ทุกคนหันกลับไปมอง พบว่าเป็เพื่อนร่วมสาขาของจ้าวเถี่ยจู้และหลีหลิงเอ๋อร์ที่ชื่อกัวจิ้งนั่นเองแถมยังคล้องแขนมากับชายหนุ่มที่ขับรถออดี้ Q5 ที่เคยอาสาจะพาหลีหลิงเอ๋อร์ไปส่งด้วยเมื่อชายหนุ่มเห็นหลีหลิงเอ๋อร์และหญิงสาวอีกสองคนแววตาก็พลันเป็ประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง เป็สามสาวสวยที่มีบุคลิกแตกต่างกันมากปกติเจอแค่หนึ่งคนก็ว่าโชคดีแล้ว แต่นี่เจอถึงสามคนเลยทีเดียวเขาคิดพลางซ่อนแววตาเป็ประกายเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกัวจิ้ง
“ว่าไงหลีหลิงเอ๋อร์ มาซื้อรถหรือ” กัวจิ้งทักทายอย่างยินดีต่างจากตอนที่อยู่มหาลัยที่เ็าอย่างลิบลับจากนั้นจึงค่อยหันทักจ้าวเถี่ยจู้อย่างใราวกับเพิ่งเห็นอย่างไรอย่างนั้น “จ้าวเถี่ยจู้ นายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ นี่พวกเธอ...”
“พวกเรามาซื้อรถ จ้าวเถี่ยจู้เป็แฟนของฉันเอง” หลีหลิงเอ๋อร์ยิ้มพร้อมกับตอบเสียงอ่อนหวานพลางเอามือขึ้นมาคล้องแขนจ้าวเถี่ยจู้
“มาซื้อรถจริงๆ งั้นเหรอ รุ่นอะไรล่ะ” กัวจิ้งถามด้วยสีหน้าสงสัย
“QQ น่ะ ไว้ขับไปมหาลัย” จ้าวเถี่ยจู้ตอบแทน
“QQ เนี่ยนะ? ถือเป็รถด้วยเหรอ” กัวจิ้งพูดอย่างไม่เชื่อพร้อมทั้งหันไปถามคนข้างตัว “ที่รัก QQ ก็ถือว่าเป็รถด้วยหรือคะ”
ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ กัวจิ้งยิ้มพร้อมทั้งพูดตอบ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยนั่งรถแบบนั้นด้วยแต่ผมว่าพวกคุณน่าจะซื้อคัมรี่มากกว่านะถือว่าใช้ได้ ราคาก็ไม่แพงด้วย”
ชายหนุ่มนี่เก่งจริงๆ พูดดูถูกคนโดยไม่พูดคำหยาบออกมาสักคำประโยคเมื่อสักครู่ฟังดูก็รู้ว่าเป็ประโยคที่้าจะสื่อว่าเขาไม่มีเงินเขาคิดพร้อมทั้งแอบเบ้ปาก คนที่ชอบคิดว่าตัวเองมีดีกว่าคนอื่นแบบนี้เขาไม่อยากยุ่งด้วยหรอก แต่ดูเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าไม่อยากปล่อยพวกเขาไปจึงพูดต่อ “พวกเราจะเข้าไปดูเบนซ์ที่ร้านโฟร์เอสพอดี ไปด้วยกันไหม” เหมือนจะเป็แค่ประโยคเชิญชวนธรรมดาแต่ถ้าคิดให้ดีมันเป็ประโยคอวดรวยของคนตรงหน้าต่างหากเขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดตอบออกไป “เบนซ์มันแพงไปไม่มีเงินซื้อหรอก ดูไปก็เท่านั้น” หลีหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างหยิกเขาเบาๆพร้อมทั้งแอบกระซิบกับเขา “ให้ความร่วมมือกับเขาเถอะอยากเห็นเราเป็ตัวตลกนักนี่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างคงจะพูดดูถูกพวกเราแบบนี้ไปอีกนาน”
ซูเยี่ยนนีที่ยืนอยู่อีกด้านเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็เดาออกในทันทีจึงเดินเข้ามาคล้องแขนเขาไว้อีกข้าง “ที่รัก ไปดูหน่อยก็ได้ค่ะ ไม่ได้เสียเงินสักหน่อย จริงไหมคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เหมือนไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่าย ในใจเขาก็รู้สึกสะใจเหลือเกินเป็ไงล่ะ มีเงินแล้วยังไง มีผู้หญิงล้อมรอบแบบเขาไหมละต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ทำแบบเขาไม่ได้หรอก
เขาซึมซับััที่แสนจะนุ่มนิ่มไปด้วย พร้อมกับพูดออกไปอย่างอย่างแมนๆ “ก็ได้ ไปดูก็ได้ เอ่อว่าแต่คุณชื่อ...”
