“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเนี้ยนหรานมองครอบครัวนี้อย่างชัดเจนแล้วก็หงุดหงิดนิดหน่อย นางเกือบจะชนคนเข้าแล้วนะ
“แม่นาง ข้าขอร้อง... ช่วยลูกของพวกเราด้วยเถิด พวกเราถูกทำร้าย เด็กคนนี้ก็ดันมาป่วยหนัก เพื่อที่จะรักษาเขา พวกเราจึงขายที่นาทั้งหมด แต่ว่าตอนนี้อาการป่วยของเขากลับมาอีกครั้ง ทางหมอที่จ่ายโอสถบอกว่าหากไม่มีเงินก็จะไม่ให้ยา ได้ยินมาว่าต้องจ่ายเงินห้าตำลึงจึงจะสามารถรักษาโรคของเด็กคนนี้ให้หายได้ แม่นาง ท่านเป็คนดีมีน้ำใจ ช่วยให้เงินห้าตำลึงแก่พวกเราด้วยเถิด แล้วพวกเราจะกลายเป็ทาสของท่าน ข้า... ข้ายอมขายตัวเป็ทาสเพื่อรักษาลูกชาย...”
เฉินเนี้ยนหรานได้ยินคำนี้ก็รู้สึกหวั่นไหว แต่ว่า นางก็กังวลว่าคนพวกนี้จะเป็พวกต้มตุ๋น
จะต้องรู้ว่าเื่เช่นนี้พบเจอได้บ่อยมากในยุคปัจจุบัน
เฉินจื่อิกับบุตรชายเองก็ใจนโผล่หัวออกมาดู เขาะโลงจากรถ เดินไปตรงหน้าของบุรุษคนนั้น ยกมือขึ้นไปลูบที่หน้าผากของเด็ก
“โอ้ ตัวร้อนอยู่นะ ป่วยเป็อะไรหรือ? หมอโอสถบอกว่าห้าตำลึงก็สามารถรักษาให้หายได้แล้วหรือ? เอาความกล้ามาจากไหนถึงได้รับประกันเช่นนี้”
ปกติแล้ว หากหมอโอสถไม่ใช่นักต้นตุ๋น ไม่มีทางพูดเช่นนี้ได้
บุรุษคนนั้นเห็นเขาถามด้วยความใจดี ก็เหมือนเจอกับความหวัง เขาพยักหน้าไม่หยุด “ขอรับ หมอโอสถท่านนี้คือคนที่ช่วยหัวหน้าเขตของพวกเราไว้ เพราะว่าเป็ญาติกัน ดังนั้นเขาจึงพูดความจริง บอกว่า... บอกว่าเ้าเด็กคนนี้ขาดแคลนโภชนาการ บวกกับครั้งที่แล้วป่วยเพราะอากาศเย็น ทำให้อาการป่วยยิ่งร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ”
“หากมีไม่กี่ตำลึงก็สามารถเอามาซื้อยาเพื่อปรับร่างกายให้ดีขึ้น อาการป่วยของลูกก็จะดีขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเราสองคนสามีภรรยาจึงหน้ามืดตามัวเอาที่นาไปขายจนสิ้น จึงทำให้ในวันนี้ไม่สามารถหาเงินห้าตำลึงมาได้ แถมที่เรือนก็ไม่มีพื้นที่ให้เพาะปลูกแล้ว ดังนั้นจึงพากันออกมาขายตัวเป็ทาส เพียงแต่ เพียงแต่....”
คำว่าเพียงแต่ด้านหลัง เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้ เพราะว่าถึงแม้พวกเขาจะมาขายตัวเป็ทาสด้วยเงินห้าตำลึง คนอื่นเขาก็คิดว่าพวกเขาเป็นักต้มตุ๋น จึงไม่ได้สนใจใยดี
เฉินจื่อิเข้าใจทุกอย่างแล้ว มองสตรีตั้งครรภ์ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายเขา ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ก็ถูกต้องแล้ว อย่างพวกเ้าน่ะ มีทั้งเด็กป่วย ทั้งยังมีสตรีตั้งครรภ์ คนปกติแล้วใครจะไปยอมรับพวกเ้าเข้าเรือนกัน”
สายตาของเขามองไปทางเฉินเนี้ยนหราน ที่ร้านของเขามีกันหลายคนแล้ว ตอนนี้ยังมีท่านแม่ชราที่ต้องเลี้ยงดู หากพาครอบครัวนี้กลับไปด้วย ก็คงจะลำบากนิดหน่อย
“ท่านลุง ขอแค่พวกเขาอยากจะช่วยรักษาลูกของตนเองจริงๆ ข้าสามารถให้เงินเขาไปรักษาได้ เพียงแต่ ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ!”
