โม่จ้านปิดเปลือกตาลงขจัดความคิดมากมาย สูดอากาศหายใจเข้าลึกและเริ่มอธิษฐานให้เม็ดยาออกฤทธิ์ในทันทีทันใด
โชคดีที่หลังผ่านไปเพียงครู่เดียว โม่จ้านก็ค่อยๆ รู้สึกมึนเบลอ ภายใต้ความร่วมมือของยาและผ้าอุดหู เสียงโหวกเหวกที่ะเืจิตใจค่อยๆ เลือนหายไป หนังตาเริ่มหนักอึ้ง โม่จ้านรู้สึกว่าเื่เล็กๆ ที่ยึดครองพื้นที่ว่างของสติสัมปชัญญะถูกบดขยี้ไปทีละน้อย ตามด้วยระเหยกลายเป็ไอช้าๆ ท้ายที่สุดกลายเป็ความว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
แท้จริงแล้วโม่จ้านอยากขอบคุณคนสองคน คนแรกคือหมีเอ่อร์ เด็กน้อยที่เดาได้ว่าพี่ชายมีความจำเป็ต้องใช้ยา ทั้งยังรู้ว่าด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของพี่ชาย จะต้องมิอาจทนถูกลงทัณฑ์ต่อหน้าสาธารณชน จึงได้ยอมเสี่ยงเอายามาทั้งๆ ที่อาจถูกจับได้ อีกทั้งนี่ยังมิใช่ยานอนหลับธรรมดา ส่วนอีกคนก็คือพระาาคณะของคาทอลิกที่ทำหน้าที่ดำเนินพิธีลงทัณฑ์ ขอบคุณผู้ที่ชอบเห็นหน้าตาของสันตะสำนักเป็ดังสรวง์มากเกินความเป็จริง ทั้งยังจัดพิธีป่าวประกาศก่อนสังหารที่ทั้งยาวเหยียดและน่ารังเกียจ โม่จ้านจึงสามารถยื้อเวลาได้สำเร็จ
ภายใต้ดวงตะวันแผดเผา สมเด็จพระสันตะปาปาป่าวประกาศถึงความสำเร็จและคำสอนของสันตะสำนักด้วยวาจาน่าเลื่อมใส บางคราฮึกเหิมด้วยความกล้าหาญพร้อมกระโจนเข้าสู้ของเหล่าอัศวิน บางคราเศร้าเสียใจด้วยความเจ็บแค้นเพราะความโเี้ของเผ่าปีศาจ ทำเอากลุ่มพระสังฆราชของสันตะสำนักและผู้คนในจัตุรัสต่างพากันหลั่งน้ำตา หากยามนี้โม่จ้านยังตื่นอยู่ คงมิวายอดพูดแขวะมิได้แน่——ผู้ที่มีพร์หายากเช่นนี้ มิว่าอยู่ที่ใดล้วนเป็พนักงานขายตรงชั้นยอดทั้งสิ้น
“…อีกสักระยะ สันตะสำนักจะเตรียมการให้กองอัศวินออกศึกอีกคราเพื่อกวาดล้างกองทัพปีศาจที่หลงเหลืออยู่ให้สิ้นซาก”
หลังคุยโวโอ้อวดถึงความสำเร็จมากมายอย่างมีชีวิตชีวาจนจบ น้ำเสียงของสมเด็จพระสันตะปาปาเปลี่ยนจากฮึกเหิมเป็สุขุม สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็เคร่งขรึมยิ่งกว่าเก่า
“ทุกท่านโปรดวางใจ สันตะสำนักจะมิมีทางปล่อยเผ่าปีศาจชั่วร้ายที่คุกคามความปลอดภัยของเหล่าผู้ศรัทธาไปอย่างแน่นอน”
“เหล่าผู้ศรัทธาในเทพแห่งแสง ขอชัยชนะและความสุขจงอยู่คู่กับพวกท่านตลอดไป”
สมเด็จพระสันตะปาปาเผยรอยยิ้มพลางลูบไม้กางเขนบนหน้าอก ภายใต้ตะวันทอแสง ใบหน้าเปี่ยมเมตตาของสมเด็จพระสันตะปาปาก้มมองผู้คนทั่วทั้งจัตุรัส เป็ภาพที่มิต่างอันใดกับพระเ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์
“คณะพระคาร์ดินัล [1] จะส่งพระสังฆราชชุดแดงออกมาสามท่าน หลังจากนี้เป็เวลาเจ็ดวันจะจัดพิธีบัพติศมา [2] ให้กับเหล่าเด็กๆ ด้วยตนเอง”
