หลินเมิ้งหยาตื่นจากภวังค์ ก่อนจะรีบผละตัวไปยังมุมหนึ่งใบหน้าแดงแจ๋ประหนึ่งสีโลหิต
คุณพระ เพราะแบบนี้หลงเทียนอวี้จึงหน้ามืดตามัวที่แท้ก็เป็เพราะยาโป๊
จู่ๆ ท่าทางก็ผิดแผกแปลกประหลาด คนเราสามารถพูดจามั่วซั่วได้แต่ไม่สามารถกินยามั่วซั่วได้นี่นา!
นี่เขา...เป็อะไร?
หลงเทียนอวี้รู้อยู่ก่อนแล้วว่านี่ไม่ใช่เื่ปกติ เขาไม่ใช่เด็กที่ยังไม่รู้ความดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นความร้อนแรงยิ่งระอุขึ้นดั่งเปลวเพลิงแห่งความพิโรธ
กล้าวางยาเขาเช่นนั้นหรือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!
“ตีข้าให้สลบ!” เสียงทุ้มต่ำเย็นะเื คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันแน่นจนเป็ปมแค่ยาโป๊คิดว่าจะควบคุมเขาได้อย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!
“ตี...ตีท่านอ๋อง?” หน้าผากของหลินเมิ้งหยาปรากฏเส้นดำสามเส้น ตีเขาให้สลบ? ล้อเล่นหรือไง!
“ท่านอ๋องรอก่อน หม่อมฉันมีวิธีช่วยท่าน”ตอนนี้จะไปหายามาถอนพิษก็คงไม่ทันการณ์ จริงสิ เจาะเืออกมาแล้วกัน
หลินเมิ้งหยาดึงปิ่นปักผมประดับไข่มุกออกมา ขณะเดียวกันเส้นผมสีดำขลับพลิ้วไหวสยายลงมากระทบบ่าเพิ่มความขวยเขินให้นางยิ่งขึ้น
หลงเทียนอวี้พยายามอย่างหนักที่จะไม่หันหน้ากลับไปบางทีอาจเป็เพราะฤทธิ์ยามิเช่นนั้นเขาจะมองเห็นพระชายากิริยาวาจาแปลกประหลาดคนนี้งดงามน่าหลงใหลได้อย่างไร
เขาส่ายหน้า นี่เขา...กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
นางจับปลายปิ่นปักผมเข้าไปรนไฟเพื่อฆ่าเชื้อ
“อดทนหน่อยนะเพคะ หม่อมฉันจะเจาะเืพระองค์”หลินเมิ้งหยาจับมือข้างหนึ่งของหลงเทียนอวี้ขึ้นมามือหนาเห็นรูปกระดูกแข็งแรงชัดเจน หลังมือมีรอยขีดข่วนจากการฝึกฝนร่างกายจางๆ
อุณหภูมิความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลทำให้ิัหยาบกร้านเล็กน้อยหลินเมิ้งหยาใช้ปลายปิ่นปักผมเจาะลงบนปลายนิ้วของหลงเทียนอวี้ด้วยความระมัดระวัง
ครู่ต่อมา เืสีดำไหลออกมาจากาแ
อุณหภูมิร้อนระอุภายในร่างกายเริ่มคลายลง สมองของหลงเทียนอวี้พลันกลับมาแจ่มแจ้งดังเดิม
“เ้ารู้วิธีถอนพิษได้อย่างไร?” คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยสายตาจ้องมองไปทางหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย
“หม่อม...หม่อม...หม่อมฉันมีประสาทััเกี่ยวกับยาค่อนข้างไวมาั้แ่ยังเด็กดังนั้นหม่อมฉันจึงพอจะรู้วิธีถอนพิษเบื้องต้นอยู่บ้างเพคะ” สมองประมวลผลอย่างหนักสุดท้ายหลินเมิ้งหยาเลือกวิธีการพูดที่หลงเทียนอวี้พอจะเชื่อมากที่สุด
ถึงอย่างไรเหล่าข้ารับใช้ในบ้านสกุลหลินล้วนรู้ดี ว่าแม้คุณหนูใหญ่จะโง่เขลาและสติฟั่นเฟือนถึงเพียงไหนทว่านางกลับมีประสาทััที่ว่องไวเป็พิเศษเกี่ยวกับยา
ถ้ามิใช่เพราะนางมีพร์เหล่านี้เกรงว่านางคงจะตายด้วยน้ำมือของแม่เลี้ยงไปตั้งนานแล้ว
“ท่านอ๋อง...ไม่เป็ไรแล้วใช่หรือไม่?” หลินเมิ้งหยาหลบอยู่ที่มุมเตียงนางไม่กล้าเงยหน้าสบตาหลงเทียนอวี้
หลงเทียนอวี้พยักหน้าลงแล้วเดินตรงเข้าไปนั่งบนตั่งไม้ตัวยาวเพื่อเริ่มทำสมาธิปรับสมดุลการหายใจเพลานี้กลิ่นอายของความเร่าร้อนเมื่อครู่จางหายไปแล้วแต่บรรยากาศชวนอึดอัดกลับเข้ามาแทนที่
เวลาราวครึ่งถ้วยชาต่อมาหลงเทียนอวี้ที่หลับตาสนิทมาโดยตลอดค่อยๆ ลืมตาขึ้น
หญิงสาวผู้ไม่รู้เื่รู้ราวใดๆกลับนอนหลับฝันหวานบนเตียงไปเสียแล้ว
สายตาเ็าน่ากลัวถูกส่งออกมาสกุลหลินของเจิ้นหนานโหวผู้มีคุณธรรมกลับทำเื่ระยำต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้!
