เกี้ยวของกู้เจิงถูกยกผ่านเข้ามาทางประตูหน้าเสียงโห่ร้องของผู้คนจากบนถนน เสียงเด็กเล็กเด็กน้อยขอขนมและเสียงเฉลิมฉลองรอบข้างดังขึ้น นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตอนที่เกี้ยวถูกยกลงก็มีมือใหญ่ยื่นเข้ามากู้เจิงวางมือตัวเองลงบนนั้น เขากุมมือนางเอาไว้ นี่คือมือของเสิ่นเยี่ยนมือที่ทั้งกว้างและอบอุ่นของเขานั้นแตกต่างจากท่าทางเ็าของเขาเสียจริง เขากระชับมือของนางแล้วพาลงจากเกี้ยว
เมื่อนางลงจากมาเกี้ยวได้ เขาก็ปล่อยมือนางทันทีกู้เจิงถือพัดบังหน้าด้วยสองมือ สายตาหลุบต่ำลงแล้วเดินตามเขาไป
สองข้างทางที่เดินผ่านล้วนมีคนแก่แม่เฒ่าคอยกล่าวคำมงคลเป็ครั้งคราว
กู้เจิงเดินเข้าประตูไปพลางเหลือบมองบ้านตระกูลเสิ่นอย่างละเอียดลออบ้านดูเก่าแก่และมีร่องรอยการซ่อมแซมอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตระกูลเสิ่นแม้มิใช่เป็ตระกูลผู้ดีแต่ก็ถือเป็ตระกูลใหญ่เรือนแต่ละเรือนจึงก่อสร้างเพิ่มเติมเชื่อมติดกันมาหลายต่อหลายรุ่นเรือนทุกหลังล้วนแต่สร้างด้วยโครงสร้างโบราณดั้งเดิม ทุกครอบครัวในตระกูลเสิ่นนี้ล้วนอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน
“เ้าสาวงามมาก”
“สวมเฟิ่งกวานเสียเพ่ย[1] ด้วย ยังมีหยกมรกตอยู่้าอีกนะสมแล้วที่เป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ย”
“ดูสิ หีบใบใหญ่เชียว”
เสียงที่ดังมาเข้าหูกู้เจิงนี้เป็เสียงซุปซิบนับไม่ถ้วนของคนที่จับจ้องมาที่นาง
ในสายตาของชาวบ้านทั่วไปนั้นเครื่องแต่งกายของนางช่างดูหรูหราอย่างยิ่ง แต่ในสายตาของชนชั้นสูง ก็เป็เพียงเครื่องแต่งกายธรรมดาที่สุดเท่านั้น
“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”
“สองคำนับบิดามารดา”
เสิ่นเยี่ยนหน้าตาไม่ต่างจากบิดามากพ่อสามีของนางดูเป็ผู้าุโที่น่านับถือคนหนึ่งเขามีรูปร่างอวบอ้วนและใบหน้ากลมโต เขามองนางกับเสิ่นเยี่ยนเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยรอยยิ้มกว้าง
ความสง่างามของเสิ่นเยี่ยนได้มาจากมารดา ซินซื่อคือชื่อของนาง ซินซื่อมีรูปโฉมงดงามแต่เค้าหน้าดูมีความเ็า ั์ตาฉายแววเคร่งขรึมอยู่หกส่วน
“สามคำนับกันและกัน”
หลังจากพิธีกราบไหว้เสร็จสิ้นลง กู้เจิงก็ถูกผู้าุโตระกูลเสิ่นพาไปที่เรือนใหม่
เดินไปไม่ไกลนักก็ถึงเรือนใหม่แล้วแม้ภายในเรือนจะตกแต่งด้วยสิ่งของสีแดงมงคลแต่ก็ยังคงเห็นได้ว่าลักษณะดั้งเดิมของเรือนนั้นค่อนข้างเรียบง่าย
กู้เจิงนั่งลงมองไปที่ชั้นวางหนังสือไม้ไผ่สีเข้มเก่าๆสองชั้นที่ติดกับกำแพง บนชั้นเต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายชนิด ดูท่าว่าเ้าของบ้านน่าจะชอบอ่านหนังสือมาก
