เล่มที่ 1 บทที่ 14
เวลาสามวันผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว
ยามได้ยินเสียงประทัดจากเรือนด้านหน้า มู่หรงฉิงจึงไปยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองเรือนอันเงียบเหงาอย่างเกลียดชัง
วันนี้อนุหนิงจัดแจงให้บ่าวในเรือนของนางทุกคนไปรับใช้ที่เรือนด้านหน้า และแม้กระทั่งแม่นมจิ่นและแม่นมฟางยังถูกย้ายไปที่เรือนรับรองด้วยเหตุผลหลายประการ ภายในเรือนของนางจึงไม่มีคนรับใช้แม้แต่คนเดียว
ฮึ! นี่คือการเยาะเย้ยของอนุหนิงหรือไม่? เกรงว่าในเวลานี้อนุหนิงจะภูมิใจมากใช่หรือไม่?
นางกำมือแน่นแต่กลับไม่มีกำลังเฉกเช่นในสองสามวันก่อน
นางคิดว่ากำลังภายในนั่นจะอยู่กับนางตลอดไป ทว่าหลังจากฤทธิ์ยาคลายลง กำลังภายในที่ลึกล้ำเช่นนั้นก็พลอยหายไปด้วย
ฮึ! ใช่แล้ว ในโลกนี้จะมีของที่ได้มาอย่างง่ายดายเสียที่ไหนกัน? กำลังภายในอันลึกล้ำเช่นนั้น จะต้องเป็ผลมาจากตัวยาเป็แน่
“คุณหนูมู่หรง”
น้ำเสียงเ็าดังมาจากด้านหลัง มู่หรงฉิงถึงกับสะดุ้งใ ครั้นหันหลังกลับนางก็เห็นใบหน้าเ็าของจ้าวจื่อซินซึ่งในมือถือดาบยาว
เขาเข้ามาั้แ่เมื่อไร? นางไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ
“มิทราบว่า คุณหนูมู่หรงได้รับคำตอบแล้วหรือไม่?” จ้าวจื่อซินไม่พูดพร่ำเพรื่อ เขาพูดตรงเข้าประเด็นสำคัญ
“เ้ารู้หรือไม่ว่าพอจะมียาอะไรที่สามารถทำให้คนลืมความทรงจำใน่เวลาหนึ่งได้? หรือไม่ก็เปลี่ยนความทรงจำบางส่วนได้?” มู่หรงฉิงเอ่ยถามแทนการตอบคำถาม เนื่องด้วยนาง้าทราบคำตอบอย่างเร่งด่วน
“เื่นี้... รอให้คุณหนูใหญ่แต่งงานเข้าจวนเฉินก่อน ผู้น้อยจะต้องหาคำตอบให้ได้อย่างแน่นอน”
ปรากฏว่าเขาก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน มู่หรงฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
“มิทราบว่ายาคลายร้อยพิษนั่นมีประโยชน์ต่อคุณหนูหรือไม่?” จ้าวจื่อซินเปลี่ยนประเด็น และเอ่ยถามอีกหน “คิดว่า คุณหนูใหญ่คงไขข้อสงสัยในใจได้แล้ว”
“เ้าหมายความว่าอย่างไรหรือ?” คำพูดของจ้าวจื่อซินทำให้มู่หรงฉิงมองเขาอย่างระมัดระวัง
“ยาคลายร้อยพิษใช้ได้เพียงปีละหนึ่งครั้ง หากใช้มากกว่าหนึ่งครั้ง จะส่งผลให้หัวใจแตกสลายด้วยกำลังภายในลึกล้ำซึ่งเกิดจากยาคลายร้อยพิษ”
หลังจากจ้าวจื่อซินพูดจบ มู่หรงฉิงก็เข้าใจทันที ปรากฏว่าเป็เช่นนั้นนี่เอง ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากทานยานั้นกำลังภายในของนางถึงได้ลึกล้ำมากขึ้น
มีทั้งข้อดีและมีข้อเสีย
บนใบหน้าเ็าและอ้างว้างประดับด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบใจเ้าสำหรับยา ข้าได้คำตอบแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี หลายวันนี้คุณหนูใหญ่ยังคงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น คุณหนูใหญ่จะแต่งงานเข้าจวนเฉิน คุณหนูใหญ่กำลังกลายเป็นายหญิงของจ้าวจื่อซิน จ้าวจื่อซินจะต้องปกป้องคุณหนูใหญ่อย่างแน่นอน” หลังจ้าวจื่อซินกล่าวจบ เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้มู่หรงฉิงได้พูดอีกต่อไปและทำแค่ประสานมือทั้งสอง “จ้าวจื่อซินจะต้องกลับไปยังเรือนด้านหน้าเพื่อรายงานฮูหยินว่า คุณหนูปลอดภัยดีทุกอย่าง”
จากนั้นร่างของเขาก็หายวับออกจากห้อง
มู่หรงฉิงประหลาดใจ ฮูหยินเฉินห่วงใยนาง? หรือว่าฮูหยินเฉินแค่ขอให้จ้าวจื่อซินมาทดสอบนาง?
