เด็กสาวอายุสิบสามหรือสิบสี่ปี รูปร่างสูงขึ้นไม่น้อย ท่าทางอ่อนช้อย อากัปกิริยางดงามมีสง่า
ขณะที่มองมายังเขา ั์ตาสะท้อนวิบวับดั่งดวงดาราท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน รอยยิ้มที่ผลิบานอยู่ข้างมุมปาก ดั่งดอกเกสรที่บานสะพรั่ง เขาจำได้แม่นยำว่าในใจของเขาคล้ายกับมีดอกไม้ไฟปะทุขึ้น ในยามนั้นรู้สึกสว่างไสวอย่างหาอะไรเปรียบมิได้ขึ้นทันที
ที่จริงแล้วความรู้สึกที่ตนเองมีต่อเด็กสาว กู้ฉีหลบเลี่ยงมันมาตลอด
เขารู้ดีว่าช่องว่างระหว่างสองคนยากจะเกินเลยไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยกล้าปล่อยให้ความรู้สึกของตนเองเลยเถิดไปมากกว่านี้
ตลอดหลายปีที่เจ็บป่วย เขาเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมเพื่อยับยั้งชั่งใจของตัวเองมานานแล้ว เพราะเขาไม่มีสิทธิ์เอาแต่ใจตนเอง
นิสัยเข้มงวดกับตัวเองที่เคยชินมา ทำให้ขณะที่เื่ราวยังไม่เกิดขึ้น เขาก็สามารถวิเคราะห์หนทางความเป็ไปได้ในวันข้างหน้าออก
เขากับนางมีชีวิตความเป็อยู่ในชนชั้นที่แตกต่างกัน แม้มีการเกี่ยวพันให้อยู่ด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเดินกลับไปยังเส้นทางของตนเอง
เขาสามารถเข้าใจเหตุผลและดึงสติกลับมาได้ จึงต่อสู้ดิ้นรนกับความเ็ปทรมานเช่นนี้ตลอดมา
แต่เด็กสาวราวกับพบสหายเก่าก็ไม่ปาน บ้างก็สุภาพบ้างก็สนิทชิดใกล้ ทักทายกันอย่างคุ้นเคย ถามความเป็ไปในปัจจุบัน รอยยิ้มเป็ธรรมชาติและยังเป็กันเอง ราวกับพวกเขาเป็สหายเก่าที่รู้จักกันมานานนับหลายปี ตัวอักษรระหว่างบรรทัดล้วนแฝงไว้ด้วยความสนิทสนม
กู้ฉีพักอยู่เมืองไท่ผิงแปดวัน ทว่าเขากลับเคยไปพบนางเพียงสองครั้งเท่านั้น
พอพบหน้ากันอีกครั้งก็ถึง่ที่ต้องแยกจากกันอีกที
เขาไปหมู่บ้านวั้งหลิน เห็นต้นหงเฟิงเต็มไปหมดทั่วทั้งูเา บ้านสกุลหูที่โอบล้อมไปด้วยต้นหงเฟิงได้กลายเป็ภาพที่สวยงามอีกหนึ่งทิวทัศน์ไปแล้ว
การเปลี่ยนแปลงไปมากของบ้านสกุลหู ที่แต่เดิมเป็ทุ่งกว้างหญ้าขึ้นรกหนึ่งผืน ได้ถูกปลูกสร้างให้กลายเป็สวนที่มีทัศนียภาพงดงามอีกหนึ่งสถานที่
ภายใต้ป่าหงเฟิงสีแดงเพลิง มีผนังสีขาวกระเบื้องสีดำขับเด่นอยู่ระหว่างนั้น ทิวทัศน์เช่นนี้มีเอกลักษณ์จนทำให้คนที่พบเห็นยากจะลืมเลือน
ทุกคนในสกุลหูยังคงซื่อสัตย์อ่อนน้อมถ่อมตน สำหรับการมาถึงของเขา แสดงออกกันอย่างจริงใจกระตือรือร้นแล้วยังเป็กันเองนัก เมื่อรู้ว่าอาการป่วยหนักของเขาหายเป็ปกติ หญิงชราของสกุลหูก็ลงครัวทำกับข้าวหลากหลายเต็มหนึ่งโต๊ะให้เขาด้วยตนเอง วัตถุดิบที่ใช้ล้วนเป็ผักสดและเนื้อสัตว์ของบ้านสกุลหู
