ห่างออกมาราว30 กิโลเมตร จากป่าต้นไม้แห้งเหี่ยว ลึกเข้ามาในพื้นที่แห่งหนึ่งตามปกติแล้วมันควรจะมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น แสงสว่างไม่สามารถส่องถึงวัชพืชขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น ใบไม้ทับถมกันจนหนาแต่ทว่ามันน่าประหลาดใจมากที่บริเวณนี้เป็พื้นที่ราบและเป็พื้นที่ขนาดใหญ่ราวกับสนามฟุตบอลมีต้นหญ้าขึ้นหร็อมแหร็มราวข้อเท้าเห็นจะได้ แสงส่องกำลังดีเมื่อผู้คนเดินมาถึงที่นี่ ก็จะรู้สึกได้ถึงความสว่างไสวที่อยู่ตรงหน้าราวกับได้เดินออกมาจากป่าอย่างไรอย่างนั้น
มีต้นไม้ขนาดใหญ่ั์ต้นหนึ่งขึ้นอยู่กึ่งกลางซึ่งก็คือ ต้นอู๋ถง
มีคนเคยกล่าวไว้ั้แ่สมัยโบราณกาลว่าไม่มีต้นอู๋ถงก็ไม่มีนกไฟะ แล้วนกไฟะคืออะไร? ก็เป็นกในตำนานเหมือนกับสัตว์ในตำนานอย่างัความสัมพันธ์ของนกไฟะกับต้นอู๋ถงนั้นแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความลึกลับ ก่อนจะกลายเป็สิ่งที่มีค่ายิ่งในภายหลัง
ต้นอู๋ถงนั้นมีความสูงไม่มากนักในเวลานี้อยู่ราวๆ20 เมตร ตั้งอยู่ในป่าต้นไม้แห้งเหี่ยว ไม่มีต้นอื่นที่สูงกว่ามันเลยแต่ลำต้นค่อนข้างใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 เมตรถ้าเทียบกับคนก็คงจะเป็คนที่อ้วนมาก แถมยังอ้วนสุดๆ อีกต่างหาก ใบไม้มีสีเหลืองอร่ามดุจทองคำ ส่องแสงทอประกายยามต้องแสงอาทิตย์ ผู้คนต่างชื่นชอบเมื่อได้มองหรือพบเห็นสำหรับทองคำแล้วมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างก็ปรารถนาที่จะได้มา
ต้นอู๋ถงพัฒนามาจนกลายเป็มีอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าเท่าที่มองดูก็รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้ว่ามีอายุกี่ปีแล้วเหมือนมีใบหน้าขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศที่บนลำต้นดวงตาที่เหมือนไข่มุกนั้นสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ซึ่งทำให้ดูไม่เหมือนต้นไม้เลยแม้แต่น้อยกลับกลายเป็เหมือนกับมอนสเตอร์ต้นไม้ชนิดหนึ่งลำต้นนั้นถูกปกคลุมไว้ด้วยเถาวัลย์อย่างหนาแน่น และเต็มไปด้วยหนามแหลมคมเถาวัลย์นั้นมีทั้งหนาและบาง บ้างก็สั้นยาวไม่เท่ากัน ยาวสุดน่าจะเกือบ 200 เมตรเถาวัลย์บางส่วนขยับขึ้นลงเคลื่อนไหวได้ในอากาศท่าทางดูเหมือนงูพิษที่เตรียมจะฉกใส่ผู้คนบ้างก็หล่นกองอยู่กับพื้นดูเคลื่อนไหวอ่อนยวบไปมาอย่างต่อเนื่อง มีเถาวัลย์จำนวนมากมายมหาศาลในพื้นที่รัศมี200 เมตร นั่นเป็การป้องกันที่ดีที่สุดและเป็อาวุธในการโจมตีที่ทรงพลังของต้นอู๋ถงด้วยในการโจมตีต้นอู๋ถงนี้จำเป็ต้องตัดเถาวัลย์พวกนี้ทิ้งไปเสียก่อนไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถโจมตีใส่โดยตรงได้
ปีศาจต้นอู๋ถงกลายพันธุ์: ระดับเลเวล 48 พลังชีวิต 100,000 ครั้งหนึ่งเคยเป็ที่อยู่อาศัยของนกไฟะมีร่องรอยการััของนกไฟ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้น ทนต่อการโจมตีด้วยไฟ ทักษะ: ดูดกลืน โดยสามารถดูดซับพลังชีวิตและเปลี่ยนมาเพิ่มเป็พลังชีวิตให้ตนเองได้
