“บังอาจกล้าดีอย่างไรถึงเอ่ยพระนามอันสูงศักดิ์ของพระชายาเช่นนี้!” ทว่าขันทีซึ่งอยู่ข้างกายของหลงเทียนหยู๋กลับส่งเสียงเข้มออกมาจนผู้คนในห้องรับแขกต่างได้ยินเื่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่นี้
หลินเมิ้งหยาทำเพียงยืนอยู่อีกฝั่งไม่พูดแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม
“คุณหนูรองสกุลหลินแม้ว่าท่านจะเป็น้องสาวแท้ๆของพระชายา แต่ฐานันดรศักดิ์นั้นแตกต่างกัน คุณหนูรองยังไม่มียศศักดิ์ติดตัวการเรียกชื่อพระชายาโดยตรงนั้นนั่นเท่ากับว่าท่านมิให้เกียรติพระชายาเลยแม้แต่น้อย!”
หลงเทียนหยู๋ชายตามองภาพความวุ่นวายตรงหน้าด้วยใบหน้าเ็าที่แท้ก็เป็เช่นนี้ซินะเมื่อย่ำรุ่งหลินเมิ้งหยาเรียกเสี่ยวเต๋อจื่อขันทีประจำตัวของเขาเข้าไปพบภายในห้องเพื่อคุยความลับบางอย่างอยู่นานสองนานหรือจะเป็เพราะเื่เมื่อคืนเสี่ยวเต๋อจื่อจึงแสดงท่าทีต่อต้านหลินเมิ้งหวู่เช่นนี้?
อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้านางเป็คนฉลาดเฉลียว เล่ห์กลแพรวพราว ทว่าอุบายที่ใช้กลับไม่ได้เื่
“ข้า...ข้าก็แค่....”ั้แ่เด็กจนโต หลินเมิ้งหวู่เป็ดั่งไข่ในหินของแม่ตนเอง
นี่เป็ครั้งแรกที่เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ปากที่มักจะช่างพูดช่างจาถึงกับอ้าค้าง คำพูดติดขัด
“เหตุใดท่านขันทีต้องมีโทสะด้วยเล่านี่เป็เื่ปกติ พวกนางสองพี่น้องมักจะทะเลาะและโวยวายใส่กันอยู่เสมอนางจึงลืมกฎระเบียบไปชั่วครู่เท่านั้น หวู่เอ๋อร์เอ๋ย รีบขอโทษพี่สาวของเ้าเสีย”น้ำเสียงของซ่างกวนชิงอ่อนโยน ดวงตาทั้งสองข้างเจือไว้ซึ่งความรักและเอ็นดู
ราวกับว่าแม่คนนี้ให้ความรักและเอ็นดูลูกสาวของนางจริงๆทว่าหลินเมิ้งหวู่กลับกัดฟัน นางไม่คิดที่จะก้มศีรษะลงเลยแม้แต่น้อย
ก้มหัวให้นังแพศยาคนนั้นน่ะหรือ?ฝันไปเถอะ!
สายตาของหลินเมิ้งหวู่วาวโรจน์ไปด้วยความอิจฉาและเกลียดชังจนเกือบจะแผดเผาหลินเมิ้งหยาให้มอดไหม้
พระชายาอะไรกันถ้าจะให้พูดจริงๆ นางก็เป็เพียงหมากตัวหนึ่งของฮองเฮาแต่เพียงเท่านั้น
“ช่างเถิดเสี่ยวเต๋อจื่อนางเป็น้องสาวของข้า ข้าเชื่อว่านางคงลืมกฎระเบียบเพียงชั่วครู่เท่านั้นตอนนี้เวลาไม่คอยท่าแล้ว ท่านอ๋องยังมีงานให้ต้องทำ ท่านแม่ เม่ยเม่ยหย๋าเอ๋อร์คงมิรบกวนพวกท่านแล้ว”
เอ่ยเพียงเท่านี้ก่อนที่หลินเมิ้งหยาจะหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องรับแขกแห่งบ้านสกุลหลินหลงเทียนหยู๋รีบสาวเท้าเดินตาม บรรดาข้าทาสบริพานเองก็เช่นกัน
เป็ภาพการเสด็จของเชื้อพระวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ทว่าหลินเมิ้งหวู่และซ่างกวนชิงทำได้เพียงคุกเข่าส่งผู้สูงศักดิ์ทั้งสองกลับเท่านั้น
“ท่านแม่ดูนั่นซิเ้าคะ นั่นนังหรู๋เยว่ข้าทาสประจำเรือนของหลินเมิ้งหยามิใช่หรือ?เหตุใดนางจึงเดินตามขบวนเสด็จไป ข้าจะไปตามนางกลับมา...”หลินเมิ้งหวู่ที่เพิ่งจะลุกขึ้นถูกซ่างกวนชิงรั้งเอาไว้พลางส่ายหน้าดวงตาทั้งสองข้างเผยให้เห็นเปลวเพลิงแห่งโทสะ
