“เนี่ยเซิงเสี่ยว!” เหยียนจิ่งจื้อทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว ั้แ่ “คนแปลกหน้า” “คนหลอกลวง” จนถึงตอนที่กล่าวโทษเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว ถึงแม้จะไม่มีความทรงจำก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ “เขาเป็แค่เด็กคนหนึ่งเธอพูดแบบนี้ไม่คิดว่ามันใจร้ายไปหน่อยหรือ?”
ั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้เนี่ยเซิงเสี่ยวไม่ได้เงยหน้ามองเหยียนจิ่งจื้อเลยสักนิด จ้าวหยวนฟางได้ยินก็เข้ามาขวางอยู่ตรงหน้าเนี่ยเซิงเสี่ยว “คุณครับ เื่ในครอบครัวของพวกเขา ผมว่าคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปต่อว่าเธอว่าใจร้ายหรอกนะครับ”
ไม่มีสิทธิ์ เหยียนจิ่งจื้อกำหมัดแน่นจนมีเสียงดังออกมา เขาถูกกีดกันให้เป็คนนอกเพราะคำคำนี้ จ้องมองใบหน้าด้านข้างของเนี่ยเซิงเสี่ยว เขาไม่เคยอยากรู้ว่าหกปีก่อนเกิดเื่อะไรขึ้นเท่าตอนนี้เลย แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่คิดที่จะบอกเขา
เหยียนจิ่งจื้อเป็ผู้ชายที่รักหน้าตาตัวเอง แต่ก่อนก็เป็แบบนี้ บนใบหน้ามีแผลก็จะไม่ยอมออกจากบ้านเด็ดขาด เมื่อถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวก็จะไม่เข้าไปสนิทชิดเชื้อ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร แล้วแบกหน้าถมึงทึงเดินออกไปทางประตู
“อาสอง อาสองรอผมด้วย!” เหยียนเจียอวี๋ที่ยังไม่ได้สติกลับมา หลังจากมองไปที่เนี่ยเซิงเสี่ยวสักพักก็รีบวิ่งตามเหยียนจิ่งจื้อออกไป
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น แม่บอกว่าไม่รู้จักกับอาสองของเหยียนเจียอวี๋ แต่ทำไมทั้งสองคนถึงได้โกรธแบบนั้น เขาจึงทำได้แค่มองจ้าวหยวนฟางอย่างกล้าๆ กลัวๆ หวังว่าเขาจะสามารถอธิบายอะไรได้บ้าง
แต่ว่าจ้าวหยวนฟางกลับไม่พูดอะไรออกมาเลย ในตอนนี้เขารู้สึกหวาดหวั่น ผู้ชายเมื่อครู่คนนั้นไม่ว่าจะจากหน้าตาหรือว่าจากปฏิกิริยาของเนี่ยเซิงเสี่ยว ล้วนมีความเกี่ยวพันที่หนีไม่พ้นจากครอบครัวที่แตกร้าวนี้ เขาไม่อยากจะถามเนี่ยเซิงเสี่ยว กลัวว่าจะได้คำตอบที่ทำให้เขาผิดหวัง จึงทำได้แค่บรรเทาบรรยากาศนี้ไปชั่วคราว “เซิงเสี่ยว เธอบอกว่าไฟห้องครัวมีปัญหาไม่ใช่หรือ? ฉันไปดูให้นะ”
“ไม่ต้องแล้วหยวนฟาง” จู่ๆ เนี่ยเซิงเสี่ยวก็ขอให้เขากลับไป จากนั้นก็กอดเหนี่ยวเหนี่ยวแน่น “เหนี่ยวเหนี่ยว ขอโทษนะ ที่เมื่อกี้นี้แม่ใจร้ายกับลูก”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็น้ำตาแตกกอดคอเนี่ยเซิงเสี่ยวร้องไห้จนไหล่สั่นไม่หยุด “แม่...แม่ แม่เป็อะไรครับ?”
ั้แ่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่เคยเสียอาการจนถึงขั้นต้องต่อว่าเขามาก่อน ถึงแม้จะทำเื่ที่ผิดหรือเื่ไม่ดีมาก็ไม่เคยเป็แบบนี้ เพราะประโยคว่า “ไม่มีใครรักลูกหรอก” ทำให้เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวรู้สึกกลัว ความรู้สึกไม่ปลอดภัยทำให้เขากอดเนี่ยเซิงเสี่ยวแน่นไม่ยอมปล่อย
เนี่ยเซิงเสี่ยวฟุบหน้าลงที่บ่าของเหนี่ยวเหนี่ยวเนิ่นนานไม่ได้พูดอะไรออกมา จนกระทั่งจ้าวหยวนฟางมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพวกเขา ในตอนที่จะยกมือขึ้นเธอถึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “หยวนฟาง ฉันกับเหนี่ยวเหนี่ยวจะย้ายบ้าน นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
จะต้องรีบออกไปก่อนที่เหยียนจิ่งจื้อจะลงมือ เช่นนั้นจำเป็จะต้องยืมมือคนอื่นช่วย
จ้าวหยวนฟางนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เซิงเสี่ยว พวกเธอจะย้ายตอนไหน? ฉันสามารถเรียกคนมาได้ตลอดเวลา”
“คืนนี้”
......
