บทที่ 2: รุ่งอรุณแห่งความมุ่งมั่น
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านรอยรั่วของหลังคาฟาง ทำให้เกล็ดฝุ่นเล็กๆ เต้นระบำในอากาศเป็ละอองสีทอง วิบวาบเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ไป๋หรูซินลืมตาขึ้นจากการหลับที่ไม่สนิท แม้ร่างกายจะพ้นจากความหิวโหยสุดขีดไปได้ชั่วคราว แต่ความกังวลในใจกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย
เธอหันไปมองชุนฮวาที่หลับใหลอย่างเงียบสงัด ใบหน้าเล็กๆ ที่ผอมซูบจนเห็นกระดูกแก้มทำให้ใจปวดร้าว ในโลกที่เธอเคยอยู่ ไม่เคยมีเด็กคนไหนต้องอดอยากและถูกทารุณกรรมถึงเพียงนี้ แต่ที่นี่... ความอำมหิตกลับเป็เื่ธรรมดา
ไป๋หรูซินค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเสื่อ พยายามยืดเส้นยืดสายเบา ๆ ร่างกายนี้อ่อนแอเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ แต่เธอรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในส่วนลึก นั่นคือความมุ่งมั่นที่แกร่งกล้า ความตั้งใจที่จะไม่ยอมให้ชุนฮวาต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับไป๋หรูซินคนเก่า
ขณะที่เธอกำลังก้มลงจัดผ้าห่มบางๆ ห่มให้น้องสาว...
"ปัง!"…. โครม!!!
เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังลั่น ประตูไม้เก่าแก่ถูกถีบจนกระเด็นหลุดออกจากวงกบอย่างรุนแรง เศษไม้กระจายไปทั่วพื้น
ร่างอ้วนท้วมของสตรีวัยกลางคนก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าบูดบึ้งราวเมฆเก็บฝน ดวงตาเล็กๆ เต็มไปด้วยความกระหายเืและอิจฉาริษยา นางคือแม่รองจ้าวซื่อเหนียง แม่เลี้ยงจอมใจร้าย ข้างกายติดตามมาด้วยไป๋เฟิ่ง บุตรสาวแท้ๆ ที่ใบหน้าสะท้อนความเหยียดหยามไม่ต่างจากมารดา
"นังแพศยา นังตัวซวย! เ้ายังไม่ตายอีกหรือ!" จ้าวซื่อเหนียงตวาดด้วยเสียงดังลั่น "ข้านึกว่าจะได้สบายใจซักที! แต่เ้าก็ฟื้นขึ้นมาให้ข้าต้องหนักใจอีก! เศษเดนไร้ประโยชน์อย่างพวกเ้า ยังจะดิ้นรนหายใจอยู่ทำไม! เปลืองข้าวเปลืองน้ำ!"
คำพูดเ่าั้เชือดเฉือนราวคมมีดกรีดแทงหัวใจ ไป๋หรูซินรู้สึกได้ถึงความเ็ปที่สะสมมาจากไป๋หรูซินคนเก่า เด็กสาวผู้ต้องทนฟังคำด่าทอเหล่านี้มาตลอดชีวิต แต่ตอนนี้เธอคือคนใหม่แล้วและเธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเธอคนนี้กับน้องสาวของเธอได้อีกต่อไป
"ท่านแม่รองมีธุระอันใดกับข้าหรือเ้าคะ?" ไป๋หรูซินรวบรวมสติ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้ในใจจะเดือดปุดปุด
จ้าวซื่อเหนียงหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น เสียงหัวเราะที่น่าขยะแขยง "ธุระงั้นหรือ! นังเด็กไร้ค่า! ธุระของข้าก็คือการ กวาดล้างพวกไร้ประโยชน์อย่างเ้าให้หมดไปจากบ้านหลังนี้! เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้ากับน้องสาวของเ้าเปลืองข้าวสารของข้าไปเท่าใดแล้ว! ั้แ่แม่ของเ้าตายไป ภาระทุกอย่างมันก็ตกอยู่ที่ข้า พวกเ้ามันกาฝากบนโลกใบนี้!"
