คำพูดของเย่เฟิงเหมือนตบหน้าคนตระกูลหลินฉาดใหญ่ พวกเขาตัดสินตัวตนใครสักคนจากหน้ากาก ทำตัวราวคนโง่ไอคิวต่ำ ตระกูลหลินเป็ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเยี่ยนจิง คนในตระกูลไม่ควรเบาปัญญาเช่นนี้
คนอื่นในตระกูลหลินไม่ใส่ใจเื่นี้มากนัก ประการแรกคือพวกเขาไม่สนิทชิดเชื้อกับเย่เฟิง ประการที่สองพวกเขาไม่ได้เจอเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง ทุกคนล้วนได้ยินเื่นี้จากหลินเต๋อเทียนกับหลินเหรินเทียน ยิ่งกว่านั้นโดยปกติ พวกเขาคิดแค่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็สำคัญ
สำหรับหลินเหรินเทียน เพราะลูกชายกลายเป็คนปัญญาอ่อน ระดับไอคิวไม่ต่างอะไรกับเด็กทารก จึงทำให้เขาโกรธและอับอายกับเื่นี้มาก
หลินเต๋อเทียนเป็ผู้นำตระกูลหลินและหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ จึงต้องสะสางปัญหานี้ให้ได้ และมีคำอธิบายเื่ทั้งหมดแก่ทุกคน รวมถึงเพ่ยเค่อกรุ๊ปด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สำคัญว่าต้องจับแพะรับบาปหรือไม่ และไม่สนใจว่าไช่เฉ่าหงทำผิดอะไร เพราะอย่างไรชายสวมกากคนนั้นคือคนสังหารไช่เฉ่าหง!
เหลยิเป็คนเดียวที่ไม่สบายใจกับเื่นี้ เขาเป็คนซื่อสัตย์เที่ยงตรง ไม่เหมือนนักการเมืองเช่นหลินเต๋อเทียน เหลยิเป็ถึงหัวหน้าหน่วยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หน้าที่ของเขาคือปกป้องความมั่นคงของชาติ ด้วยสัญชาตญาณของเขา การกระทำของไช่เฉ่าหงต้องเป็เื่ร้ายแรงและสั่นคลอนความมั่นคงของประเทศแน่นอน แต่น่าเสียดาย กองเพลิงนั้นทำให้เขาไร้หลักฐาน
“คนอย่างชายสวมหน้ากากมีเยอะก็จริง แต่คนมากฝีมืออย่างหมอนั่นไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น” หลินเต๋อเทียนกล่าวเสียงเบา “คนที่มีความสามารถพอจะหลบหนีออกจากห้องใต้ดินนั้นได้ ทั้งยังฆ่าคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติถึงสามคน หลักฐานทั้งหมดก็ถูกทำลาย ต่อให้อยู่ในยุทธจักรก็มีคนเช่นนี้ไม่มากนัก”
“หากคุณยืนยันแบบนี้ ผมก็ไม่มีความเห็นอีก แต่ยังไงก็รอให้เซียวฉี่ตื่นขึ้นมาเล่าความจริงให้กระจ่างดีกว่า อยากจะรู้เหมือนกันว่าถึงตอนนั้นคุณจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เย่เฟิงยิ้มก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อ้อ ใครจะคิดล่ะว่าตระกูลหลินผู้สูงส่งจะรังแกสาวน้อยมัธยมปลายตัวเล็กๆ อย่างซูเมิ่งหาน ว่าไหม?”
“หากฉันได้เบาะแสของชายสวมหน้ากาก ฉันจะปล่อยเธอ” หลินเต๋อเทียนกล่าว
“พวกคุณต้องปล่อยเธอก่อน แล้วผมจะพิจารณาอีกทีว่าควรทรยศเพื่อนตัวเองหรือไม่” เย่เฟิงเงยหน้ามองคู่สนทนาก่อนกล่าวต่อ “คุณก็รู้ดีว่าไม่ว่าใครก็ต้องกดดันกับเื่แบบนี้อยู่แล้ว อีกอย่างหากผมไม่ได้เจอซูเมิ่งหานก่อน ผมจะไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น”
กล้าต่อรอง? เย่เฟิงช่างกล้ามาก!