ความอลหม่านเกิดขึ้นในฝูงชนด้านล่างทันใด พระสังฆราชชุดแดงทั้งสามท่านจะเป็ผู้ดำเนินพิธีด้วยตนเอง นี่นับเป็เื่หายากที่สิบปีจะมีสักหน กระทั่งพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสองที่แอบออกมาชมความครึกครื้นยังถึงกับสะดุ้งใ—— ต่อให้เป็พิธีสละตำแหน่งของอดีตพระสันตะปาปา ยังมีมาเพียงผู้เฒ่ากลุ่มใหญ่จากสามเณราลัยเสียด้วยซ้ำ
เสียงระฆังทรงพลังดังขึ้น พิธีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แม้แสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันจะแยงตามากเพียงใด ทว่าแสงสะท้อนแสบตาสีทองบนแท่นบวงสรวงกลับมิมีทีท่าว่าจะถูกกลบเลยแม้แต่น้อย ธาตุแสงที่ถูกบีบอัดจนถึงขีดสุดยังคงหลั่งไหลออกมาจากรอยวงเวทย์ทั่วทั้งแท่นบวงสรวงมิขาดสาย ใสดุจน้ำ ข้นดั่งน้ำมัน สาดส่องออกมาขณะพระสังฆราชชุดแดงกำลังท่องคาถาในใจ มุ่งตรงไปยังใจกลางจุดรวมตัว ร่างกายอันใหญ่โตของาาปีศาจ ไม้กางเขน ทุกสิ่งถูกห้อมล้อมอยู่ท่ามกลางธาตุแสงที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังหล่อรูปปั้นโลหะ
าาปีศาจที่อยู่ตรงใจกลางก้มหน้าลง ไม่ขยับเขยื้อนคล้ายกับกำลังยอมรับผิด ร่างกายกำยำถูกธาตุแสงเฆี่ยนตีเพื่อชะล้าง ปรากฏรอยแผลรอยเืหลายสาย ธาตุแสงที่พลุ่งพล่านเปิดกลไกบนไม้กางเขน เสียงเสียดสีแสบแก้วหูของโลหะดังขึ้น โซ่ตรวนที่พันธนาการแขนขาทั้งสี่ของาาปีศาจรัดแน่นขึ้นทันใด เสียงกระดูกลั่นชวนให้ผู้คนหวาดผวาดังขึ้น สายโซ่หนักอึ้งฝังเข้าในเนื้อหนัง บีบรัดกระดูกแขนขาของาาปีศาจจนแตกหักทั้งเช่นนั้น
เหล่าพระสังฆราชชูคทาเวทขึ้น ธาตุแสงที่ไหลเวียนอยู่บนแท่นบวงสรวงเริ่มส่งเสียงะเิและปะทุราวกับน้ำเดือด ส่วนหนึ่งกัดเซาะร่างกายสีน้ำตาลของาาปีศาจมิต่างกับน้ำกรด ทำให้ผิวเรียบลื่นเกลี้ยงเกลาเต็มไปด้วยรูพรุน เส้นเื กล้ามเนื้อและเส้นประสาทถูกฉีกขาดทีละน้อย มิอาจพบเห็นแม้เืที่ควรสาดกระเซ็นออกมาอย่างที่ควรจะเป็ — เพื่อมิให้ประชาชนต้องหวาดกลัว ฝ่ายในของสันตะสำนักได้ทำการค้นคว้ารายละเอียดเื่การปะาโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้เมื่อธาตุแสงเข้มข้นัักับเืของเผ่ามาร น้ำเืจะระเหยเป็ไอทันที อีกทั้งยังเผาไหม้จนกลายเป็เถ้าถ่าน
ธาตุแสงอีกส่วนหนึ่งกลับรวมตัวกันกลายเป็ลูกธนูแหลมคมสีทองนับร้อยดอก ลอยอยู่บนอากาศเหนือเสียงร้องด้วยความประหลาดใจของประชาชน ห้อมล้อมทั่วทั้งแท่งบวงสรวงเอาไว้คล้ายทรงกลม เป็ภาพอันโอ่อ่ายิ่งใหญ่ รอกระทั่งร่างกายของาาปีศาจถูกกัดกร่อนจนมิเหลือเค้าสภาพความเป็คน ภายใต้แรงขับเคลื่อนของเหล่าพระสังฆราช ลูกธนูแหลมคมที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันพุ่งทะลุร่างกายและแขนขาทั้งสี่ของาาปีศาจ ธาตุแสงที่รวมตัวเป็ของแข็งทิ่มแทงเข้าสู่ร่างกายของาาปีศาจด้วยวิธีโเี้ไร้สิ่งใดเปรียบ ก่อนเริ่มดูดกลืนเืเนื้อภายในร่างกาย ทำลายาาปีศาจที่เหลือเพียงกายจนย่อยยับลงอย่างง่ายดาย