อาหารหนึ่งมื้อที่กู้ฉีทานเยอะที่สุดในชีวิต คือการทานอาหารบนโต๊ะที่บ้านสกุลหูแห่งนี้
เขาป่วยอยู่ตลอดทั้งปี เดิมทีที่ทานได้มีน้อยมาก ต่อมาพออาการป่วยหายดีแล้ว ท่านหมอบอกว่าควรทานอาหารอิ่มในปริมาณเจ็ดส่วน ไม่เช่นนั้นจะง่ายต่อการทำลายกระเพาะและม้าม ดังนั้นเขาเลยทานได้ไม่มากมาตลอด
วันนั้นท่านหญิงชราสกุลหูพยายามทุ่มเทฝีมือครัวของนางอย่างเต็มที่ มีทั้งรากบัวตุ๋นซี่โครงหมู เนื้อกวางน้ำแดง ปลากะพงนึ่ง เนื้อกวางพะโล้ หม่าล่าปลาต้มผักดอง ไก่ตุ๋นเห็ด ยำแตงกวา หน่อไม้ผัดหมู น้ำแกงเห็ดผักกวางตุ้ง จัดวางเต็มหนึ่งโต๊ะใหญ่
กู้ฉีเสียดายเวลาเมื่อก่อนมาโดยตลอด ที่ไม่สามารถชิมอาหารแต่ละชนิดของสกุลหูได้ ด้วยเหตุนี้ วันนั้นแม้เขาจะทานจนหนังท้องยื่นขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดตะเกียบลง
ยังดีที่ในท้ายที่สุดเขาไม่ได้อยากอาเจียนและรู้สึกไม่สบาย อันเนื่องมาจากการทานที่มากเกินไปของเขา
ต่อมาเจินจูกับผิงอันนำทางเขาไปเดินเล่นช้าๆ ในบ้านประตูสองชั้นที่สร้างขึ้นใหม่กับสวนหย่อมใต้ชายคานอกลานบ้านของสกุลหูหนึ่งรอบ
สวนหย่อมขนาดเล็กสร้างได้ไม่ถูกหลักที่ยึดถือกันมา ไร้จุดโดดเด่น แต่กู้ฉีกลับเดินเล่นด้วยความสนใจอย่างยิ่ง
ผิงอันคึกคักร่าเริงไม่หยุดอยู่นิ่ง กลับวิ่งเพ่นพ่านไปซ้ายทีขวาทีอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนผู้ที่อยู่เป็เพื่อนข้างกายและพูดคุยกับเขาอยู่ตลอดคือเจินจู
เส้นทางสั้นๆ นั้นกู้ฉีจดจำไว้ในก้นบึ้งของหัวใจเสมอมา
สองคนเดินอยู่เคียงข้างกัน เดินช้าๆ ในร่มเงาของต้นไม้ แสงแดดส่องผ่านกิ่งก้านและส่องกระทบลงมายังสองคน กลิ่นอายของต้นไม้ใบหญ้าอบอวลอยู่ในอากาศได้โชยเข้ามาในจมูกของเขา ความรู้สึกสะอาดสดชื่นและรื่นรมย์เป็เช่นนี้นี่เอง ณ ตอนนั้นเขายินยอมเดินไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
แต่น่าเสียดาย... ความเป็จริงมักโหดร้ายเสมอ
...ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถม้าออกจากหมู่บ้านวั้งหลิน ถึงได้รู้ว่าที่แท้ความรู้สึกเ็ปใจก็รสชาติเป็เช่นนี้นี่เอง
เมื่อมองย้อนกลับไป เห็นป่าหงเฟิงสว่างไสวดั่งลูกไฟตั้งสูงตระหง่านอยู่ในป่าเขาอย่างเงียบสงัด สงบเยือกเย็น เงียบวังเวงแต่งดงาม ส่องสว่างดั่งไฟและมีพลังชีวิตเปี่ยมล้น
ป่าหงเฟิงเต็มูเานั่นกลายเป็ภาพที่ปรากฏในความฝันของเขาอยู่ตลอด
...กู้ฉีเดินเข้าห้องหนังสือ เอามือไพล่หลังยืนอยู่หน้าภาพหนึ่งที่แขวนอยู่บนผนัง... และเงียบอยู่เนิ่นนาน
