สองวันมานี้ดูเหมือนเสิ่นเยี่ยนจะยุ่งมาก เมื่อคืนถ้าไม่ใช่เพราะกู้เจิงพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคงไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนกลับมาแล้ว คืนนี้ก็เหมือนกัน ตอนที่นางกับกู้เหยาทานอาหารเย็น เขาก็ยังไม่ได้กลับมา
“พี่ใหญ่ ท่านประหยัดเกินไปแล้วกระมัง ท่านเป็ถึงฮูหยินขั้นสองเลยนะเ้าคะ” กู้เหยามองอาหารบนโต๊ะที่เป็อาหารที่เหลือมาจากหอถงชุนเมื่อตอนเที่ยง
“ความประหยัดไม่เกี่ยวกับระดับขั้น” กู้เจิงพูดไปกินไป
“อาหารที่ต้มแล้วต้มอีกจะกินได้ยังไงเ้าคะ” กู้เหยากินไม่ลง
กู้เจิงคีบอาหารใส่ในชามของกู้เหยา “อาหารถูกคีบใส่ชามแล้ว เ้าจะกินไม่กิน?”
กู้เหยาจำใจกินอย่างไม่เต็มใจ
“ดูท่าทางเ้าสิ ถ้าทนไม่ได้ก็ไปอยู่ที่จวนตวนอ๋องเถอะ ที่นั่นต้องมีแต่ของอร่อยให้เ้าเป็แน่” กู้เจิงกินอาหารต่ออย่างไม่สนใจนาง
“ข้าไม่ไปหรอกเ้าค่ะ” กู้เหยารีบกินอาหารคำใหญ่
กู้เจิงแปลกใจ กู้เหยากับกู้อิ๋งสนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมนางถึงไม่อยากไปหา “พี่ใหญ่ไม่รู้อะไร ั้แ่พระสนมซูประทานนางกำนัลให้ตวนอ๋อง พี่สามก็อารมณ์ไม่ดี ข้าไหนเลยจะกล้าไปรบกวนนางเ้าคะ”
กู้เจิงสบถด่าผู้ชายเฮงซวยในใจ
หลังแยกย้ายกันไปพัก กู้เจิงก็ส่งซู่หลันไปคอยรับใช้กู้เหยา นางไม่มีอะไรทำจึงเอาหนังสือมาอ่านรอเสิ่นเยี่ยน
ห้องนอนนี้มีหน้าต่างสองบาน บานหนึ่งเปิดออกไปทางลานหน้าบ้าน ส่วนอีกบานเปิดออกไปเป็ลานด้านหลัง กู้เจิงได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหน้าต่างที่อยู่ใกล้กับลานหลังบ้าน เหมือนจะเป็เสียงใครเหยียบกิ่งไม้
กู้เจิงแปลกใจลานหลังบ้านนี้ไม่ควรจะมีใครมาเดินในเวลานี้ นางพลางก้าวเท้าออกไปทางนอกห้องอย่างเงียบเชียบ ขณะที่มือของนางััขอบประตู หน้าต่างที่ใกล้กับลานด้านหลังก็เปิดออกอย่างเงียบๆ นางสบเข้ากับดวงตาเยือกเย็นคู่หนึ่ง
กู้เจิงร่างกายแข็งทื่อ นางมองชายชุดดำผู้นี้อย่างเ็า “เ้าเป็ใคร?”
ชายชุดดำคนนั้นกำก้อนหินไว้ในมือ ขอเพียงผู้หญิงคนนี้เปิดปาก เขาจะปาหินใส่นางทันที “ถ้าเ้าอยากพบหวังซู่เหนียงก็จงตามข้าไป”
ซู่เหนียงหรือ? กู้เจิงใ “ เ้าจับซู่เหนียงของข้าไปงั้นหรือ?”
