หิมะโปรยปราย
ทหารสองนายกำลังแบกห่อผ้าขนาดใหญ่เดินไปทางพื้นที่ที่แทบจะไร้เงามนุษย์อาศัยอยู่
เมื่อเดินไปจนไม่มีผู้ใดแล้ว นายทหารทั้งสองก็เหวี่ยงห่อผ้านั้นลงพื้น ระหว่างที่ถูมือให้คลายหนาวอยู่ ก็กล่าววาจาผรุสวาทขึ้นเสียงดัง
“ซวยยิ่งนัก เมื่อวานดันแพ้ไพ่เสียได้ วันนี้ข้าจึงต้องมาทำเื่อัปมงคลเหล่านี้”
เมื่อห่อผ้านั้นตกลงกระทบพื้น เชือกที่เคยพันรัดมันไว้ก็ขาดออก ทันใดนั้นมือสีดำข้างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากห่อผ้านั้น
แท้จริงแล้วห่อผ้าที่ทหารหนุ่มทั้งสองเพิ่งโยนลงพื้นนั้นมีร่างมนุษย์อยู่ด้านใน
“รีบเดิน รีบเดิน ร่างนี้เริ่มเน่าแล้ว หากไม่รีบเดิน เกิดติดโรคขึ้นมาจะแย่กันหมด”
ศพในพื้นที่รกร้างห่างไกลเช่นนี้ไม่จำเป็ต้องจัดการอะไร เพียงแค่นำมาทิ้งไว้กลางทุ่งหญ้า เดี๋ยวก็จะมีหมาป่ามาคาบไปเอง กระทั่งเศษกระดูกก็ไม่เคยเหลือไว้
วันนี้อากาศหนาวจับใจ ทหารทั้งสองจึงพากันอู้ ทว่าพวกเขาก็วางใจเ้าหมาพวกนั้นไม่ได้ ไม่นานเงาของคนทั้งสองก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ง่ายเลยก็พวกเขาจะมีวันหยุดเช่นนี้ ทั้งสองจึงได้รีบร้อนกลับไปนัก
ชีวิตของทหารชายแดนเช่นพวกเขายากลำบากนัก เพียงทำงานอย่างเดียวย่อมไม่มีเนื้อให้กิน
แคว้นเชินให้ความสำคัญเื่บุ๋น แต่ไม่ให้ความสำคัญเื่บู๊
เงินเดือนและเสบียงปกติของทหารกว่าจะมาถึงพวกเขา ก็ถูกขูดรีดไปโดยพวกขุนนางเป็ทอดๆ เมื่อตกมาถึงพวกเขาก็แทบจะไม่เหลืออะไร
ยามฤดูหนาวกระทั่งเสื้อผ้าอุ่นๆ ก็ยังไม่มีใส่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารดีๆ
พวกปัญญาชนแม้จะกล่าวว่าไม่มีแม้แต่แรงจะฆ่าไก่ ทว่าพูดถึงเื่ความโลภและความเหี้ยมโหดนั้นกลับไม่เป็รองใคร
เื่โลภเงินเดือนพวกเขานั้นก็แล้วไปเถิด ทว่ากระทั่งพื้นที่จะทุบตีกันก็ยังไม่เหลือไว้ให้พวกเขา
ทหารอย่างพวกเขานั้นแม้จะขาดอาหาร ทว่ามีอย่างหนึ่งที่ไม่เคยขาด นั่นคือสตรี
เหล่าครอบครัวของขุนนางทรราช เมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็ฮูหยินใหญ่มาจากที่ใด หรือคุณหนูสูงส่งขนาดไหน หากยังอยู่ในเมืองหลวงก็ล้วนถูกขายไปเป็ทาส หรือไม่ก็ไปทำงานค้าขายเนื้อหนังให้พวกคนชั้นสูง ส่วนเหล่าคนร้ายและคนชราไร้สมรรถภาพก็จะถูกส่งมาที่นี่
ทหารที่กระทั่งข้าวยังกินไม่อิ่ม เื่สตรีจะไปหวังอะไรมากมายได้ แค่มีหญิงสาวสักคนก็พอแล้ว
