กูเฟยเยี่ยนครุ่นคิดจนสมองแทบะเิก็คิดไม่ออกถึงความจริงที่เกิดขึ้น
นางไม่กล้าย้อนกลับไปที่รถม้า ได้แต่นำพาร่างกายอันอ่อนล้าของร่างเดิมวิ่งหนีมาตลอดทาง เป็การแข่งขันกับเวลาในการแย่งชิงชีวิตเสียจริง ทั้งแย่งชิงชีวิตท่านแม่ทัพเฉิง และแย่งชิงชีวิตน้อยๆ ของนางด้วย!
กองกำลังทหารม้าตระกูลเฉิงเป็หนึ่งในทหารที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งอาณาจักรเทียนเหยียน
แม่ทัพเฉิงซึ่งเป็หนึ่งในผู้ก่อตั้งกองกำลังทหารม้า โดยสามปีก่อนแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิงเสียชีวิตในสนามรบ เฉิงอี้เฟยลูกคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก ได้รับผิดชอบดูแลกองกำลังทหารม้าตระกูลเฉิง ซึ่งควบคุมทหารสองแสนนายแห่งอาณาจักรเทียนเหยียน และกลายมาเป็แม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดในสามเมืองแห่งดินแดนเสวียนคง ที่มีอายุเพียงแค่ยี่สิบสามปี
ั้แ่เยาว์วัยแม่ทัพเฉิงก็ป่วยด้วยโรคกระเพาะอาหารแปรปรวนอย่างประหลาด ในครานี้อาการค่อนข้างหนักทานอาหารไม่ได้มาสามถึงสี่วันติดต่อกันแล้ว แม้แต่น้ำเปล่าก็ยังอาเจียนออกมา
เพราะเหตุนี้ฮ่องเต้จึงทรงให้ความสำคัญเป็อย่างมาก รับสั่งให้หัวหน้าสำนักหมอหลวงซูไท่อีประจำการอยู่ที่ค่ายทหารและยังสั่งให้ขันทีชราอู๋กงกงไปคอยรับใช้ รับเื่รายงานอาการเจ็บป่วยตลอดเวลา
เพียงแต่สองวันก่อนฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ซูไท่อีกลับสำนักหมอหลวงอย่างเร่งด่วน ประจวบเหมาะที่เมื่อคืนนี้แม่ทัพเฉิงเกิดเหตุพอดีเช่นกัน ไม่เพียงแค่อาเจียนเป็น้ำออกมา แต่ยังอาเจียนออกมาเป็เือีกด้วย
อู๋กงกงรายงานเหตุการณ์ผ่านนกพิราบส่งข่าวไปยังสำนักพระราชวัง ซูไท่อีมอบหมายใบสั่งยารักษาอาการอย่างเร่งด่วน สั่งให้ห้องยาสำนักหมอหลวงจัดเตรียมและส่งไปในชั่วข้ามคืน
ยาที่อยู่ในมือกูเฟยเยี่ยนก็คือยาช่วยชีวิต!
กูเฟยเยี่ยนเดินทางจวนจะเหยียบแสงแรกของวันก็มาถึงค่ายทหาร นางนำห่อยาออกมาจากหวังเป่าติงขนาดเล็ก ไม่กล้าที่จะหยุดพักสักครู่ รีบเร่งตรงไปที่ประตูทางเข้าค่ายทหาร นางไม่มีเวลาอธิบายมากนักก็หยิบแสดงตราสัญลักษณ์สำนักหมอหลวงออกมา คนเฝ้าประตูเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์จึงรีบพานางไปยังค่ายของท่านแม่ทัพเฉิงทันที
เมื่อมาถึงหน้าประตูค่าย กูเฟยเยี่ยนได้ยินเสียงอาเจียนออกมาจากในห้อง เมื่อนางก้าวเข้ามา พบแค่มารดาของท่านแม่ทัพตระกูลหลิน และรองแม่ทัพกำลังประคองท่านแม่ทัพเฉิง
เขาก้มศีรษะไอไม่หยุด หน้าอกเต็มไปด้วยรอยเื แพทย์ทหารและบ่าวรับใช้ล้วนคุกเข่า มีเพียงแค่อู๋กงกงคนเดียวที่ยืนอยู่ด้านข้างเตียง ใบหน้าแสดงออกถึงความซับซ้อนและเป็กังวล
กูเฟยเยี่ยนก้าวเท้าเข้ามา ทุกคนรีบหันมามองทว่าในคราแรกไม่มีผู้ใดมีปฏิกิริยาออกมา และไม่รู้ว่านางมาเพื่อส่งยารักษา เป็เพราะหลังจากผ่านเหตุการณ์ความเป็ความตายและการวิ่งหนีดั่งขายชีวิตแล้ว ในเวลานี้นางผมยุ่งกระเซอะกระเซิง หน้าตาสกปรกมอมแมมและอาภรณ์ก็ได้ชำรุดเสียหายเฉกเช่นขอทาน
กูเฟยเยี่ยนเป็อัจฉริยะทางด้านยาสมุนไพร แต่กับการแพทย์นั้นนางรู้เพียงแค่ผิวเผิน ทว่าเมื่อเห็นสถานการณ์ของแม่ทัพเฉิงในตอนนี้แล้วนางก็รับรู้ได้ทันทีว่าเท้าของท่านแม่ทัพเฉิงได้เหยียบย่ำเข้าสู่ประตูนรกครึ่งหนึ่งแล้ว
นางะโอย่างรีบร้อน “กูเฟยเยี่ยนได้รับคำสั่งจากสำนักหมอหลวงให้นำยามามอบให้ แพทย์ทหารอยู่ที่ใด ยังไม่รีบมาตรวจสอบยาอีก!”
