เพียงเห็นบันทึกการเดินทางทั้งวันของนาง กระทั่งคนที่ได้พบเห็น อาหารการกิน กระทั่งเวลาที่นางตื่นขึ้นมากลางดึกเข้าห้องน้ำ
ทว่านี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญเป็ด้านล่างของข้อนี้ใช้ชาดเขียนตัวอักษรตัวโตไม่กี่ตัวอย่างมีสีสัน เปลี่ยนผ้าระดูแรก
ตอนนี้หวนย้อนกลับไป คิดขึ้นได้ ในคืนนั้นนางยังลุกมาเปลี่ยนผ้าระดูแรกจริงๆ แต่ชาดมีเพียงซ่งหลิงซิว ไทฟู่กับอวี้เสวียนจีที่สามารถใช้ได้ หากจะมีใครในสองคนนี้ที่เข้าถึงสมุดเล่มนี้ได้ ก็เห็นคงจะมีแค่อวี้เสวียนจีแล้ว
อวี้เสวียนจีเฝ้าสอดแนมนางก็แล้วไปเถิด แต่ไม่คาดว่าเขาถึงกับบันทึกเื่เปลี่ยนผ้าระดูแรกเื่นี้ไว้ในคดี นี่จะให้นางทนได้อย่างไร!
“อวี้เสวียนจี” ซูเฟยซื่อเกือบเค้นเสียงขุ่นลอดไรฟัน ทว่าขณะที่นางกำลังขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน สายตาได้กวาดไปเห็นตัวอักษรไม่กี่บรรทัดด้านข้าง นี่เป็... กระบวนการหามือสังหารของซูจิ้งโหยว?
ไม่คิดว่ามือสังหารเ่าั้เป็ซูจิ้งโหยวที่หามาจริงๆ อีกทั้งวัตถุประสงค์ก็ยังเป็ช่วยต้านรับดาบแทนซ่งหลิงซิวจนได้รับความโปรดปรานอีกครั้ง แม้แต่วิธีการเฉียดคมกระบี่ก็ล้วนถูกตระเตรียมไว้ ดูไปแล้ว แผนของซูจิ้งโหยวช่างน่าพรั่นพรึงนัก
เมื่ออวี้เสวียนจีสังเกตเห็นแววตาของซูเฟยซื่อที่ต่างออกไป ก็รู้ว่าอีกฝ่ายได้เห็นสิ่งที่เขา้าให้เห็นแล้ว
เขาเอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มเล็กกลับมา หัวเราะขบขันถ้วนหน้า “ข้าไม่ได้แอบสอดแนมเ้า เพียงแต่เดาตามสถานการณ์ข้างต้น แต่ถ้าเ้าคิดให้ข้าช่วยเปลี่ยนผ้าระดูแรกให้ ข้าก็ไม่รังเกียจ”
ให้คนช่วยเปลี่ยนผ้าระดูแรก นั่นก็น่าอายสุดจะทน แล้วหากให้ขันทีคนหนึ่งเปลี่ยนให้เล่า?
คิดๆ ดูก็ขนลุกไปทั้งสรรพางค์กายแล้ว
สีหน้าของซูเฟยซื่อกลายเป็หมองลง “ถ้าท่านอ๋องเก้าพันปีคิดอยากเห็นข้าอับอายและโกรธจนฆ่าตัวตาย เกรงว่าคงทำให้ท่านผิดหวังแล้ว ข้าเป็คนที่รักและถนอมชีวิตมากนัก”
ทั้งนี้นางเป็คนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง หากจะไม่คิดถนอมชีวิตเลย นั่นคงเป็ไปไม่ได้
“ฮ่าๆ ๆ เป็เช่นนั้นก็ดี รู้จักถนอมชีวิตก็ควรระมัดระวังทุกฝีก้าว ยิ่งควรรู้ว่าลงมือเมื่อไรดีที่สุด” อวี้เสวียนจีกล่าวจบก็เตรียมจากไป ขณะที่เดินถึงประตู จู่ๆ ก็หันกลับมายิ้มแปลกๆ อย่างมีเลศนัย “ส่วนการช่วยเ้าเปลี่ยนผ้าระดูแรกนั้น ข้าขอติดค้างไว้ก่อน จงรู้ไว้เสียด้วยว่าข้าไม่ได้พูดเล่น”
นี่เขาล้อเล่นอะไร? เขาคงไม่เที่ยวป่าวประกาศเื่นางเปลี่ยนผ้าระดูแรกต่อหน้าธารกำนัลหรอกนะ?
ซูเฟยซื่อรู้สึกได้ว่าเส้นเืที่ตุบเต้นแถวขมับกำลังจะปะทุได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อาจต่อกรกับเขาได้ละก็ เกรงว่าคนตรงหน้าคงตายคามือนางไปตั้งนานแล้ว
ดูเงาร่างอวี้เสวียนจีที่จากไป จู่ๆ ซูเฟยซื่อก็ชะงักงัน หรือที่อวี้เสวียนจีมาเยือนยามวิกาลก็เพื่อบอกเื่ของซูจิ้งโหยว? เขากำลังบอกนางว่าซูจิ้งโหยวอาจจะก่อสถานการณ์วุ่นวายขึ้นเองอย่างนั้นหรือ?