“ผมชื่อเฉินเจ๋อ เรียนอยู่ปีสามสาขาธุรกิจ” ชายคนนั้นแนะนำตัวเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการถูกลืมอีกทั้งยังยิ้มแย้มจับมือทักทายกับเขาอย่างปกติ ส่วนกัวจิ้งที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มองไปที่หญิงสาวทั้งสองที่เมื่อมายืนอยู่ด้วยกันกับเธอแล้วทำให้เธอดูหมองไปในทันทีอย่างเคียดแค้นพลางคิดในใจรอให้ไปถึงที่โชว์รูมก่อนเถอะ จะจัดหนักให้ดู
ระหว่างที่พวกเขาเดินไปตามทางเฉินเจ๋อก็ไม่หยุดที่จะพูดอวดถึงความรู้ในเื่รถยนต์และความคิดเห็นของเขาที่มีต่อรถราคาแพงไม่ได้เช่นความเร็วของรถลัมโบกีนี่เป็ยังไงรวมถึงราคาของรถมาเซราติที่เขาถือว่าเป็รถที่มีราคาปานกลางพูดไม่หยุดไปตลอดทางเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็ผู้หญิงคนอื่นล่ะก็คงจะเสร็จไปนานแล้วแต่สามคนนี่ไม่ใช้ผู้หญิงธรรมดา หลีหลิงเอ๋อร์คุณพ่อเป็ถึงหัวหน้าฝ่ายวิจัยลับและเธอก็เป็นักวิจัยในทีมด้วย ซูเยี่ยนนีตำรวจสาวที่ขนาดหลีจื่อฉีที่เป็ถึงลูกชายของคนใหญ่คนโตในกรม เธอยังไม่สนใจเลยแล้วสุดท้ายเฉาจื่ออี๋ ไม่ต้องพูดถึงตัวตนที่ลึกลับของเธอแต่เธอเป็พวกใช้ศิลปะหากินนะ จะมาสนเื่แบบนี้ได้ยังไงเขาคิดพลางมองไปที่เฉินเจ๋อที่ยังคงพูดไม่หยุด ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักหน่อยมันจะดูทำลายความคาดหวังของสองสาวที่เกาะแขนเขาอยู่เกินไปคิดได้ดังนั้นเขาจึงกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด
“รุ่นพี่เฉินเจ๋อทำไมถึงรู้เยอะแบบนี้ครับ” จ้าวเถี่ยจู้ถามด้วยสายตาที่แสดงถึงความเลื่อมใสอย่างสุดกำลัง
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกผมมีเพื่อนที่ชอบเล่นรถอยู่บ้างแล้วที่บ้านก็มีอยู่หลายคัน เลยรู้เยอะเป็ธรรมดา” เฉินเจ๋อตอบอย่างถ่อมตัวพลางแอบคิดในใจว่าชายหนุ่มนั่นถามคำถามได้ดีจริงๆทีนี้เขาก็สามารถเล่าเื่ที่บ้านให้ฟังได้แล้วหญิงสาวสมัยนี้ดูที่ฐานะทางบ้านกันทั้งนั้นแหละ
ส่วนจ้าวเถี่ยจู้ก็แอบวางแผนอยู่ในใจเช่นกันตอนนี้เขาจะทำเป็เยินยอให้อีกฝ่ายให้ได้ใจก่อน แล้วพอขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเมื่อไหร่พอถึงตอนนั้นไม่ตกลงมาตายให้มันรู้ไปสิ
ชายหนุ่มทั้งสองต่างแอบวางแผนอยู่ในใจพร้อมทั้งยิ้มให้กันราวกับเป็เพื่อนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน
“ที่บ้านรุ่นพี่มียี่ห้ออะไรบ้างหรือครับ” เขาโยนคำถามเยินยออีกฝ่ายไปอีกคำถามหนึ่ง