ละลาย กัดเซาะ ทะลวงและฉีกขาด..คล้ายเห็นกระดูกและกล้ามเนื้อของาาปีศาจเป็ดั่งเครื่องดนตรี ท่วงทำนองโเี้ทารุณชวนให้ขนหัวลุกผสานเข้าด้วยกัน เสียงส่งจากแท่งบวงสรวงสูงใหญ่ดังทั่วทั้งลานจัตุรัส เยวียเฮ่อเอ่อร์มองเพียงครู่เดียวก็ผินหน้าหนีพลางสั่นสะท้าน คนบางกลุ่มก็ก้มหน้าลงเพราะความหวาดกลัวและความยำเกรงเช่นกัน
ความเ็ปจากการถูกกัดเซาะและทิ่มแทงของสิ่งแหลมคม คาดว่าคงจะเ็ปสุดขั้วหัวใจ กระนั้นาาปีศาจที่อยู่ตรงกลางกลับมิเปล่งเสียงใดออกมาแม้แต่น้อย
…นับเป็นักรบผู้แข็งแกร่งท่านหนึ่งทีเดียว พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสองแอบรู้สึกเคารพนับถือาาปีศาจอยู่ในใจ
ตนมีฐานะเป็พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสองมิผิด ทว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนนั้นเป็เพียงบุตรชายภรรยาเอกของตระกูลผู้ดีผู้หนึ่ง ท่านพ่อมีบรรดาศักดิ์เพราะสร้างความดีความชอบจากศึกาให้บ้านเมือง แต่งบุตรสาวของตระกูลผู้ดีแถบชายแดนเป็ภรรยา สร้างครอบครัวเล็กๆ มีความสงบสุขปรองดองและให้กำเนิดเขาเมื่อสิบปีก่อน หลังจากนั้นเกิดาขึ้นอีกครา ท่านพ่อได้รับาเ็สาหัสในาและมิพบร่องรอย ท่านแม่น้ำตาอาบใบหน้าทุกวันคืน เฝ้าประคับประคองชีวิตความเป็อยู่ของพวกเราสองคนอย่างยากลำบาก
หลังาสิ้นสุดลง ทางประเทศส่งเงินบำเหน็จมาจำนวนหนึ่ง ท่านแม่บอกลาผู้าุโแล้วพาตนไปจากดินแดนแห่งความช้ำใจ มาตั้งรกรากอยู่ที่อาณาจักรไหลเต๋อแห่งศาสนาที่อยู่ใกล้เคียง ทว่ามิทันให้ได้ตั้งตัวมั่นคง ความเชื่อมโยงที่มากเกินกว่าปกติระหว่างตนกับธาตุแสงได้ถูกนักบวชท้องถิ่นค้นพบเข้า หลังพระสันตะปาปารับปากว่าจะดูแลชีวิตความเป็อยู่ของคนทั้งสอง ตนกับท่านแม่จึงได้ย้ายมายังเมืองหลวงด้วยกัน
สันตะสำนักเล็งเห็นถึงพลังและความบริสุทธิ์ของเยวียเฮ่อเอ่อร์ คิดอยากจะหล่อหลอมเยวียเฮ่อเอ่อร์ไว้ใช้ประโยชน์ กระนั้นสันตะสำนักกลับนึกมิถึงว่า แม้จะถูกสิ่งที่เรียกว่าคำสอนกล่อมเกลามาเป็เวลาเจ็ดปีเต็ม เยวียเฮ่อเอ่อร์กลับมิกลายเป็หุ่นเชิดว่านอนสอนง่ายที่มิกินอาหารเหมือนมนุษย์เดินดิน ความซื่อตรง ตรงไปตรงมาและความยิ่งใหญ่ของบิดาถูกสลักไว้ในหัวของเยวียเฮ่อเอ่อร์แต่เด็ก มิเคยแปรเปลี่ยน
เพราะได้รับอิทธิพลจากจิติญญาความเป็อัศวินของบิดา เยวียเฮ่อเอ่อร์จึงมิมีความคิดอคติต่อเผ่าปีศาจ ในทางกลับกัน าที่ทำให้บิดาของตนต้องตายสืบเนื่องมากจากเผ่าพันธุ์และความเชื่อของรากฐานประเทศ ส่วนฐานะพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ ในใจของตนมิได้ยอมรับแต่อย่างใด ยิ่งไม่มีทางส่งผลต่อความรู้ความเข้าใจและการตัดสินใจของตน