เมื่อได้ยินฉินโจ้วอธิบายเื่ของต้นไม้อู๋ถงหลี่เฟยถึงกับพูดไม่ออก ถึงแม้ว่าป่านี้จะดูเก่าแก่มากและมันจะมีนกอะไรแบบนั้นหรือไม่ก็ตามที ต่อให้ป่านี้มีสิ่งที่ว่าจริงถ้าเธอเจอมอนสเตอร์แบบนี้เพียงลำพัง เธอคงทำได้อย่างเดียวก็คือหันหลังกลับและรีบออกไปโดยเร็ว และอย่างเดียวที่เธอพึ่งพาได้ก็คือ ลูกธนูเวทแต่เมื่อพวกมันทนการโจมตีด้วยไฟ มันก็คงเป็ต้นไม้ที่ต่อต้าน์แล้ว
"แล้วทองคำราตรีล่ะ" หลี่เฟยเพิ่งนึกได้ว่าผู้ที่กำลังไล่ล่านั้นได้หายไป
"โน่นไง"ฉินโจ้วตอบพลางบุ้ยปาก ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตร มีผู้เล่นยืนอยู่ราว 50-60 คนทุกคนมีคำนำหน้าชื่อว่า ''ราตรียิ่งใหญ่'' ดูไปแล้วทั้งหมดน่าจะเป็สมาชิกของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ใน่เวลาที่ทั้งสองมองเห็นต้นอู๋ถง ทองคำราตรีที่แอบซ่อนอยู่ก็เริ่มใช้ยันต์เวทแค่พริบตาเดียวก็เคลื่อนที่ห่างออกไปราวร้อยเมตร เมื่อฉินโจ้วพบเข้าอีกครั้งเขาก็เข้าไปอยู่ในระยะการคุ้มกันแล้ว ก่อนจะมีการจัดวางกำลังป้องกัน
เมื่อได้เห็นพฤติกรรมที่สิ้นเปลืองฉินโจ้วถึงกับหมดคำพูด ‘ยันต์เคลื่อนย้าย’ นั้นถูกสร้างจากสำนักเหมาซานเป็เครื่องรางประเภทหนึ่งที่ไว้ใช้ในเวลาเร่งรีบ หลังจากใช้แล้วความเร็วในการเคลื่อนที่จะสูงมากสามารถเดินทางพันลี้ได้ในวันเดียว เทียบได้กับม้าพันลี้เลยทีเดียวในระหว่างที่ทองคำราตรีถูกไล่ล่านั้น เขามีโอกาสมากมายให้ใช้ แต่เขากลับไม่ใช้มันมาใช้เอาตอนเมื่อเหลือไม่ถึง 100 เมตร คงอธิบายได้อย่างเดียวว่า เขาไม่้าให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเห็นภาพที่กำลังโดนไล่ล่าซึ่งมันเป็ยันต์ที่สามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นแล้วก็จะหมดประโยชน์ไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้อีก
เป็ไปได้หรือที่คนคนนี้จะยอมให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ฉินโจ้วนั้นไม่มีความมั่นใจในการสังหารทองคำราตรีเพราะอุปกรณ์ที่เขาสวมใส่ไม่ได้เป็แค่เครื่องประดับจะต้องมีทักษะติดตัวที่สามารถช่วยฟื้นคืนชีวิตได้เป็แน่ นั่นจึงทำให้ทองคำราตรีถึงยังหายใจได้อยู่
"มีผู้เล่นคนหนึ่งอยู่ทางซ้ายอีกคนอยู่ด้านหลัง ว้าวว... นั่น ''ยอดเขาไท่ซาน''ที่เป็ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง" หลี่เฟยะโขึ้นมาอย่างตื่นเต้นหลังจากที่พบว่ามีคนอยู่มากมายในที่แห่งนี้
ในขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับปีศาจต้นอู๋ถงกลายพันธุ์ขวามือของฉินโจ้วนั้นเป็ผู้เล่นของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ของราตรียิ่งใหญ่ก็เคยเป็ผู้เล่นของกิลด์์จำนวนไม่มากประมาณ 20 คน อุปกรณ์ที่สวมใส่ส่วนใหญ่เป็ระดับสูงส่วนทางด้านซ้ายของฉินโจ้วมีกลุ่มผู้เล่นอยู่ 5 คน เรียกว่ากลุ่ม ''พระอาทิตย์ตกดิน'' ดูแล้วก็เป็กลุ่มที่ไม่ธรรมดาสังเกตจากอุปกรณ์และพละกำลัง ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็ยอดเขาไท่ซานผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่หลี่เฟยเอ่ยถึง มีคนที่อยู่กับยอดเขาไท่ซานอีกคนแต่เขาไม่ได้เปิดเผยชื่อ กำลังขี่แรดระดับ 49 ที่สูงประมาณ 2 เมตร ดูท่าทางน่ากลัวไม่ใช่น้อย