คำว่า 'แม่' ทำให้ดวงตาของไป๋หรูซินสั่นไหว ภาพความทรงจำพร่าเลือนของสตรีใจดีคนหนึ่งผุดขึ้นมาในห้วงคิด นั่นคือภาพฮูหยินไป๋ แม่แท้ๆ ของเธอ สตรีผู้เคยเป็ดั่งแสงสว่างเดียวในชีวิตที่มืดมิด
เมื่อสิบปีก่อน ตระกูลไป๋ไม่ได้ยากจนข้นแค้นเช่นนี้ ไป๋ต้าเฉา บิดาของเธอ เคยเป็ชาวนาที่มีที่ดินพอมีพอกิน มีภรรยาที่รักใคร่และลูกสาวที่น่ารัก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อฮูหยินไป๋ล้มป่วยหนักด้วยโรคประหลาดที่หาทางรักษาไม่ได้ และเสียชีวิตไป ไป๋ต้าเฉาบิดาของเธอก็รีบแต่งงานใหม่กับจ้าวซื่อเหนียง แม่หม้ายลูกติดอย่างรวดเร็ว โดยไม่ล่วงรู้เลยว่านางกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ กับชายอื่น
"หรูซิน... เ้าต้องดูแลน้องชุนฮวานะลูก... แม่รักเ้ากับน้องมากที่สุดในโลก..."
เสียงอ่อนแรงของมารดายังคงก้องอยู่ในหัว เมื่อคิดถึงความทรมานที่ร่างนี้เคยต้องเผชิญ ก็รู้สึกจุกในลำคอขึ้นมา
ไป๋ต้าเฉาไม่ใช่คนเลวโดยกำเนิด แต่เขาเป็คนอ่อนแอและขาดความเด็ดขาด เมื่อจ้าวซื่อเหนียง ภรรยาใหม่เข้ามารับ่ดูแลบ้านหลังฮูหยินไป๋เสียชีวิต นางก็เริ่มบงการทุกสิ่ง ด้วยมารยาสาไถยามอยู่ต่อหน้าสามี แต่ลับหลังกลับแอบทารุณลูกเลี้ยงอย่างโเี้
แม้ไป๋ต้าเฉาจะรับรู้ถึงการกระทำเ่าั้ แต่เขากลับเลือกที่จะทำเป็มองไม่เห็น ซ้ำร้าย จ้าวซื่อเหนียงยังยุยงให้เขาหลงเชื่อว่าลูกสาวทั้งสองเป็ตัวซวย ทำให้ครอบครัวต้องตกต่ำและไร่นาแห้งแล้ง ด้วยเหตุนี้ ไป๋ต้าเฉาจึงหมางเมินลูกสาว ปล่อยให้พวกเธอต้องอดอยากและถูกทุบตีสารพัด
"พูดมากทำไมกันท่านแม่!" ไป๋เฟิ่งแทรกขึ้นด้วยความรำคาญ ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "รีบๆ จัดการมันไปเสียเถิด! ข้าไม่อยากเห็นหน้ามัน น่าขยะแขยงเสียจริง ๆ!"
ไป๋หรูซินหันไปมองไป๋เฟิ่งด้วยสายตาเ็า "ท่านแม่รองคงไม่ได้มาเพียงเพื่อด่าทอข้าอย่างเดียวหรอกกระมังเ้าคะ?"
คำพูดของไป๋หรูซินทำให้จ้าวซื่อเหนียงสะอึก นางไม่คิดว่าเด็กสาวที่เคยอ่อนแอจะปากกล้า กล้าต่อปากต่อคำกับเธอได้ขนาดนี้
"นังเด็กบ้า!" จ้าวซื่อเหนียงตะคอกเสียงแหลม ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ "วันนี้แหละ! ข้าจะจัดการพวกเ้าให้พ้นทางเสียที! ไป๋เฟิ่ง! ลากนังนี่ออกมา! ข้าจะนำมันไปขายให้เถ้าแก่หวังที่โรงเตี๊ยมกลางเมือง! ได้ยินว่ากำลังมองหาเด็กสาวไปเป็บ่าวรับใช้!"
ดวงตาของไป๋หรูซินเบิกกว้างด้วยความใ ขาย? พวกนางจะขายเธอ! ความคิดนี้ทำให้เืในกายพลุ่งพล่าน เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ความรู้สึกโกรธแค้นเ็ปทะลักออกมา เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าชีวิตจะต้องจบลงด้วยการถูกขายเป็ทาส นี่คืออิสรภาพที่ถูก่ชิงไปอย่างโหดร้าย!
ไป๋เฟิ่งยิ้มเหยียดหยัน เดินเข้ามาหมายจะฉุดกระชากแขนไป๋หรูซิน "หึ! ไปเป็บ่าวรับใช้เสียก็ดี! อย่ามาอยู่เป็เสนียดในบ้านหลังนี้!"