ยาและพืชสมุนไพรของสำนักหมอหลวงมีไว้สำหรับราชสำนักและคนในราชวงศ์ตามกฎมณเฑียรบาล ซูไท่อีเพียงแค่ส่งใบสั่งยามาก็เพียงพอแล้ว พืชสมุนไพรจำเป็ต้องให้แม่ทัพเฉิงส่งคนไปหาซื้อ แต่สถานการณ์คับขันอีกทั้งบนใบสั่งยามียาบางตัวหาซื้อได้ยาก ซูไท่อีจึงมีคำสั่งให้ห้องยาสำนักหมอหลวงจัดเตรียมเอาไว้ให้
ห้องยาสำนักหมอหลวงมีกฎของตนเอง นอกเหนือจากสูตรลับของพระราชวังแล้ว หากว่าส่งยาออกไปด้านนอก เมื่อไปถึงจักต้องได้รับการตรวจสอบจากอีกฝ่ายเสียก่อน หลังจากตรวจสอบจึงจะสามารถปรุงยาได้ มิฉะนั้นหากเกิดเหตุผิดพลาดผู้ส่งยาต้องเป็คนรับผิดชอบ
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนเอ่ยจบทุกคนก็ทยอยตั้งสติขึ้น สำนึกได้ว่ายารักษาชีวิตแม่ทัพเฉิงถูกส่งมาแล้ว
มารดาแม่ทัพเฉิงตระกูลหลินเป็คนพูดออกมาคนแรก “ช่วยชีวิตสำคัญ ไม่จำเป็ต้องตรวจสอบแล้ว รีบต้มเดี๋ยวนี้ เร็ว!”
รองแม่ทัพกล่าวอย่างรีบร้อน “ทหาร พาแพทย์หญิงไปด้านหลังค่าย เร็วเข้า!”
“ไม่ได้”
กูเฟยเยี่ยนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างไม่ลังเล ใน่เวลานี้ทุกคนล้วนตกตะลึงหันไปมองที่นาง
“เอ่อ…” กูเฟยเยี่ยนเพิ่งจะตระหนักได้ว่าร่างเดิมเป็เพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อยๆ ของสำนักหมอหลวงแห่งอาณาจักรเทียนเหยียนเท่านั้น นางทั้งขี้ขลาดและอ่อนแอ ไร้ซึ่งความสามารถ ในสายตาของคนเหล่านี้ฐานะนางไม่ต่างจากบ่าวรับใช้
ช่างเถิด ในเมื่อเกิดใหม่แล้ว เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ไม่ควรหาเื่ใส่ตนเอง
กูเฟยเยี่ยนโน้มกายทำความเคารพ ทว่าน้ำเสียงยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้ “หลินฟูเหริน โปรดอภัยให้หม่อมฉันที่ไม่สามารถละเมิดกฎของห้องยาสำนักหมอหลวงได้! หากไม่ตรวจสอบยา เมื่อยาเกิดความผิดพลาด ผลลัพธ์อันตรายจนยากจะนึกถึง!”
ยานั้นไม่เหมือนสิ่งอื่นๆ ต้องระมัดระวังและรอบคอบ สำหรับผู้ที่ชำนาญยา หากยาเกินมาหนึ่งชนิดก็สามารถทำลายประสิทธิภาพของใบสั่งยาได้ทั้งหมดแล้ว ช่วยชีวิตคนไม่สำเร็จอาจกลายเป็เอาชีวิตคนได้ การตรวจสอบอีกครั้งจึงเป็การรับประกันอีกขั้นหนึ่ง
ห้องยาสำนักหมอหลวงเริ่มจากการตรวจสอบใบสั่งยา จนกระทั่งการจ่ายยา ต้มยา และการส่งยา อย่างน้อยต้องมีสามคนคอยควบคุมตรวจสอบ ยาที่ส่งออกมามีเพียงแค่กูเฟยเยี่ยนเพียงคนเดียวที่มาถึง หากไม่ตรวจสอบกับแพทย์ทหารตรงหน้า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะทำอย่างไร? ด้วยนิสัยคนในสำนักพระราชวังเ่าั้ ก็คงโยนภาระทั้งหมดมาให้นางเป็แพะรับบาปแน่
ไม่ว่าจะเป็ความรับผิดชอบต่อท่านแม่ทัพหรือต่อตนเอง กูเฟยเยี่ยนจำเป็ต้องให้พวกเขาตรวจสอบยา!