เสียงฝีเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากด้านนอก หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมอง เห็นโจวซื่อนำคนกลุ่มหนึ่งเดินเบียดเสียดเข้ามา
หากกล่าวว่าหลินกู๋หยู่ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรก ตอนนี้นางเข้าใจอย่างสมบูรณ์แล้ว
เช้าวันนี้โจวซื่อถูกคนในหมู่บ้านซุบซิบนินทาจนขายหน้า ตอนนี้นางจึงแกล้งทำตัวน่าสงสารเพื่อขอความเห็นใจ
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ยังจะก่อเื่ให้ใหญ่โตอีกทำไม?
ถ้าไม่ทำให้ตาย นางก็จะไม่ยอมให้เื่นี้จบง่ายๆ สินะ!
"ลูกสะใภ้สามของสกุลฉือของข้าแต่ละคน มาอีกคนก็เก่งกาจกว่าอีกคน ลูกสะใภ้คนก่อนอาจหาญดุว่าแม่สามี ส่วนลูกสะใภ้คนนี้เริ่มใช้กำลังทุบตีคนแล้ว" โจวซื่อร้องไห้พร้ะโกนเสียงดัง แต่บนใบหน้ากลับไม่มีน้ำตาสักหยด นางหันศีรษะมองคนที่ยืนรอบๆ เ่าั้
เมื่อได้ฟังคำพูดของโจวซื่อ เพื่อนบ้านในหมู่บ้านที่ติดตามโจวซื่อเข้ามาแต่ละคนก็เริ่มตำหนิหลินกู๋หยู่
"ท่านแม่!" ฉือหางพยายามลุกขึ้นนั่ง
"เ้าจะทำอะไร?" หลินกู๋หยู่กดฉือหางลง น้ำเสียงของนางสงบนิ่งราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากคนเ่าั้เลยแม้แต่น้อย
"สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกู๋หยู่" ฉือหางพูดด้วยเสียงแหบพร่า
เดิมโจวซื่อก็โมโหมากอยู่แล้ว เมื่อได้เสียงของฉือหาง นางก็ยิ่งโมโหมากขึ้น
ลูกชายของนางเข้าข้างหลินกู๋หยู่ั้แ่เมื่อไร?
“ท่านแม่ พวกเราแยกครอบครัวกันแล้ว” ฉือหางกล่าวอย่างสงบเย็น
เมื่อทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นฉือหางเช่นนี้ ทั้งยังเห็นหลินกู๋หยู่ดูแลฉือหางโดยไม่ทอดทิ้งกัน
ยามนี้ดูเหมือนหลินกู๋หยู่จริงจังกับฉือหางมาก โจวซื่อไม่ควรที่จะพูดสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเช่นนี้
ใบหน้าของโจวซื่อเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำทันที ทุกคนรอบตัวนางต่างพูดว่านางทำผิด นางพลันก้าวเท้าไปข้างหน้าและยกมือขึ้นเพื่อฟาดหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนเตียงมองไปที่โจวซื่ออย่างสงบนิ่ง
ขณะที่มือของโจวซื่อกำลังจะตกลงมาบนใบหน้า ฉือหางก็คว้ามือของโจวซื่อไว้โดยไม่ลังเล
การตบที่อยู่ในการคาดการณ์ไว้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกที่คุ้นเคยจากด้านข้างของหลินกู๋หยู่ ซึ่งเป็ความรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายเป็คำพูดออกมาไม่ได้
นางหันไปมองฉือหางที่อยู่ข้างๆ ด้วยความประหลาดใจ
ฉือหางพยายามพยุงตัวเองขึ้น ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วไหลพราก
“เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” หลินกู๋หยู่รีบกดฉือหางลงด้วยความตื่นตระหนก สายตาพินิจมองร่างกายของฉือหาง
โจวซื่อยืนอยู่ข้างๆ ลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร
เมื่อหลายอึดใจก่อนที่นางเข้ามาในห้อง ใบหน้าของฉือหางยังดูปกติ แต่ตอนนี้สีหน้าของเขาดูแย่เป็อย่างมาก
ฉือเย่รีบพาเพื่อนบ้านทั้งหมดออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนจากไปแล้ว เขาจึงกลับเข้ามาในห้อง เห็นพี่สะใภ้สามคุกเข่าข้างหนึ่งบนเตียง มือของนางนวดที่แผ่นหลังของพี่สามไปมา
รองเท้าของหลินกู๋หยู่ถูกถอดวางทิ้งด้านข้างเตียง เผยให้เห็นเท้าคู่หนึ่ง
ใบหน้าของฉือเย่แปรเปลี่ยนเป็สีแดงอย่างไม่อาจควบคุมได้
"หางเอ๋อ" โจวซื่อนั่งลงข้างเตียงด้วยความหวั่นกลัว มองใบหน้าของฉือหางด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
ฉือเย่รีบเดินไปหาโจวซื่อ เขามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเป็ห่วง "พี่สะใภ้สาม พี่สามเป็อย่างไรบ้าง?"