แต่ไป๋หรูซินสะบัดแขนออกอย่างแรง ทำให้ไป๋เฟิ่งเสียหลักถลาไปชนเสาไม้
"หยุดเดี๋ยวนี้!" ไป๋หรูซินตะคอกเสียงกร้าว ดวงตาฉายแววดุดันราวพยัคฆ์ร้ายที่ถูกต้อนจนมุม "อย่าได้คิดจะรังแกกันง่ายๆ! ข้าจะไม่มีวันยอมให้พวกเ้ามาทำร้ายข้าและน้องสาวได้อีกต่อไป!"
คำพูดและแววตาที่เปลี่ยนไปทำให้จ้าวซื่อเหนียงและไป๋เฟิ่งชะงักไปชั่วขณะ พวกนางไม่เคยเห็นไป๋หรูซินในสภาพเช่นนี้มาก่อน
"แก... แกเป็บ้าไปแล้วหรือ!" จ้าวซื่อเหนียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ก็รีบกลับมาทำท่าฮึดฮัด "ข้าบอกว่าจะขายก็คือจะขาย! เ้าไร้ประโยชน์เช่นนี้ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!"
ขณะที่การโต้เถียงกำลังดำเนินไป ชุนฮวาที่ได้ยินเื่ราวทั้งหมด ก็ร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว นางคลานเข้ามาเกาะแขนพี่สาวแน่น
"ไม่นะเ้าคะพี่หรูซิน! ข้าไม่อยากไป! ข้ากลัว! ฮือๆๆ"
น้ำตาของน้องสาวที่ไหลริน ทำให้ไป๋หรูซินรู้สึกราวมีคมมีดกรีดลงไปในใจ นี่คือความเ็ปที่แท้จริง... ความเ็ปจากการเห็นคนที่รักต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความชั่วร้ายของผู้อื่น เธอโอบกอดน้องสาวแน่นราวกับจะปกป้องจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
"ไม่ต้องกลัวนะชุนฮวา... พวกเราจะไม่ไปไหน..." ไป๋หรูซินกระซิบปลอบ พลางเงยหน้าขึ้นสบตากับแม่รองจ้าวซื่อเหนียงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว "แม่รองจ้าวซื่อเหนียง... หากท่านยัง้าที่อยู่อย่างสงบสุข จงถอยกลับไปเสีย! อย่าได้คิดจะแตะต้องน้องสาวข้าแม้แต่ปลายเล็บ!"
จ้าวซื่อเหนียงหัวเราะเยาะ "หึ! นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ก็อาจมาขู่ข้าอย่างนั้นหรือ! ไป๋เฟิ่ง! อย่ามัวยืนโง่! จับมันไป!"
ไป๋เฟิ่งฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง พุ่งเข้าใส่ไป๋หรูซิน แต่คราวนี้ไป๋หรูซินไม่ได้แสดงความอ่อนแออย่างเคย เธอใช้แขนเล็กๆ ปัดป้องไป๋เฟิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะยังไม่ชำนาญ แต่ด้วยสัญชาตญาณและการควบคุมร่างกายที่ดีกว่าเดิม ทำให้ไป๋เฟิ่งเสียหลักล้มก้นจ้ำ
"โอ๊ย! ท่านแม่! มันผลักข้า!" ไป๋เฟิ่งโวยวาย
จ้าวซื่อเหนียงเห็นดังนั้นก็โมโหจัด ตรงเข้ากระชากผมของไป๋หรูซินอย่างแรง
"นังตัวดี! บังอาจทำร้ายลูกข้าอย่างนั้นหรือ! วันนี้แหละ ข้าจะสั่งสอนแกให้หลาบจำ!"
ไป๋หรูซินกัดฟันแน่น ความเ็ปที่หนังศีรษะแล่นไปทั่ว แต่เธอไม่ยอมกรีดร้อง รู้ว่ายิ่งแสดงความอ่อนแอมากเท่าไหร่ พวกนางจะยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้น ขณะที่นางกำลังง้างมือขึ้นสุดเหยียดหมายจะฟาดลงมาสุดแรง…
ทันใดนั้นเอง...
"หยุดนะครับ!"
เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นจากหน้ากระท่อม ทุกคนหันไปมองด้วยความใ ไป๋หลง ญาติผู้พี่ของไป๋หรูซิน ผู้มีร่างกายกำยำแข็งแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขายืนจังก้าหน้ากระท่อมพร้อมถือจอบในมือ
ไป๋หลงเป็ลูกชายของป้าหลิน ญาติฝ่ายแม่ที่ใจดีกับไป๋หรูซินเสมอ เขาเพิ่งกลับจากการทำไร่ และผ่านมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดี
"ท่านแม่รองจ้าวซื่อเหนียง! ท่านจะทำอะไรน้องหรูซิน!" ไป๋หลงตวาดเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ "พวกท่านไม่มีสิทธิ์ทำร้ายน้องหรูซิน! นี่มันเกินไปแล้วครับ!"