นั่นเป็ภาพวาดูเาและแม่น้ำที่สวยเรียบ ูเาอยู่ไกลออกไปซ้อนกันเป็ชั้นๆ มีต้นหงเฟิงปิดบังจุดด้อยและเสริมจุดเด่นให้กับสะพานและบ้านที่ประดับอยู่ในนั้น พู่กันที่ใช้ชุ่มชื้นนุ่มละมุน สีหมึกสวยเรียบ และส่วนที่สะดุดตาที่สุดคือสีแดงอ่อนไล่ไปจนเข้มผืนนั้น
“ฮูหยิน” ในลานบ้านแว่วเสียงคำนับของชิงเหมย
กู้ฉีดึงสติกลับมาและเดินออกจากห้องหนังสือช้าๆ
“ฉีเอ่อร์ ทางเอ้อโจวส่งผลไม้มาหรือ?” อันซื่อยิ้มแล้วถาม
บุตรชายคนเล็กของนาง ดูสภาพอาการป่วยที่เคยมีไม่ออกแล้ว สีหน้าขาวซีดดูป่วยในเมื่อก่อนตอนนี้ได้เปลี่ยนมาชุ่มชื้นและสะอาดหมดจดดั่งหยก ริมฝีปากที่ไม่มีเืฝาดเลยแม้แต่น้อยก็เปลี่ยนไปจนแดงชุ่มชื้นมันวาว รวมกับคิ้วเรียวยาว ดวงตาดำขลับ คนทั้งกายแผ่ความอบอุ่นพร้อมกับกลิ่นอายสูงศักดิ์ของสุภาพบุรุษ
ไม่แปลกใจเลย นับหลังจากฉีเอ่อร์ไปกว๋อจื่อเจี้ยน ด้านนอกก็มีข่าวลือแว่วมาตลอดว่าคุณชายคนเล็กของฮูหยินสกุลกู้สูงศักดิ์ดั่งหยกอันล้ำค่า งดงามและสุภาพไม่เป็สองรองใคร ชื่อเสียงและอิทธิพลนับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่ออันซื่อออกจากบ้านเข้าสังคมงานเลี้ยงส่วนตัว ฮูหยินที่มีขั้นยศเ่าั้ต่างก็เริ่มสืบถามอายุและการแต่งงานของฉีเอ่อร์ไม่หยุดปาก
คิดถึงตรงนี้อันซื่อก็ปรากฏสายตาอันยุ่งเหยิงและทุกข์ใจออกมา ฉีเอ่อร์ของนางเมินเฉยและยืนหยัดในความคิดของตนในเื่นี้นัก
เด็กอวี่เวยผู้นั้นก็เหมือนกับเขา ยืนกรานในความคิดของตัวเองและยังหัวแข็งอีกด้วย
ตอนนี้ทำเอาสองสกุลอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง
แต่เด็กสองคนนี้กลับยังยึดมั่นในการกระทำของตนเองดังเดิม
“ท่านแม่ ทางนั้นส่งเหอเถามาไม่น้อย อีกเดี๋ยวเอาไปให้ท่านพ่อกับท่านพี่สักหน่อยเถอะขอรับ” กู้หลินมีตำแหน่งอยู่ในระดับสูง ใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งเต็มที่ ทุ่มเทจิตใจทั้งหมดทั้งสิ้น และเหอเถาก็คือสิ่งบำรุงสมอง สามารถใช้ทำอาหารได้มากมายอีกด้วย
อันซื่อเผยรอยยิ้มปลื้มใจออกมา “แม่รู้ เ้าเล่าเรียนก็สิ้นเปลืองความคิดเช่นกัน ต้องทานเองให้มากด้วยนะ”
“ท่านแม่ ข้าทราบแล้วขอรับ” กู้ฉีรับคำ
อันซื่ออดทนอยู่เล็กน้อย จนในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา “ฉีเอ่อร์ ปีนี้เ้าอายุสิบเก้าปีแล้ว ควรกำหนดลงได้แล้วกระมัง บิดาของเ้ากับท่านย่าเ้าก็ถามแม่หลายครั้ง แม่เองก็ขัดมาได้สองสามปีแล้ว อย่าเป็แบบนี้ต่อไปอีกเลย”
กู้ฉีเงียบ...