"ในที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ทำไมจึงได้มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาปรากฏตัวขึ้นล่ะ" หลี่เฟยรู้สึกไม่เข้าใจถึงเธอจะไม่แข็งแกร่ง แต่เธอก็ยังมองออกซึ่งผู้คนเหล่านี้เธอไม่สามารถรับมือได้เลย
ฉินโจ้วคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปทั่ว หลังจากที่เขามองไปที่ปีศาจต้นอู๋ถงกลายพันธุ์ก่อนจะหยุดดูและพูดว่า "ถ้าผมเดาไม่ผิดคิดว่าคำตอบน่าจะอยู่ที่รังนกที่อยู่บนต้นไม้"
"รังนก?"รังนกจะสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้หรือ? อ๋อ... นายหมายถึงรังนกไฟะสินะ" หลี่เฟยอุทานด้วยเสียงต่ำรังนกธรรมดาไม่สามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากได้ แต่ถ้าเพิ่มคำว่า นกไฟะไปข้างหน้ารังนกล่ะก็ ทำให้เกิดความแตกต่างขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว
"ถูกต้องแล้ว"
"หรือว่ามีไข่นกไฟะอยู่ในนั้น"
"อาจจะมีหรืออาจจะไม่มีก็ได้ ไม่มีใครเคยได้เห็นมาก่อน ั้แ่สมัยโบราณมีเพียงตำนานเล่าขานกันมาไม่รู้จบ อาจจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นก็ได้ดูนั่น... มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว
ทันทีที่สิ้นเสียงของฉินโจ้วผู้เล่นของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่ก็เริ่มโจมตีต้นอู๋ถงเป็การโจมตีด้วยเวทมนตร์ทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะเป็เวทน้ำแข็งพอพวกเขารู้ว่าต้นอู๋ถงทนต่อการโจมตีด้วยเวทไฟ จึงโจมตีด้วยเวทน้ำแข็งอย่างน้อยพวกนั้นสามารถมาถึงที่นี่ได้ก็คงไม่ได้เป็คนโง่นัก
เวทงูน้ำแข็งเริงระบำก่อนจะทำให้อากาศรอบบริเวณนั้นเต็มไปด้วยความหนาวเย็น เมื่อผ่านไปชั่วครู่เถาวัลย์ทั้งหมดก็ถูกแช่แข็งจนกลายเป็ไอติมแท่งทันทีที่ััถูกก็แตกกระจายลงไปที่พื้นดินก่อนจะมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาปีศาจต้นอู๋ถงกลายพันธุ์ด้วยท่าทางที่ดุดัน
ฉินโจ้วเหลือบมองไปที่ทองคำราตรีในขณะที่กำลังคิดอย่างถี่ถ้วน เขาคนนี้สามารถนำพากิลด์ที่มีสมาชิกนับล้านคนได้แสดงว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่ วันนี้เขาถูกจู่โจมอย่างรุนแรงและหนักหน่วงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้นำมาใส่ใจแม้แต่น้อย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้วศัตรูทั้งหลายก็ไม่ต่างจากปุยเมฆ ในระหว่างที่เขาเดินทางกลับค่ายพักเขาไม่ได้จ้องมองมาทางนี้เลย ดังนั้นคนผู้นี้ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวยิ่งมีคนมากขึ้นก็ยิ่งต้องหาทางวางแผนให้รัดกุมมากขึ้นไปอีกฉินโจ้วรู้สึกว่าเขาคงต้องให้ความสนใจกับมันมากขึ้นอีกหน่อยเผื่อวันข้างหน้าจะได้รับมือกับการจู่โจมที่จะเข้ามาได้