“หึ นายยังคิดว่ามันเป็เพื่อนอยู่เหรอ” หลินเหรินเทียนดันแว่นตาก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย้นหยัน “มันทำอะไรให้นายบ้าง? แล้วนายให้อะไรกับมันบ้าง? พวกนายต่างก็เป็เพื่อนที่ไร้ประโยชน์ ไม่เคยช่วยเหลืออะไรกันเลย ถึงนายไม่ทรยศมัน แล้วคิดเหรอว่ามันจะยอมมาที่นี่เพื่อช่วยผู้หญิงของนาย?”
เย่เฟิงเหลือบมองอีกฝ่าย เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดแบบนี้
“ปล่อยซูเมิ่งหานซะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเจรจากันอีก” เย่เฟิงนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีเหนือกว่าขณะต่อรอง
หลินเต๋อเทียนเป็คนทำอะไรมักไม่ลังเล เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นจึงโบกมือสั่งเหลยิทันที “เหลยิ ส่งคนไปพาตัวซูเมิ่งหานลงมา”
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น และสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเจรจาครั้งนี้ อีกทั้งความจริงตนจับตัวซูเมิ่งหานมาเพื่อล่อเย่เฟิงและตอนนี้ชายหนุ่มก็อยู่ที่นี่แล้ว จึงไม่จำเป็ต้องคุมตัวหญิงสาวอีก ในความคิดเขา เย่เฟิงก็เหมือนนักเรียนมัธยมปลายธรรมดา แม้จิตใจเข้มแข็งไม่ธรรมดา แต่ในสถานการณ์ที่มีซูเมิ่งหานอยู่ด้วย แทบเป็ไปไม่ได้เลยที่เขาจะหลบหนีจากที่นี่
หลินเหรินเทียนทิ้งตัวนั่งอย่างหัวเสีย ที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะตรงหน้าเต็มไปด้วยเถ้าบุหรี่ เห็นได้ชัดว่าเขากังวลมากเพียงใด
ไม่นานนัก ทหารติดอาวุธก็พาซูเมิ่งหานลงมา หญิงสาวอยู่ในชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าสวยบริสุทธิ์ของเธอมองเย่เฟิง เมื่อเห็นชายหนุ่ม เธอก็ดีใจจนวิ่งไปหาทันที
เมื่อเย่เฟิงเห็นอีกฝ่ายก็ยิ้มจริงใจ ก่อนอ้าแขนกอดเธอ “เธอไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“ฉันโอเค พวกเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เพราะพวกเขา้าตัวนาย...” ซูเมิ่งหานหยุดพูดครู่หนึ่งพลางมองรอบๆ ด้วยใบหน้ากังวลเล็กน้อย
“ไม่เป็ไร พวกเขาไม่ทำอะไรหรอก” เย่เฟิงวางมือบนไหล่พร้อมปลอบซูเมิ่งหาน
“เอาล่ะ ทีนี้นายก็บอกฉันมาได้แล้วว่าชายสวมหน้ากากอยู่ที่ไหน?” หลินเหรินเทียนหันมาจ้องหน้าเย่เฟิงพลางเคาะบุหรี่ในมือก่อนโพล่งถาม
“ขอโทษครับ แต่ผมไม่รู้จริงๆ เมื่อกี้ผมแค่โกหก” เย่เฟิงตอบกลับด้วยด้วยใบหน้าไร้ความเกรงกลัว
“นี่แก!” หลินเหรินเทียนตบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืนทันทีจนแว่นตาที่สวมอยู่เกือบร่วงลงพื้น
ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ทำไมถึงหน้าด้านขนาดนี้?