จ้าวซื่อเหนียงหน้าถอดสีเมื่อเห็นไป๋หลงเริ่มก้าวเข้ามาใกล้ รู้ดีว่าเขาไม่ใช่เด็กอ่อนแอ เป็คนตรงไปตรงมาและแข็งแรง ยากที่จะต่อกรด้วย
"นี่มันเื่ในครอบครัวของข้า! แกมายุ่งอะไรด้วย!" จ้าวซื่อเหนียงตะคอกกลับไปอย่างไม่เต็มเสียง
"หากท่านยังไม่เลิกทำร้ายน้องหรูซิน ข้าก็จะไม่ยอมอยู่เฉยแน่ขอรับ!" ไป๋หลงก้าวเข้ามาใกล้อีก ทำท่าจะยกจอบขึ้น
ไป๋เฟิ่งเห็นท่าไม่ดีก็รีบฉุดแขนจ้าวซื่อเหนียงทันที "ท่านแม่! กลับกันก่อนเถอะเ้าค่ะ! คนบ้าอะไรก็ไม่รู้! เดี๋ยวก็โดนมันทำร้ายเอาหรอก!"
จ้าวซื่อเหนียงแม้จะโกรธจนตัวสั่น แต่เมื่อเห็นไป๋หลงพร้อมปกป้องไป๋หรูซินจริงๆ และสายตาที่ไป๋หรูซินมองมาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวผิดจากที่เคยเป็ นางก็รู้ว่าวันนี้คงทำอะไรแล้ว
"ฮึ่ม! วันนี้ข้าจะปล่อยเ้าไปก่อน! แต่จำไว้! อย่าคิดว่าชีวิตเ้าจะอยู่อย่างสงบ! ข้าจะกลับมาแน่! นังตัวซวย!"
จ้าวซื่อเหนียงตะคอกทิ้งท้าย ก่อนหันหลังเดินจากไปพร้อมไป๋เฟิ่งที่รีบวิ่งตามติดๆ
เมื่อสองแม่ลูกลับสายตาไป ไป๋หลงถอนหายใจเฮือก รีบเข้ามาประคองไป๋หรูซิน "น้องหรูซิน เป็อะไรหรือไม่? ทำไมท่านแม่รองจ้าวซื่อเหนียงถึงมาทำร้ายเ้าถึงเพียงนี้!"
ไป๋หรูซินส่ายหน้าเบาๆ "ข้าไม่เป็อะไรเ้าค่ะพี่ไป๋หลง ขอบคุณพี่มากที่มาช่วยข้าไว้"
เธอมองไป๋หลงด้วยความซาบซึ้งใจ รู้ว่าโลกใบนี้ยังคงมีคนดีๆ อยู่บ้าง และเธอจะต้องดูแลปกป้องพวกเขาให้ดีที่สุด
"ไม่เป็ไรครับ น้องหรูซินกับน้องชุนฮวาคือญาติของข้า ข้าย่อมต้องปกป้อง" ไป๋หลงตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ไป๋หรูซินกอดชุนฮวาที่ยังคงตัวสั่นด้วยความกลัวไว้แน่น น้ำตาของเธอเริ่มเอ่อคลอ มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความอ่อนแอ แต่เป็น้ำตาแห่งความรู้สึกที่ผสมผสานกัน ทั้งความโกรธ ความสงสาร และความมุ่งมั่น แรงกดดันจากสภาพแวดล้อมโหดร้ายและคำด่าทอที่ดูถูกศักดิ์ศรีความเป็มนุษย์ ทำให้เธอตระหนักว่าการเอาชีวิตรอดในโลกใบนี้ไม่ใช่แค่เื่ปากท้อง แต่คือการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคนที่เธอรัก
"พี่ไป๋หลง..." เธอเอ่ยเสียงแ่ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเราได้อีก... ข้าจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น... ข้าสัญญา"
แววตาของไป๋หรูซินฉายแววมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ไป๋หลงมองน้องสาวด้วยความแปลกใจ แต่ก็ััได้ถึงพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ มันคือพลังแห่งความหวัง... และความเด็ดเดี่ยวที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
แสงแห่งศักดิ์ศรีได้เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจของเด็กสาวคนหนึ่ง และจากนี้ไป ไม่มีใครจะสามารถดับมันลงได้อีกแล้ว