เจ็ดวันผ่านไปในชั่วพริบตา เนื่องจากไม่มียาคลายร้อยพิษจึงไม่อาจคลายฤทธิ์ยาของยวี้เอ๋อร์ได้ ใน่เวลานั้นมู่หรงฉิงจึงมักจะหลับใหลด้วยฤทธิ์ยาของยวี้เอ๋อร์ แม้กระทั่งมู่หรงยวี่ซึ่งได้ถูกยกสถานะกลายเป็บุตรสาวคนโต จะมายั่วยุนางอยู่หลายหนแต่ก็หาความสนุกไม่ได้
เดิมทีมู่หรงฉิงยังคงวิตกกังวลว่า ด้วยสภาพเช่นนี้นางจะถูกมู่หรงฮ่าวเอาเปรียบได้ แต่ใน่หลายวันที่ผ่านมาเนื่องจากมู่หรงฮ่าวกลัวว่านางจะมีวิธีแก้เผ็ด เขาจึงไม่กลับมาอีกเลย
หลังผ่านพ้นเจ็ดวันแห่งการหลับใหล ในวันแต่งงานมู่หรงฉิงก็ยังคงอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น โดยมีแม่นมฟาง แม่นมจิ่น ยวี้เอ๋อร์และปี้เอ๋อร์คอยแต่งหน้าและแต่งตัวให้
ในระหว่างหญิงผู้ทำหน้าที่ดูแลเ้าสาวร้องเพลง มู่หรงฉิงผู้ซึ่งมีแขนขาอ่อนแอก็ถูกมู่หรงฮ่าวหามไปส่งที่เกี้ยวบุปผา
จากประตูห้องถึงประตูใหญ่ มู่หรงฮ่าวเดินเชื่องช้าเป็อย่างมากราวกับว่าถนนยาวกว่ายามปกติอย่างไรอย่างนั้น มู่หรงฉิงพิจารณาด้วยความคิดอันซับซ้อน คนในครอบครัวของอนุหนิงต่างก็ไม่ปกติ
เมื่อเดินไปถึงประตูใหญ่ก็ได้ยินเสียงปรบมือผสมกับเสียงหัวเราะ
“เ้าสาวออกมาแล้ว เ้าสาวออกมาแล้ว ข้า้าน้องหญิง ข้า้าน้องหญิง”
อากัปกิริยาของเฉินเทียนหยูทำให้ทุกคนที่ดูอยู่เปล่งเสียงหัวเราะ
“คุณชายรองเฉิน เ้าเข้าห้องหอได้หรือไม่?”
