ซูเฟยซื่อเหลือบมองซูเต๋อเหยียนด้วยสายตาเ็าไปคราหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เก็บคนคนนี้ไว้ใช้ประโยชน์ละก็ นางคิดจะฉีกหน้ากากของเขาออกมาจริงๆ
หากกล่าวว่าผู้ใดในจวนแห่งนี้หน้าหนาที่สุด เกรงว่าคงจะไม่พ้นสุนัขจิ้งจอกเฒ่านี้เป็แน่
เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ก็เสมือนเป็ผู้ใช้อาคมขั้นสูงพบกับผู้ใช้อาคมฝึกหัด แตกต่างราวฟ้าดิน
เห็นซูเฟยซื่อเงียบ ซูเต๋อเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจบ้าง แต่ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้า “เมื่อครู่พ่อใจร้อนไปชั่วขณะจึงพูดจาเหลวไหลเ่าั้ เฟยซื่อคงไม่ต่อว่าโกรธแค้นพ่อในใจใช่ไหม? ตอนนี้โหยวเอ๋อร์เข้าวังไปแล้ว ข้างกายพ่อเหลือเพียงเ้ากับเถียนเอ๋อร์ พ่อจะทำใจตัดความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกกับเ้าโดยไม่อาลัยอาวรณ์ไปได้อย่างไร”
ซูเฟยซื่อกลอกตาในใจไปไม่รู้กี่ครา ในเมื่อจะแสดงแล้ว เช่นนั้นนางก็จะแสดงละครที่ยอดเยี่ยมต่อหน้าซูเต๋อเหยียนมิดีกว่าหรือ
อวี้เสวียนจีจัดการซูจิ้งโหยวกับหยานเอ๋อร์ไปแล้ว เป็ไปได้อย่างไรที่นางจะถูกเขาเปรียบเทียบอีก
คิดได้ดังนั้น ซูเฟยซื่อเปิดปากหัวเราะร่า “ท่านพ่อ ท่านพูดล้อเล่นแล้วจริงๆ เฟยซื่อจะต่อว่าโทษท่านได้อย่างไรเ้าคะ”
ความเร็วในการตอบสนองของซูเฟยซื่อ ทำให้ซูเต๋อเหยียนอดไม่ได้ที่จะชะงักงัน
กล่าวตามจริง เกี่ยวกับบุตรสาวคนนี้ เขายังไม่ค่อยวางใจนัก ดูเหมือนเชื่อฟัง แต่ในความเป็จริงกลับไม่ธรรมดา ถ้าเลือกได้ เขายินดีฝากความหวังไว้บนร่างซูจิ้งโหยวหรือซูจิ้งเถียนมากกว่า
แต่ก็เพราะสถานการณ์ของซูจิ้งโหยวกับซูจิ้งเถียนล้วนเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยสักนิด...
คิดถึงตรงนี้ เขารีบตบๆ มือของซูเฟยซื่ออย่างมีเมตตา “พ่อจำได้ว่าในเรือน เ้ามีเพียงซางจื่อกับหยานเอ๋อร์สองสาวใช้ ตอนนี้หยานเอ๋อร์ต้องโทษปะาชีวิตแล้ว ซางจื่อคนเดียวย่อมปรนนิบัติไม่ค่อยดี พ่อว่าส่งสาวรับใช้อีกสองคนให้เ้าดีกว่า เ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”
นางจะว่าอย่างไร เื่ดีงามใหญ่หลวงแบบนี้ หากนางปฏิเสธไป ผู้คนย่อมต้องสงสัยในตัวนาง
ซูเฟยซื่อแกล้งทำเป็ใแกมยินดีพยักหน้าหงึกหงัก “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านพ่อแล้วเ้าค่ะ”
ซูเต๋อเหยียนเห็นนางโต้ตอบ ด้วยท่าทีบริสุทธิ์ไม่เ้าเล่ห์ ก็ตัดสินใจไม่ถูกชั่วคราว
ถึงอย่างไรซูเฟยซื่อก็เป็บุตรสาวของเขา หากวันใดได้รับสถาปนาก็เป็เกียรติของเขาด้วย
ขอเพียงควบคุมให้ดี คนยิ่งฉลาดกลับยิ่งดี
“บ่าวไพร่มานี่ ไปจัดสวนปี้หวินให้เรียบร้อยแก่คุณหนูสาม ทั้งส่งสาวรับใช้ที่ฉลาดสองคนไปอีก” ซูเต๋อเหยียนสั่งการแล้วหันศีรษะไปหาซูเฟยซื่อ “เรือนนั้นของเ้าเก่าโทรมไปบ้าง ตลอดที่ผ่านมาพ่อคิดเปลี่ยนให้เ้า แต่ติดภารกิจมากมายจนไม่ได้ดูแล ตอนนี้ถึงได้จังหวะเหมาะ ได้ทำสองเื่ไปด้วยกั”
ช่างประเสริฐยิ่ง ติดภารกิจมากมายจนไม่ได้ดูแล ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์หลายครั้งเหล่านี้ทำให้ซูเต๋อเหยียนรู้สึกว่านางมีค่าบ้าง นางคงต้องอาศัยอยู่ในเรือนซอมซ่อนั้นจนผุพัง เป็ตายอย่างไรเกรงว่าคงไม่มีใครรู้
ซูเฟยซื่อดูท่าทีริษยาของนางแซ่หลี่กับซูจิ้งเถียนคราหนึ่ง รีบหลุบตาลง “ท่านพ่อ เฟยซื่อมีเื่หนึ่งไม่ทราบว่าควรพูดหรือไม่”
“อ้อ? ระหว่างพ่อลูกมีวาจาอะไรที่ไม่สามารถพูดได้โดยตรงเล่า” ซูเต๋อเหยียนเลิกคิ้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นเฟยซื่อก็ขอกล่าวแล้ว ไม่ทราบว่าท่านพ่อรู้สึกหรือไม่ว่าจวนอัครมหาเสนาบดีของเราเมื่อเร็วๆ นี้เกิดคลื่นกระทบมากเป็พิเศษ?”