สตรีที่นิ่งเงียบไม่มีปากเสียงมาตลอดพอได้ยินก็รีบมองนางด้วยแววตาที่รื้นน้ำตา “โปรดพูดมาเถิดแม่นาง ถ้าพวกเราทำได้ ถึงแม้ให้เป็วัวเป็ม้า พวกเราทั้งครอบครัวก็พร้อมจะทำ!”
ในตอนนั้นเอง เด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดของบุรุษคนนั้นกลับพยายามจับมือของเขา “ท่านพ่อ ...ไม่เอา....ไม่เอา....ข้าจะหาย...ข้าจะหาย....”
เด็กชายพูดออกมาอย่างดื้อรั้น ขอบตาแดงร้อน ทั้งยังมีน้ำตาไหลออกมา ภาพนั้นทำเอาคนที่ใจแข็งดั่งหินยังต้องอ่อนยวบลง
ต้าหลางเองก็ดึงเสื้อของเฉินจื่อิ จนคนถูกดึงต้องถอนหายใจยาว เขาตัดสินใจแล้ว หากเฉินเนี้ยนหรานไม่ยอม เขาก็...จะใจดีช่วยเหลือครอบครัวนี้เอง
“ความ้าของข้าง่ายมาก ข้าสามารถจ่ายค่ารักษาให้เขาได้ ห้าตำลึงนี่ ก็ถือว่าข้าให้พวกเ้ายืม รอต่อไปพวกเ้ามีกำลังแล้วค่อยเอามาคืน”
ความคิดนี้ทำเอาสองสามีภรรยาดีใจมาก กลับเป็เฉินจื่อิที่มองว่าเ้าเด็กคนนี้ทำอะไรไม่ระมัดระวังเอาเสียเลย ดูสิ ใครจะไปรู้ใจคนว่าจริงใจหรือไม่จริงใจ หากเจอคนที่เข้ามาสร้างเื่หลอกลวงเพื่อเอาเงินจะทำเช่นไร? เงินตั้งห้าตำลึงเลยเชียวนะ คนปกติต้องหามาตั้งนานกว่าจะหาได้เท่านี้
“แน่นอน จากสภาพของพวกเ้าตอนนี้ อยากจะคืนเงินห้าตำลึงให้ข้าก็คงจะยากทีเดียว ดังนั้น ข้ามีวิธีที่พวกเราสามารถเจอกันครึ่งทางมาเสนอให้กับพวกเ้า ก็คือพวกเ้าสามารถทำงานใช้หนี้ให้กับข้า หรือก็คือไม่ต้องขายตัวมาเป็ทาส แต่แค่ทำงานให้ข้าเท่านั้น ซึ่งข้าสามารถดูแลทั้งที่กินที่พักให้กับพวกเ้าได้ แต่พวกเ้าก็ต้องใช้แรงงานของตัวเองมาจ่ายหนี้ในส่วนนี้นะ”
แผนการหลักในการสร้างแปลงเกษตรของนางจะเริ่มลงมือทำจริงแล้ว ถึงตอนนั้นจะต้องใช้แรงงานคนจำนวนไม่น้อย จากน้องสาวของพวกนางในตอนนี้ หากอยากจะทำแปลงเกษตรขึ้นมาก็คงจะยากไปสักหน่อย ดังนั้นครอบครัวนี้ โดยเฉพาะบุรุษคนนี้ ต่อไปจะต้องกลายเป็แรงงานหลักของครอบครัว หากพวกเขาอยากจะทำเพื่อลูกชายจริงๆ พวกเขาจะต้องทุ่มเทให้กับงานที่นางมอบหมายอย่างแน่นอน และนางก็เชื่อว่านิสัยของพวกเขาพอจะถูไถผ่านไปได้
เฉินเนี้ยนหรานไม่ใช่แม่พระ แต่กลับไม่ใช่สตรีที่ใจร้ายไส้ระกำ ในเมื่อมีแรงงานดีๆ มาส่งถึงหน้าประตู เหตุใดจะไม่รับเอาล่ะ? ก็แค่จ่ายเงินค่าแรงไปก่อนล่วงหน้าเท่านั้น เื่เช่นนี้น่ะ นางสามารถทำได้