“ไปกับข้าก็จะรู้เอง”
“ข้าไม่เชื่อ”
ชายชุดดำล้วงกำไลหยกออกมาจากอกเสื้อ “นี่ถอดมาจากข้อมือของหวังซู่เหนียง”
กู้เจิงใ กำไลนี้นางกับซู่เหนียงซื้อมาจากร้านเครื่องประดับในวันนั้น ซู่เหนียงอยู่ในมือชายชุดดำคนนี้จริงๆ
“วางใจเถอะ ตอนนี้หวังซู่เหนียงยังปลอดภัย พวกเราจะไม่ทำร้ายท่าน แค่จะให้หวังซู่เหนียงตัดสินใจเท่านั้นเอง”
พวกเราหรือ? ในใจของกู้เจิงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เหตุใดซู่เหนียงถึงถูกลักพาตัวไปได้โดยง่ายขนาดนี้? “เ้าเป็คนของเยี่ยนจื่อเซี่ยนงั้นหรือ?”
“ฮูหยินน้อยเสิ่นฉลาดนัก”
ซู่เหนียงไม่ได้ออกไปนอกจวนมาสิบกว่าปี ไหนเลยจะมีศัตรู มีแต่ตอนที่ออกไปพร้อมกับนางครานั้นแล้วโชคร้ายพบกับเยี่ยนจื่อเซี่ยนเข้า แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังเดาออก “ข้าจะไปกับเ้า”
“เ้าจะไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ? ไม่กลัวข้าเป็กังวลหรือไง?” เสียงของเสิ่นเยี่ยนดังขึ้น ม่านในห้องด้านในถูกเขาเปิดออกก่อนเดินเข้ามา
ชายชุดดำใ เขาไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเสิ่นเยี่ยนเลย แม่ทัพเยี่ยนเคยสั่งให้เขาสืบหาประวัติของใต้เท้าเสิ่นผู้นี้ เขาสืบมาได้ว่าใต้เสิ่นพอเป็วรยุทธ์อยู่บ้าง แต่หากจะให้จัดหมวดหมู่ เขาจะต้องเป็ปัญญาชนอย่างแน่นอน จะมีจอมยุทธคนไหนบ้างที่หน้าตาขาวผ่องเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลิ่นอายดุดันจากร่างนี้ที่ไม่มีเลยสักนิด คิดไม่ถึงว่าวิชายุทธ์ของเขาจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
“ท่านพี่?” กู้เจิงดีใจมาก ใจที่ตึงเครียดคลายลงทันที นางโผเข้าไปหาเขาด้วยความดีใจ
เสิ่นเยี่ยนจับมือภรรยาเอาไว้แล้วถามชายชุดดำ “ยังมัวยืนอึ้งอยู่ทำไม? ไม่ใช่ว่าต้องไปพบแม่ทัพเยี่ยนหรอกหรือ? นำทางไปสิ”
รถม้าวิ่งทะยานออกไปนอกเมือง และไม่ใช้ทางที่ใช้กันตามปกติ แต่เมื่อมีเสิ่นเยี่ยนอยู่ กู้เจิงก็ไม่กังวลอะไรแล้ว
“นี่เป็ทางลัดที่องครักษ์เงาในวังใช้ออกไปทำภารกิจ” เขาอธิบายเมื่อเห็นกู้เจิงแหวกม่านหน้าต่างออกไปมองด้านนอก
“ท่านรู้ได้ยังไง?” ประโยคนี้ กู้เจิงกับชายชุดดำถามขึ้นพร้อมกัน
บนหน้าของชายชุดดำฉายแววไม่สบายใจ
เสิ่นเยี่ยนยิ้มให้ภรรยาและพูดว่า “มีคนนอกอยู่ด้วย กลับบ้านไปแล้วข้าจะบอกเ้า”
กู้เจิงพยักหน้า
ชายชุดดำ “...”
รถม้าแล่นเข้าไปในค่ายทหารที่อยู่นอกเมือง
กู้เจิงเคยไปค่ายทหารนอกเมือง แต่ค่ายทหารที่เตรียมไว้สำหรับทำานี้เป็ครั้งแรกที่ได้เห็น มีทหารยืนเฝ้ายามและลาดตระเวนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
กู้เจิงเห็นหวังซู่เหนียงอยู่ในกระโจมของเยี่ยนจื่อเซี่ยน ซู่เหนียงกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น พอนางเห็นบุตรสาวก็หยุดร้องไห้ทันที นางยกมือเรียวงามขึ้นชี้ไปยังเยี่ยนจื่อเซี่ยนที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าฉุนเฉียว “ท่านจับมัดเจิงเอ๋อร์มาจริงๆ หรือ?”