คำพูดของซูเฟยซื่อกระทบใจของซูเต๋อเหยียนอย่างจัง ไหนเลยเป็เพียงคลื่นกระทบมากเป็พิเศษ เขาแทบคิดเชิญนักบวชมาประกอบพิธี เพื่อดูว่ามีใครกำลังสาปแช่งที่อยู่อาศัยของเขาให้ไม่สงบกันแน่
มองสีหน้าและท่าทางเห็นด้วยของซูเต๋อเหยียน ซูเฟยซื่อก็กล่าวต่อไปว่า “ทุกสิ่งนี้เริ่มขึ้นเมื่อไรหรือเ้าคะ?”
“นี่...” ซูเต๋อเหยียนย่นคิ้ว
เขาเพียงรู้สึกว่าเมื่อเร็วๆ นี้มีเื่มากมายเกิดขึ้นในจวนอัครมหาเสนาบดี ถ้าให้สรุปในภาพรวมว่าทั้งนี้เริ่มมาแต่เมื่อไร เขาจดจำไม่ได้จริงๆ
“พี่รองชิงปิ่นมุกบุปผชาติกับต่งชิงหว่าน น้องสี่เกือบถูกไม้กระดานโบยในพิธีชุมนุมการแข่งม้า ตอนนี้ข้ากับพี่ใหญ่ถูกคนใส่ร้ายป้ายสีอีก ทั้งหมดนี้ล้วนเล็งเป้าจัดการบรรดาคุณหนูของจวนอัครมหาเสนาบดีเ้าค่ะ”
ซูเฟยซื่อเตือนแบบนี้คราหนึ่ง ดวงตาทั้งสองของซูเต๋อเหยียนพลันสว่างวาบ “ถ้างั้นตามความคิดเห็นเ้า ควรทำอย่างไร?”
“พี่ใหญ่เข้าวังไปแล้ว พี่รองกลายเป็พระชายาซีอ๋องแล้ว ในบ้านก็เหลือข้ากับน้องสี่ น้องสี่อายุยังน้อย ถูกคนใช้จูงจมูกได้ง่ายที่สุด ก็เชิญแม่เฒ่าที่ถนัดในการสอนสั่งมาสอนพิธีการขนมธรรมเนียมกันใหม่มิดีกว่าหรือ จะได้ไม่ถูกผู้คนนำไปติฉินนินทาลับหลังเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อพูดด้วยความจริงใจ
แต่เมื่อเสียงของนางเพิ่งสิ้นสุดลง ซูจิ้งเถียนก็จ้องถลึงตาโต “เดี๋ยว พี่สาม วาจานี้ของเ้าหมายความว่าอะไร?”
เป็ต่อว่านางพฤติกรรมไม่ดีจึงนำให้จวนอัครมหาเสนาบดีเกิดเื่แบบนั้นหรือ?
จะเอาเื่ทุกอย่างมาต่อว่าโทษถึงบนศีรษะนาง?
“น้องสี่อย่าเข้าใจผิดไป วาจานี้ของข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่ว่ากันไปตามสถานการณ์ ข้าก็หวังดีต่อจวนอัครมหาเสนาบดีของเราด้วย” ซูเฟยซื่อรีบแกล้งลนลานอธิบาย
หลังจากฟังวาจานี้จบ ซูจิ้งเถียนอดไม่ได้ยิ่งโกรธ “ว่ากันไปตามสถานการณ์อะไร เห็นชัดๆ ว่าเป็การบิดเบือนความจริง ท่านพ่อ ท่านเพียงให้สวนปี้หวินแห่งหนึ่งเป็รางวัลแก่พี่สาม พี่สามก็โอหังเช่นนี้ วันหน้าจะทำอย่างไร?”
