เพียงแต่ในโลกธุรกิจมักจะต้องมีการกระทบกระเทียบกับคนมากมาย ตอนนั้นเขามั่นใจตัวเองมากเกินไปหน่อย ทั้งยังคิดว่าตนคือคนที่ข้ามมิติมา จะเล่นอย่างไรกับคนในยุคนี้ก็ย่อมได้
เขาทำธุรกิจเติบโตจนยิ่งใหญ่มาก มากจนทำให้หลายคนต่างอิจฉาริษยา
และการแก้ปัญหานั้น เขาได้ใช้ความรู้ที่ชาญฉลาดของตัวเอง แล้วก็ใช้อำนาจเงินมาขจัดอุปสรรคทั้งหมดทิ้งไป ด้วยคิดว่าตนสามารถทำธุรกิจให้ขยายจนไปถึงเมืองหลวงได้ จนกระทั่งสามารถขยายไปถึงราชวังของฮ่องเต้
แต่ว่าตอนนั้นเอง เคยมีคนที่เขาไปมีเื่ด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหาเื่ ทั้งยังจ้างโจรมาเพื่อลอบฆ่า ดังนั้นลูกชายคนเดียวของเขา และภรรยาที่รักล้วนถูกศัตรูฆ่าตายทั้งหมด ส่วนตัวเขานั้น เพราะว่าตอนนั้นอยู่ในห้องน้ำพอดี ได้ยินเสียงผิดปกติเข้าและรู้ตัวว่าครอบครัวเล็กๆ ของตนไม่เหลือแล้ว จึงซ่อนตัวอยู่ในหลุม สุดท้ายถึงได้รอดมาได้....
เพียงแต่ว่า หลังจากเหตุการณ์นั้น ระหว่างที่หนีตายก็ได้รับาเ็หนัก หากไม่ได้คุณชายห้าช่วยไว้ เขาในตอนนั้น... คงตายไปนานแล้ว....
“ไม่มีเหตุผลอันใดหรอก หากต้องมีจริงๆ ข้าแค่อยากจะพูดว่า ดวงตาของเ้ากับดวงตาของลูกชายข้า... ช่างเหมือนกันเหลือเกิน...”
พูดจบเขาก็หลับตาลง กุนซือไม่กล้ามองตาของโจวอ้าวเสวียนอีก
เขาเคยรับปากลูกชายเอาไว้ บอกว่าจะพาเขาไปที่เมืองหลวง อยากจะพากันท่องเที่ยวไปหลายๆ ที่ แต่ว่า... ในตอนที่คนพวกนั้นเข้ามาโจมตี เขาทำได้แค่ซ่อนตัวอยู่ในหลุม
เขาไม่มีความกล้าที่จะตายไปกับลูกเมีย ยังไม่ทันได้ปกป้องลูกและเมีย นี่คือความเ็ปในใจของเขา
และความเ็ปนี้ เขายังไม่กล้าพูดมันออกมา เพราะเหตุนี้ าแภายนอกของเขาถึงได้คอยเกาะติดเขาอยู่ตลอด ทั้งยังคอยปั่นป่วนใจเขาด้วย
“แค่ก...แค่ก....” าแในอดีตทำให้กุนซือไอออกมาอย่างทรมาน
โจวอ้าวเสวียนก้มหัวลงอย่างละอายแล้วรีบส่งชาให้อย่างเคารพ “ท่านอาจารย์ ข้าขออภัย ต่อไปข้าจะไม่ถามอีกแล้ว”
เสียงไอค่อยๆ หยุดลง กุนซือเงยหน้ามองเขาแล้วส่ายหน้า “ไม่หรอก เ้าไม่ได้ทำเื่ผิดต่อข้า กลับกัน เป็ข้าที่ยืมการพัฒนาการและการเติบโตของเ้า เพื่อมาเติมเต็มความฝันในอดีตของข้า ข้าเอาเหตุผลในการล้มเหลวของข้า สรุปออกมาอีกครั้ง พยุงเ้าขึ้นมา หวังว่าเ้าจะสามารถเติบโตขึ้น และสุดท้ายก็สามารถทำให้ความฝันในตอนนั้นของข้าเป็จริงขึ้นมาได้ ถึงแม้ความฝันนี้จะไม่สมจริงสักหน่อย แต่ว่าพวกเรา...ก็พัฒนาไปอย่างราบรื่นมากไม่ใช่หรือ? เสวียนเอ๋อร์ รับปากข้า ต่อไปช่วยดีกับแม่นางคนนั้นหน่อย หากเ้าแต่งนางมาแล้ว นางจะมีส่วนช่วยในธุรกิจของเ้าเป็อย่างมาก”
“แค่ก...แค่ก....”