บางทีอาจจะมีคนพูดว่านางตอกย้ำซ้ำเติมคนที่ลำบาก แต่ว่านางไม่คิดเช่นนั้น คนเราต้องให้ก่อนถึงจะได้อะไรกลับมา เ้าคิดแค่อยากจะให้เขาเอาเงินมาให้ แต่กลับไม่คิดที่จะทำอะไรเลย คนนิสัยเช่นนี้ไม่มีคุณค่าพอให้ทำอะไรให้เลยด้วยซ้ำ
ครอบครัวนี้พอได้ยินเื่เช่นนี้ก็ดีใจมาก
บุรุษผู้เป็หัวหน้าครอบครัวพูดขอบคุณไม่หยุด
“ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณมาก ครอบครัวของพวกเรากำลังไม่มีที่ไปพอดี แม่นางยอมจ่ายเงินรักษาลูกให้พวกเรา แล้วยังยอมให้พวกเราทำงานใช้หนี้ เื่นี้... เื่นี้คือโชคดีที่พวกเราได้ทำเอาไว้แต่ชาติปางก่อน ถึงได้เจอแม่นางจิตใจงามเช่นนี้ พวกเรายินดีนัก พวกเรายินดี!”
ได้ช่วยลูกชาย แล้วยังมีที่ได้พักอาศัย ดูจากใบหน้าที่แฝงความใจดีของแม่นางคนนี้ จะมองอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่ใจไม้ไส้ระกำ
ครอบครัวของหวงเต๋ออันรู้สึกว่าตนได้เจอกับดาวแห่งความโชคดีแล้ว
หนิวซื่อ ภรรยาของหวงเต๋ออันเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาพลางพูดขอบคุณไม่หยุด
พวกนางจะพยุงพวกเขาขึ้นมา ต้าหลางเอาขนมในรถแบ่งให้กับครอบครัวนี้กิน
เด็กคนนั้นกำลังตัวร้อนอย่างชัดเจน ในยุคโบราณเช่นนี้ การเป็ไข้ถือว่าเป็ปัญหาที่หนักหนามากจริงๆ
หากไข้ไม่ลดลง มีความเป็ไปได้ว่าไข้จะไปทำลายสมอง บางทีอาจจะตายเพราะไข้สูงไม่ยอมลดก็เป็ได้
เพราะว่าอาการป่วยของเด็กคนนี้รุนแรงอยู่นิดหน่อย ดังนั้นเฉินเนี้ยนหรานจึงบังคับรถม้าไปที่ร้านเล็กๆ ข้างถนนใกล้ๆ ก่อนจะลงจากรถม้าไปซื้อเหล้ามาหนึ่งไห แล้วขอสำลีมาจากเ้าของร้าน ตลอดทางก็เอามาทาตัว ทาแขนขาทั้งสี่ข้าง
ตรงจุดที่สำคัญก็ทาไปสองรอบ ทว่ารถม้าก็ยังไม่ถึงที่หมายสักที
หวงเต๋ออันสองสามีกลับเชื่อใจเฉินเนี้ยนหราน ปล่อยให้นางเอาเหล้ามาทาที่ตัวของลูกชาย
ทั้งสองคนไม่กล้าออกแรงมาก ถึงแม้จะหิวข้าวมาก แต่กลับกินขนมหวานเข้าไปน้อยมากเช่นกัน เนื่องด้วยลูกชายป่วยมารดาก็กังวลตาม สองสามีภรรยาในตอนนี้ เกรงว่าก่อนที่ไข้ของลูกชายจะลดลง คงจะไม่สามารถกินอะไรได้ลง
โชคดีที่วิธีที่เอาเหล้ามาทาดูเหมือนจะได้ผลอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ว่าอุณหภูมิของเด็กชายก็ลดลงนิดหน่อย ทว่าอาการก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น
อุณหภูมิร่างกายของเด็กคนนี้ยังคงสูงมาก พูดได้แค่ว่า วิธีของเฉินเนี้ยนหรานมีผลกับเขานิดหน่อย แต่กลับไม่สามารถทำให้ไข้ของเขาลดลงได้ตามเป้าหมาย