เพียงแต่สตรีในครอบครัวนักโทษที่ถูกส่งมาที่นี่ไม่นับว่างดงามนัก แต่เนื้อหนังก็...เพียงแต่ว่าเหล่าสตรีเนื้อนุ่มนิ่มพวกนี้กลับไม่ค่อยทนทานเท่าไรนัก
นายทหารสองคนรีบร้อนกลับไปให้เร็วที่สุด เพราะแทบรอไม่ไหวที่จะได้ดับไฟเร่าร้อนในกาย ทั้งได้กำจัดกลิ่นอายอัปมงคลบนกายสักหน่อย
ทั้งสองรีบเร่งเดินทางไปยังกระท่อมเตี้ยที่เรียงเป็แถวยาวนอกค่ายทหาร
แม้จะกล่าวว่าเป็ค่ายทหาร แต่ความจริงแล้วเป็เพียงแค่ป้อมซอมซ่อเท่านั้น
หน้าหนาวในชายแดนนั้นแสนทรหด บัดนี้ก็เข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง เหล่าทหารที่คิดจะเดินทางมาตีแคว้นจิงก็แค่เกียจคร้านเกินกว่าจะมาที่นี่ เช่นนั้นพวกเขาเองจึงเอาแต่เที่ยวเตร่ทั้งวันเช่นกัน
แม้จะบอกว่าพวกเขาคือทหารชายแดน แต่ความจริงแล้วกลับคล้ายว่าถูกเนรเทศมาเสียมากกว่า อีกทั้งที่กล่าวกันว่ากระท่อมหลังเตี้ยที่เรียงกันอยู่นั้น ความจริงแล้วก็ออกจะกล่าวเกินจริงไป ที่นี่ไม่อาจเรียกว่ากระท่อมด้วยซ้ำ เป็เพียงเพิงไม้มีหลังคามาบังไว้ส่งๆ เท่านั้น
ครอบครัวของเหล่าขุนนางทรราชที่โดนเนรเทศมาก็ล้วนแล้วแต่มีสภาพชีวิตเช่นนี้
สำหรับพวกเขาแล้วที่นี่ราวกับนรกบนดินก็ไม่ปาน ทั้งยังน่ากลัวกว่านรกจริงๆ ด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนต่างก็ใส่ผ้าไหมสวมหยกกัน เมื่อมาถึงที่นี่เสื้อผ้าก็มีแต่ที่ไม่พอดีกาย อาหารก็ไม่เคยได้กินอิ่ม ทั้งความหิวและความหนาวล้วนแต่บีบคั้นเข้ามา
แม่นางทั่วไปหากมีคนมาเอาชั้นในของตนไปคงจะได้ฆ่าตัวตายด้วยความอับอาย ทว่าแม่นางที่นี่กระทั่งชั้นในก็ไม่มี ทุกวันยังมีคนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาไม่เคยขาด
พวกนางรู้สึกราวกับว่าตนไม่ใช่คน เป็เพียงซากศพที่เดินได้เท่านั้น
นายทหารสองนายที่เพิ่งจะกระหืดกระหอบมาถึง เห็นว่ากระท่อมไม้หลังเตี้ยที่เคยคึกคักอยู่เสมอวันนี้กลับไม่มีคน
ยามปกติหน้าประตูจะต้องมีคนเข้าแถวรอยาวเป็พรวน กระทั่งมีบางคนแอบแทรกแถวจนเกิดเื่ต่อยตีกันก็มี ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่เงา
นายทหารจึงได้กระชากคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มาถาม “นี่ พวกหญิงสาวไปไหนกันหมด”
“ท่านอย่าพูดถึงเื่นี้อีกเลย เหล่าแม่นางเพิ่งโดนพวกขุนนางสุนัขในตัวอำเภอมารับตัวไปหมดแล้ว” นายทหารที่โดนกระชากมากล่าวขึ้นด้วยความเคียดแค้น
