บทที่ 141 การแข่งขันยิงธนู
ใกล้ล่วงสู่เหมันต์แล้ว สายลมเย็นๆ พัดผ่านทะเลสาบ ทำให้เกิดระลอกคลื่นบนผิวน้ำ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การแข่งขันทักษะการยิงสามารถทดสอบความแม่นยำ และความแข็งแกร่งของข้อมือของนักรบได้อย่างแท้จริง
แน่นอนว่าสำหรับนักรบิญญาที่นี่ ระยะการยิงธนูหนึ่งร้อยหมี่นั้นไม่มีนัยสำคัญอะไร ดังนั้นจุดที่วางหินเกล็ดม่วงจึงอยู่ห่างจากทุกคนมากกว่าหนึ่งพันหมี่
ดังนั้น สิ่งนี้จึงเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและแม่นยำของนักรบมากขึ้น ด้วยระยะทางที่ไกลเช่นนั้น หากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไกลออกไปเล็กน้อยหรือไกลเป็พันลี้
นอกจากนี้ หินเกล็ดม่วงยังเป็แร่ิญญาที่ใช้ทำหมวกรบ มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง ไม่แตกหักง่ายๆ
ในขณะนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอบางคนคิดล่าถอยขึ้นมาแล้ว พวกเขาแอบสบถในใจเบาๆ
เมื่อครู่นี้เพราะรีบร้อนเลยตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันนี้ แต่ตอนนี้เมื่อสงบลงแล้วจึงพบว่าแทบป็นไปไม่ได้เลยที่จะยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ...
“เอาอย่างไร? ใครเป็คนยิงก่อน?” เสวี่ยหานเฟยโบกพัดขนนกอย่างสงบ ยิ้มน้อยๆ และมองดูฝูงชนด้วยใบหน้าที่ที่มืดมน
“นายน้อยเช่นข้าขอดื่มเหล้าอุ่นร่างกายก่อน พวกเ้าเริ่มก่อนเลย ฮ่าๆ” ตงฟางสยงดูสบายใจมาก นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หยิบแก้วเหล้าิญญาขึ้นมาดื่ม
ยามนี้ ทุกคนต่างก็เหงื่อตก กลัวว่าจะขายหน้า ไม่มีใครอยากยิงธนูเป็คนแรก เพราะต่างรู้ดีว่าฉู่ซินเหยากำลังดูอยู่ หากพลาดศรแรกไป จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“สหาย เ้าไปก่อน”
“เ้าก่อน!”
“ข้าบอกให้เ้าไปก่อน”
“มาเกรงใจอะไรกัน เ้าก่อนเลย”
“ฮะๆ... ถ้าเช่นนั้น... ถ้าเช่นนั้นจะให้เหล่าแม่นางเริ่มก่อนดีหรือไม่?”
“เ้าบ้าไปแล้วหรือ? การแข่งขันเช่นนี้มีผู้หญิงคนใดเข้าร่วมกัน?!”
ขณะที่ทุกคนต่างมองหน้ากัน เ้ามองข้า ข้ามองเ้า ด้วยไม่้าเป็หนูตะเภาตัวแรก[1]
“เ้าคนป่า เ้าเป็คนแนะนำให้วางเดิมพัน ทำไมถึงไม่เริ่มยิงก่อนเล่า?” มีคนเดินไปหาฉู่อวิ๋นยิ้มๆ แล้วชี้ไปที่หินเกล็ดม่วงที่อยู่ไกลๆ บอกให้เขาเริ่มยิงคนแรก
“ต้องขอโทษด้วย เมื่อครู่นี้กินเยอะไปหน่อย อิ่มมาก ต้องรอให้ย่อยก่อน ชาวเมืองเช่นพวกเ้าชำนาญเื่ขี่ม้ายิงศรไม่ใช่หรือ? ข้าเองก็อยากจะเห็นกับตาเช่นกัน!”
ฉู่อวิ๋นนั่งขัดสมาธิ แสร้งทำเป็โง่งม เอนหลังพิงโต๊ะอย่างสบายๆ โดยไม่เชื่อฟังคำยั่วยุ
อันที่จริง เขาเองก็ไม่ได้มั่นใจมากเท่าใดนัก เพราะเป็ผู้ฝึกกระบี่ อยากจะรอดูสักหน่อย
ในที่สุด ไม่นาน ชายหนุ่มผู้หลงใหลคนงามก็เต็มใจที่จะลงมือเป็คนแรก
“หลีกไป! พวกเ้าช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ให้ข้าโหมโรงให้ดีกว่า!”
ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งเบียดฝูงชนแล้วก้าวออกมา ใบหน้าของเขาคมสัน ดวงตาสดใสราวระฆังทองแดง เดินมายังจุดยิงอย่างชายชาตรี
นี่คืออัจฉริยะรุ่นเยาว์จากโถงัคลั่ง สามารถทำลายหินเกล็ดม่วงได้ด้วยมือเปล่า
“ดูข้าไว้!” ชายหนุ่มะโด้วยดวงตาสดใส เขาก้มลงหยิบธนูและลูกศร ท่าทางที่สง่างามและมั่นคงช่างน่าประทับใจ ดูมีพลังน่าทึ่งมาก
“ดูท่าว่าคนนี้กำลังจะยกตนเองเป็ตัวอย่าง” ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันและแอบสังเกตอย่างระมัดระวัง
แม้แต่เสวี่ยหานเฟยและตงฟางสยงทั้งคู่ก็แอบพยักหน้า ท่วงท่าการยิงของชายหนุ่มคนนี้เหมือนในตำราเรียน ควรค่าแก่การเรียนรู้อย่างยิ่ง
“ย๊าก!"
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ะโเสียงดัง เสียงปล่อยสายธนูดังลั่นอย่างฟ้าร้อง ดังก้องไปทั่วลานเล็กๆ ทำให้ทุกคนประหลาดใจ น่าใมาก!
“ฟึ่บ!”
ลูกศรนั้นเปรียบเสมือนดาวตกที่พุ่งผ่านท้องนภา คล้ายัดุร้ายที่โผล่ขึ้นมาจากทะเล คำรามลั่นโลก แล้วพุ่งสู่ท้องฟ้า!
“ธนูดี!”
“น่ากลัวจริงๆ!”
ทุกคนต่างตกตะลึงและทำหน้าเคร่งขรึม ชายหนุ่มคนนี้เป็ศิษย์ของโถงัคลั่งจริงด้วย เขาแข็งแกร่งมากจนแม้แต่พลังยิงศรยังทำให้โลกตะลึง!
ถ้าถูกศรลูกนี้ยิงเข้าจะเกิดอะไรขึ้น? ร่างคงแยกเป็ส่วนๆ แน่!
“ธนูลูกนี้ยิงไกลยิ่งนัก น่าทึ่งมาก!”
“หือ? นี่ เดี๋ยวก่อน... มันไกลเกินไปนะ...”
“เอ่อ... ลูกศรข้ามหินเกล็ดม่วงไป แถมยังดูเหมือนว่าจะข้ามไปไกล... นี่…”
ทุกคนต่างประหลาดใจแล้วจับจ้องไปที่หินก้อนใหญ่ที่อยู่โดดเดี่ยวไกลๆ อย่างงงๆ
เป้าธนูใหญ่มาก แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน แถมมันก็ดูสบายมาก
ในเวลาเดียวกัน ด้านนอกเรือนกลิ่นกำจร...
“ท่านแม่! ดูสิ มีดาวตกด้วย!” เด็กหญิงตัวเล็กไร้เดียงสาเสียงหวานแหววหัวเราะลั่น แล้วชี้ขึ้นไปบนฟ้า
“ใช่แล้ว รีบอธิษฐานเร็ว!” หญิงวัยกลางคนใ
“ฮิๆ ข้าอยากฝึกธนู! อนาคตข้าจะเป็นักธนู” เด็กหญิงพูดพลางหลับตาอธิษฐานอย่างจริงจัง
ในลานเรือน
“สหาย อย่าท้อใจไป ท่านทำได้ดีแล้ว”
“ช่างเป็ลูกธนูที่ดีอะไรเช่นนี้ เป็การเริ่มต้นที่ดีสำหรับพวกข้า แม้ว่าจะพลาดไปสักหน่อยก็เถอะ...”
“ความ... ความจริงแล้วก็ไม่ได้ไกลมาก แค่ไม่กี่ร้อยหมี่เอง เรามาลองกันใหม่เถอะ”
กลุ่มอัจฉริยะที่ใจดีรายล้อมชายผู้แข็งแกร่งคนนั้น คอยปลอบโยนด้วยคำพูดที่จริงใจ
“ฮือ... ข้าไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว!” ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็สีแดง เขายืนอยู่ตรงมุมลานเรือน นั่งยองๆ กอดเข่าอยู่กับพื้น และวาดวงกลมบนพื้น
น่าอายมากจริงๆ เขาเป็คนแรกที่ยิงธนู มีพลังที่จะพิชิตใต้หล้าได้!
