หลงหว่านเอ๋อร์อดสถบออกมาไม่ได้ “ไอ้คนไร้ประโยชน์”
ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีมาช้าเพียงก้าวเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกสำนักหมัดเทวาจับตัวและข่มขู่ โง่เง่าเสียจริง หลงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่รู้ว่าทำไมตระกูลหลงถึงมีคนไร้ประโยชน์แบบนี้ได้
เย่เฟิงเหลือบมองหลงเสียน ในใจคิดว่าเ้าหนุ่มคนนี้เป็แค่สวะดีๆ นี่เอง เก่งแต่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า
ตอนอยู่ต่อหน้าคู่รักหนุ่มสาวธรรมดาในเมืองหลินอัน ก็บีบบังคับจนหญิงสาวคนนั้นต้องะโตึก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศิษย์พี่น้องของสำนักหมัดเทวา กลับหวาดกลัวจนปัสสาวะรดกางเกง ทั้งยังกล้าหักหลังหลงหว่านเอ๋อร์ซึ่งเป็คนตระกูลเดียวกัน
“ไปกับฉัน” เย่เฟิงเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนโอบร่างร้อนจัดของหลงหว่านเอ๋อร์ถอยเข้าไปในพุ่มไม้ด้านข้าง ถนนเส้นนี้เป็ถนนเพียงเส้นเดียวที่ใช้ขึ้นลงูเานี้ได้ หากต่อสู้กันที่นี่ คงยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นพบ หรือไม่ก็อาจถูกคู่หูชายหญิงจากวิหารดาบ์ตามมาเจอเข้า ถ้าเป็เช่นนั้นคงมีปัญหายุ่งยากตามมาอีกแน่
ชายหนุ่มจึงเตรียมพาหลงหว่านเอ๋อร์และศิษย์พี่น้องจากสำนักหมัดเทวาไปป่าด้านข้าง เพียงออกห่างจากถนนเส้นนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนเข้ามารบกวน
เป้าหมายสำคัญของเขาคือบีบบังคับคุณหนูใหญ่ตระกูลหลง จับเธอเป็ตัวประกันเพื่อผ่านที่ราบระหว่างเชิงเขา! หากบนนั้นมีคนของตระกูลหลงอยู่เยอะมาก การมีหลงหว่านเอ๋อร์เป็ตัวประกันต้องทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าโจมตีเขาเพราะกลัวเธอจะโดนลูกหลงไปด้วยแน่นอน ขอเพียงผ่านตรงนั้นไปได้ อีกไม่ไกลจะมีถนนเส้นเล็กอยู่เส้นหนึ่ง ซึ่งเป็ทางเข้าสู่สุสานโบราณ พอเข้าไปยังเส้นทางของสุสานโบราณแล้ว ชายหนุ่มก็มั่นใจว่าอาศัยเพียงแผนที่ที่ได้มาจากจูไป่เหนี่ยวก็สามารถสลัดทุกคนไปได้
“จะฉันพาไปไหน?” หลงหว่านเอ๋อร์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรจึงได้แต่ถามเสียงเบา
หญิงสาวถูกรวบไว้ในอ้อมกอดจนรู้สึกอึดอัด ั้แ่เด็กจนโตเธอไม่เคยต้องเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอต้องใช้พลังภายในระงับพิษในกาย จึงไม่มีแรงพอที่จะผละออกจากอ้อมกอดของเย่เฟิงได้
หากเธอไม่ระงับพิษเอาไว้ มีโอกาสสูงที่มันจะปะทุออกมา เมื่อถึงเวลานั้น คงพูดยากว่าหญิงสาวจะสามารถทนต่อไปได้อีกหรือเปล่า เธอไม่อยากให้ชีวิตตัวเองต้องถูกทำลายด้วยเื่แบบนี้!
ตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์คิดเพียงอย่างเดียวว่าขอให้ชายสวมหน้ากากต่อสู้กับคนจากสำนักหมัดเทวา หรือไม่ก็ขอให้ผู้าุโตระกูลหลงมาพบเข้า
“แค่มากับฉันก็พอ” เย่เฟิงหัวเราะเสียง ยิ่งทำให้การแสดงออกของใบหน้าที่สวมหน้ากากดูดุร้ายอย่างชัดเจน ตอนนี้แทบจะกลายเป็ว่าเขาลากตัวหลงหว่านเอ๋อร์หนีเข้าป่าข้างทาง
“ศิษย์น้องลัวลี่ ตามไปเร็ว!” เมื่อชายหนุ่มเ้าเล่ห์เห็นดังนั้นก็รีบโบกมือส่งสัญญาณให้ชายผิวเข้มเร่งตามไปทันที
“ศิษย์พี่ลัวเหลย ไม่สู้ให้ท่านนำไปเองจะดีกว่า” ชายผิวเข้มไม่ตกหลุมพรางกลับตอบอย่างระแวง
“หึ ถ้าฉันไป แล้วนายจะคุมไอ้หนุ่มนี่ได้หรือไง?” ลัวเหลยเอ่ยด้วยความไม่พอใจ เขาแสดงท่าทีให้เห็นว่ากำลังคุมตัวหลงเสียนไว้ในมือ
ลัวลี่แสดงสีหน้าลังเล “ชายสวมหน้ากากนั่นฝีมือสูงส่งถึงขั้นฆ่าทานหลางเจี้ยนได้ในกระบี่เดียว หากเป็การซุ่มโจมตี ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่”
แม้จะ้าหลงหว่านเอ๋อร์มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง
“หึ นายไม่ไป งั้นฉันก็ไม่ไปแล้วเหมือนกัน นายจัดการเื่นี้เอาเองแล้วกัน” ลัวเหลยเคยได้ยินชื่อเสียงของชายสวมหน้ากากที่ชื่อโม่จิ่วเกอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเ็า ไม่คิดเป็ผู้นำการต่อสู้
“นี่...” ลัวลี่ลังเลพักหนึ่ง ในที่สุดก็กัดฟันพยักหน้า “งั้นศิษย์พี่ต้องคอยระวังให้ผม”
เขาคิดว่าหากวันนี้ยอมปล่อยชายสวมหน้ากากและหลงหว่านเอ๋อร์ไป คงมีปัญหาตามมาไม่รู้จบแน่ ยาที่พวกเขาใช้กับหลงหว่านเอ๋อร์รุนแรงมาก ชายสวมหน้ากากคนนั้นก็ดูเหมือนจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ หากในอนาคตพวกนั้นร่วมมือกัน พวกเขาคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นแน่
ยิ่งกว่านั้นหากหลงหว่านเอ๋อร์มีชีวิตรอดกลับไป เื่นี้คงทำให้พ่อของเธอโมโหมาก แม้แต่สำนักหมัดเทวาของพวกเขาคงไม่สามารถระงับความโกรธที่เกิดขึ้นได้แน่
“วางใจเถอะ ถึงหมอนั่นจะฆ่าทานหลางเจี้ยนได้ แต่ทานหลางเจี้ยนก็มีพลังลมปราณแค่ห้าปีเท่านั้น” ลัวเหลยพูดเสริมอีกประโยค “แต่ฉันบ่มเพาะพลังลมปราณมาถึงแปดปี ทั้งยังไม่ใช่คนไม่เอาถ่านอย่างทานหลางเจี้ยน ฉันไม่มีทางแพ้เ้าคนสวมหน้ากากนั่นแน่”
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็หิ้วตัวหลงเสียนตามรอยเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์เข้าไปกลางป่า พวกเขาวางยาหญิงสาวเพื่อทำเื่ไร้ยางอายกับเธอเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถกลับไปแจ้งข่าวให้ผู้าุโของสำนักมาช่วยได้
............
เย่เฟิงรีบลากหลงหว่านเอ๋อร์เข้าไปในป่าลึก วิ่งไกลออกไปนับพันเมตรด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งมาถึงขอบหน้าผาชันที่มีเหวลึกจนมองไม่เห็นก้นเหว จึงหยุดฝีเท้า
“ระดับพลังลมปราณสิบปีนี่ไม่เลวเลยจริงๆ ทำให้ก้าวหน้าได้มากขนาดนี้” เย่เฟิงรู้สึกถึงร่างกายที่ร้อนจัดในอ้อมกอดของตัวเองก็ถึงกับยกยิ้ม ทั้งคู่ยืนร่างชิดกันมากจนต่างฝ่ายต่างรับรู้ระดับพลังของกันและกัน
“หืม ระดับพลังลมปราณเพียงสี่ปี...” หลงหว่านเอ๋อร์ประหลาดใจเล็กน้อย เ้าหมอนี่มีระดับพลังเพียงสี่ปี นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถปลิดชีพทานหลางเจี้ยนที่มีระดับพลังลมปราณห้าปีได้ในกระบี่เดียว ท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ทั้งยังกระบี่สีแดงเพลิงนั่นอีก ไม่รู้ว่าเขาซ่อนมันไว้ที่ไหน...