“ใต้เท้าของพวกเราก็เห็นด้วยหรือ” ทหารหนุ่มถามขึ้นด้วยความใ
“ถึงอย่างไรใต้เท้าก็ไม่ใช้บริการแม่นางพวกนี้อยู่แล้ว เมื่อเ้าพวกขุนนางสุนัขนั่น้าคนขึ้นมา ทั้งยังอาจจะให้เงิน ใต้เท้าของพวกเราก็ยากจนจนแทบจะกินคนอยู่รอมร่อ เมื่อให้เงินแลกคนเช่นนี้ก็ย่อมต้องยินยอมอยู่แล้ว เฮ้อ วันนี้พวกเ้าสองคนเอาร่างคนตายไปทิ้ง หากรออีกสักหน่อยไม่แน่ว่าคนตายก็อาจจะแลกเงินได้เช่นกัน ข้าเสียดายแทนพวกเ้านัก”
ทหารหนุ่มยังไม่อยากเชื่อเื่ที่ได้ยินเมื่อครู่ จึงได้วิ่งวุ่นเข้าออกกระท่อมเพื่อตามหาสตรี ทว่ากระทั่งหญิงชราขาสั้นนางนั้นก็ยังไม่อยู่แล้ว
เ้าขุนนางสุนัขนั่นจนตรอกถึงเพียงนี้เลยหรือ กระทั่งหญิงชราก็ยังไม่ละเว้น
นายทหารที่กำลังก่นด่าเหล่าขุนนางอย่างเผ็ดร้อน ทว่าเมื่อได้ยินใต้เท้ากล่าวว่าจะมอบเสื้อนวมให้คนละตัว เหล่าชายหนุ่มจึงได้สงบคำลง
แม้จะมีหรือไม่มีแม่นางเ่าั้แล้ว แต่นิ้วมือทั้งห้าของพวกตนก็ยังพอแก้ขัดได้อยู่ ทว่ายามเหมันต์ที่หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจเช่นนี้หากไม่มีอาภรณ์ติดกาย เช่นนั้นก็มีแต่จะได้แข็งตายจริงๆ
เหล่าทหารหนุ่มเมื่อมองไปที่กระท่อมที่ว่างเปล่าก็พลันกระชับอาภรณ์เนื้อบางเก่าๆ ของตน ยามลมโบกพัดก็หนาวจนต้องหดคอแล้วจึงล้อมวงเล่นไพ่พลางสนทนากันต่อ ในใจยังรอคอยให้มีครอบครัวขุนนางทรราชส่งมาอีก ทั้งยังหวังว่าไอ้พวกขุนนางสุนัขเ่าั้จะไม่มาของซื้อคนไปอีกเช่นกัน...
ท่านนายอำเภอเฉินเพิ่งจะเคยโดนเรียกว่าขุนนางสุนัขเป็ครั้งแรกในชีวิต จึงได้เกิดสงสัยในแว่นแคว้น การทำงาน กระทั่งชีวิตของตนขึ้นมา
เขาเป็ขุนนาง ทั้งยังเป็ขุนนางในราชสำนัก การศึกษาก็เล่าเรียนจนจบมาจากสำนักเชิน
แน่นอนว่าเขาไม่ควรลงไปคบค้าสมาคมกับทหารเ่าั้
ในแคว้นเชิน ห่วงโซ่อาหารของขุนนางก็คือเหล่าคนที่เข้าไปเล่าเรียนแล้วรั้งท้าย ไม่ผ่านเกณฑ์ หรือไม่อาจสอบเข้าสำนักเชินได้
เช่นนั้นเกรงว่ากระทั่งชายที่นายทหารพากันเรียกว่าใต้เท้า ในสายตาของท่านนายอำเภอเฉินก็คงเป็เพียงคนขี้แพ้คนหนึ่งที่ไม่ควรค่าแก่การลดตัวลงไปคบค้า เพราะความจริงแล้วพวกเขานั้นแตกต่างกันมากนัก
ทหารที่มีอยู่เต็มค่ายพวกนี้ล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ ให้จับโจรก็แพ้โจร ยิ่งกับข้าศึกยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะรบชนะ
ดีแต่ขูดรีดราษฎร แก่งแย่งเสบียงอาหาร
