกกลับมาด้านหน้าคว้าเข้าที่คอของนาง ในครานี้ใช้เรี่ยวแรงเยอะมากขนาดที่ว่าหากไม่ระวังคงสามารถทำให้กูเฟยเยี่ยนหมดลมหายใจได้
กูเฟยเยี่ยนหายใจอย่างยากลำบาก ใบหน้าขึ้นสีแดงบ่งบอกถึงความทรมานเป็อย่างยิ่ง ทว่านางไม่ได้ประนีประนอมยอมกันง่ายๆ แม้ว่าจะยากลำบากในการเปล่งเสียง แต่คำพูดของนางล้วนชัดเจนทุกคำ
นางกล่าว “พี่ชาย หากข้ามอบยาแก้พิษแล้วท่านจะปล่อยข้าหรือไม่? แค่กๆ ท่านคิดดีๆ หากข้าตายแล้ว… ก็ไม่มีผู้ใดสามารถมอบยาแก้พิษแก่ท่านได้”
นางมิใช่ผู้ที่อ่อนแอโง่เขลาอย่างร่างเดิม เหตุผลฆ่าคนเพื่อปิดปากข้อนี้ นางเข้าใจดี
ไม่ว่าอย่างไรนั่นคือชีวิต นางยอมเดิมพันดูว่ายาของนางจะออกฤทธิ์เร็วหรือมือของชายผู้นี้จะเร็วกว่ากัน?
การพูดข่มขู่กับกูเฟยเยี่ยนไม่ใช่เื่ง่ายแต่ชายสวมหน้ากากก็มิได้ด้อยไปกว่ากัน เขาไม่พูดจาอีกเป็ครั้งที่สอง ออกแรงเพิ่มมากขึ้นเพื่อกำจัดกูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยนเงยหน้าทรมานจนอ้าปากออกอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากม่วงคล้ำ ร่างกายสั่นไหว ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ใน่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้มือของชายผู้นี้กลับคลายลงอย่างทันที ไม่ต้องสงสัย พิษออกฤทธิ์แล้ว
่เวลานี้เป็่เวลาที่กูเฟยเยี่ยนรอคอย
นางดิ้นรนทันที ชายผู้นี้ยังคงคิดจะจับกุมนางทว่าเรี่ยวแรงไม่อาจสู้จิตใจได้ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างชุลมุน แผ่นหลังของกูเฟยเยี่ยนกระแทกไปด้านหลังอย่างรุนแรง ชายผู้นั้นก็ยืนขึ้นด้วยความไม่มั่นคงหงายหลังลงกับพื้นเช่นกัน ทว่ามือของเขาคว้าเข้าที่ชายเสื้อผ้าของกูเฟยเยี่ยน และใช้แรงดึงนางให้ล้มตามลงมาไปด้วย
“พลั่ก! "
กูเฟยเยี่ยนล้มลงไปบนร่างของชายหนุ่ม เ็ปที่แผ่นหลังเสมือนมันจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ นางได้แต่ลอบว่าคิดร่างกายชายผู้นี้ไม่แข็งกระด้างเกินไปหน่อยหรือ?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็ปมรู้สึกถึงกล้ามเนื้อหน้าอกเหมือนจะโดนกระแทก ในใจครุ่นคิดหญิงนางนี้น่าจะผอมเกินไปแล้ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยกระดูก!
“คนระยำ”
กูเฟยเยี่ยนดิ้นรนที่จะลุกขึ้นทว่าชายหนุ่มไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหนพลิกตัวขึ้นกดนางให้จมอยู่ใต้ร่างทันที
กูเฟยเยี่ยนไม่เคยถูกบุรุษรังแกเช่นนี้มาก่อน นางตกตะลึงไปชั่วขณะ มือคู่นั้นของชายหนุ่มกดลงที่ข้อมือของนางอย่างกับ้ากดนางให้ตาย กว่ากูเฟยเยี่ยนจะได้สติกลับคืนมาก็สายไปเสียแล้ว
“อันธพาล! ไปให้พ้น มิฉะนั้นแล้วข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม ไอ้อันธพาล ไปให้พ้น! ”
……
เป็เพราะความสูงที่แตกต่างกันมากส่งผลให้กูเฟยเยี่ยนเสียเปรียบเป็อย่างยิ่ง แม้ชายหนุ่มจะไร้เรี่ยวแรงแต่ท่วงท่านี้ก็สามารถกดทับนางให้ตายได้
ั์ตาสีดำลึกซึ้งดึงดูดให้ความรู้สึกเย็นสะท้านของชายหนุ่มจ้องมองมาที่นาง ไร้ซึ่งคำพูด เขากำลังลอบคาดการณ์ถึงเวลาที่กองกำลังเสริมจะมาถึง
กูเฟยเยี่ยนไม่อาจดิ้นรนได้จึงหยุดแล้วเอ่ยถาม “ข้าจะถามเป็ครั้งสุดท้าย เ้าจะปล่อยไม่ปล่อย?”