หลินกู๋หยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น นางยังคงง่วนอยู่กับการนวดต่อไป
การเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่นั้นพริ้วไหวสวยงามมาก ราวกับก้อนเมฆที่เลื่อนลอยและคล้ายสายน้ำไหล ราวกับว่านางไม่ได้กำลังนวด แต่กำลังดีดพิน
ระยะเวลาราวหนึ่งก้านธูป[1] หลินกู๋หยู่ค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหว ดวงตาแดงก่ำจ้องมองโจวซื่ออย่างดุดัน
โจวซื่อรู้สึกไม่สบายใจอยู่หลายส่วนที่ถูกหลินกู๋หยู่มองเช่นนั้น นางถอยห่างออกไปโดยสัญชาตญาณ หน้าและปากมุ่ย พูดอย่างตะกุกตะกัก "ข้า..."
“เราแยกครอบครัวกันแล้วไม่ใช่หรือ?” หลินกู๋หยู่มองโจวซื่อด้วยสายตาเ็า ทว่าน้ำเสียงของนางเ็ายิ่งกว่า “ท่านแม่ต้องรอจนกว่าลูกชายของท่านแม่ตายก่อนถึงจะหยุดหรือ?!”
"เ้าพูดพล่ามอะไร?" โจวซื่อโต้เถียงเสียงเบา นางรีบเดินออกไปข้างนอก
ฉือเย่มองดูโจวซื่อจากไป และมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเป็ห่วง "พี่สะใภ้สาม"
“ไม่เป็ไร” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “เดิมทีอาการป่วยของเขา... เขาควรจะพักผ่อนอย่างสงบ ไม่ควรขยับตัวเช่นนี้เลย”
ฉือเย่ยืนอยู่ข้างเตียงของฉือหางอย่างเป็ห่วงเป็ใย
หลินกู๋หยู่ลงจากเตียง นางมองกลับไปที่ฉือหางปราดหนึ่งพลางเอ่ยกับฉือเย่เสียงเบา "ข้าจะดูแลเขาเอง"
หลังจากที่ทั้งหลินกู๋หยู่และโต้ซาทานอาหารเสร็จแล้ว นางก็นำโจ๊กไปที่เตียงและปลุกฉือหางให้ตื่นนอน
"ได้เวลากินข้าวแล้ว" หลินกู๋หยู่นั่งบนขอบเตียงด้วยใบหน้าเ็า มือถือช้อน เป่าที่ช้อนเบาๆ ก่อนจะเอาช้อนจ่อปากแล้วลองชิมดู เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้ร้อนเกินไปแล้ว นางจึงป้อนโจ๊กเข้าปากของฉือหาง
ฉือหางมองไปที่ใบหน้าบูดบึ้งของหลินกู๋หยู่ หว่างคิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง "เ้าโกรธหรือ?"
หลินกู๋หยู่อุดปากของฉือหางด้วยช้อนโดยตรง
ร้อน!
ฉือหางเคี้ยวโจ๊กในปากอย่างไม่เต็มใจ เขามองเด็กสาวอย่างเป็กังวล "อย่าโกรธเลย ท่านแม่ก็เป็เช่นนั้น เ้าอย่าไปสนใจนางเลย อื้อ!"
หลินกู๋หยู่อุดปากของฉือหางด้วยความโกรธ หว่างคิ้วของนางขมวดแน่น "ใครให้เ้าขยับตัวเช่นนั้นเล่า?"
ฉือหางผงะเล็กน้อย จ้องมองหลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาที่ลุกโชน
ใบหน้าเล็กๆ ผอมๆ นั้นเปี่ยมไปด้วยความโกรธ ดวงตาที่สวยงามของนางหรี่ลงเล็กน้อย คิ้วเรียวงามของนางถูกบีบอัดเข้าด้วยกัน
จากนั้นหลินกู๋หยู่ก็ป้อนโจ๊กให้ฉือหางต่อ
“วันข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็ห้ามขยับตัว” หลินกู๋หยู่พูดอย่างโกรธเคือง “เ้ามักจะขยับตัวเสมอ แล้วเมื่อไรเ้าจะดีขึ้น?”