แค่นหัวเราะเสียงเย็นเมื่อข้าทาสบริวารของตำหนักท่านอ๋องหยู๋ออกไปจนหมดแล้ว ซ่างกวนชิงจึงดึงตัวหลินเมิ้งหวู่ลุกขึ้น
“พวกเ้าออกไปให้หมดให้แม่นมหลี่อยู่รับใช้ที่นี่แต่เพียงผู้เดียว” บ่าวไพร่ต่างพากันออกจากเรือนไม่มีใครกล้าอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ภายในเรือนตอนนี้เหลือเพียงเ้าบ้านและแม่นมสามคนเท่านั้น ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเลือนหายไปสีหน้าของซ่างกวนชิงในเวลานี้มีเพียงความเกลียดชัง
“เพล้ง....”เสียงดังขึ้น แจกันแก้วบนโต๊ะที่หลินเมิ้งหวู่ถืออยู่ในมือแหลกละเอียด
“ท่านแม่หวู่เอ๋อร์ยังไม่เข้าใจ เหตุใดท่านแม่ต้องแสดงกิริยานอบน้อมต่อหน้านังแพศยาด้วย!นางเป็เพียงพระชายาที่ไม่มีอำนาจอะไรเลยแม้แต่น้อยแต่ท่านแม่เป็ถึงน้องสาวของฮองเฮา สถานะของท่านแม่สูงส่งกว่านางมากแต่วันนี้นางรังแกลูก เหตุใดท่านแม่จึงไม่สั่งสอนนาง!”
ความน้อยใจและความอัดอั้นแปรเปลี่ยนเป็น้ำตาหยาดน้ำตาพรั่งพรูออกจากดวงตาคู่สวยของหลินเมิ้งหวู่ใบหน้าของนางเปียกชื้นราวกับโดนฝนชโลม เสียงร้องไห้ดังลั่นอย่างน่าสงสาร
แต่ซ่างกวนชิงกลับทำเพียงมองหน้าลูกสาวั์ตาแข็งทื่อ
“หวู่เอ๋อร์รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดอยู่ๆหลินเมิ้งหยาก็ข่มเหงเ้า?”
หลินเมิ้งหวู่กระพริบตาก่อนจะตอบกลับพร้อมเสียงสะอื้น “นางก็แค่้าแสดงอำนาจของพระชายานางอยากจะให้คนทั้งบ้านสกุลหลินรู้ว่านางที่เป็คนต่ำต้อยด้อยค่าปีนข้ามหัวข้าไปแล้ว”
เสียงขบฟันกรอดดังออกมาเนืองๆทางเดียวที่ความโกรธแค้นนี้จะหายไปได้นั่นก็คือการที่นางลงมือฆ่าหลินเมิ้งหยาด้วยตนเอง
ทว่าซ่างกวนชิงกลับส่ายหน้าให้กับลูกสาวนังเด็กชั้นต่ำคนนั้นตะเกียกตะกายปีนขึ้นมานิดเดียวก็ได้กลายเป็พระชายาแต่เพราะเหตุใดลูกสาวของนางจึงโง่เขลาเช่นนี้?
หรือเพราะนางเติบโตมาภายใต้ปีกของตนเองั้แ่ยังเด็กดังนั้นจึงไม่มีอะไรไปสู้กับหลินเมิ้งหยาได้?
การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในวังหลวงอันแสนดุเดือดจะต้องได้รับเพียงชัยชนะเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้ถ้าหากว่าหวู่เอ๋อร์ยังมีลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปในภายภาคหน้าคงมิมีวันชนะหลินเมิ้งหยาได้อย่างแน่นอน
“นางอยากจะพาหรู๋เยว่ไปด้วยตั้งนานแล้วแต่เพราะหรู๋เยว่เป็ทาสที่เกิดในเรือนเรา แม้นางจะยืนกรานอย่างเด็ดขาดแต่ถ้าหากเราไม่ยอมปล่อยไป นางก็ไม่อาจทำอะไรได้ดังนั้นวันนี้นางจึงตั้งใจปั่นประสาทของเ้า เพื่อให้เ้าสูญเสียสติจากนั้นแสร้งทำเป็ให้อภัยเ้า ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสนี้พาหรู๋เยว่ไปด้วยเท่านี้แม่เองก็ไม่อาจห้ามอะไรนางได้แล้ว คราวนี้เ้าเข้าใจหรือยัง?”