เขาย่อมรู้ว่าการยืดเวลาเื่การแต่งงานออกไป และไม่ยอมตัดสินใจตกลงเสียทีไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก
แต่ในกลางดึกทุกครั้ง เขามักตื่นขึ้นจากภาพฝันในป่าหงเฟิงสีแดงราวกับลูกไฟผืนนั้น มันทำให้เขามีความคาดหวังอย่างหนึ่งและทำใจแข็งทำลายภาพฝันนั้นไม่ได้
“หากว่าเ้าไม่ชื่นชอบอวี่เวยจริงๆ เช่นนั้นแม่จะดูแม่นางสกุลอื่นให้เ้า ดีหรือไม่?” แม้รู้สึกเสียใจกับโหยวอวี่เวยอยู่บ้าง แต่สองสกุลยืดเยื้อกันไปอย่างนี้ก็ไม่ใช่เื่ที่ดีเช่นกัน รอให้กู้ฉีหมั้นหมายแล้วเด็กผู้นั้นย่อมเลิกคิดไปอย่างเด็ดขาดได้แน่นอน
มือของกู้ฉีภายใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่น
...หวงถิงเฉิงมาทำหน้าที่นายงานบัญชีอยู่บ้านสกุลหูหลายวันแล้ว
เจินจูให้เขาอยู่หน้าบ้าน โดยจัดเก็บหนึ่งห้องเล็กข้างห้องตรงกลางเป็พิเศษ เพื่อให้เขาใช้เป็สถานที่ทำงาน
ทุกวันทำงานสามชั่วยามครึ่ง ่เช้าสองชั่วยาม ่บ่ายหนึ่งชั่วยามครึ่ง ตอนกลางวันพักผ่อนหนึ่งชั่วยาม
หน้าที่ในตอนนี้ว่างและสบายเป็อย่างยิ่ง บัญชีรายรับและจ่ายมีไม่มาก เขาจึงทำงานควบอีกหนึ่งตำแหน่งโดยให้ดูแลเื่ทำความสะอาดไปด้วย
ก็แค่ตรวจตราสภาพการทำความสะอาดของหม่าซื่อและติงซื่อสองรอบทุกวัน
ตรวจดูว่าที่ใดมีจุดเก็บกวาดไม่สะอาดก็ให้พวกนางจัดการอีกหนึ่งรอบ
กล่าวตามตรงแล้วก็เป็การทำหน้าที่ควบคุมพิเศษอีกทีหนึ่งนั่นเอง
เจินจูเคยบอกเขาไว้ั้แ่เนิ่นๆ แล้วว่ารายรับและรายจ่ายของที่บ้านไม่มากและไม่ได้วุ่นวาย พอมาถึงบ้านสกุลหูเลยต้องดูแลงานอย่างอื่นเล็กน้อยไปด้วย
หวงถิงเฉิงขยันหมั่นเพียรอย่างยิ่ง งานที่บอกแก่เขาล้วนสามารถจัดการเสร็จเรียบร้อยได้อย่างตั้งใจมาก
เจินจูสังเกตอยู่สองสามวัน รู้สึกว่าการวางตัวของเขาค่อนข้างไว้ใจได้อย่างดี
ด้วยเหตุนี้นางจึงเริ่มให้เขาัักับเื่อื่นๆ
“พี่เขย ท่านลุงหลิ่วกำลังเร่งสร้างพื้นที่ตรงหุบเขาอยู่ พรุ่งนี้เช้าท่านติดตามพวกเขาเข้าูเาไปสักรอบหนึ่ง ต่อไปเว้นทุกสองวันให้ท่านไปตรวจตราหนึ่งรอบ หลังจากนั้นนำค่าวัสดุของสถานที่ก่อสร้างกับค่าใช้จ่ายแรงงานกลับมาคิดบัญชีให้หมด พอถึงปลายเดือนก็คำนวณรายรับรายจ่ายทั้งหมดอีกที”
หุบเขาที่เจินจูกล่าว เป็หุบเขาขนาดใหญ่แห่งนั้นที่เมื่อก่อนนางมองเห็นตอนอยู่บนูเาครั้งที่ไปเจอผืนโสมคน
ปีที่แล้วนางเคยไปกับเสี่ยวจินและเสี่ยวเฮย ตอนนั้นได้ถูกหุบเขาที่กว้างใหญ่ผืนนั้นทำให้ตื่นใอย่างยิ่ง
ฝูงกวาง ฝูงแพะ ฝูงวัว ไปจนกระทั่งฝูงม้าที่มีสิบกว่าตัว ล้วนแทะเล็มหญ้าสดสีเขียวอย่างผ่อนคลายกระจายอยู่ทั่วทั้งหุบเขา