“ซู่เหนียง?” กู้เจิงรีบวิ่งไปหาหวังซู่เหนียงเพื่อดูว่านางาเ็หรือไม่
เยี่ยนจื่อเซี่ยนสวมเสื้อเกราะเหล็ก ใบหน้าเด็ดเดี่ยวดูเ็ากว่าปกติหลายส่วน “หากมัดนางมาจะสบายถึงเพียงนี้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยอีก”
เสิ่นเยี่ยนประสานมือคารวะเยี่ยนจื่อเซี่ยน ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ท่านแม่ทัพเยี่ยนเป็แม่ทัพพิทักษ์แคว้น ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประชาชนรักใคร่ การกระทำราวกับโจรในคืนนี้ ไม่ทราบว่าแม่ทัพเยี่ยนจะแก้ตัวอย่างไรขอรับ?”
“ข้าแค่เชิญฮูหยินของเ้ามาคุยกับสตรีคนนี้เท่านั้น หลังจากสนทนากันเสร็จก็จะปล่อยไป” เยี่ยนจื่อเซี่ยตอบเรียบๆ
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน นี่ท่านหมายความว่ายังไง?” กู้เจิงถลึงตาใส่เยี่ยนจื่อเซี่ยน
“าที่เิเป่ย้าความช่วยเหลือด่วน พรุ่งนี้ข้าจะต้องออกจากค่ายกลับไปเิเป่ย และข้าจะพาหยวนซิ่วเอ๋อร์หรือก็คือซู่เหนียงของเ้าไปด้วย นางเป็ห่วงเ้า ข้าก็เลยส่งคนไปเชิญเ้ามา” เขาอธิบายง่ายๆ
“ท่านว่าอะไรนะ?” กู้เจิงสับสนไปหมด
เสิ่นเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน พรุ่งนี้ท่านต้องแต่งงานนะเ้าคะ” บุรุษคนนี้รู้หรือไม่ว่าซู่เหนียงเป็คนของจวนกู้
“ข้าได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว เิเป่ยถูกโจมตี ข้าจะต้องขึ้นเหนือในทันที ไม่รู้ว่าปีใดถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีก พิธีแต่งงานตอนนี้ถูกยกเลิกแล้ว และฮ่องเต้ก็ทรงเห็นชอบแล้ว” เยี่ยนจื่อเซี่ยนบอกกับกู้เจิงและเสิ่นเยี่ยน แต่ดวงตาเขากลับจ้องไปที่หวังซู่เหนียง
กู้เจิงมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือเ้าคะ?”
“มีอะไรยากเล่า?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนถามกลับ
กู้เจิงอึ้งไปหมด เื่ราวทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก นางไม่ได้เตรียมใจกับเื่แบบนี้เลย “แต่ซู่เหนียงของข้าไม่เหมือนท่าน นางเป็อนุของจวนกู้ ถ้าจู่ๆ นางก็หายตัวไปแล้วข้าจะบอกกับทุกคนอย่างไร?”
หวังซู่เหนียงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างสุดชีวิต นางไม่อยากไปเิเป่ยสักนิด แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว แถมยังต้องไปกับบุรุษผู้นี้อีก
“หายก็คือหาย กู้หงหย่งสามารถแจ้งทางการได้ แต่คงไม่มีวันหานางเจอ นอกจากนี้ หากไม่ใช่เพราะเ้าแต่งงานกับเสิ่นเยี่ยน เกรงว่าการที่อนุคนหนึ่งหายตัวไป อย่างมากสุดเขาก็คงเตรียมการป้องกันในจวนให้มากขึ้น ส่วนเื่ตามหาคน ก็คงทำไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าหากเขาตั้งใจตามหาอย่างจริงจัง นั่นก็คงเป็พราะ้าจะเอาใจเ้า” เยี่ยนจื่อเซี่ยนพูดอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะมองไปทางหวังซู่เหนียงอย่างเคียดแค้นชิงชัง สตรีนางนี้ตาบอดหรือไง ถึงได้หาชายที่ไม่รักถนอมนางเลย
กู้เจิงอยากจะด่าออกมาสักสองสามประโยค แต่นางกลับพ่นไม่ออกสักคำ เขาพูดได้ถูกเสียเหลือเกิน