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวมองพวกคุณลุงที่จู่ๆ ก็มาย้ายของในบ้านของพวกเขา ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ในใจก็รู้สึกเศร้าใจมาก “แม่ครับ ผมยังไม่ได้บอกลาเพื่อนเลย”
เนี่ยเซิงเสี่ยวลูบหัวเขา “ไม่ว่าลูกจะบอกลาหรือไม่ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า พวกเขาก็จะลืมลูกไปเอง”
คำพูดนี้สำหรับเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวแล้วซับซ้อนเกินไปหน่อย เขายังจับมือเนี่ยเซิงเสี่ยวไว้ “แม่ครับ แต่ว่าผมกับเพื่อนซ้อมเต้นตะวันดวงน้อยที่จะเอาไว้เต้นตอนเรียนจบอนุบาลเอาไว้แล้ว ผมไปแล้วพวกเขาจะทำอย่างไรล่ะครับ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวกัดฟัน “เหนี่ยวเหนี่ยวลูกจำเอาไว้นะ โลกใบนี้ขาดใครสักคนไปมันก็ยังคงหมุนอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวรู้สึกว่าวันนี้แม่แปลกเกินไปจริงๆ ตอนแรกก็โมโหใส่อาสองของเหยียนเจียอวี๋โดยไม่มีเหตุผล ตอนนี้ก็ยังมาพูดจาแปลกๆ อีก เขาฟังไม่เข้าใจ เขาแค่อยากจะบอกลากับเพื่อนๆ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าเขาไม่กล้าเต้นตะวันดวงน้อยถึงได้ไม่ไปงานเรียนจบ
เขาแอบมองเนี่ยเซิงเสี่ยว ก็เห็นเธอกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บของ เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วแอบไปโทรหาเหยียนเจียอวี๋ในห้องน้ำ
ถึงแม้่นี้เหยียนเจียอวี๋จะไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไร แต่ก็เคยเป็เพื่อนสนิท เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวก็ยังชอบที่จะเล่นกับเหยียนเจียอวี๋มาก
หลังจากต่อสายติดแล้วก็มีเสียงของหญิงสาววัยกลางคนดังผ่านสายมา เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวพูดเสียงเบา “คุณป้าครับ ผมขอสายเหยียนเจียอวี๋ครับ”
“อ่อ หนูโทรหาคุณชายน้อยเหรอคะ” ทางนั้นก็ได้ยินเสียงเรียก “คุณชายน้อย คุณชายน้อย”
ไม่นานเหยียนเจียอวี๋ก็มารับสายพร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก “ใครน่ะ?” เพิ่งถูกอาสองมาส่งถึงบ้าน เมื่อเห็นอาสองอารมณ์ไม่ดี เขาก็อารมณ์ไม่ดีด้วย
“ฉันเองเจียอวี๋ ฉันมีเื่จะคุยกับนาย” เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวรีบทำเวลา
แต่ว่าดูเหมือนเหยียนเจียอวี๋จะไม่อยากจะพูดกับเขาเท่าไร “ทำไมเป็นายอีกแล้วล่ะ! อาสองของฉันถูกแม่ของนายรังแกมา ทำไมนายยังกล้าโทรมาคุยกับฉัน” พูดจบก็วางสายไป
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวใจนมือที่ถือโทรศัพท์สั่นอยู่ครู่หนึ่ง แต่ว่าเขาไม่ได้โกรธเหยียนเจียอวี๋ วันนี้เป็แม่เขาเองที่ทำไม่ถูก
เด็กน้อยถอนหายใจน้อยๆ ตอนที่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเตรียมตัวจะเปิดประตูห้องน้ำ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เขารีบกดรับทันที “เจียอวี๋เจียอวี๋ ในที่สุดนายก็ยอมฟังที่ฉันจะพูดแล้ว”
เหยียนเจียอวี๋ร้องอ่อออกมา ไม่รู้ว่าทางนั้นพูดอู้อี้กับใคร เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวฟังไม่ชัดจึงถามเขาออกไป “แม่ของนายอยู่ข้างๆ หรือ? สวัสดีครับคุณน้า”
“สวัสดีอะไรล่ะ” เหยียนเจีนอวี๋ยังคงไม่สบอารมณ์ แต่ว่าในตอนนั้นวางทิฐิลง “เมื่อครู่นี้นายจะพูดอะไรกับฉัน?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวคิดขึ้นมาได้ก็พยักหน้า “เจียอวี๋ฉันจะย้ายบ้านแล้ว แม่ฉันบอกว่าต่อไปอาจจะไม่ได้เจอพวกนายอีกแล้ว”
เหยียนเจียอวี๋เหมือนเริ่มเอาโทรศัพท์ออกแล้วไปพูดอู้อี้ๆ
จากนั้นก็ถาม “ย้ายไปที่ไหน?”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้”
“งั้นตอนย้ายเสร็จแล้วจะต้องโทรเข้าบ้านฉันนะ ถ้ามีโอกาสฉันจะไปหานาย”
.........