“เย่เฟิง แกคิดว่าตัวเองเป็หลานของผู้าุโเย่เลยกล้าล้อเล่นกับตระกูลหลินอย่างนี้เหรอ?” สีหน้าถมึงทึงปรากฏบนหน้าของหลินเต๋อเทียน “แกกล้าก่อกวนโดยไม่กลัวเลยเหรอ ต่อให้เป็ปู่ของแกก็คุ้มกะลาหัวแกไม่ได้หรอกนะ”
“กลัวสิครับ กลัวมากเลย เพราะงั้นคุณรีบปล่อยพวกเราไปเถอะ ผมจะได้ไม่สร้างปัญหาให้พวกคุณแบบนี้” เย่เฟิงจับมือซูเมิ่งหานพร้อมส่งยิ้ม
“อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย” หลินเหรินเทียนดันแว่นตาก่อนะโเสียงดัง “เอาตัวเขาไว้ที่นี่แหละ ถ้าเขากับชายสวมหน้ากากเป็เพื่อนกันจริง ยังไงไอ้หมอนั่นต้องมาติดกับเราแน่”
คนตระกูลหลินตัดสินใจคุมเย่เฟิงเป็ตัวประกัน
เย่เฟิงยักไหล่เพื่อบอกว่าตนไม่มีปัญหากับเื่นี้ เขาสามารถถ่วงเวลาต่อไปจนกว่าเซียวฉี่จะตื่นขึ้นมาแล้วเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้กระจ่าง ในเมื่อชายสวมหน้ากากช่วยเซียวฉี่ถึงสองครั้ง หญิงสาวคงไม่พูดถึงเขาอย่างเลวร้ายหรอกใช่ไหม? ยิ่งกว่านั้นเซียวฉี่ถูกจับตัวไปที่ห้องใต้ดินของไช่เฉ่าหงเพื่อฆ่าปิดปากเพราะเธอรู้เยอะเกินไป ทั้งเื่ตัวประหลาดและความลับของไช่เฉ่าหง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็หลักฐานที่ส่งผลดีต่อเย่เฟิง ขณะนั้นเองทั้งสองฝ่ายต่างชะงักเพราะเสียงโทรศัพท์ของหลินเต๋อเทียนดังขึ้น เขารีบกดรับสายทันที
“แย่แล้วค่ะคุณพ่อ” เสียงหวานใสคุ้นหูแต่เต็มไปด้วยความกังวลดังออกมาตามสาย เธอคือหลินชือฉิง “เซียวฉี่เพิ่งถูกชายสวมหน้ากากลักพาตัวไปจากโรงพยาบาลค่ะ!”
เย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้จนได้ยินประโยคเ่าั้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จริงสิ อย่างไรคนของไช่เฉ่าหงก็ต้องทำลายหลักฐานทั้งหมด และเซียวฉี่ก็เป็หนึ่งในพยานสำคัญ พวกมันไม่มีทางปล่อยเธอแน่!
พลาดแล้ว!
เย่เฟิงเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาดูถูกอีกฝ่ายมากเกินไป
“แต่เขาทิ้งโน้ตบอกที่อยู่ไว้ด้วยค่ะ” หลินซือฉิงพูดต่อทันที
“บอกที่อยู่มา” หลินเต๋อเทียนกล่าวโดยไม่ลังเล
หลินซือฉิงรีบบอกที่อยู่ในโน้ตแผ่นนั้น ที่นั่นเป็โรงงานร้างแถบชานเมืองของเมืองเยี่ยนจิง ทั้งห่างไกลและไร้ผู้คน เขาไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากจะทำอะไรกันแน่
“เหลยิ เตรียมทีมของนายให้พร้อม” หลินเต๋อเทียนโบกมือออกคำสั่ง จากนั้นหันมองชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี “ซิวอู่ นายเตรียมทีมของนายให้พร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย”
“รับทราบครับ!” ชายหนุ่มคนนี้ชื่อหลินซิวอู่ เป็ถึงหัวหน้าหน่วยทหารรักษาความมั่นคงทีมที่สี่ของเมืองเยี่ยนจิง ทีมนี้เป็กองพลทหารราบที่ใช้อาวุธเบาแต่เน้นการเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว โดยปกติรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของเมืองเยี่ยนจิง และมักปฏิบัติการเป็กลุ่มขนาดเล็ก
“เหลยิ พาเย่เฟิงไปด้วย พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้” หลินเต๋อเทียนเหลือบมองเย่เฟิง อีกฝ่ายมีเซียวฉี่เป็ตัวประกัน เขาก็มีเย่เฟิงเป็ตัวประกันเช่นกัน
เย่เฟิงไม่ถือสา เพราะเขาอยากรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็ใครและ้าทำอะไรกันแน่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้