“คุณชายรองเฉินแต่งงานกับหญิงงามอันดับสามของเมืองหลวง คุณชายรองจำต้องรู้วิธีทำให้สนุกสนาน”
เสียงหัวเราะหนึ่งจบไป เสียงหัวเราะถัดมาก็ดังขึ้นอีก แต่ทางด้านเฉินเทียนหยูกลับพยักหน้าอย่างมีความสุข “ข้าจะขุดหลุมและใส่นางเข้าไป ถึงเวลานั้นนางก็จะหวานแล้ว”
ในระหว่างมู่หรงฉิงถูกหามขึ้นไปบนเกี้ยว โดยมีมู่หรงฮ่าวคอยช่วยเหลือ มู่หรงฉิงพบว่ามู่หรงฮ่าวคล้าย้ายกผ้าคลุมหน้าขึ้น แต่ในท้ายที่สุดมู่หรงฮ่าวก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนออกจากเกี้ยว
“ยกเกี้ยว”
เสียงะโดังขึ้นจากนั้นเกี้ยวจึงถูกแบกออกจากจวนกวงลู่ซื่อชิง และมุ่งหน้าไปยังจวนเฉิน
ระหว่างทางมู่หรงฉิงยังคงง่วงนอน จนกระทั่งนางถูกใครบางคนบังคับให้ลงจากเกี้ยว มู่หรงฉิงก็รู้สึกตัวเพียงเล็กน้อย
แม้แต่ในระหว่างการกราบไหว้ฟ้าดิน มู่หรงฉิงยังต้องมีสาวใช้ช่วยประคอง
จวบจวนถูกส่งเข้าไปในเรือนหอ เสียงที่ดังก้องกังวานถึงได้ห่างหายไปและศีรษะที่มึนงงของนางก็เริ่มชัดแจ้งขึ้นเล็กน้อย
“จะดูน้องหญิง ข้าอยากเห็นน้องหญิง ข้าอยากเห็นน้องหญิง”
เสียงดีใจมาพร้อมกับเสียงตบมือ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของเฉินเทียนหยูเข้าไปในห้องของคู่บ่าวสาว
“คุณชายรอง ไม่ได้...”
ในขณะที่หญิงผู้ทำหน้าที่ดูแลเ้าสาวอุทานขึ้น เฉินเทียนหยูได้ยกผ้าคลุมหน้าของมู่หรงฉิงด้วยมือของเขาโดยตรง จากนั้นโยนผ้าคลุมหน้าลงบนพื้น “น้องหญิงมีกลิ่นหอม น้องหญิงมีกลิ่นหอม”
ระหว่างพูดเขาก็กอดมู่หรงฉิงและสูดดม
ฮูหยินเฉิน ฮูหยินผู้เฒ่าที่ตามมาด้านหลังเห็นมู่หรงฉิงถูกเฉินเทียนหยูกอดจับไว้ทั้งยังสูดดมด้วยความรุนแรง ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เทียนหยูปล่อยเ้าสาวเดี๋ยวนี้ แรงของเ้าไม่เบาเลยนะ”
คำพูดของฮูหยินเฉินตรงกับความคิดของมู่หรงฉิง
เฉินเทียนหยูกอดรัดแน่นถึงกับหายใจไม่ออก
ด้วยการดุของฮูหยินเฉิน เฉินเทียนหยูถึงได้ปล่อยมู่หรงฉิงอย่างมีความสุข “ท่านแม่ นางกลิ่นหอม นางกลิ่นหอม”
เนื่องจากแม่นมจิ่นเกล้าผมให้นางและใช้น้ำมันทาผม นั่นเป็เหตุผลที่เฉินเทียนหยูมีความสุขมาก
“อืม หอม หอม มานี่มา เ้าอย่าทำให้เ้าสาวใ” ฮูหยินเฉินเอ่ยพลางเดินไปที่ด้านข้างของมู่หรงฉิง เมื่อนางเห็นว่าสีหน้าของมู่หรงฉิงไม่สู้ดีนัก จึงลอบถอนหายใจ โธ่...