เธอไม่รู้เลยว่านอกจากระดับพลังสี่ปีของเย่เฟิงแล้วเขายังเพิ่งดูดซับพลังฟ้าดินของหญ้าเจียหลานหลิงมาอีก ไม่อย่างนั้นคงได้มองเขาเป็สัตว์ประหลาดแน่นอน
“เรามาตกลงกันดีกว่า เธอถ่วงเวลาเ้าคนร่างสูงนั่นไปสักพักแล้วกัน ฉันจะจัดการเ้าคนผิวเข้มนั่นเองโอเคไหม?” เย่เฟิงยิ้มมุมปาก ก่อนก้มลงจ้องใบหน้าสวยของหลงหว่านเอ๋อร์
“สภาพฉันเป็แบบนี้ ฉันไม่มีทางต่อสู้กับเขาได้หรอก” เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ใบหน้าเล็กก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเริ่มอ่อนแรงลงราวกับจะละลายอยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิง
“งั้นเหรอ?” เย่เฟิงหยอกล้อ “งั้นผมคงต้องไปโดยทิ้งคุณไว้ที่นี่แล้วล่ะ ระดับพลังลมปราณของผมแค่สี่ปีเอง ไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของเ้าคนร่างสูงนั่นได้หรอก”
“เอ่อ...” ใบหน้าแดงก่ำของหลงหว่านเอ๋อร์เริ่มลังเล หลังจากคิดจนถี่ถ้วนแล้วคงมีเพียงวิธีนี้จึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับ “งั้นนายก็รีบจัดการเ้าเด็กลัวลี่ให้เร็วหน่อยแล้วกัน นายสังหารทานหลางเจี้ยนได้ในกระบี่เดียวด้วยซ้ำ เ้าเด็กนั่นคงไม่คณามือนายหรอกมั้ง?”
“มันเป็เื่ปกติอยู่แล้ว แค่เธอขวางเ้าร่างสูงนั่นไว้ก่อน ฉันก็จะสังหารอีกคนได้ภายในเสี้ยววินาที” เย่เฟิงผงกหัว ใบหน้าที่สวมหน้ากากดูน่าสงสัย น่าเสียดายที่ตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
เธอคิดว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายปะทะกันจะฉวยโอกาสหลบหนี คิดจะหนีขึ้นเขาเพื่อหาผู้าุโตระกูลหลง ให้พวกเขาช่วยขจัดพิษให้เธอ...
“พวกมันมาแล้ว” เย่เฟิงยกยิ้มมุมปาก ร่างบางในอ้อมกอดแนบชิดกับอกของเขาจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอ จากนั้นลูบไล้ตามส่วนต่างๆ ของเธอ หญิงสาวถูกพิษปลุกกำหนัดอย่างนี้ เขาจึงใช้มือกระตุ้นพิษให้ปะทุเพื่อป้องกันเธอหลบหนี
เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์ถูกเขาลูบไล้ปลุกเร้าอย่างนี้ ใบหน้าสวยพลันแดงระเรื่อ รู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งตัว ฤทธิ์ยาในร่างเริ่มแผลงฤทธิ์จนแทบควบคุมไม่ไหว เมื่อเย่เฟิงผละออกไป เธอก็รีบสงบสติทันที หลังจากเงยหน้าก็เห็นว่าลัวเหลยและลัวลี่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“แบ่งกันจัดการหนึ่งต่อหนึ่ง!” นึกไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์แยกจากกัน ในยามวิกฤตนั้นลัวเหลยตัดสินใจเด็ดขาด เขาตีหลงเสียนจนหมดสติก่อนโยนคนทิ้งไปด้านข้าง จากนั้นพุ่งเข้าไปหาหลงหว่านเอ๋อร์
โดยไม่ต้องสงสัย ตอนนี้สิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดย่อมเป็เธอ เมื่อเปรียบเทียบดูแล้วจัดการเธอค่อนข้างง่ายกว่า ทั้งยังใช้ประโยชน์จากตัวเธอได้อีก ให้ลัวลี่และชายสวมหน้ากากปะทะกันไปก่อนค่อยอาศัยจังหวะพุ่งเข้าไปปลิดชีพเ้าคนสวมหน้ากากในครั้งเดียว!
เขาเคยได้ยินเื่ที่ชายสวมหน้ากากสังหารทานหลางเจี้ยนในกระบี่เดียว ทว่าไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง ลัวเหลยเชื่อในศักยภาพของลูกศิษย์สำนักใหญ่อย่างสำหนักหมัดเทวา แม้ระดับพลังลมปราณของลัวลี่จะไม่ดีเท่าทานหลางเจี้ยน ทว่าอย่างน้อยก็ต้องต้านชายสวมหน้ากากได้พักหนึ่งแน่
เมื่อลัวลี่เผชิญสถานการณ์นี้ก็ถึงกับเหงื่อตก ลัวเหลยไม่เห็นการตายของทานหลางเจี้ยน ทว่าเขาที่อยู่นอกงานประมูลได้เห็นมันกับตา ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจของเขา การให้เขายืนโดดเดี่ยวต่อหน้าชายสวมหน้ากากไม่เท่ากับว่าอยากให้เขาตายหรอกเหรอ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้