“อีกเดี๋ยวจะถึงเขตแล้ว ข้าจะไปหาหมอท่านนั้นที่ร้านโอสถเป่าเหอ ฝีมือการรักษาของเขาไม่เลวเลยทีเดียว“ เฉินจื่อิเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจยาวแล้วพูดแผนในใจออกมา
รถม้าขับไปไวกว่าเดิม
ระหว่างทาง บุรุษแซ่หวงคนนั้นถึงขั้นเสนอว่าจะขอลงจากรถม้าเพื่อให้ม้าเบาตัวลงและสามารถวิ่งได้เร็วขึ้นเพื่อประหยัดเวลา เขาอยากจะลงจากรถแล้ววิ่งไปกับม้า สุดท้ายก็ถูกต้าหลางกับเฉินเนี้ยนหรานรั้งเอาไว้ ถึงได้ฝืนนั่งอยู่บนรถม้าด้วยกัน
คืนวันนั้น พวกเขาถึงไปถึงที่เรือน
โดยที่ไม่ได้สนใจที่จะกลับไปร้านของพวกตน พวกเขาทั้งหมดไปเคาะประตูร้านโอสถเป่าเหอ
วุ่นวายเช่นนี้กันค่อนคืน สุดท้ายเฉินเนี้ยนหรานถึงได้ไปเบียดนอนกับกวนซูเยวียน
พวกกวนซูเยวียนจะต้องไปทำขนมไหว้พระจันทร์ ร้านค้าจะให้พวกเด็กๆ ดูก็คงจะไม่ได้ ดีที่ครอบครัวนี้มาร่วมด้วย จึงให้คนแซ่หวงไปเฝ้าร้านให้
อย่าได้ว่าไป ถึงแม้บุรุษคนนี้จะดูไม่ได้เื่ แต่ว่าก็ยังพอทำธุรกิจเป็ เื่การคำนวณบัญชีก็ยังพอทำได้
รับงานไม่กี่ครั้ง ก็สามารถเข้าใจและทำเองได้แล้ว เมื่อเห็นเขาสามารถทำงานได้ อีกทั้งยังมีเอ๋อร์หลาง [1] กับซานหลาง [2] คอยดูอยู่ พวกเฉินจื่อิและต้าหลางจึงเข้าไปทำขนมไหว้พระจันทร์ที่หลังร้านด้วยกัน
ส่วนม้าก็ให้น้องห้ากับน้องหกรับผิดชอบในการพามันไปเลี้ยง
ทุกคนต่างมีหน้าที่เป็ของตนเอง ทุกคนต่างเริ่มง่วนอยู่กับงาน
เพียงแต่ ดูเหมือนว่ากำลังคนที่ทำขนมไหว้พระจันทร์จะยังมีไม่เพียงพออย่างชัดเจน
เฉินเนี้ยนหราน เฉินจื่อิ กวนซูเยวียน ต้าหลาง คำนวณไปแล้วก็มีเพียงแค่สี่คน
ทั้งสี่คนจะต้องนวดแป้ง ปั้นเป็ทรงแล้วใส่ไส้เข้าไป สุดท้ายยังต้องใส่เข้าไปในพิมพ์แบบหลากหลายรูปแบบ
สิ่งที่สำคัญที่สุด เตาในยุคสมัยนี้จะต้องมีคนคอยเฝ้าคุมไฟ
ถึงตอนไหนจะต้องใช้ไฟเช่นไร เื่นี้จะต้องทำให้ดี ดังนั้นเฉินจื่อิจึงรับผิดชอบเื่ไฟโดยเฉพาะ งานนี้เป็สิ่งที่เขาถนัด
กวนซูเยวียนแรงเยอะนิดหน่อย จึงรับผิดชอบงานปั้นแป้ง
เฉินเนี้ยนหรานห่อไส้ ต้าหลางเอาไปใส่แป้นพิมพ์ แล้วเอาไปใส่ในเตาอบ
เตาอบหนึ่งเตา ชัดเจนเลยว่าอบไม่พอ
พวกนางทั้งสี่คนดันมีเตาเพียงเตาเดียว ดังนั้นจึงไปซื้ออีกเตากลับมา
แต่ว่าถึงจะเป็เช่นนั้นก็ยังทำไม่ทันอยู่ดี
เตาแค่สองเตาจะทำขนมไหว้จันทร์ออกมาได้กี่ชิ้นกัน?