พอพูดถึงจุดที่ทำให้อารมณ์ขึ้น กุนซือก็ไอออกมาหนักกว่าเดิม
จนกระทั่งเขาปรับอารมณ์ได้และหยุดไอได้แล้ว โจวอ้าวเสวียนถึงได้จากไป ตอนที่เดินอยู่ในเรือน ในสมองก็ยังมีคำพูดเมื่อครู่ของกุนซือคอยวนเวียนอยู่
“หากเ้าแต่งนางมาแล้ว นางจะมีส่วนช่วยในธุรกิจของเ้าเป็อย่างมาก!”
บนท้องฟ้ามีใบไม้ปลิดปลิวลอยละล่องอยู่ไม่น้อย ปลายฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้ร่วงหล่นอยู่พอสมควร มองไปที่ใบไม้พวกนี้ก็หวนคิดถึงใบหน้านั้น โจวอ้าวเสวียนส่ายหน้าเบาๆ
“ท่านอาจารย์ เกรงว่าข้าจะทำให้ท่านผิดหวังแล้ว หากจะต้องสู่ขอนางเพียงเพราะเื่ธุรกิจ ข้ายอม...ไม่แต่งเสียดีกว่า!”
***
โรงเตี๊ยม
เจรจาธุรกิจสำเร็จแล้ว คืนนี้เฉินเนี้ยนหรานจึงนอนหลับฝันหวาน
ในเวลากลางดึกนางรู้สึกว่าเตียงตนเองยวบลงไปนิดหน่อย
นางที่สะลึมสะลือจึงไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก หลังจากพลิกตัวแล้วก็หลับลึกไป
ภายใต้ความมืด ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองใบหน้าของนางอยู่ตลอด จนกระทั่งนางรู้สึกแปลกเกินจะทนไหว ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นผ้าที่เตียงพลิ้วไหวเบาๆ
“เอ๋ ข้าฝันไปหรือ? เหตุใดถึงได้รู้สึกว่ามีคนอยู่บนเตียง?”
พูดจบก็หลับตาลงอีกครั้งแล้วก็ลืมมันไป ในเมื่อไม่เห็นอะไรแปลกประหลาดก็ช่างมันเถิด นางปรายตามองไปยังความมืดด้านนอกหน้าต่าง เฉินเนี้ยนหรานลุกขึ้นไปดับเทียน อาจจะเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก่อนจะนอนถึงได้ลืมดับเทียน
รอจนนางหายใจอย่างสงบนิ่งอีกครั้ง เงาร่างหนึ่งก็ออกมาจากภายในตู้
เขามายืนอยู่หน้าเตียงสักพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วออกไปทางหน้าต่าง
หลังจากแน่ใจว่าคนคนนั้นไปแล้วจริงๆ เฉินเนี้ยนหรานถึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ความรู้สึกที่รวดเร็วต่ออันตรายที่มีติดตัวมาั้แ่กำเนิด ทำให้หลังจากที่นางลืมตาขึ้นมาครั้งที่สองถึงมั่นใจว่าภายในห้องนี้จะต้องมีคนอื่นอยู่แน่ๆ
เพียงแต่เพราะไม่รู้ถึงเป้าหมายของคนคนนั้นอย่างแน่ชัด ดังนั้นนางจึงทำได้แค่บังคับตัวเองให้นิ่งรอ สุดท้ายหลังจากแกล้งหลับไป คนคนนั้นก็ทำเพียงแค่มายืนยิ่งสักพักแล้วจึงจากไป
ยังดี ยังดีที่คนคนนี้...