หลังจากได้พูดคุยกับาาปีศาจเมื่อยามอยู่ในคุกจากความสนใจใคร่รู้ที่เกิดขึ้นกะทันหัน เยวียเฮ่อเอ่อร์พบว่าเผ่าปีศาจผู้นี้ไม่ได้บ้าบิ่นกระหายเืเช่นที่ผู้อื่นกล่าว สำหรับผู้ไม่รู้ ตนกลับเหมือนเหล่าอัศวินพเนจรที่ท่านพ่อเคยให้การต้อนรับ ไม่เพียงแต่เปิดเผยตรงไปตรงมา ยังมีไมตรีและสง่างาม อีกทั้งยังมีความรู้กว้างขวางทีเดียว เื่นี้ทำให้เยวียเฮ่อเอ่อร์ผู้มีนิสัยร่าเริงเกิดเป็ความรู้สึกที่ดีต่อาาปีศาจ อย่างไรเสียก็ดีกว่านักบวชจำนวนไม่น้อยในสันตะสำนักที่จิตใจเต็มไปด้วยความดำมืด
…เพียงแต่ จบสิ้นแล้ว
เยวียเฮ่อเอ่อร์เงยหน้าขึ้น มองแท่นลงทัณฑ์ว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไปด้วยความรู้สึกวูบโหวง ร่างกายของเผ่ามารที่มีคุณสมบัติเป็ความมืดถูกธาตุแสงกลืนกินจนสิ้น เหล่าประชาชนในจัตุรัสส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ทำเอาเยวียเฮ่อเอ่อร์ฟังแล้วรู้สึกรำคาญใจ เขาออกแรงสะบัดกลุ่มคนออกเพื่อมุ่งหน้าไปทางที่พำนักของพระสังฆราช
“ได้ยินว่าาาปีศาจยังมีน้องชายอีกคนที่ยังหาตัวไม่พบ หากเป็เด็กที่อายุน้อยกว่าหมีเอ่อร์ เช่นนั้นเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรกัน…”
เยวียเฮ่อเอ่อร์กุมปลายคางพลางขมวดคิ้ว ยกเท้าเตะก้อนหินข้างทางจนกระเด็นออกไป
“เฮ้อ หากหาพบก็ส่งไปฝากท่านปู่เลี้ยงดูดีกว่า”
ในขณะเดียวกันนั้น พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามอย่างหมีเอ่อร์กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาเลื่อนลอยทั้งสองข้างมองไปทางลานจัตุรัสที่ดังแซ่ซ้องด้วยเสียงแห่งความปีติยินดี เล็บมือจิกผิวขาวผ่องจนถลอกเื สีสดไหลออกจากช่องว่างของมือที่กำเข้าหากันแน่นจนกลายเป็หมัด
พี่ชายของเขาต้องตายอย่างน่าเวทนายิ่งนัก แทบจะถูกลงทัณฑ์ด้วยวิธีใกล้เคียงกับการทรมาน ภายใต้การบีบบังคับของสมเด็จพระสันตะปาปา ตนต้องทนมองทุกกระบวนการจนจบ ส่วนลึกในใจชาหนึบราวกับถูกมีดกรีด ท้ายที่สุดหมีเอ่อร์ผู้ร่างกายสั่นเทาก็ไร้เรี่ยวแรงและเป็ลมหมดสติอยู่ริมหน้าต่าง
……..
ภายในสถานพำนักสีทองอร่ามของพระสังฆราช ห้องโถงหารืออันเคร่งขรึมไร้ซึ่งผู้คน อัศวินแห่งพระวิหารที่เดิมทีควรเฝ้าอยู่หน้าประตูถูกสั่งให้หลบไปอยู่หน้าบันได ทว่าใบหน้ากลับไร้ซึ่งความกังวล เพราะเหล่าอัศวินต่างรู้ว่าท่านที่อยู่ข้างในแข็งแกร่งกว่าพวกตนนับร้อยเท่า
ด้านหลังรูปวาดของเทพแห่งแสงภายในห้องโถงหารือมี “โถงหารือลับ” คับแคบห้องหนึ่ง แสงเทียนวูบไหวแ่เบา บุรุษผมสีทองดวงตาสีเขียววัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์หรูหรา เปิดตำราคำสอนอย่างเชื่องช้าพลางเอ่ยถามพระคาร์ดินัลที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามมีท่าทีเช่นไรบ้าง?”