แต่เขายิงลูกธนูไกลเกินไปจริงๆ คงเป็ชะตาลิขิตให้ไม่โดนเป้า...
แม้ว่าทุกคนจะหัวเราะคิกคัก แต่ในส่วนลึกแล้ว ความมั่นใจในการยิงหินเกล็ดม่วงนั้นก็ลดลงมาก
“ฮ่าๆ พวกเ้าก็เลิกพยายามได้แล้ว ล้มเหลวเป็เพียงเื่เล็ก แต่การขายหน้าต่อหน้าสาวงามนั้นเป็เื่ใหญ่” ตงฟางสยงดื่มเหล้าอีกแก้วแล้วพูดแดกดัน
“เ้าบอกว่าเ้ามีพลังมาก ไม่สู้ลองดูสักหน่อย?” ฉู่อวิ๋นเหลือบมองไปทางเขา น้ำเสียงดูไม่เป็มิตร
“ถ้าเ้าอยากแพ้เร็วๆ ข้าก็ย่อมไร้เงื่อนไข แต่นานๆ ครั้งจะให้ผู้น้อยได้แสดงฝีมือ ก็เป็เื่น่ารื่นเริงไม่น้อย ฮ่าๆ”
ตงฟางสยงหัวเราะ ทำให้ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าจอมตัณหาคนนี้จะมั่นใจไม่น้อย คล้ายไม่ได้หลอกตัวเอง
หลังจากนั้น ก็มีอีกหลายคนที่เข้ามายิงธนู แต่ทุกคนก็ล้มเหลว แม้ว่าความแม่นยำจะไปไม่ไกลเท่าชายคนแรก แต่ก็ยิงไม่โดนหินเกล็ดม่วงเช่นกัน
บางคนเริ่มท้อ ระยะทางก็ไกล เป้าหมายก็ยาก รู้สึกว่าการแข่งขันยิงธนูครั้งนี้ไม่อาจได้หน้า
แต่ในยามนี้ นายน้อยรูปหล่อคนหนึ่งก็ก้าวออกมา เป็นายน้อยแห่งหุบเขารำพัน เล่อเฉิน
“รบกวนขอทางทุกท่าน ขอข้าลองยิงธนูหน่อย”
เล่อเฉินเดินไปยังจุดยิงธนูอย่างสุภาพ พาดลูกธนูไว้บนสาย การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าและไม่นับว่าทรงพลัง ดูอ่อนแอเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มผู้สงบเสงี่ยมเดินเข้าไป ทุกคนก็คึกคักอีกครั้ง จ้องมองไปยังหินเกล็ดม่วง รู้สึกว่าอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“ฟิ้ว!”
สายธนูสั่นไหว เล่อเฉินยกยิ้ม เขาไม่ได้ใช้ท่าพิเศษใดๆ และไม่มีแสงพลังใดเปล่งประกายอยู่รอบๆ ลูกธนู เขาแค่ยิงธนูออกไปเบาๆ
ศรคราวนี้ไม่ธรรมดา ราวกับเส้นศรยืดหยุ่นที่มุ่งหน้าไปยังหินเกล็ดม่วง
“ตึก!”
เกิดเพียงเสียงเบาๆ ดังขึ้น ลูกศรแตะโดนผิวของหินเกล็ดม่วงและปักลงไป
และลูกศรอ่อนพลังนี้ก็ปักลงไปที่วงกลมด้านนอกของเครื่องหมายบนเป้าธนู ซึ่งค่อนข้างใกล้กับจุดศูนย์กลาง
“ฮ่าๆ โชคดียิ่ง โชคดียิ่ง~” เมื่อเห็นเช่นนี้ เล่อเฉินก็หยิบพัดกระดาษสีขาวออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วสะบัดเบาๆ สีหน้าดีใจมาก
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนแทบไม่อยากเชื่อ!
ตอนนี้ มีใครบางคนสามารถเอาชนะความยากลำบากและยิงโดนหินเกล็ดม่วงด้วยลูกศรได้แล้ว?! ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!
“์! นายน้อยแห่งหุบเขารำพันคนนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกธนูหรอกใช่ไหม? เขายิงโดนเป้าธนูได้อย่างไร? เขายังเป็มนุษย์อยู่หรือเปล่า?”