ตอนที่ผู้าุโเดินเข้ามา ในมือก็ถือขนมหลายชามมาด้วยกู้เจิงรีบนั่งตัวตรงพร้อมกับยกพัดขึ้นมาบังใบหน้า
ผู้าุโเ่าั้กล่าวชมกู้เจิงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็จากไปอย่างรู้งาน
“คุณหนูใหญ่เ้าคะ มิน่าเล่านายท่านถึงบอกว่าตระกูลเสิ่นเป็ตระกูลใหญ่บ่าวก็เพิ่งกวาดตาดูรอบๆ ไม่รู้ว่ามีเรือนกี่หลังที่เชื่อมต่อกันคิดไม่ถึงว่าคนตระกูลเสิ่นจะมารวมตัวกันอยู่ในเรือนใหญ่เช่นนี้เ้าค่ะ” ชุนหงที่เดินตามนางมาตลอดกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ข้าหิวแล้ว หาของกินมารองท้องให้ข้าหน่อยเถอะ” กู้เจิงกล่าวขึ้น
“ขนมอบพวกนี้ดูน่าอร่อยมากเ้าค่ะ"ชุนหงนำขนมหนึ่งชิ้นส่งให้คุณหนูใหญ่ “แต่แม่เฒ่าซุนได้เตือนไว้ว่า คืนนี้เป็คืนเข้าห้องหอของคุณหนูใหญ่จะกินมากเกินไปไม่ได้เ้าค่ะ”
คืนเข้าห้องหอ? กู้เจิงมองขนมหวานที่เขียนคำว่ามงคลนางกัดเข้าไปคำหนึ่งรสชาติหวานกรอบอร่อยทีเดียว
ชาติก่อนนางเป็เพียงคนธรรมดาเมื่อมาอยู่ในร่างนี้นางก็ยังเป็คนธรรมดา ที่้าจะมีชีวิตครอบครัวเล็กๆที่อบอุ่น คืนเข้าห้องหอนี้ก็ปล่อยให้เป็ไปตามธรรมชาติแล้วกัน
ด้านนอกมีเสียงครึกครื้นดังแว่วมาลานบ้านที่จัดงานเลี้ยงอยู่ห่างไกลจากเรือนหอของนางมากแต่ยังได้ยินเสียงชัดเจนถึงเพียงนี้
“ชุนหง ข้ายังหิวอยู่เลย” กู้เจิงลูบท้อง
“คุณหนูใหญ่ ท่านอดทนไว้นะเ้าคะตอนกลางคืนจะมีของว่างให้ท่านโดยเฉพาะเ้าค่ะ” ชุนหงรีบเอาขนมไปวางให้ไกลมือนาง นางจำถ้อยคำที่แม่เฒ่าซุนกำชับได้เป็อย่างดีหากคุณหนูใหญ่เสียมารยาทไป คนของตระกูลสามีจะดูถูกนางได้
“นี่ก็เที่ยงแล้วนะ” กู้เจิงกล่าวอย่างหดหู่
ในตอนนั้นเอง ประตูเรือนก็ถูกเปิดออก
คนที่เข้ามาเป็ซินซื่อกู้เจิงหยิบพัดที่วางอยู่บนโต๊ะมาปิดบังใบหน้าไม่ทัน จึงได้แต่คารวะแล้วเรียก “ท่านแม่”
ซินซื่อถือชามบะหมี่เข้ามา นางยิ้มบางๆ มองกู้เจิง แล้วกล่าวว่า “อยู่ที่นี่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ข้ารู้ว่าเ้าจะต้องหิวกินบะหมี่สักชามเถอะ” ว่าแล้วนางก็วางชามบะหมี่ลงบนบนโต๊ะ
ชุนหง คิดไม่ถึงว่าฮูหยินเสิ่นจะนำอาหารมาให้คุณหนูใหญ่มารดาของท่านบุตรเขยดูน่าจะเป็คนดี คุณหนูใหญ่อยู่ในตระกูลเสิ่นนี้ย่อมไม่มีทางถูกรังแกแน่
---------------------------------------------
[1] เสียเพ่ย เป็เครื่องประดับที่ถูกกำหนดให้เป็ของสตรีที่มีบรรดาศักดิ์ต่างๆให้มีไว้ใน เป็สิ่งที่ใช้คู่กับเฟิ่งกวานมีลักษณะเหมือนสายสะพายผืนยาวเหมือนผ้าพันคอ มีลวดลายต่างกันไปตามลำดับชั้นยศส่วนปลายของทั้งสองด้านจะมีของล้ำค่า เช่นไข่มุก ห้อยถ่วงไว้วิธีสวมคือใช้คล้องลงมา กลัดกระดุมบริเวณ่หน้าอกปล่อยชายทั้งสองพาดลงมาทางด้านหน้า