“ท่านแม่ นางกลิ่นหอมแต่นางไม่หวาน ข้าอยากจะปลูกนาง ข้าขุดหลุมไว้เรียบร้อยแล้ว” เฉินเทียนหยูพูดกับฮูหยินเฉินอย่างตื่นเต้น ระหว่างนั้นเขาก็คว้าข้อมือของมู่หรงฉิง “ข้าจะปลูกนาง จะปลูกเลย”
“อย่าเอะอะก่อกวน ใครบอกให้ปลูกหรือ? เ้าคนโง่ไร้สมองคนไหนที่พูดจาเลื่อนเปื้อนต่อหน้าคุณชายรอง” เมื่อเห็นเฉินเทียนหยูพูดพร้อมลากมู่หรงฉิงออกไปด้วยความเร็ว ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งนิ่งเงียบอยู่นานก็รีบส่งสัญญาณให้จ้าวจื่อซินขวางกั้นเฉินเทียนหยู พร้อมกับดุเสียงเข้ม
ด้วยคำตำหนิของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน เหล่าบ่าวทั้งหมดจึงคุกเข่าลงทันที “ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดลดโทสะ แม้จะมีความกล้าหาญเพียงใด ถึงอย่างไรพวกบ่าวก็ไม่กล้าพูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด”
“ฮูหยินผู้เฒ่าดุคนอีกแล้ว” สีหน้าโกรธเกรี้ยวของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้เฉินเทียนหยูเข้าไปใกล้มู่หรงฉิงผู้ซึ่งมีหน้าซีดเซียว ราวกับกระซิบกับนางอย่างแ่เบา “ฮูหยินผู้เฒ่าดุมาก พวกเราอย่าไปสนใจนางเลย วันนี้ผู้คนข้างถนนเ่าั้บอกแล้วว่า ข้าจะต้องปลูกเ้าก่อน หลายวันหลังจากนั้นเ้าก็จะหวานและหอมมากขึ้น”
ข้างถนนหรือ?
สายตาไหวระริกอย่างไม่อาจห้ามของมู่หรงฉิงเลื่อนไปมองจ้าวจื่อซินซึ่งยืนอยู่ทางด้านขวาของเฉินเทียนหยู เ้าคนโง่งมคนนี้จะต้องถูกคนพูดยั่วยุเป็แน่ ถ้าปลูกนางในวันนี้ วันข้างหน้านางจะต้องกลายเป็กองกระดูกอย่างแน่นอน เว้นแต่จะปลูกนางเพื่อทำปุ๋ย มิเช่นนั้นนางจะหวานได้เสียที่ไหนกัน
“หยุดก่อเื่ คนพวกนั้นโกหกเ้า” เมื่อเห็นใบหน้าของมู่หรงฉิงซีดขาว ฮูหยินเฉินก็รีบเร่งดึงเฉินเทียนหยูด้วยความพยายามที่จะให้เขาปล่อยมู่หรงฉิง “คนจะปลูกได้เสียที่ไหนกัน? เ้าถูกคนอื่นหลอกแล้วล่ะ”
เฉินเทียนหยูยิ้มอย่างมีความสุข ทว่าจู่ๆ สีหน้าก็แปรเปลี่ยน หลังจากได้ยินคำพูดของฮูหยินเฉิน สายตาของเขาจึงปรากฏความผิดหวัง ก่อนอากาศรอบๆ ตัวเขาจะกลายเป็น้ำแข็งโดยมีเขาเป็ศูนย์กลาง
มู่หรงฉิงอยู่ใกล้กับเฉินเทียนหยูมากที่สุด ย่อมพบการเปลี่ยนแปลงของเฉินเทียนหยูเป็คนแรก แต่นางยังไม่ทันได้ตอบสนองก็รู้สึกว่าข้อมือกำลังจะถูกเขาบีบ กระดูกข้อมือถึงกับจะแตกหักอย่างไรอย่างนั้น นางเ็ปถึงกับหอบหายใจ “คุณชายรองเจ็บ…”
“เรียกข้าว่าท่านพี่สิ เ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ พวกเขาต่างก็บอกว่าเ้าเป็ภรรยาของข้า เ้าจะต้องเรียกข้าว่าท่านพี่”
คำพูดของเฉินเทียนหยูไม่เหมือนคนโง่งมเช่นก่อนหน้า แต่มีความคลุ้มคลั่งเจืออยู่ในความเ็า โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาทั้งสองข้างของเขา เป็เหมือนยอดเขาหิมะอายุนับพันปีซึ่งทำให้ผู้คนเห็นแล้วเป็ต้องรู้สึกสะพรึงกลัว
“ท่าน ท่านพี่... ท่านพี่เบามือหน่อย...”