ในตอนที่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวนั่งรถของจ้าวหยวนฟางขับไปยังบ้านใหม่ก็พยายามถามไปด้วย “แม่ พวกเราจะย้ายไปที่ไหนครับ?”
เนี่ยเซิงเสี่ยวกำลังคุยกับจ้าวหยวนฟางถึงแผนต่อไปหลังจากนี้ จึงไม่ได้สนใจเขาเท่าไร “ถึงแล้วก็รู้เอง”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวหันไปปีนอยู่ด้านหลังจ้าวหยวนฟาง “ลุงจ้าวครับ พวกเราจะย้ายไปไหนครับ?”
จ้าวหยวนฟางแค่หันกลับมาตอบเขาสองคำ “ไกลมาก”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวโกรธขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว จึงหมุนตัวกลับไปนั่งอยู่ด้านหลังอย่างโกรธๆ “ทำไมพวกแม่ทำแบบนี้ ผมกลายเป็ก้างขวางคอแล้ว”
คำว่าก้างขวางคอเขาเรียนรู้มาจากการ์ตูนจึงพูดมันออกไป
จ้าวหยวนฟางกับเนี่ยเซิงเสี่ยวที่ได้ยินก็เงียบไป ความรู้สึกไม่ชัดเจนแผ่ขยายออกมา สุดท้ายก็เป็เนี่ยเซิงเสี่ยวที่เอ่ยปากขึ้นก่อน “ขอโทษนะหยวนฟาง เด็กก็พูดไปไม่คิด นายอย่าไปคิดเป็จริงเป็เลยนะ”
จ้าวหยวนฟางมองตรงไปข้างหน้า “แต่ฉันกลับอยากจะคิดเป็จริง”
“นาย...”
“แต่ว่า” จ้าวหยวนฟางหันมายิ้มสดใสให้ “ฉันให้เกียรติเธอ จะเริ่มจากการเป็เพื่อนก่อน”
ยังมีอีกประโยค แต่เขาไม่ได้พูดออกไป นั่นก็คือ “ถึงสามีคนเก่าของเธอกลับมาแล้ว ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ”
สำหรับจ้าวหยวนฟางแล้ว เนี่ยเซิงเสี่ยวก็เหมือนกับหญิงสาววัยแรกรุ่นที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ เขาอายุขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังโชคดีได้มาพบเจอเธอคนนี้ จะให้ยอมแพ้ง่ายๆ หรือ? ไม่มีทางหรอก
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยว มองไปที่แม่ของตัวเองหนังตาก็เริ่มกระตุก ตอนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลคุณครูเคยเข้าใจผิดคิดว่าจ้าวหยวนฟางคือพ่อของเขา เขาก็ไม่ได้โกรธ ทว่าก็ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ลุงจ้าวเป็คนดีมาก แต่ในตอนนี้เขาคิดถึงอาสองของเหยียนเจียอวี๋อยู่หน่อยๆ แล้ว
ใช่แล้ว เขาชื่อว่าอะไรนะ? อืม... เหมือนจะยังไม่รู้
ในความฝันของเด็กน้อย อาสองของเหยียนเจียอวี๋จับบ่าเล็กๆ ของเขาแล้วพูด “เหนี่ยวเหนี่ยว ไปโรงพยาบาลกับฉัน”
“ไปโรงพยาบาลทำอะไรครับ?”
“ตรวจ DNA”
ในตอนที่เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวกำลังจะถามเขาว่าตรวจ DNA คืออะไร ก็ถูกเนี่ยเซิงเสี่ยวปลุกให้ตื่น เธอค่อยๆ อุ้มเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวที่กำลังงัวเงียลงจากรถ น้ำหนักตัวของเด็กผู้ชายอายุหกขวบทำให้เดินก้าวขาค่อนข้างลำบาก
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆน้อยๆ แล้ว เนี่ยเซิงเสี่ยวชี้ไปที่บ้านเดี่ยวตรงหน้า “เหนี่ยวเหนี่ยว ต่อไปพวกเราจะอยู่ที่นี่นะ”
เนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวกอดคอเธอแล้วขยี้ตา ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาจากความฝันทั้งหมด “แม่ครับ อะไรคือ CNA?”
“คงเป็ DNA ใช่ไหม” จ้าวหยวนฟางเพิ่งเดินมาพอดี เขายกมือขึ้นลูบหัวเหนี่ยวเหนี่ยวแล้วยิ้ม “แต่ก่อนสมัยที่อยู่โรงเรียนแม่ของเธอได้คะแนนดีมาก เธอนี่ไม่ไหวเลย อักษรภาษาอังกฤษ 26 ตัวก็จำไม่ครบ”