ข้าแค่กลัวว่าเ้าจะถูกรังแก
ฉือหางไม่พูดอะไร เพียงหลับตาลงบดบังั์ตาสีเหลืองอำพัน ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองโดดเดี่ยวทว่างดงาม
วันรุ่งขึ้น หลินกู๋หยู่นวดและทายาให้ฉือหางตามปกติ
หลินกู๋หยู่เพิ่งทำสิ่งนี้เสร็จ ทันใดนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงดังจากข้างนอก เป็ฉือซู่ พี่ชายใหญ่ที่เปิดประตูให้พวกเขา
เมื่อประตูเปิดออก ฉือซู่ก็ไม่ลืมที่จะลงกลอนประตู
หลินกู๋หยู่หยิบเสื้อผ้าและเครื่องนอนที่เปลี่ยนแล้วทั้งหมดออกมาที่ลานบ้านเตรียมที่จะซัก
"พี่ชาย พี่กำลังรักษาความปลอดภัยหน้าประตูหรือ?" เสียงกลั้วหัวเราะของหวังเสี่ยวเชี่ยนดังมาจากด้านนอก
“ใช่น่ะสิ” ฉือซู่ไม่ใช่คนช่างพูด เมื่อถูกถามก็จะตอบกลับไปทันที มักจะเป็เช่นนี้เสมอ
หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินเข้ามาจากข้างนอกพร้ะกร้าและมองหลินกู๋หยู่ที่กำลังซักผ้าด้วยรอยยิ้ม "พี่สะใภ้สาม ท่านแม่ของข้าบอกให้ข้าเอาไข่มาให้พี่ พวกเราเป็เพื่อนบ้านกัน ดังนั้นวันข้างหน้าพวกเราจะต้องไปมาหาสู่กันให้มาก"
หลังจากได้ยินสิ่งที่หวังเสี่ยวเชี่ยนพูด หลินกู๋หยู่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เช็ดมือที่เปียกบนเสื้อผ้าส่วนเข่าของนาง นางยิ้มอย่าง้ารักษาระยะห่าง "เ้าไม่จำเป็ต้องลำบากขนาดนี้หรอก"
"เอาไว้ให้โต้ซากินบำรุงร่างกาย" หวังเสี่ยวเชี่ยนวางตะกร้าไว้ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม พินิจมองหลินกู๋หยู่จากศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูกระซิบเบาๆ ว่า "พี่สะใภ้สาม ข้าจะบอกพี่ว่า พี่อย่าไปใส่ใจป้าโจวนักเลย ป้าโจวเป็คนที่ชอบโวยวายเช่นนั้นแหละ"
“ข้ารู้” หลินกู๋หยู่รู้ถึงอารมณ์และอุปนิสัยของโจวซื่อพอสมควรแล้ว นางไม่ใช่คนที่ชอบความเงียบสงบเช่นนั้น ในทุกๆ วัน นางรู้จักแต่จะหาเื่ทะเลาะวุ่นวาย ไม่รู้จักหาอย่างอื่นทำ
“พี่ไม่เอามาใส่ใจก็ดีแล้ว” หวังเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หวังเสี่ยวเชี่ยนสวมชุดสีชมพู บนกระโปรงมีลวดลายปักรูปดอกไม้ดูน่ารัก
ครอบครัวหวังนับได้ว่าเป็ตระกูลที่ร่ำรวย ไม่เช่นนั้นหวังเสี่ยวเชี่ยนก็คงไม่สวมสร้อยข้อมือเงิน
"อ้อ ใช่แล้ว" หลินกู๋หยู่ถามราวกับจำอะไรบางอย่างได้ "น้องเสี่ยวเชี่ยน เ้ารู้ไหมว่าบ้านของช่างไม้อยู่ที่ไหน?"
“พี่สะใภ้สามถามถึงช่างไม้ทำไมหรือ?” หวังเสี่ยวเชี่ยนเอามือไพล่หลัง ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะมองหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย หันหน้าไปมองโต้ซาที่กำลังเล่นกับตัวเองอยู่ไม่ไกล แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "โต้ซาโตแล้ว ข้า้าทำชามไม้และช้อนไม้ให้เขา อย่างน้อยหากเขาทำหล่น มันจะได้ไม่แตก"
ดวงตาของหวังเสี่ยวเชี่ยนเป็ประกาย "ถ้าพี่สะใภ้สามไม่ว่าอะไร ข้าจะให้ชามและช้อนที่น้องของข้าเคยใช้ให้โต้ซา!"
หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างเกรงอกเกรงใจ "ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง!"
หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินไปจับแขนของหลินกู๋หยู่เขย่าเบาๆ อย่างเป็ธรรมชาติ "พี่สะใภ้สาม พี่ไม่จำเป็ต้องมองว่าข้าเป็คนนอกถึงขนาดนี้หรอก พี่ตามข้ามา เร็วเข้า!"