นางมั่นใจเกินครึ่งว่าจะต้องเป็คนคนนั้น บุรุษในยุคโบราณเป็คนดี ยังรู้ที่จะรักษามารยาท หากเป็บุรุษในยุคปัจจุบันล่ะก็ ปีนขึ้นห้องมาในกลางดึกเช่นนี้เกรงว่าจะต้องเกิดเื่อะไรขึ้นแล้วล่ะ
ตอนที่ใกับอันตรายอยู่เงียบๆ ในขณะเดียวกันก็ดีใจที่ที่นี่คือยุคโบราณ ค่ำคืนนั้นจึงผ่านไปโดยไร้รอยขีดข่วนหรือคำพูดใด เช้าตรู่วันต่อมาเฉินเนี้ยนหรานกับพวกเฉินจื่อิก็ออกเดินทาง
ตอนที่กำลังจะกลับเรือน เฉินเนี้ยนหรานยังไม่ลืมที่จะซื้อของกินมากมายในเมือง ที่เรือนยังมีลูกแมวจะกละอยู่หลายคน หากไม่เอาของขึ้นชื่อในอำเภอนี้กลับไป คงจะไม่ได้การ
เพียงแต่ตอนที่ซื้อพวกเนื้อสัตว์อยู่ ก็มีกลิ่นแปลกๆ ลอยเข้าจมูกมา มันเหมือนจะหอมแต่ก็ไม่หอม เป็กลิ่นเลี่ยนๆ ที่ทำให้เฉินเนี้ยนหรานถึงกับอาเจียนออกมา
จะบอกว่าอาเจียนก็เกินไปหน่อย เพราะเป็แค่การอาเจียนแห้ง
นางที่วุ่นอยู่กับการทำธุรกิจ จึงทำให้เวลาใน่นี้งานยุ่งเกินไป ไม่ได้พักผ่อนให้ดีจนเป็เช่นนี้
ตอนที่พวกนางเดินมาถึงจุดหนึ่งก็เห็นพวกร้านขายลา ล่อ ม้า นางมีความคิดที่อยากจะซื้อลาสักตัวจริงๆ หากมีเ้านี่ พวกเขาก็สามารถใช้ลาขนของได้
เฉินจื่อิมองความคิดของนางออก คิดว่าธุรกิจครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก อีกทั้งพวกนางพี่น้องยังต้องไปกลับหมู่บ้านในูเาอยู่ตลอด จึงเสนอความคิดให้ซื้อลาไว้สักตัว
“ซื้อลาหรือจะสู้ซื้อม้า สัตว์เลี้ยงชนิดนี้ขนของได้เยอะแล้วก็เลี้ยงง่าย ลาเองขี่ได้สะดวกจริง แต่ว่าม้าน่ะจัดการให้สะอาดแล้วก็ขี่ได้เหมือนกัน”
จากคำแนะนำของเฉินจื่อิ เฉินเนี้ยนหรานก็ให้เขาช่วยเลือกม้ามาหนึ่งตัว
ขนสีเหลืองทองถูกแปรงขนได้สะอาดสะอ้าน ตาคู่นั้นมองแล้วก็ดูเหมือนว่าจะขี้อายมาก เฉินเนี้ยนหรานมองม้าตัวนี้ที่เป็ของตัวเอง จะมองอย่างไรก็รู้สึกดี จะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าม้าตัวนี้สวยที่สุดในตลาด
“เอาล่ะ เ้าได้กลายเป็คนที่เรียกว่าอย่างไรนะ ใช่ๆ เพราะชอบมันมาก มันจะเป็อย่างไรก็ดูสวย ดูงดงามไปหมด ไปเถิด ครั้งนี้มีม้าแล้ว ข้าจะไปทำรถเทียมม้า อีกเดี๋ยวพวกเราจะนั่งรถม้าของตัวเองกลับกัน”
ม้าลากสามคนไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน แต่ว่าเฉินเนี้ยนหรานก็ยังสงสัย “ท่านลุงบังคับรถม้าเป็หรือ?”