“เย่ ไปสืบความมาให้แน่ชัด”เสียงทุ้มต่ำอันเจือไว้ซึ่งความเ็าถูกส่งออกมาด้านนอกหน้าต่างพลันมีเงาดำผลุบหายไปโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
มิอาจรู้ได้เลยว่าบ้านสกุลที่แสนอบอุ่นแห่งนี้ยังมีเล่ห์เพทุบายอันใดแฝงเอาไว้
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับมาเงียบสงบดังเดิมอีกครั้ง
หลินเมิ้งหยากะพริบตาปริบๆ ทว่ากลับได้เห็นร่างอันคุ้นเคย
ใบหน้ากลม ดวงตาโตร่างกายที่ยังไม่โตเต็มที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดกระโปรงผ้าป่านสีฟ้าอ่อนเส้นผมบนศีรษะถูกม้วนขดไว้เป็ทรงกลมคล้ายซาลาเปาทั้งสองฝั่งซ้ายขวา
นางกำลังยุ่งกับการเก็บกวาดเรือนพลางแอบยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตา
“หรูเยว่ นั่นเ้าหรือ?” สมองพลันปรากฏชื่ออันแสนคุ้นเคยออกมา
เด็กสาวหันขวับมามองทางคุณหนูของตนเองซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความดีใจไอ้หยา คุณหนูจำนางได้ด้วย!
“คุณหนู...ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าพระชายาถึงจะถูก หรูเยว่คิดถึงพระองค์เหลือเกิน”หรูเยว่เป็บ่าวรับใช้ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับหลินเมิ้งหยาแม้จะเป็เพียงลูกของบ่าวรับใช้ แต่เพราะพ่อแม่ของนางด่วนจากไปอีกทั้งยังเป็ทาสรับใช้ของเ้านายที่อุปนิสัยเกกมะเหรก ดังนั้นจึงถูกรังแกเสมอมา
“เรียกข้าว่าคุณหนูเถอะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเราเป็ดุจดั่งพี่น้องร่วมสายเื” หรูเยว่จ้องมองใบหน้าของคุณหนูด้วยความตื่นตะลึงนี่...นี่นางคือคุณหนูผู้โง่เขลาสติฟั่นเฟือนของนางจริงหรือ?
ใบหน้างดงามประหนึ่งเทพธิดา ท่วงท่าสง่างามแม้แต่คุณหนูรองเองก็เทียบไม่ติด
“คุณหนู” หรูเยว่จ้องมองคุณหนูของตนเองราวกับว่ากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วพูดโพล่งออกมา“คุณหนูเ้าคะ พาหรูเยว่ไปด้วยได้มั้ยเ้าคะ หรูเยว่อยู่ที่นี่ก็เป็ได้เพียงทาสรับใช้ขวางหูขวางตาหรูเยว่ไม่อยากถูกลงโทษอีกต่อไปแล้ว!”