“ท่านพ่อ ถ้าน้องสี่ไม่เต็มใจก็ลืมไปเถิด ถือว่าวาจาเมื่อครู่ เฟยซื่อไม่ได้พูดมาก่อน ไม่ว่าโลกภายนอกจะประเมินจวนอัครมหาเสนาบดีของเราอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็ความสามัคคีในครอบครัวเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อไม่ได้พูดกับซูจิ้งเถียนต่ออย่างดูถูกโดยสิ้นเชิง เบนสายตาหันไปมองซูเต๋อเหยียนโดยตรง
แต่นางจงใจชี้ให้เห็นว่าไม่ว่าโลกภายนอกจะพูดประเมินอย่างไร
อะไรเป็สิ่งที่ซูเต๋อเหยียนเห็นว่าสำคัญที่สุด
ไม่ใช่ชื่อเสียงหรอกหรือ!
คิดขึ้นมาได้ว่าวันนั้นซูจิ้งเถียนเกือบจะทำเอาจวนอัครมหาเสนาบดีขายหน้าในพิธีชุมนุมการแข่งม้า ในที่สุดยังเป็ซูเฟยซื่อออกโรงจึงกู้หน้ากลับมาได้ ซูเต๋อเหยียนพลันรู้สึกว่าข้อเสนอนี้มีความจำเป็มาก “เื่นี้มอบให้เ้าจัดการเถิด ไม่ต้องกังวลเื่เงินทอง เชิญแม่เฒ่าที่ดีที่สุดในเมืองหลวงมาได้เลย”
“เ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกรีดยิ้มเ้าเล่ห์ที่มุมปาก
คราวนี้จวนอัครมหาเสนาบดีได้มีละครสนุกให้ดูอีกแล้ว
“คุณหนู ข้าวของของท่านก็ไม่มาก ที่สามารถนำมาก็เอามาหมดแล้ว ที่เหลือให้บ่าวช่วยจัดเก็บเถิดเ้าค่ะ วันนี้ท่านเหนื่อยมากด้วย หนำซ้ำบนร่างยังมีาแ มิสู้กลับไปพักผ่อนที่ห้องดีกว่าไหมเ้าคะ?” ซางจื่อเสนอ
ซูเฟยซื่อเหลือบตากวาดมองสวนปี้หวินคราหนึ่ง พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้อง
ไม่คิดว่านางเพิ่งเข้าไปในห้อง อวี้เสวียนจีก็แวบเข้ามาราวกับภูตผี กึ่งพิงข้างเตียงไว้หัวเราะอย่างเกียจคร้าน “สวนปี้หวินนี้ไม่เสียทีที่เป็รางวัลของซูเต๋อเหยียน สะดวกสบายขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยตามที่คาด”
“ล้วนพึ่งบารมีของท่านอ๋องเก้าพันปี” ซูเฟยซื่ออึ้งไปแล้ว แต่ยิ้มตอบทันทีอย่างได้สติ
“นังหนู เ้าว่าเ้าควรขอบคุณข้าอย่างไร?” อวี้เสวียนจีเลิกคิ้ว ดวงตาหงส์เบิกกว้างสวยงามจนผู้คนตกตะลึง
นังหนู... ทำไมคำเรียกนี้ถึงทำให้นางรู้สึกขนลุกทั่วกันนะ? ฟังเหมือนตาแก่น่าขยะแขยงกำลังะโเรียกสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างนั้นแหละ
ทว่าว่าซูเฟยซื่อไม่ได้เป็สาวน้อยไร้เดียงสา นางกระตุกยิ้มที่มุมปาก “สิ่งที่ข้ามี ท่านอ๋องเก้าพันปีก็มีด้วย สิ่งที่ข้าไม่มี ท่านอ๋องเก้าพันปียังมี ท่านคิดให้ข้าตอบแทนเช่นไร?”
อวี้เสวียนจีไม่กล่าวให้มากความ โยนสิ่งหนึ่งเข้าไปในอ้อมอกของซูเฟยซื่อ นางหยิบขึ้นดู เห็นเป็สมุดเล่มเล็กที่บันทึกชีวิตประจำวันของบรรดาคุณหนูในจวนอัครมหาเสนาบดี
อวี้เสวียนจีคิดอยากให้นางเห็นอันนี้?
โดยไม่รอให้ซูเฟยซื่อเปิดออก เสียงของอวี้เสวียนจีก็ดังแว่วมา “เปิดหน้าเมื่อวานซืนดูสิ”
หน้าเมื่อวานซืน? นั่นไม่ใช่เป็หน้านั้นที่เหยียนเอ๋อร์ใส่ร้ายนางกับชุยเผิงเฉิงพบกันเป็ส่วนตัว?
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้ว แต่ก็ยังเปิดออก เปิดครานี้เกือบทนไม่ไหวแทบพุ่งบีบคออวี้เสวียนจีให้ตาย