ชายหนุ่มไม่พูดไม่จาเช่นเคย แววตาของกูเฟยเยี่ยนทอแสงเย็น ไม่ทันได้คาดคิด จู่ๆ นางก็เงยหน้าหวังจะกัดไปที่หน้ากากของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มรีบหลบหลีกส่งผลให้กูเฟยเยี่ยนเดือดดาลเป็อย่างยิ่ง นางจ้องเขม็งไปที่เขาอย่างเคืองแค้น
ในระยะประชิดเช่นนี้สายตาทั้งคู่สบประสาน และดูเหมือนจะค่อยๆ ไม่เป็ตัวของตัวเองนัก ชายหนุ่มเป็ผู้หันหน้าหนีหลบหลีกสายตาของหญิงสาว
“สารเลว!”
กูเฟยเยี่ยนหันศีรษะไปอีกทางและไม่มองไปที่เขาอีก
ใครจะไปคาดคิดว่าชายผู้นี้จะซบศีรษะมาที่ไหล่นาง ทั้งร่างกายค่อยๆ ทับลงมาที่ตัวของหญิงสาว ในขณะนั้นลมหายใจของเขาก็ล้อมรอบอยู่ตามตัวนางให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความลึกลับอันตราย ทว่ากลับให้ความรู้สึกอบอุ่น
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงอีกครา ครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษ นางสามารถรับรู้ถึงเขาได้อย่างชัดเจน ได้กลิ่นแปลกพิเศษจากร่างกายเขา หอมกลิ่นเลิศล้ำคาดการณ์ไม่ได้ นี่ไม่ใช่กลิ่นหอมธรรมดาแต่เป็กลิ่นหอมจากไม้กฤษณาที่พบเจอได้ยากและมีความล้ำค่า
อย่างไม่ต้องสงสัย พิษในร่างของชายหนุ่มออกฤทธิ์แล้ว เรี่ยวแรงเริ่มหดหาย
กูเฟยเยี่ยนเดิมทีควรดีใจทว่าในใจกลับมีความรู้สึกลนลาน ตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จวบจนนางออกแรงผลักเขาออกจากร่าง เสียงตึกตักๆ ของหัวใจจึงค่อยสงบลง นางลุกขึ้นมาเตะไปที่เขาครั้งหนึ่ง “อันธพาล ใครใช้ให้เ้ารังแกผู้อื่นเช่นนี้! ข้าอยากรู้นักว่าตัวตนที่แท้จริงของเ้าเป็ผู้ใด! ”
นางยื่นมือไปเตรียมถอดหน้ากาก แต่ชายหนุ่มกลับลืมตาขึ้นโพล่ง แสงจากั์ตาเย็นะเือีกทั้งทั่วทั้งร่างกายแผ่กระจายรังสีอันตรายออกมาราวกับว่าไม่ได้ถูกพิษ เขาดูคล้ายกับเลี่ยเป้า [1] ตัวหนึ่งที่รอคอยโอกาส ซึ่งนางก็คือเหยื่อตัวนั้นที่โดนเพ่งมอง
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงไม่กล้าลองเสี่ยง “เหอะ ตัวข้ารีบร้อนและจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับเ้าอีกแล้ว เ้ารอคอยเป็อาหารของหมาป่าอยู่ที่นี่เถอะ! ”
นางรีบลุกขึ้นยืนไม่ลืมที่จะเตะเขาสักครั้งก่อนหลบหนีไป
ใกล้จะสว่างแล้วนางจำเป็ต้องไปถึงค่ายทหารให้เร็วที่สุด หากเป็เพราะนางล่าช้าส่งผลให้รักษาชีวิตท่านแม่ทัพเฉิงไม่ได้ ชีวิตของนางก็คงจบสิ้นแล้ว
กูเฟยเยี่ยนจากมาไม่นานทหารคุ้มกันผู้หนึ่งก็มาถึง
เมื่อพบว่าชายผู้นั้นสลบอยู่บนพื้นองครักษ์รีบร้อนไปประคองตัวขึ้น “เตี้ยนเซี่ย จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เกิดเหตุใดขึ้นกับท่าน? ”
ชายผู้นี้หาใช่จอมยุทธ์ ทว่าเป็ราชวงศ์ตระกูลจวินแห่งอาณาจักรเทียนเหยียนที่มีการดำรงอยู่อย่างพิเศษ เป็เพียงหวางเย่ [2] กลับสูงส่งเทียบเท่าองค์รัชทายาท จิ้งหวาง จวินจิ่วเฉิน
เขาได้รับรายงานด่วน ใบสั่งยามีข้อผิดพลาด มีคน้าฉวยโอกาสสังหารแม่ทัพเฉิง ดังนั้นตนเองจึงรีบมาปล้นสะดมยา ใครจะไปคาดคิดว่าจะพบเจอกูเฟยเยี่ยนหญิงสาวผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ผู้นี้
——————————
เชิงอรรถ
[1] เลี่ยเป้า หมายถึง เสือชีต้าร์
[2] หวางเย่ หมายถึง องค์ชาย