ก่อสถานการณ์วุ่นวายขึ้นเอง ดี ถ้าเช่นนั้นนางจะโหมไฟให้ยิ่งดุเดือดสักกำ ดูซิว่าซูจิ้งโหยวกับแซ่หลี่จะจัดการอย่างไร!
“เล่นพิณ รู้หมากรุก คาดว่าไข่มุกของข้าอาจหล่นอยู่ในสวน พวกเ้าไปช่วยข้าดูหน่อย” วันต่อมาซูเฟยซื่อจงใจกีดกันสองสาวใช้ที่ซูเต๋อเหยียนส่งมาให้ ก่อนจะถามซางจื่อที่เพิ่งเข้าประตูมา “ซูจิ้งเถียน ที่นั่นเป็อย่างไรแล้ว?”
ซางจื่อหัวเราะคิกออกมาทันที ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “กุ้ยมามาออกจากหอเซียงหม่านมาแล้ว เมื่อนางได้ยินว่าซูจิ้งเถียนยังหลับอยู่ ก็ถูกกุ้ยมามาลากลงจากเตียง ซูจิ้งเถียนหลับอุตุ ลืมตาเห็นเป็คนแปลกหน้าใสะดุ้งโหยง โกรธจัดอาละวาดหนัก ถามว่ากุ้ยมามาเป็ใคร หลังจากได้ยินว่ากุ้ยมามาเป็คนของหอเซียงหม่าน ทั้งยังเป็คนที่ท่านเชิญไปสอนมารยาทแก่นาง ด่าเอ็ดตะโรขนานใหญ่ทันทีว่าผู้หญิงในหอเซียงหม่านทั้งหมดล้วนมีมลทิน ที่ให้กุ้ยมามามาสั่งสอนนาง นี่ยึดเอานางเป็หญิงสาวในหอนางโลมไปแล้วหรือ?”
"แล้วต่อจากนั้นเล่า?” ซูเฟยซื่อถามอย่างใจเย็น ที่ซูจิ้งเถียนมีปฏิกิริยาดังกล่าวนางก็ได้คาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว จึงไม่รู้สึกแปลกใจนัก
“กุ้ยมามามีแผนรับมือที่ดี นางไม่สนใจเสียงะโด่าของซูจิ้งเถียน ให้คนรับใช้ส่วนตัวขับไล่สาวรับใช้ในเรือนของซูจิ้งเถียนออกไป เมื่อได้ยินว่าเป็คำสั่งของกุ้ยมามา สาวใช้ทุกนางต่างไม่กล้าต่อต้าน นั่นทำเอาซูจิ้งเถียนโกรธจนแทบะโ” ซางจื่อเล่าอย่างออกรส
นั่นยังเป็สิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของซูเฟยซื่อ
หญิงสาวในหอนางโลมล้วนถูกบีบบังคับมาให้ทำงานเป็โสเภณี หากเหล่าแม่เล้าไม่มีฝีมือ แล้วจะจัดการหญิงสาวให้อยู่ในโอวาทได้อย่างไร
ยิ่งกว่านี้ หอเซียงหม่านยังเป็หอนางโลมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง วิธีการของกุ้ยมามาแม้จะน้อยนิดแต่ก็สังเกตเห็นได้
ที่คนรับใช้เ่าั้ไม่กล้าต่อต้าน ต้องขอบคุณผลงานของอวี้เสวียนจีที่ทำเื่เอิกเกริกเมื่อวานนี้
ก่อนหน้านั้นนางเคยสงสัยว่าทำไมจักรพรรดิองค์ก่อนจึงเห็นค่าใช้อวี้เสวียนจีอย่างหนักเช่นนี้ ตอนนี้คิดไปแล้ว ถ้าไม่มีฝีมือเช่นปณิธานอันกร้าวแข็งไม่โอนอ่อนของอวี้เสวียนจีปรามไว้ เกรงว่าแคว้นซ่งคงจะยิ่งวุ่นวาย ราษฎรยิ่งมิอาจดำรงชีวิต
“เกรงว่าซูจิ้งเถียนคงจะ…?”