จากที่เฉินเนี้ยนหรานใช้สายตาประเมินแล้ว แค่ปริมาณที่ขายในอำเภอ ก็มากมายจนขั้นต่ำห้าเตายังทำออกมาไม่พอด้วยซ้ำ
แต่ว่านะ ที่นี่ไม่มีพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นนางจึงไม่สามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้
ถึงแม้จะเสียดาย แต่พวกนางก็ไม่กล้าไปขอใครมาช่วยมั่วซั่ว
อย่างไรเหตุผลที่ขนมไหว้พระจันทร์ในตอนนี้จะขายได้กำไรเยอะ ก็เป็เพียงเพราะคำว่า ‘แปลกใหม่’
เมื่อไม่สามารถขอใครมาช่วยได้ ทุกคนคิดจะหยุดทำไว้เพียงแค่นี้
กวนซูเยวียนพอได้ยินว่าขนมไหว้พระจันทร์นี้สามารถหาเงินได้ถึงหนึ่งร้อยอีแปะต่อห่อ ก็เริ่มทำงานอีกครั้ง ช่างมีพลังกายพลังใจดั่งเสือจริงๆ
“ไม่ได้ จะต้องทำให้มากกว่านี้อีกหน่อย เงินมากขนาดนี้ หากไม่หามันมาจนถึงมือ พวกเราแค่กลับไปนอนก็รู้สึกว่าขาดทุนแล้ว แม่หนู เ้าพูดสิว่าขนมไหว้พระจันทร์มากขนาดนี้ ทำไมพวกเราถึงทำมันไม่ได้? ไอ๊หยา โอกาสหาเงินดีๆ เช่นนี้ ตอนนี้ข้าก็เพิ่งจะรู้ ข้าคลอดลูกมาน้อยเกินไปแล้ว”
“ฮ่าๆ...” กำลังทำงานกันอย่างวุ่นวาย ยังสามารถได้ยินกวนซูเยวียนพูดคำพูดเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะออกมาท้องแทบแข็ง
ต้าหลางที่กำลังปั้มแม่พิมพ์อยู่ด้านข้างพอได้ยินก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“ท่านแม่ เอาเช่นนี้ไหม ท่านกับท่านพ่อก็พยายามกันอีก แล้วมีน้องออกมาสักหลายๆ คน ถึงตอนนั้นวันปีใหม่ครอบครัวพวกเราก็จะมารวมตัวกัน สนุกสนานกว่านี้เป็แน่”
กวนซูเยวียนรู้ว่าตัวเองพูดเื่ตลกออกไปแล้ว นางถลึงตาใส่ต้าหลาง “ผู้ใหญ่เขาพูด เ้าที่เป็เด็กน่ะอย่าต่อคำให้มากนัก”
มือของต้าหลางยังคงทำงานไม่หยุด แต่ปากเองก็ไม่ยอมคนเช่นกัน
“ท่านแม่ ข้าก็ไม่เด็กแล้วนะขอรับ คนข้างบ้านเราก็โตเท่าข้า ท่านดูสิ เขาใกล้จะแต่งงานแล้ว ข้าอ่อนกว่าเขาแค่ไม่กี่วันเอง ท่านจะมามองว่าข้าเป็เด็กเล็กๆ ไม่ได้อีกแล้วนะขอรับ”
---------------
เชิงอรรถ
[1] เอ๋อร์หลาง ลูกชายคนรอง
[2] ซานหลาง ลูกชายคนที่สาม