หลินกู๋หยู่ไม่เต็มใจ แต่หวังเสี่ยวเชี่ยนกลับดึงนางออกไปด้านนอกโดยตรง
บ้านสกุลหวังและสกุลฉืออยู่ติดกัน พวกนางเดินมาถึงภายในไม่กี่ก้าว
หลัวซื่อกำลังตากผ้าอยู่ในลานบ้าน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็เงยหน้าขึ้นมองพร้อมฉีกยิ้ม เห็นหวังเสี่ยวเชี่ยนและหลินกู๋หยู่เดินเข้ามาจากข้างนอก
“ท่านแม่ นี่คือพี่สะใภ้สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนหรี่ตายิ้มขณะมองหลัวซื่อ จากนั้นนางก็หันหน้าไปทางหลินกู๋หยู่ “นี่คือท่านแม่ของข้า!”
“สวัสดีท่านป้าใหญ่” สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยแล้ว หลินกู๋หยู่มักจะทักทายคนที่ไม่คุ้นเคยด้วยความแปลกแยกเล็กน้อย
“หลานสะใภ้สาม เข้ามาเร็วเข้า” หลัวซื่อเดินไปข้างหน้าหลินกู๋หยู่อย่างรวดเร็ว นางพินิจมองหลินกู๋หยู่จากศีรษะจรดปลายเท้าขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวยจริงๆ เมื่อสองสามวันก่อนข้าไม่มีเวลาไปเยี่ยมและนั่งคุยกับเ้าเลย!”
นี่เป็เพียงคำพูดที่พูดเพื่อความสุภาพเท่านั้น หลินกู๋หยู่ก็ไม่ได้ถือสาอะไร นางแค่ยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ และแสร้งทำเป็ก้มศีรษะอย่างเขินอาย
เมื่อคิดถึงเป้าหมายที่มาที่นี่ หวังเสี่ยวเชี่ยนก็รีบพูดทันที "ท่านแม่ ชามไม้ที่น้องเล็กใช้เมื่อก่อน ถ้าไม่ใช้แล้ว ให้โต้ซาใช้แทนเถอะ"
หลัวซื่อก็เป็คนกระตือรือร้นและมีน้ำใจเช่นกัน เมื่อได้ยินหวังเสี่ยวเชี่ยนพูดดังนั้น นางก็หันหลังเดินเข้าไปในบ้าน "มานี่เร็ว!"
เื่การแยกครอบครัวของสกุลฉือเป็ที่เล่าลือกันจนคนรู้กันไปทั่ว หลัวซื่อรู้สึกเห็นใจต่อหลินกู๋หยู่และฉือหางเช่นกัน
ด้วยสภาพร่างกายของฉือหางเช่นนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ถ้าเขาจากไปแล้ว หลินกู๋หยู่จะถูกทิ้งให้อยู่เลี้ยงลูกตามลำพัง ชีวิตเช่นนั้นย่อมลำบากมาก
หวังเหิง น้องชายของหวังเสี่ยวเชี่ยนอายุสามขวบแล้ว สิ่งที่เขาเคยใช้เมื่อก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช้แล้ว สามารถหยิบสิ่งของทั้งหมดนั้นมอบให้กับหลินกู๋หยู่
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลัวซื่อก็เริ่มคุ้ยกล่อง หยิบเสื้อผ้าของหวังเหิงที่สวมใส่เมื่อเขายังเด็กมาก รวมถึงของเล่นชิ้นเล็กๆ ที่ทำจากไม้จำนวนหนึ่ง "เสื้อผ้าเหล่านี้เขาใส่ไม่ได้แล้ว ให้โต้ซาใส่น่าจะพอดี” หลินกู๋หยู่เห็นหลัวซื่อคุ้ยของออกจากกล่องจำนวนมาก นางจึงอดที่จะพูดไม่ได้ “ท่านป้าใหญ่ พอแล้ว เกรงว่าจะใช้ไม่หมด"
“ได้ใช้ทั้งหมดอย่างแน่นอน” หลัวซื่อพูดพลางพับเสื้อผ้าเ่าั้อย่างดี “รอให้อากาศหนาว ข้าจะไปหาเสื้อผ้าหนาๆ ส่งไปให้โต้ซา!”
เมื่อเดินออกมาจากบ้านหวัง หลินกู๋หยู่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เดิมทีนางแค่้าเพียงชามไม้และช้อนไม้ แต่นางกลับเอาสิ่งของมากมายกลับมา!
ในขณะที่ความคิดของนางกำลังล่องลอย จู่ๆ หลินกู๋หยู่ก็ได้ยินเสียงรถม้าจากข้างนอก!
………………………………………………………………
[1] เวลาหนึ่งก้านธูป หมายถึง เวลาราวสิบห้านาที หรือสามสิบนาที (ตามความยาวของก้านธูป)
[2] ั์ตาสีอำพัน(เหลือง-ทอง) อาจถูกเรียกว่า ั์ตาหมาป่า (Eyes of Wolves ) พบได้ประมาณ 3-5 %ของประชากรโลก แต่เกิดได้บ่อยในสัตว์อย่าง สุนัข แมว นกฮูกและเหยี่ยว พบได้ในคนแถบอเมริกาใต้และเอเชียตะวันตก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้