แต่ไหนแต่ไรมาท่านนายอำเภอเฉินจึงไม่เคยคบค้าสมาคมกับพวกเขา หากเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงไม่ไปพัวพันด้วย เื่นี้เป็เื่ที่ศิษย์พี่ของเขาเคยสอนไว้ั้แ่ก่อนเขาจะต้องเดินทางมาประจำอยู่ที่อำเภอิเหอ
ทว่าครั้งนี้เพื่อตอบแทนบุญคุณที่หมู่บ้านไป๋กู่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ท่านนายอำเภอที่รับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้ จึงได้ยอมฝืนใจมาติดต่อกับทหารเหล่านี้ หมู่บ้านไป๋กู่ยัง้าเพียงสตรีจำนวนหนึ่งเข้ามาช่วยทำงาน อีกทั้งพวกเขาก็ยังยินดีจะจ่ายค่าแรงให้
เื่นี้สำหรับใต้เท้าเฉินจึงนับว่าง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ ทว่ายามนี้เขาเพิ่งจะพบว่าค่ายทหารนั้นช่างราวกับนรกโดยแท้ กระทั่งมารดาชราของอาจารย์ท่านหนึ่งก็ยังถูกส่งมาที่นี่
ช่างทำให้เขารู้สึกละอายเหลือเกิน
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากการดูแลของเขานัก หากว่ากันตามตรงก็ยังเป็พื้นที่ที่เขาต้องดูแล
น่าเศร้านักที่ยังมีเื่ทารุณมนุษย์เช่นนี้เกิดขึ้น
ทว่าเหตุการณ์น่าะเืใจที่เกิดขึ้นความจริงแล้วก็ไม่ได้มีสาเหตุมาจากเหล่าทหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกทหารนี้แม้จะหยาบช้า ตำแหน่งก็ต่ำต้อยนัก คนที่จะเนรเทศให้คนเหล่านี้มายังที่แห่งนี้ได้มีเพียงขุนนางเท่านั้น
ท่านนายอำเภอเฉินเดิมทีไม่อยากจะให้เงินพวกขุนนาง ทว่าเมื่อเห็นสภาพของคนเหล่านี้ก็จำต้องหลับตาให้เงินไปเสีย อย่างน้อยก็ถือว่าซื้อตัวพวกเขามา
แต่เมื่อต้องส่งคนที่เพิ่งซื้อตัวมาขึ้นไปยังหมู่บ้านไป๋กู่ ท่านนายอำเภอก็นึกเสียใจภายหลังขึ้นมา
เขาเองเป็คนตกปากรับคำเด็กหญิงว่าจะช่วยจัดหาคนมาเป็แรงงานเสริมให้ ทว่าสตรีเต็มคันรถด้านหลังเขานี้มีคนใดบ้างเล่าที่สามารถทำงานได้ สภาพแต่ละคนนั้นราวกับจะไปเยือนประตูผีอยู่รอมร่อ เกรงว่ากลับจะเป็การนำคนเหล่านี้ไปเพิ่มภาระให้พวกนางเสียเปล่าๆ
ทว่าสภาพแม่นางเหล่านี้หากไม่เคยเห็นก็แล้วไปเถิด ทว่าเมื่อเห็นแล้วจะให้เขาปล่อยไปตามยถากรรมก็ทำไม่ลง
เื่ที่เขาทำในวันนี้ หากเขียนเล่าให้สหายอ่านจะต้องโดนด่าเสียจนหูชาเป็แน่
เดิมทีเขาเพียงอยากถือโอกาสช่วยเหลือเื่เล็กน้อยเท่านั้น ทว่าบัดนี้เขากลับทำตัวราวกับกำลังนำแผ่นฟ้ามาอุดรอยรั่วก็ไม่ปาน ทั้งยังเป็รอยรั่วเล็กๆ เท่านั้น
ไม่นานนักเขาก็รู้สึกว่าลมที่พัดเข้าในรถม้าเปลี่ยนไป ลมที่พัดเข้ามาทำให้ทั้งหัวใจและความคิดของเขาพลันขมวดเป็ปม