ต้าหลางก็รีบรับคำมาพูดต่อทันที พูดเื่ในอดีตของเฉินจื่อิอย่างภูมิใจ “แน่นอน เ้าไม่รู้สินะ ตอนที่ท่านพ่อของข้ายังหนุ่มน่ะ ยังเคยเป็คนขับรถม้าของจวนสกุลโจว แต่ว่าเป็ได้ไม่นาน แค่หนึ่งปีกว่ากระมัง”
พอพูดถึงสกุลโจว เฉินเนี้ยนหรานถึงคิดขึ้นมาได้ว่าตอนนั้นที่เฉินจื่อิเห็นโจวจื่อเสวียน ท่าทางของเขาถึงได้ดูแปลกใจเป็อย่างมาก
พอคิดไปแล้ว สายตาก็มองไปทางเฉินจื่อิไม่หยุด
เฉินจื่อิที่เตรียมตัวจะออกไปหารถ ถูกนางมองเช่นนี้แล้วก็รู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง
เขารู้ว่าแม่หนูคนนี้ฉลาด เกรงว่าคงสงสัยอยู่นานแล้ว เพียงแต่เพราะเื่มันค่อนข้างยาวและกะทันหันเกินไป ตลอดทางที่ผ่านมาจึงไม่ได้เอ่ยปากถาม เขายักไหล่ ทำหน้าตาแบบช่วยไม่ได้ “แม่หนูเอ๋ย เ้ารอข้าก่อน ข้าจะไปทำรถม้าให้เสร็จ ไม่เช่นนั้นมีแค่ม้า พวกเราจะขี่กลับไปอย่างไร อีกเดี๋ยวตอนอยู่บนรถข้าจะบอกเ้าให้หมดทุกอย่าง ข้ากับโจวอ้าวเสวียนไม่มีอะไรจริงๆ เ้าไม่ต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น”
ฟังที่เขาพูดออกมาเช่นนี้แล้ว เฉินเนี้ยนหรานก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา กลับเป็ต้าหลางที่มองไปทางเฉินเนี้ยนหราน แล้วก็มองไปที่บิดาตน ความสงสัยพวยพุ่งขึ้นมา ดูเหมือนว่า สำหรับเื่จวนสกุลโจว คงมีแค่เขาที่ไม่รู้เื่เสียแล้ว
ของใช้ที่รถม้าจำเป็ต้องใช้ ก็มีขายอยู่ไม่ไกลจากตลาด
ไม่รู้ว่าเป็เพราะท้องไม่ดีจริงๆ หรืออย่างไร ตอนที่อยู่ในตลาดม้าล่อและลา พอได้กลิ่นเหม็นของพวกสัตว์เลี้ยง เฉินเนี้ยนหรานยังคงรู้สึกมวนท้องอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อทนไม่ไหว นางก็ไปนั่งอาเจียนแห้งที่ด้านข้างอีกหลายครั้ง
นางที่เป็เช่นนี้กลับทำให้ต้าหลางเป็ห่วงมาก
“แม่หนู เ้าป่วยจริงๆ แล้วใช่หรือไม่ เป็ได้อย่างไร เอาอย่างนี้ไหมพวกเราไปหาหมอกันเถิด หากกระเพาะเป็แผลจะทำอย่างไร?”
เฉินเนี้ยนหรานโบกมือ “แค่ก...ไม่....ไม่เป็อะไร แค่คลื่นไส้นิดหน่อย เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็หนักขนาดนี้เท่านั้น”
ต้าหลางมองนางที่ไม่ค่อยใส่ใจในเื่นี้เหมือนว่าไม่ใช่เื่ใหญ่ จึงไม่ค่อยกังวลมาก แต่ว่า เพียงชั่วแวบหนึ่ง เขาคิดถึงทุกครั้งตอนที่กวนซูเยวียนตั้งครรภ์น้องชาย ก็จะมีอาการเช่นเฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา
“เ้า เ้า...เ้าเป็เช่นนี้...” คงไม่ได้ท้องใช่หรือไม่? แต่ว่า ่นี้แม่หนูหรานวันๆ เอาแต่อยู่ในร้าน นางจะไปท้องกับผู้ใดได้?