ซ่างกวนชิงเอ่ยออกมาไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไปทว่ากลับทำให้หลินเมิ้งหวู่หยุดสะอื้น
“ท่านแม่ท่านกำลังทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่อยู่หรือไม่?นังแพศยาจะเ้าเล่ห์เพียงนั้นเชียวหรือ?” หลินเมิ้งหวู่ยังไม่อยากจะยอมรับแม้หลินเมิ้งหยาจะฉลาดขึ้น แต่นางจะสู้พวกนางสองแม่ลูกได้อย่างไร?
ซ่างกวนชิงถอนหายใจเบาๆพลางเอ่ย “แม่ของนางเป็คนเ้าเล่ห์เพทุบายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะ......เอาเป็ว่าเ้าจงจำเอาไว้ให้ดี ต่อจากนี้ไปห้ามทำอะไรอุกอาจเป็อันขาดหลินเมิ้งหยาจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอนส่วนเ้าต้องพยายามรักษาชื่อเสียงของตนเองเอาไว้เ้าต่างหากที่เป็คุณหนูผู้เชิดหน้าชูตาให้กับสกุลหลินจากนี้ไปเ้าจะต้องปฏิบัติตนเป็ดั่งชูเฟย1 ทำอะไรอย่าให้ใครจับได้เ้าจะต้องปฏิบัติตัวให้เหมาะสมที่สุด เข้าใจหรือไม่?”
หลังจากผ่านความล้มเหลวเมื่อคืนมาแล้วซ่างกวนชิงไม่อาจเห็นด้วยกับนิสัยของหลินเมิ้งหวู่อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามศึกแห่งการนองเืจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน นางจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่ออนาคตของหวู่เอ๋อร์!
บนรถม้าภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง หลงเทียนหยู๋นั่งอยู่บนเบาะสีเขียวมรกต หลับตาแล้วงีบหลับไป
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะพาบ่าวรับใช้ขึ้นมาด้วยบางทีนางอาจจะเคยชินกับการกระทำเช่นนี้แล้ว ทว่า เมื่อหญิงสาวทั้งสองอยู่ด้วยกันเสียงพูดคุยเจี้ยวจ้าวกลับดังไม่หยุด
“คุณหนูเก่งมากเลยเ้าค่ะ!คุณหนูทำให้ฮูหยินสงบปากสงบคำไปได้คุณหนูเห็นหน้าของคุณหนูรองมั้ยเ้าคะข้าเกรงว่าป่านนี้เหล่าข้าทาสในเรือนคงต้องทุกข์ทรมานอยู่เป็แน่!” หรู๋เยว่ตบหน้าอกตัวเองด้วยท่าทางยินดีปรีดาเมื่อครู่นางคิดว่าตนเองจะถูกฮูหยินดึงตัวกลับไปแล้วเสียอีก
ทว่าคุณหนูใหญ่กลับบอกให้นางวางใจแล้วรวบรวมความกล้าเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มข้าทาส
หรู๋เยว่ในเพลานี้รู้สึกเคารพนับถือหลินเมิ้งหยาสุดหัวใจ
“เื่นี้สำเร็จไปได้ด้วยดีก็เพราะท่านอ๋องถ้าหากเ้าอยากขอบคุณก็ไปขอบคุณท่านอ๋องเถอะ” หลินเมิ้งหยาซึ่งนั่งขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้าถือคัมภีร์หลินอานเอาไว้ในมือ
แอบชำเลืองมองหลงเทียนหยู๋เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ นางจึงสบายใจ
เมื่อเช้านางใช้วาทศิลป์ในการพูดจาโน้มน้าวขันทีเพื่อให้ขันทีของท่านอ๋องหยู๋ตอบตกลงทำงานให้กับตนเอง
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหวู่จะเป็อย่างที่นางคาดเดาเอาไว้หลินเมิ้งหวู่ติดกับอย่างง่ายดาย แม้นางจะรู้สึกว่าเื่นี้ราบรื่นจนผิดปกติก็ตาม
“แต่คุณหนูเ้าคะทำไมท่านมั่นใจเหลือเกินว่าฮูหยินจะไม่รั้งพวกเราเอาไว้ล่ะเ้าคะ?”ดวงตาของหรู๋เยว่กลมโต ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
มือของนางยกขึ้นปอกเปลือกส้มออกด้วยความรวดเร็วก่อนจะส่งให้หลินเมิ้งหยาสิ่งที่นางได้เห็นคือใบหน้าและรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนของคุณหนูตนเอง
คุณหนูนี่จริงๆเลยแม้แต่นางเองก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้รู้ความจริงเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นอยู่ๆรถม้าก็วิ่งเข้าสู่ทางขรุขระมีแต่หลุมบ่อ
และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดใยหัวใจของหลงเทียนหยู๋จึงปรากฏร่องรอยแห่งความโกรธเกรี้ยว
แม้รถม้าจะกว้างแต่เขาเป็ชายหนุ่มที่มีร่างสูงถึงเก้าฟุต เพียงแค่เอนตัวลงนอนร่างกายของเขาก็กินพื้นที่ภายในรถไปเกินครึ่งแล้ว
แต่พระชายาของเขากลับเข้าไปนั่งหดตัวอยู่กับสาวรับใช้ที่มุมหนึ่ง
สายตาพลันชำเลืองมองผ่านม่านขนตาหนาทึบก่อนจะตกลงที่ร่างของหลินเมิ้งหยา ทว่าเขากลับได้เห็นใบหน้าเฉยชาและไม่แยแสของนาง
ทั้งที่นางมีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้นแต่เพราะเหตุใดนางจึงมองทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไรแต่เขากลับไม่เคยเห็นความกระวนกระวายในั์ตาของนางเลย
ราวกับว่านางไม่เคยมีความกังวลใจเลยขาของเขาขยับไปตามรถม้าที่กำลังตกหลุมจนกระทั่งไปกระแทกเข้ากับชายเสื้อของหลินเมิ้งหยาทว่านางกลับทำเป็ไม่รู้สึกอะไรและหดตัวอีกครั้ง
เหตุใดวันนี้บรรยากาศภายในรถม้าจึงน่าอดสูเช่นนี้แม้แต่เส้นทางยังมีแต่หลุมแต่บ่อ
“หยุดรถ”เสียงทุ้มถูกส่งออกมา รถม้าจึงจอดลงทันที
หลงเทียนหยู๋ไม่ลังเลเลยที่จะลงจากรถม้าสมองของเขาเต็มไปด้วยภาพความลุ่มหลงในตัวหลินเมิ้งหยาเมื่อคืน
เขา....แม้จะถูกวางยาแต่ก็มิควรปล่อยให้หัวใจของตนเองว้าวุ่นเช่นนั้น
ไม่ตามมาอย่างนั้นหรือความโกรธยิ่งคุกรุ่น ร่างสูงสาวเท้ายาวยาวเดินไปบนถนนและไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณหนูเ้าคะท่านอ๋องเป็อะไรไป?” หรู๋เยว่เอียงคอศีรษะของนางยื่นออกไปมองชายผู้ซึ่งอยู่นอกรถม้า นางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อครู่ท่านอ๋องก็ยังปกติดีอยู่เลยนี่นา
“ข้าก็ไม่รู้บางทีอาจเพราะรถม้าโคลงเคลงเกินไป ช่างเถอะเ้าสั่งให้คนคุมบังเหียนไปหาร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดหน่อย ข้าจะไปซื้อยา” ครุ่นคิดหลินเมิ้งหยาตัดสินใจไม่ตามไปถามหลงเทียนหยู๋
อารมณ์ของชายคนนี้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วเดินก็เร็ว นางไม่อยากไปแหย่รังแตนตอนนี้
อีกอย่างนางยังมีเื่ที่ยังจัดการไม่เสร็จ
หนังสือในมือถูกพลิกไปอีกหน้าในที่สุดนางก็สามารถยืดแข้งยืดขาได้เสียทีหรู๋เยว่ทุบขาของนางเพื่อลดอาการชาและบวม สุดท้ายอาการเ่าั้ก็หายไป
พิษในร่างกายของนางยังไม่ถูกกำจัดออกไปจนหมดถ้าหากยังปล่อยให้พิษเหล่านี้กัดเซาะร่างกายของนางไปเรื่อยๆ เกรงว่าเวลายังไม่ทันจะครบสามขวบปีนางคงได้ไปนั่งดื่มชากับทวยเทพผมหงอกบน์ชั้นดาวดึงส์
“เพคะพระชายา”
ณต้าตูว ร้านว่านเหย้าเก๋อ
เช้าตรู่บนชั้นสองของร้านว่านเหย้าเก๋อเ้าของร้านยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างบานเล็กพลางมองดูฝูงชนหลั่งไหล
สายตาท่าทางแสดงออกถึงความพึงพอใจ
ทุกคนในต้าตูวล้วนรู้จักร้านว่านเหย้าเก๋อแห่งนี้มีเพียงร้านยาของเขาเท่านั้นที่มียาแทบจะทุกชนิด
ไม่ว่าโสมพันปีหรือเห็ดหลินจือหมื่นปีขอเพียงลูกค้ามีเงินมากพอ เขาก็พร้อมที่จะหายาเ่าั้มาให้จงได้
ทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาของเขาไม่ใกล้ไม่ไกลแม้จะไม่โดดเด่นนักแต่เมื่อมองการประดับตกแต่งทั้งสี่ทิศแล้วกลับ........................
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถม้ามีคนคอยคุ้มกันอยู่ทั้งแปดทิศดูท่าแล้ววันนี้เขาจะมีแขกชั้นสูงมาเยือน
[1] ชูเฟย คือว่าที่ชายาเอก