สิ้นวาจาของซูเฟยซื่อ ซางจื่อรีบรับต่อทันที “แน่นอนว่า ถ้านางยอมเชื่อฟังอยู่ในโอวาทละก็ เราคงไม่ได้มีเื่สนุกให้ดูแล้ว ซูจิ้งเถียนให้สาวรับใช้ไปหานางแซ่หลี่ขอความช่วยเหลือ นี่เป็วาจาที่ซูเต๋อเหยียนตกปากรับคำต่อหน้าฝูงชน นางแซ่หลี่ก็มิอาจขับไล่กุ้ยมามาได้ จึงรุดไปหาซูเต๋อเหยียน ไม่คิดว่าเมื่อได้ยินชื่อกุ้ยมามาจากหอเซียงหม่าน เขาก็ถึงกับขอให้นางแซ่หลี่กลับไป แล้วยินยอมให้ซูจิ้งเถียนเรียนรู้จากนางให้ดีเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อฟังจบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเ็า “เพราะซูเต๋อเหยียนอยากส่งซูจิ้งเถียนเข้าวังจนตัวสั่น เหล่าหญิงสาวที่กุ้ยมามาสอนต่างมีลักษณะรสนิยมหลากหลายแพรวพราว ยิ่งมีฝีมือในเื่ผู้ชาย ไยซูเต๋อเหยียนจะไม่ยินดี”
เห็นซูเต๋อเหยียนดีดลูกคิดรางแก้วเพื่อผลลัพธ์เช่นนั้น ในดวงตาซางจื่อพลันฉายแววดูถูกเพิ่มอีกหลายส่วน “ผู้ใหญ่ระดับบนประพฤติมิชอบ ผู้น้อยระดับล่างก็จะเลียนแบบในทางเสีย เช่นนี้ดุจคำกล่าวที่ว่าเ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก เป็จริงดังนั้นเ้าค่ะ”
กล่าวจบก็รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงกล่าวอีกประโยค “คุณหนู ท่านต้องเป็เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแน่ๆ เลยเ้าค่ะ”
ไม่ถูก คำพูดตรงไปตรงมาเมื่อครู่ เกรงว่าคงไม่ถูกใจคนตรงหน้านัก ซางจื่อค่อยเหลือบมองซูเฟยซื่ออย่างกระอักกระอ่วนแวบหนึ่ง เห็นนางไม่ถือสา ก็รู้สึกวางใจ
“พูดต่อสิ” ซูเฟยซื่อใช้มือเท้าคางราวกับกำลังฟังนิทาน ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่ซูเฟยซื่อจริงๆ เช่นนั้นไม่ว่าซางจื่อจะกล่าวอย่างไรก็ช่างมันเถิด
“เ้าค่ะ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครช่วยนาง ซูจิ้งเถียนก็ใช้วิธี หนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด ยังชิงจะลงมือตีคนที่กุ้ยมามาพามา กุ้ยมามาเป็คนมีความสามารถคนหนึ่ง เห็นซูจิ้งเถียนจะตีคนของนาง ก็บอกซูจิ้งเถียนตรงๆ ว่าไม่ต้องรบกวนให้นางลงมือ แล้วสั่งให้คนทั้งกลุ่มตบหน้าตัวเอง ทั้งการเคลื่อนไหวและท่าทางพร้อมเพรียงกันแบบนั้น ทำเอาซูจิ้งเถียนพรั่นพรึงจนโซซัดโซเซไม่กี่ก้าวก็เกือบเหยียบเข้าไปในอ่างปัสสาวะแล้ว” ซางจื่อกล่าวพลาง สุดท้ายอดไม่ได้ก็หัวเราะลั่นขึ้นมาจริงๆ
ซูเฟยซื่อหยักริมฝีปากโค้งขึ้น สำหรับฉากนั้นลำพังฟังซางจื่อเล่าแบบนี้ก็ยังรู้สึกสะใจ
“ไม่เพียงเท่านี้นะเ้าคะ หนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด ยังไม่ได้สามแขวนคอ ซูจิ้งเถียนถูกคนของกุ้ยมามาข่มขู่จนผวา รู้ว่าสองวิธีแรกไม่ได้ผล จึงเอาเชือกมาจะแขวนคอ ท่านคงคาดไม่ถึงแน่ๆ ว่ากุ้ยมามารับเชือกนั้นให้คนช่วยผูกขึ้นไปบนคานห้อง ทั้งยังจัดตั่งเตี้ยให้อีกฝ่ายจนเสร็จสรรพ ด้วยกลัวว่าชั่วชีวิตนี้ซูจิ้งเถียนจะไม่เคยลอง รอจนกระทั่งคนในห้องจับจองพื้นที่ยืนรอดูนางแขวนคออยู่นั้น ซูจิ้งเถียนถึงกับรีบะโลั่นว่าไม่กล้าแล้ว หลังจากด่ากุ้ยมามาชุดใหญ่ ว่าหน้าตาน่าเกลียด ิัเหมือนเปลือกถั่วทอดตากแห้ง คราวนี้กุ้ยมามาโกรธจัด ให้คนยกน้ำมากะละมังหนึ่ง จับหัวซูจิ้งเถียนกดยัดเข้าไปในน้ำ สำลักจนนางแทบขาดใจ จึงค่อยเอ่ยปากช้าๆ ให้นางล้างหน้าตาให้สะอาดก่อนค่อยพูดจา”
ซางจื่อเล่าจบ ก็หัวเราะจนเจ็บหน้าอก
ซูเฟยซื่อยิ่งรู้สึกว่าการลงทุนครั้งนี้มันแสนจะคุ้มค่า เพราะถึงอย่างไรเงินที่ใช้จ่ายก็เป็ของซูเต๋อเหยียนทั้งสิ้น