คำถามเื่ตั้งครรภ์ สุดท้ายต้าหลางก็ไม่กล้าถามออกไป อย่างไรเื่นี้ก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและตัวนาง จึงได้แต่อัดอั้นตันใจด้วยความกังวล สุดท้ายเขาก็เอาของในมือของนางมาถือไว้เอง
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เฉินจื่อิก็ทำรถม้าเสร็จ คำนวณให้ดีแล้ว การซื้อม้าในครั้งนี้ บวกกับตัวรถม้า ก็ถือว่าไม่ได้จ่ายเงินไปมากเท่าไร
ทั้งหมดรวมเป็ราคาเก้าตำลึง ตอนที่นั่งอยู่บนรถม้า เฉินเนี้ยนหรานยังหัวเราะคิกคัก มือทั้งสองข้างแบะออก ยักไหล่ก่อนจะประกาศไปทางพวกเฉินจื่อิ “ท่านลุง ต่อไปพวกเราก็ถือว่ามีรถแล้ว ฮิๆ ตอนนี้รถม้าทำเสร็จแล้ว ต่อไปพวกข้าก็สามารถนั่งรถม้าได้แล้ว”
แม้เฉินจื่อิจะดีใจ แต่กลับปรายตามามองนางอย่างเหยียดหยาม “พวกเ้าสามคนมีใครบ้างที่บังคับรถม้าเป็? อยากจะนั่งรถม้า เ้าจะต้องเรียนขับรถม้าเสียก่อน!”
“หา? ใช่สิ เื่นี้... คนขับรถม้าก็ต้องมีใบรับรอง”
ต้าหลางหัวเราะออกมา หมั่นโถวที่อยู่ในปากถึงกับพ่นออกมาด้วย “ข้าว่านะแม่หนู ที่ไหนๆ ก็มีใบรับรอง แค่ไปเรียนไม่กี่วันเท่านั้น เ้าก็แค่ต้องเรียนขับรถม้า ไม่ทำมันแล้วจะบังคับม้านี่อย่างไร เ้าไม่ต้องกังวล เื่ง่ายๆ แค่นี้เอง”
เฉินเนี้ยนหรานเกาหัว หัวเราะออกมาอย่างกระอักกระอวน และไม่ได้อธิบายใบรับรองของตน ความหมายคือใบขับขี่ แต่ว่าในเมื่อเป็เช่นนี้ระหว่างทางกลับไป นางกลับไม่ยอมที่จะนั่งอัดอั้นอยู่ภายในรถม้า แต่มานั่งเรียนขับรถม้าอยู่ด้านนอกว่ามันบังคับอย่างไร
เรียนบังคับนั้นไม่ยากจริงๆ อย่างน้อยก็ง่ายกว่าขับรถเล็กๆ ในยุคปัจจุบันมากเลยทีเดียว
ขับไปอีกสักพัก ก็กลายเป็ว่าเฉินเนี้ยนรานพอจะมีทักษะอยู่บ้างแล้ว
คนที่เพิ่งจะเรียนบังคับรถม้า มักจะควบคุมให้เป็ไปตามที่คิดไม่ได้ แต่นางไม่เป็เช่นนั้น เฉินเนี้ยนหรานในตอนนี้ให้เฉินจื่อิเข้าไปนั่งในรถม้า ส่วนตนเองบังคับอยู่ด้านนอก “บังคับ..บังคับ...” นางบังคับรถม้าอย่างสนุกสนาน
“ช่วยด้วย ขอร้องล่ะ พวกเ้าช่วยครอบครัวของพวกเราด้วย”
ตอนที่ใกล้จะเลี้ยว กลับมีบุรุษคนหนึ่งอุ้มเด็กออกมา พร้อมสตรีอีกคนพุ่งเข้ามาคุกเข่าอยู่หน้ารถม้า
ถูกเื่กะทันหันแบบนี้ทำให้ใ ทว่าเฉินเนี้ยนหรานกลับสูดหายลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดพลางมองบุรุษผู้นี้ ร่างสูงใหญ่แต่สีหน้ามองดูแล้วไม่ค่อยดี
สตรีที่คุกเข่าอยู่ข้างเขา ท้องก็นูนออกมา มองออกเลยว่าในท้องยังมีชีวิตน้อยๆ อยู่ และในอ้อมแขนของเขาก็ยังอุ้มลูกชายตัวน้อยคนหนึ่งเอาไว้ด้วย