การปรากฏตัวของฉินโจ้วและหลี่เฟยนั้นไม่ได้สร้างความสนใจเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อยหรือพวกเขาอาจจะเห็นแล้ว แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญ ในเวลานี้ใครๆก็สนใจแต่ต้นอู๋ถงเท่านั้น
"ลงมือ"
ผู้เล่นกิลด์์ก็เริ่มลงมือก่อนจะมีลมจากเวทพายุทอร์นาโดเกิดขึ้น โดยมีพายุทอร์นาโด 7-8 ลูก อยู่รอบตัวพวกเขาพวกมันเกาะกลุ่มกันอย่างแ่าเพื่อป้องกันการถูกโจมตีลมนั้นหมุนด้วยความเร็วไม่ต่างจากฝันร้าย ทั้งสามารถโจมตีและป้องกันได้ในเวลาเดียวกันเถาวัลย์ก็ถูกพายุทอร์นาโดนั้นดูดเข้าไป ก่อนจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ
ในเวลาเดียวกันนั้นเองกลุ่มพระอาทิตย์ตกดิน ยอดเขาไท่ซานและผู้เล่นที่ขี่แรดเกราะเหล็กก็เริ่มทำการโจมตีโดยกลุ่มพระอาทิตย์ตกดินนั้นใช้เวทธาตุดินเพื่อเปิดทางจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งเพื่อแยกเถาวัลย์ให้ออกมาด้านนอก ในขณะที่ยอดเขาไท่ซานได้ใช้ดาบเล่มหนาที่สะพายอยู่ด้านหลังของเขาร่ายรำดาบแสงออกมา เพื่อปกป้องร่างกายเอาไว้ แม้แต่ละอองฝนก็ยังไม่อาจผ่านไปได้ส่วนผู้เล่นที่ขี่แรดสวมเกราะนั้นโจมตีได้อย่างเฉียบคมมากที่สุดเขาหยิบดาบสีแดงเืขึ้นมา ซึ่งดูท่าทางคมมากจนไม่มีอะไรเทียบได้ก่อนจะฟันไปที่เถาวัลย์ราวกับตัดเต้าหู้ พลังของแรดสวมเกราะเองก็ไม่น้อยเถาวัลย์ขนาดเล็กไม่สามารถยึดไว้ได้เลย บางครั้งเมื่อพบเถาวัลย์ขนาดใหญ่ก็จะถูกดาบฟันทิ้งไปเสียก่อน ซึ่งเขาเองดูมีท่าทีผ่อนคลายมากที่สุดในกลุ่มดังนั้นเขาจึงขึ้นหน้าไปได้ราว 10 เมตร ซึ่งมากกว่าผู้เล่นของกิลด์ราตรียิ่งใหญ่อยู่ประมาณหนึ่งเมตร
"นายไม่ไปหรือ?"หลี่เฟยถาม
"ไม่ล่ะ"ฉินโจ้วตอบอย่างเรียบๆ
"ฮ่าฮ่า..." หลี่เฟยหัวเราะอย่างสงสัย หรือจะบอกว่าไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกันตามลำพังมาไม่นาน เวลาที่ ฉินโจ้วจะถอนขนห่านอย่างไรเธอนั้นเข้าใจได้เป็อย่างดีทีเดียว
"ตอนนี้มีคนลงไปทัพหน้าแล้วไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือให้ทำสักเท่าไร เสียเวลาเปล่าอีกอย่างผมเองก็วิ่งมาตั้งไกล ตอนนี้เหนื่อยมาก ขอพักเอาแรงและชาร์จแบตรอไปพลางๆก่อน" ฉินโจ้วหัวเราะขึ้นมาไม่ต่างจากพวกโจร ที่สำคัญก็คือกองทัพโครงกระดูกของเขานั้นไม่สามารถรับมือกับปีศาจต้นอู๋ถงกลายพันธุ์ได้และการสูญเสียมากไป มันไม่ค่อยคุ้มค่า
"ฉันอ้วนขึ้นอีกแล้วเหรอ"
"ทำไมคิดแบบนั้น?"
"ก็เปล่าว่าแต่นายเหนื่อยไหม?"
"นี่มันก็..."
"ทำไมถึงลังเลล่ะ"
"เอ่อ...อ๊ะ... ดูนั่น อสูรต้นอู๋ถงกลายพันธุ์เริ่มโจมตีกลับแล้วฉินโจ้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็วเพราะการพูดคุยกับผู้หญิงในเื่อ้วนหรือผอมนั้นเป็ปัญหาที่ไม่มีวันสิ้นสุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้