“ข้าจะปลูกเ้า อีกสองสามวันก็จะมีน้องหญิงที่ทั้งหอมทั้งหวานหลายคนแล้ว”
เฉินเทียนหยูพูดไปพลาง ลากมู่หรงฉิงออกไปพลาง ก้าวเท้าออกจากห้องหอและเดินไปทางสนามหญ้าในเรือน
ฮูหยินเฉิน ฮูหยินผู้เฒ่าและจ้าวจื่อซินผู้ซึ่งยังคงยืนอยู่ข้างหน้าเฉินเทียนหยูก่อนหน้าได้ถอยออกมาเมื่อเห็นอาการคลุ้มคลั่งของเฉินเทียนหยู แล้วนับประสาอะไรจะมาช่วยมู่หรงฉิง
ทันใดนั้นมู่หรงฉิงก็นึกขึ้นได้ว่า คราวก่อนในเรือนของนาง เฉินเทียนหยูก็คลุ้มคลั่งอย่างนี้เช่นเดียวกัน ในเวลานั้นฮูหยินเฉินไม่กล้าพูดอะไรได้แต่ก้าวเท้าถอยหลังออกไปทันที จ้าวจื่อซินก็หยิบผลไม้ขึ้นมาอย่างระมัดระวังเช่นกัน ก่อนเดินไปหาเฉินเทียนหยูคล้ายกับเอาใจ...
กล่าวกันว่า ถ้าเฉินเทียนหยูไม่โง่งม เขาก็จะคลุ้มคลั่ง เวลาเขาโง่งม เขาจะร่าเริงสดใส มีความสุข และเชื่อคำพูดของผู้อื่น แต่เมื่อเขาบ้าไปแล้วเฉินเทียนหยูก็คือยมบาลจากนรกอเวจี ใครๆ ก็้าหลีกหนีเขาไปให้พ้น...
หลังจากถูกเฉินเทียนหยูลากถูลู่ถูกังไปที่สนามหญ้า นางก็เห็นหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เห็นได้ชัดเจนว่าหลุมนี้เพิ่งถูกขุดเมื่อไม่นาน กลิ่นดินแรงมากเช่นนั้น
“น้องหญิง ข้าจะปลูกเ้าเอง อีกสองสามวันก็จะมีน้องหญิงที่ทั้งหอมและหวานจำนวนมาก” ยามนี้เฉินเทียนหยูดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็คนละคน ความอ่อนโยนของเขาราวกับนางเป็ต้นอ่อนเล็กๆ ที่ไม่อาจทนต่อลมต่อฝนอย่างไรอย่างนั้น มือหยาบกระด้างของเขาค่อยๆ วางมู่หรงฉิงลงในหลุม จากนั้นไปหยิบชะแลงเหล็กขึ้นมาเพื่อกลบดิน
ใบหน้าของมู่หรงฉิงกลายเป็สีขาวเพิ่มมากขึ้น ดวงตาที่ทำอะไรไม่ถูกกวาดมองสำรวจผู้คนซึ่งอยู่ด้านหลังเฉินเทียนหยู เห็นเพียงสายตาเวทนาของพวกเขาทุกคน
ตั้งสติ ตั้งสติสิ ในเวลานี้ไม่มีใครสามารถช่วยเ้าได้ เ้าต้องพึ่งตัวเอง
มู่หรงฉิงเก็บกดความตื่นตระหนกในจิตใจ หลังจากคิดได้แล้วนางก็รีบะโว่า “ท่านพี่อย่าเพิ่งรีบ ก่อนกลบดิน จะต้องรดน้ำก่อน”
“รดน้ำหรือ?” เฉินเทียนหยูเอียงศีรษะพลางมองนางอย่างงุนงง “รดน้ำเพื่ออะไรหรือ?”
“ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็จะตาย ท่านพี่เคยเห็นคนสวนรดน้ำต้นไม้หรือไม่?”
“ข้าเคยเห็น มันสนุกมากเลยละ” เฉินเทียนหยูทิ้งชะแลง ก่อนปรบมืออย่างมีความสุข “ข้าจะรดน้ำ ข้าจะรดน้ำ”
“ยังไม่เอาน้ำมาให้คุณชายรองอีก” แม้ฮูหยินเฉินไม่รู้ว่ามู่หรงฉิง้าให้เฉินเทียนหยูรดน้ำไปเพื่ออะไร แต่เมื่อนางเห็นว่ามู่หรงฉิงไม่มีอาการตื่นตระหนกเช่นก่อนหน้า นางจึงตัดสินใจเชื่อใจเด็กสาวหนึ่งหน
เพราะท้ายที่สุดจวนเฉินก็ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เ้าสาวถูกฆ่าตายในวันแต่งงานได้