รถม้าก็พลันส่งเสียง “ตึงตัง” แล้วหยุดลง
เสียงนี้มารบกวนความคิดของท่านนายอำเภอเฉินให้หลุดจากภวังค์ ทั้งยังทำให้เขาใจสั่นขึ้นมา
คราวที่แล้วที่เกิดเื่เขาก็ได้รับบทเรียนไปแล้ว บัดนี้ยามปรากฏตัวจึงระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง แน่นอนว่าครั้งนั้นเขาก็ได้ลงโทษจู่ปู้อู๋ให้เข้าคุกไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น” ชายชราพลันขมวดคิ้วถาม
“รายงานนายท่าน พบคนอยู่บนถนนขอรับ” เ้าหน้าที่หนุ่มตอบอย่างระมัดระวัง
พวกเขาเคยนึกดูถูกใต้เท้าเฉินมาโดยตลอด เพราะวันๆ ไม่เคยเห็นเขาทำอันใด เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องอ่านตำราทั้งวัน
ไม่คาดคิดว่าเกิดเื่ครั้งนี้ ครอบครัวของจู่ปู้อู๋สักคนก็ไม่ละเว้น ล้วนส่งให้สำเร็จโทษตายทั้งหมด
ปัญญาชนยามแก้แค้นช่างไร้ความปรานี ยังไม่ทันข้ามคืนก็จัดการเสียจนสิ้นซาก
ท่านนายอำเภอเฉินค่อยๆ แหวกม่านขึ้นดูด้านนอก เห็นว่าบทพื้นนั้นมีร่างที่ถูกห่อไว้อยู่ร่างหนึ่ง ชายชรากำลังจะอ้าปากเอ่ยกับลูกน้องของตนพลันะโโหยงไปอยู่อีกฟากหนึ่ง ในใจภาวนาว่าอยู่กลางป่ากลางเขาเช่นนี้ขออย่าได้มีเื่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเลย
ทว่าเขาก็หันไปเห็นว่าม่านหน้าต่างของรถม้าคันหลังก็แหวกออกเช่นกัน หลังม่านคือหญิงชราที่กำลังตาเบิกโพลงมองร่างบนพื้น
ใบหน้าของท่านนายอำเภอพลันกระตุก
ใบหน้าเข้มงวดเช่นนี้ของหญิงชราเขาเคยเห็นมาก่อน ตอนที่เขายังเป็บัณฑิตหนุ่มเขายังเคยติดตามท่านอาจารย์ใหญ่ไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดนาง ตอนนั้นหญิงชราตรงหน้าก็นั่งอยู่ตรงข้ามตน
ชายชราจึงโบกมือขึ้นให้คนเก็บร่างนั้นเก็บไว้บนรถคันหลัง
ถึงอย่างไรบนรถคันนั้นก็มีแต่คนอมโรคไม่ต่างอันใดกับคนตาย เพิ่มคนที่จะตายก็ยังไม่ตายเพิ่มสักคนหนึ่งคงจะไม่เป็อะไร
จากนั้นรถม้าจึงออกเดินทางต่อ ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงยามล้อรถม้าบดไปบนถนนเท่านั้นที่ดังขึ้นมา
ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านไป๋กู่ ท่ามกลางผืนหิมะ มีูเาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ หน้าูเามีป้ายใหญ่แขวนชื่อหมู่บ้านไป๋กู่เอาไว้
มีเพียงสี่ตัวอักษรเท่านั้น ลายมือบนป้ายก็ได้ท่านนายอำเภอเฉินเป็คนเขียนขึ้น