ทันทีที่สิ้นเสียงลง หยาดน้ำตาสีใสพลันรินไหลลงมา
ภายในความทรงจำของหลินเมิ้งหยา แม้หรูเยว่จะเป็เพียงสาวใช้ทว่านางกลับปกป้องหลินเมิ้งหยาเสมอมา
หลินเมิ้งหยาออกเรือนแต่งงานไปเพียงไม่กี่วันทว่านางกลับซูบผอมลงเป็เท่าตัว ครั้งนี้หลงเทียนอวี้กลับบ้านมาพร้อมกับตนเองด้วยโดยมิได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเกรงว่าหากมีเื่นี้เกิดขึ้นอีก ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่คงโกรธจนอกแตกตาย
“ได้ เ้าควรจะเป็เพ่ยเจี้ย1ของข้าอยู่แล้วข้าจะพาเ้าไปด้วย” แม้ตำหนักของท่านอ๋องจะไม่อันตรายเท่าที่นี่แต่ถึงอย่างนั้นนางเองก็อยากมีคนสนิทที่เพียงมองตาก็รู้ใจอยู่ใกล้ๆ เช่นเดียวกัน
หรูเยว่ทรุดตัวโขกศีรษะลงกับพื้นเพื่อแสดงความขอบคุณก่อนจะรีบเข้าไปช่วยหลินเมิ้งหยาจัดแต่งทรงผม
“ท่านอ๋องอวี้เสด็จ...พระชายาเสด็จ...”เสียงร้องกังวานดังขึ้นจากทางด้านนอกสู่ด้านในห้องรับแขกแห่งบ้านสกุลหลิน
หลินเมิ้งหวู่และซ่างกวนฉิงที่รู้สึกประหนึ่งได้รับความทุกข์ทรมานตลอดทั้งคืนฝืนยิ้มต้อนรับคนทั้งคู่ที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาภายใน
พวกนางได้เห็นใบหน้าที่แม้จะเ็าประดุจน้ำแข็งแต่กลับหล่อเหลาเกินเทพบุตรของท่านอ๋องอวี้อีกทั้งยังใบหน้างดงามมีเสน่ห์ซึ่งกำลังหยักยิ้มขึ้นที่มุมปากของพระชายา
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหวู่ขบฟันแน่นเพราะเหตุใดนังแพศยาคนนั้นจึงได้ทุกสิ่งทุกอย่างไป?
“บ้านหลังนี้คับแคบนัก หากท่านอ๋องและพระชายามิพอใจหม่อมฉันต้องขอประทานอภัยด้วยเพคะ”เมื่อเทียบกับหลินเมิ้งหวู่ที่ไม่อาจอาการไม่พอใจจนสีหน้าบิดเบี้ยว ซ่างกวนฉิงดูจะเป็คนมีความคิดลึกซึ้งและเ้าเล่ห์กว่ามาก
ไม่อาจมองเห็นความพ่ายแพ้หรือความโกรธเกรี้ยวของนางเลยแม้แต่น้อยกลับกันสีหน้าขอนางกลับยิ่งอ่อนโยนมากขึ้น
แสดงได้ดี แต่วิธีการที่ใช้กลับแย่ไปหน่อย
หลินเมิ้งหยาแอบประเมินในใจทว่าใบหน้าของนางยังคงเผยให้เห็นความใสซื่อ ก่อนที่นางจะเดินเข้าไป
“ท่านแม่อย่าพูดเช่นนั้นเลยข้าซึ่งเป็พระชายาเองก็อยู่ที่นี่มานานสิบกว่าปี ที่นี่เป็บ้านของข้าข้าจะรู้สึกไม่ดีได้อย่างไรกัน แต่เพราะไม่ได้กลับมาหลายวันดังนั้นยุงที่เรือนหยาเตียจึงเยอะมาก ตอมไปตอมมาจนน่ารำคาญอีกทั้งยังทำให้นึกรังเกียจอีกด้วย” หลินเมิ้งหยาปล่อยหมัดใส่ฝ่ายตรงข้ามเบาๆนอกจากพวกเขาทั้งสี่คนแล้ว ไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องตื้นทั้งสิ้น
“หลินเมิ้งหยา เ้า...” เมื่อถูกเปรียบเทียบเป็ยุงหลินเมิ้งหวู่ที่โมโหเป็ทุนเดิมอยู่แล้วแทบจะหักห้ามใจไว้ไม่ได้
ทว่าทันทีที่อ้าปากเอ่ย ซ่างกวนฉิงรีบกระตุกแขนเสื้อของนางเพื่อไม่ให้นางพูดอะไรออกไปดังนั้นคำพูดจึงถูกกลืนลงท้อง
ถูกโยนออกมาจากเรือน หากไม่ใช่เพราะเวลากลางคืนไร้ซึ่งผู้คนแล้วละก็ป่านนี้นางคงกลายเป็ตัวตลกประจำบ้านสกุลหลินไปแล้ว
*************************
1 เพ่ยเจี้ยคือทาสรับใช้ของฝ่ายหญิงที่ติดตามเ้านายไปรับใช้ที่บ้านของฝ่ายชายด้วย