จุดที่ราบต่ำสุดมีสายธารเล็กๆ หนึ่งสายที่ใสสะอาดจนมองเห็นพื้นด้านล่าง คอยหล่อเลี้ยงทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ผืนใหญ่แห่งนี้
ที่แท้นี่ก็เป็แหล่งเพาะเลี้ยงเสบียงอาหารของเสี่ยวจินนี่เอง
เจินจูให้เสี่ยวจินพาไปและถือโอกาสนำเสี่ยวเฮยติดตามไปด้วย
เสี่ยวจินสามารถบรรทุกนางบินฉวัดเฉวียนไปทั่วได้อย่างคุ้นเคยและคล่องแคล่วมานานแล้ว แม้เพิ่มเสี่ยวเฮยเข้ามาก็ไม่ได้เป็ภาระเลยแม้แต่น้อย
จุดที่พวกนางอยู่เป็ชัยภูมิที่ค่อนข้างสูงแต่ราบเรียบอย่างมาก
ส่วนฝูงสัตว์ส่วนใหญ่ล้วนวนเวียนอยู่บริเวณพื้นที่ราบต่ำที่มีต้นหญ้าและต้นไม้อันอุดมสมบูรณ์
เจินจูรู้ว่าที่ไหนมีสัตว์กินพืชมักมีสัตว์กินเนื้อคอยหลบซ่อนตัวและจ้องด้วยความดุร้ายอยู่เสมอ
ดังนั้นสายตาที่นางทอดมองลงไปจึงพบเข้ากับสิ่งตามที่คาดไว้ บริเวณโดยรอบซุกซ่อนอันตรายไว้ไม่น้อย
ประเภทงูชนิดต่างๆ ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในป่าเขา ระหว่างผาสูงชันและบนต้นไม้เตี้ยซุกซ่อนเงาร่างของสัตว์เ่าั้ไว้ไม่น้อย
ในพงหญ้าเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ข้างลำธาร หัวที่ยื่นออกมามีลายสีดำบนหน้าผาก ปรากฏออกมาเป็รอยขีดแนวนอนสามเส้น
บนต้นไม้เตี้ยขนาดใหญ่และหนาทึบอีกด้านหนึ่ง ร่างสีดำมืดไปทั้งตัว สัตว์ที่จังหวะก้าวย่างงดงามมีสง่า เจินจูก็คุ้นตาอย่างมาก
มารดามันเถอะ หุบเขาใหญ่แห่งหนึ่งนี้มีทั้งเสือ เสือดาว งูเหลือมและสัตว์ป่าดุร้ายที่ควรจะมีล้วนมีทั้งหมดทั้งสิ้นเลย
หากไม่ใช่ว่ามีเสี่ยวจินกับเสี่ยวเฮยอยู่ข้างกายนาง เกรงว่าตนเองคงจะใจนหลบเข้ามิติช่องว่างไปนานแล้ว
ชัยภูมิหุบเขาผืนใหญ่นั้นดีมากจริงๆ หญ้าและต้นไม้อยู่สูงและพื้นที่ราบเรียบอยู่ต่ำ หินระเกะระกะกับพุ่มไม้เตี้ยมีไม่มาก
ในขณะนั้นที่เจินจูมองเห็นตอนอยู่กลางท้องฟ้า รู้สึกว่าบนที่ผืนนี้หากสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นมาหนึ่งแห่ง จะเป็เื่ที่น่าพึงพอใจอย่างมาก
สามด้านโอบล้อมด้วยูเา มีทางออกได้สองแห่ง สร้างกำแพงสูงกั้นตรงกลางเพื่อกั้นสัตว์ป่าดุร้ายเ่าั้ แล้วค่อยสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันความปลอดภัยที่คล้ายกับกำแพงเมืองเอาไว้ตรงทางออก ภายในเพิ่มประตูไม้หนึ่งบาน นอกประตูสร้างรั้วขวางอีกหนึ่งชั้น พวกสัตว์ดุร้ายอะไรก็เข้ามาไม่ได้แล้ว
เมื่อนางมีความคิดขึ้นก็เริ่มดำเนินการทันที