“เ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว ผู้คนในหุบเขารำพันเชี่ยวชาญด้านเครื่องดนตรี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมือเท้าคล่องแคล่ว สามารถควบคุมพลังและความแม่นยำได้ราวกับจับวาง!”
“เช่นนี้นี่เอง!”
ในยามนี้ ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเล่อเฉินจึงยิงโดนเป้าพลางมองเขาด้วยความอึ้ง ทำให้เขาได้ใจขึ้นเรื่อยๆ เดินกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้อ~ น่าเสียดายที่ไม่มีโชคโดนเป้า ไม่เช่นนั้นคงชนะไปแล้ว”
เล่อเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส เขาเดินออกจากฝูงชนไปไม่กี่ก้าว หันกลับกลับไปมองแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเ้าไม่มีคำจะพูดแล้วหรือ? คุณชายเช่นข้าเชื่อว่าไม่มีคนยิงโดนเป้าได้อีกแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็เชิดหน้าขึ้นสูง โบกพัดกระดาษขาว และตั้งใจจะเดินไปที่ศาลา ้าอวดโฉมต่อหน้าฉู่ซินเหยา
ทันใดนั้นเองฉู่อวิ๋นก็เดินเข้าไปขวางหน้าเล่อเฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เมื่อเห็นเช่นนี้ เล่อเฉินก็เก็บพัดกระดาษ แค่นเสียงอย่างเ็าแล้วเอ่ยว่า “ทำอะไรน่ะเ้าเด็กป่า? แพ้ไม่เป็หรือ? ไม่ช้าก็เร็วถุงยาของเ้าก็จะเป็ของข้า หลีกไป ข้าจะไปคุยกับคุณหนูฉู่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มเบาๆ “อะไรคือแพ้ไม่เป็กัน? เ้ายิงโดนเป้าแล้วหรือ? มองชัดหรือยัง?”
หลังจากพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ชี้ไปที่หินเกล็ดม่วง ทำให้เล่อเฉินขมวดคิ้ว เห็นๆ อยู่ว่าเขายิงโดนวงกลมด้านนอกของเป้าหมาย เด็กคนนี้ตาบอดหรืออย่างไร?
เล่อเฉินหันกลับไปมองทันที พยายามโน้มน้าวฉู่อวิ๋นให้พ่ายแพ้
แต่ภาพที่เห็นทำให้ดวงตาของเขาเบิกโพลงทันที
ลูกธนูนั้นแกว่งไปมาเหมือนอ่อนแรง เมื่อถูกลมพัดเบาๆ ก็ตกลงมาจากผิวหิน
มีเสียง “แกร๊ง” ดังขึ้น จากนั้นทั้งลานก็เงียบลง
“หือ? ลูกธนูที่เล่อเฉินยิงร่วงลงไปแล้ว?”
“นี่มัน... ยากนักที่จะแม่นยำได้เพียงนี้ น่าเสียดาย!”
“ความแม่นยำเพียงอย่างเดียวคงยังไม่พอ ต้องคำนวณความแข็งแกร่งด้วย”
ทุกคนถอนหายใจและแอบดีใจ ในเมื่อลูกศรตกลงมา นั่นหมายความว่าเล่อเฉินก็ล้มเหลวเช่นกัน ไม่นับว่าสำเร็จ
“เห็นหรือยัง? แม้ว่าลูกธนูของเ้าจะค่อนข้างแม่นยำ แต่มันก็ไม่ได้ปักลงบนหินอย่างมั่นคง ในเมื่อลูกธนูร่วงลงไปแล้ว เ้าก็ไม่ต่างอะไรกับผู้แพ้เลย สหาย” ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นตบบ่าอีกฝ่ายและยกยิ้ม
“เ้า...นี่...อ๊าก!!!” เล่อเฉินโกรธหน้าดำหน้าแดง การจะควบคุมแรงส่งศรให้เสถียรนั้นไม่ใช่เื่ง่าย
แต่ตอนนี้เพราะขาดกำลังจึงไร้ผล น่าหงุดหงิดเกินไปแล้ว
แน่นอนว่าในตอนนี้ เขาอับอายเกินกว่าจะไปเผชิญหน้าฉู่ซินเหยา วิ่งกลับไปหากลุ่มผู้คนอย่างเศร้าใจด้วยสีหน้าหดหู่
“พวกมือใหม่เอ๋ย! มาดูความเก่งกาจของข้านี่!”
ในที่สุด ตงฟางสยงก็พูดขึ้น เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่จุดยิงด้วยก้าวย่างที่มั่นใจ
----------
[1] หนูทดลอง