“ที่บ้านมีไม่เยอะหรอก พ่อของพี่มีบีเอ็ม 745 แม่พี่ขับเบนซ์ส่วนตัวพี่ชอบออดี้ Q5 น่ะเลยซื้อให้ตัวเองแล้วที่บริษัทก็ยังมีอีกสามสี่คัน” เฉินเจ๋อเล่าอย่างอารมณ์ดีพลางคิดว่าชายหนุ่มคนนี้นี่ถามได้ดีจริงๆ
“ว้าว รุ่นพี่มีรถหลายคันจัง มีบริษัทด้วย นี่รุ่นพี่เปิดบริษัทเองเหรอครับ”
จ้าวเถี่ยจู้เป็คนโปรดของเขาจริงๆ เฉินเจ๋อคิดพลางตอบอย่างถ่อมตัว “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ตั้งมานานแล้ว รายได้ก็ถือว่าใช้ได้อยู่” กัวจิ้งที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มพร้อมทั้งพูดอวด“บริษัทของอาเจ๋อมีทรัพย์สินเกือบล้านแหนะ”
จ้าวเถี่ยจู้ทำหน้าใอีกรอบ หลีหลิงเอ๋อและซูเยี่ยนนีเห็นเข้าก็ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มข้างตัวจะพูดชมอีกฝ่ายไปทำไมกันพร้อมทั้งเตรียมจะลากตัวชายหนุ่มไปคุยกันรอบนอกแต่หันไปเห็นจื่ออี๋ที่ส่งยิ้มน้อยๆมาให้ราวกับจะบอกว่าสองคนนี้เพิ่งจะเริ่มเกมเองเสียก่อน ทำให้พวกเธอเริ่มคิดได้ดังนั้นหลีหลิงเอ๋อร์จึงหันไปกะพริบตาให้ซูเยี่ยนนีซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจในทันทีพวกเธอยิ้มให้กันพร้อมทั้งคิดอยู่ในใจว่า พี่เถี่ยจู้เนี่ยทำนิสัยไม่ดีอีกแล้ว
หลีหลิงเอ๋อและซูเยี่ยนนีเมื่อเข้าใจแผนการที่จ้าวเถี่ยจู้วางเอาไว้แล้วก็ให้ความร่วมมือเป็อย่างดีเดี๋ยวทำท่าใ เดี๋ยวทำท่านับถือเฉินเจ๋อ จนอีกฝ่ายรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจจนแทบจะอยากนัดหญิงสาวทั้งสองไปสานความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งกับเขากว่านี้ในตอนกลางคืน
กัวจิ้งราวกับจับรู้ความรู้สึกของเฉินเจ๋อได้เพราะหญิงกระชับแขนของชายหนุ่มให้แนบกับตัวมากขึ้น ทำให้หน้าอกของเธอยิ่งเบียดชิดแขนอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่อีกทั้งเวลาพูดก็ใช้น้ำเสียงที่ทั้งอ่อนโยนและหวานเป็พิเศษจนจ้าวเถี่ยจู้อดขนลุกไม่ได้
ระหว่างที่คุยไปยิ้มไปพวกเขาก็เดินมาถึงโชว์รูมเบนซ์ของร้านโฟร์เอสในที่สุด
พนักงานคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูหันมาเห็นเฉินเจ๋อก็รีบเดินมาทักทายพร้อมกับรอยยิ้มทันที “ประธานเฉิน มาแล้วหรือครับ”
“พาเพื่อนมาดูรถแล้วก็จะซื้อรถให้แฟนสักคันด้วย” เฉินเจ๋อยิ้มให้พนักงานขณะพูด จากนั้นจึงหันมาพูดกับพวกของจ้าวเถี่ยจู้ “เข้ามาสิ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่ารถ”
พวกของจ้าวเถี่ยจู้ยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปในโชว์รูมทันที