ปีที่แล้วชายแดนมีไฟแห่งาติดต่อกันไม่ได้หยุด ทางใต้ประสบทุกข์จากอุทกภัย ประชาชนแสนวุ่นวายจำนวนมากหลั่งไหลขึ้นมาทางเหนือ ละแวกใกล้เคียงอำเภอเจิ้นอันก็ประสบกับการจู่โจมของผู้ก่อจลาจล ทางตอนใต้ของเมืองที่เป็เขตอำเภอเกิดการปล้นสะดม ลอบวางเพลิงและเข่นฆ่า
ในตอนนั้นเจินจูจึงให้บิดาของนางไปหารือกับหัวหน้าหมู่บ้าน ทำการติดตั้งจุดตรวจตรงทางเข้าหมู่บ้าน และให้ชาวบ้านสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้ารักษาความปลอดภัย ป้องกันผู้ก่อจลาจลพุ่งเข้ามาภายในหมู่บ้าน
คำเสนอดังกล่าวได้รับการยอมรับจากหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านทันที ในคืนวันเดียวกันพวกเขาได้ตัดต้นไม้ขนาดใหญ่มาสร้างรั้วกั้นที่แข็งแรงสองชั้น
ผู้ชายทั้งหมดในหมู่บ้านล้วนเริ่มสับเปลี่ยนกันเฝ้ารักษาจุดตรวจอย่างระมัดระวัง
ครึ่งเดือนต่อมาจึงมีรายงานว่าราชสำนักได้ปราบปรามผู้ลี้ภัยและกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทางตอนใต้ไว้แล้ว และผู้คนที่ก่อความวุ่นวายบริเวณอำเภอเจิ้นอันก็ได้กวาดล้างจนเกลี้ยงโดยเ้าหน้าที่ทางการไปแล้วเช่นกัน
แม้ผู้ลี้ภัยจะถูกปราบปรามไปจนหมด แต่ผู้คนบริเวณโดยรอบอำเภอเจิ้นอันก็ยังรู้สึกหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย อาณาจักรต้าสยาผลัดเปลี่ยนมาสองราชวงศ์เคยผ่านทั้งาเล็กใหญ่จากภายในภายนอก ชีวิตความเป็อยู่ของเมืองไท่ผิงเพิ่งผ่านความสงบไปได้สิบกว่าปี เหล่าประชาชนยังคงหลงเหลือความตื่นตระหนกหวาดกลัวต่อภัยาอยู่ในใจตลอดมา
รั้วกั้นที่แข็งแรงของหมู่บ้านวั้งหลิน ยังคงตั้งสูงตระหง่านตรงทางเข้าหมู่บ้านทั้งสองฝั่ง เป็เวลานานมากถึงจะกล้ารื้อออก
เมื่อมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เื่ที่เจินจู้าสร้างบ้านในหุบเขา ทั้งครอบครัวสกุลหูจึงไม่มีผู้ใดออกความคิดเห็นคัดค้านทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้เจินจูจึงให้ฟางเสิงกับอาชิงเสาะหาเส้นทางหนึ่งสายที่ทะลุเข้าไปยังหุบเขาได้ หลังจากนั้นให้หลิ่วฉางผิงเริ่มเข้าไปปูถนนด้านใน
ป่าเขาขรุขระ ถนนหนทางไม่เรียบ แค่สร้างถนนขึ้นอย่างเดียว หลิ่วฉางผิงก็เสียเวลาไปสองเดือนกว่าแล้ว
สกุลหูมอบค่าแรงให้อย่างรวดเร็ว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยล่าช้า ชาวบ้านก็ชื่นชอบที่มีงานให้ทำทุกวัน
ตัดต้นไม้ ขุดเสาเข็ม ปรับพื้นที่เติมหลุมให้เรียบเสมอกัน ขนย้ายก้อนหินและอื่นๆ ถนนอิฐสีฟ้าหนึ่งเส้นมุ่งเข้าสู่หุบเขาจึงค่อยๆ เป็รูปเป็ร่างขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้