“หลังสิ้นสุดพิธีลงทัณฑ์ ท่านหมีเอ่อร์ก็ขังตัวเองไว้ในห้องมิยอมออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
“เหอะ ถึงอย่างไรก็เป็คนที่เคยเลี้ยงดูเขามา หากภายในใจจะรู้สึกมิดีก็นับเป็เื่ปกติ ข้ายังเป็กังวลว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพวกเราเพราะพี่ใหญ่เผ่ามารตนนั้นเสียด้วยซ้ำ”
บุรุษวัยกลางคนวางตำราคำสอนลงก่อนจะคลี่ยิ้มบางพลางเงยหน้าขึ้น พลันพบว่านี่ก็คือสมเด็จพระสันตะปาปาในพิธีลงทัณฑ์ที่เพิ่งสิ้นสุดลง เพียงแต่มีหรือสมเด็จพระสันตะปาปาในยามนี้จะยังคงหลงเหลือท่าทางเป็มิตร ดวงตาเรียวยาวหรี่ลง ทอประกายเย็นเยียบอำมหิต ราวงูพิษตัวหนึ่งที่กำลังจดจ้องเหยื่อของมัน
“ยิ่งไปกว่านั้น เขามีเพียงความสัมพรรค[3]กับธาตุแสงที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่กลับมิรู้เวทมนตร์อันใดสักอย่าง จะไปสู้ผู้ใดได้?”
“หรือเพราะการมีอยู่ของาาปีศาจ พระองค์จึงมิสอนวิชาเวทให้กับเขาเป็การเฉพาะ?”
พระคาร์ดินัลคุกเข่าอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างประสานอยู่บนอก ดวงตาเป็ประกายดารา ทอดมองไปทางสมเด็จพระสันตะปาปาที่อยู่เบื้องหน้าด้วยใบหน้าเคารพเลื่อมใส
“สมเด็จพระสันตะปาปาทรงฉลาดหลักแหลมกว่าผู้ใดในโลกหล้า ผู้น้อยยากจะบรรลุถึงพ่ะย่ะค่ะ”
“เพียงเื่ธรรมดาของมนุษย์เท่านั้น แม้เ้าจะประจบก็มิได้ทำให้ข้ารู้สึกดีใจ”
สมเด็จพระสันตะปาปาคลี่ยิ้มพลางยกจอกน้ำชาขึ้น ทว่าแววตากลับทอประกายเย็นเยียบชวนให้ผู้คนเสียวสันหลัง
“ตอนนี้าาปีศาจสิ้นแล้ว ความคะนึงของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามก็ถูกตัดขาดแล้วเช่นกัน ถึงเวลาที่ควรจะหาอาจารย์ให้เขาแล้ว”
“ผู้น้อยเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะสมเด็จพระสันตะปาปา”
พระคาร์ดินัลที่ได้รับคำสั่งหยัดกายลุกขึ้น จากนั้นก้มหน้าถอยหลังมุ่งหน้าไปยังหนทางมืดสนิท
“ลูกกระต่ายอ่อนแอเช่นนั้น เพียงคอยให้ข้าวให้น้ำและเลี้ยงให้เชื่องก็พอแล้ว…
หนึ่งน้ำเสียงทุ้มต่ำอันลึกลับดังออกมาจากบัลลังก์ สมเด็จพระสันตะปาปาแค่นหัวเราะเสียงเย็น ส่ายหน้าพลางยกยิ้มคล้ายมิยิ้มว่า
“หากมิลงมือให้เหี้ยมโหดสักหน่อย เ้าเด็กพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสองก็คือตัวอย่างของความล้มเหลว”
“จิ๊…ถึงอย่างไรก็ยกให้เ้าแล้ว ต่อให้ต้องทำลายเขา ก็มิอาจปล่อยให้เขาเกิดความคิดต่อต้าน…”
เชิงอรรถ
[1] พระคาร์ดินัล คือพระสังฆราชหรือพระสงฆ์ที่ทำหน้าที่เป็ที่ปรึกษาพระสันตะปาปา เป็สมณศักดิ์สูงสุดในพระศาสนจักร(โรมัน)
[2] พิธีบัพติศมา 坚振礼 คือพิธีรับเข้าเป็คริสต์ศาสนิกชน พิธีบัพติศมา หรือ ศีลล้างบาป เป็พิธีศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์ ทำขึ้นเพื่อรับ "ผู้ที่เพิ่งรับเชื่อ" เข้าเป็สมาชิกใหม่ของคริสตจักร
[3] ความสัมพรรค 亲和力 คือแรงเกาะติดหรือความเกี่ยวข้อง