วัดเฉิงกวงด้านนอกเมือง เป็วัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง ซึ่งอยู่บนูเาด้านนอกเมืองระยะทางไกลกว่าสิบลี้
ถึงแมู้เาลูกนี้จะไม่ค่อยสูงมาก แต่ก็มีความชันพอสมควร วัดเฉิงกวงนั้นสร้างอยู่บนพื้นที่ราบตรงส่วนเอวูเา พื้นที่การก่อสร้างกว้างขวางมาก เพราะถึงอย่างไรวัดเฉิงกวงก็เป็วัดในฮ่องเต้รัชกาลก่อน หลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็ได้สร้างวัดกานลู่บนูเาอีกลูกในเมืองไว้เป็วัดสักการะของราชวงศ์ จำนวนคนที่มาสักการะกราบไว้ที่วัดเฉิงกวงจึงไม่ได้มากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากเดินทางไปจุดธูปเทียนแก้บนอยู่เป็ประจำ
หลังจากออกมาจากประตูทางทิศใต้ของเมืองแล้วเดินทางไปยังเส้นทางทิศตะวันตก เดินทางไปได้ไม่ไกลนักก็จะเจอูเาลูกเล็กๆ หลายลูก ถึงแม้เส้นทางบนูเาจะเคยผ่านการซ่อมแซมมาก่อน มีบางที่ยังปูด้วยแผ่นหิน หากแต่หลังจากสร้างวัดกานลู่ ผู้คนที่เดินทางมาที่นี่ก็มีจำนวนลดน้อยลงไปมาก ถนนก็ไม่สามารถซ่อมแซมได้บ่อยครั้งอีกต่อไป หากเมื่อถึงวัสสานะฤดู [1] แล้วล่ะก็ การเดินทางบนูเาก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น
ริมถนนบนูเาได้มีการขุดร่องน้ำเอาไว้ หากรถม้าขับออกนอกถนนเส้นทางหลักก็จะร่วงลงไปในคูลึกในทันที
ตอนที่สวี่เหราฟื้นขึ้นมา ก็รู้สึกได้ว่าตนเองนอนอยู่บนพื้นหญ้า บนตัวเปียกชื้น ร่างทั้งร่างรู้สึกเหมือนถูกหินก้อนั์บดทับ ขยับตรงใดก็รู้สึกแปลกประหลาด เขายันแขนลุกขึ้นนั่ง สายตาก็เหลือบไปเห็นรถม้าที่จะสามารถเห็นได้เพียงแค่ในโทรทัศน์เท่านั้นจอดอยู่ไม่ไกล ล้อรถล้วนใช้ไม้ในการสร้าง
สวี่เหราล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ความทรงจำของเขาหยุดลงตรงวินาทีที่เกิดอุบัติเหตุ
สวี่เหราอายุอานามก็สี่สิบกว่าปีแล้ว เป็อาจารย์ของโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ทำการวิจัยอยู่ก็หลายปี ส่วนภรรยาจางจ้าวฉือเป็หมอศัลยกรรมของโรงพยาบาลประจำจังหวัด แล้วยังเป็บุคลากรที่มีความสามารถ มีชื่อเสียงเป็อย่างมากในจังหวัด ลูกชายสวี่ตี้ ด้านการเรียนั้แ่เด็กก็ไม่เคยทำให้ตัวเขาและภรรยาเป็กังวลใจ ั้แ่เล็กจนโตก็เป็แบบอย่างให้ลูกบ้านอื่นมาโดยตลอด มีวินัยในตนเอง ขยันหมั่นเพียร หลังจากสอบเกาข่าว [2] ได้สำเร็จก็ตั้งใจเรียนมาตลอด ต่อมาก็เป็ด็อกเตอร์ของศาสตร์แพทย์แผนจีน ทั้งครอบครัวรู้สึกว่าหลายปีมานี้ทุกคนต่างยุ่งแต่เื่ของตนเอง จึงถือโอกาสที่ยังไม่ถึง่ไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว พากันขับรถเที่ยวเล่นทีู่เาใกล้ๆ ปรากฏว่าเจอกับดินูเาถล่มระหว่างทาง ทั้งรถและคนก็ถูกหินบนูเาชนกระแทกจนตกลงไปที่ตีนเขา
สวี่เหราไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงมาอยู่ที่นี่ เขานอนอยู่ได้สักพัก คิดได้ว่าภรรยาและลูกตกลงมาจากเขาด้วยกันจึงอดกลั้นความเ็ปทั่วทั้งร่างเอาไว้ มองไปรอบๆ ก็พบว่าบริเวณนี้ไม่มีภาพูเาดินถล่มอย่างที่คิดเอาไว้
สวี่เหราเดินกระเผกตรงไปที่หน้ารถม้า พบสตรีแต่งชุดโบราณคนหนึ่งนอนอยู่ในรถม้า สวี่เหราตะลึงงัน รีบเดินเข้าไปดู เขาพบว่าเป็จางจ้าวฉือภรรยาของตนเอง แต่ว่าเป็รูปลักษณ์ของภรรยาตอนยังสาว
สวี่เหรารีบเดินเข้าไปหา แล้วเขย่าบ่าของหญิงสาวเบาๆ ร้องเรียกเสียงกระชิบ “จ้าวฉือ จ้าวฉือ เป็เธอหรือ?”
หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ มองสวี่เหราอย่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความใ “เหล่าสวี่ ทำไมคุณถึงได้แต่งตัวแบบนี้? เกิดเื่อะไรขึ้น?”
สวี่เหราหัวเราะเสียงขื่น ก่อนจะพูดว่า “ผมตื่นขึ้นมาสภาพของตัวเองก็เป็แบบนี้แล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเื่อะไรขึ้น แล้วก็ไม่รู้ว่าสวี่ตี้เป็ยังไงบ้าง”
ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา ตอนที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเด็กอายุสิบกว่าปีดังแว่วอยู่ไม่ไกล “ผมอยู่นี่”
สวี่เหราช่วยพยุงจางจ้าวฉือให้ลุกขึ้นยืน ก็เห็นเด็กชายสวมชุดโบราณคนหนึ่งเดินมาจากด้านหลังรถม้า บนใบหน้าขาวนวลเต็มไปด้วยคราบดินโคลน
จางจ้าวฉือเห็นใบหน้าของเด็กชายก็พูดออกมาด้วยความใ “สวี่ตี้? เธอคือสวี่ตี้? ทำไมถึงกลายเป็เด็กไปแล้วล่ะ?”
สวี่ตี้ขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดว่า “ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ ตอนที่พวกเราเกิดเื่ไม่ใช่ว่าเจอกับดินูเาถล่มเหรอ? ผมลืมตาขึ้นมาก็นอนอยู่บนพื้นหญ้าตรงนี้แล้ว โชคดีที่พื้นหญ้าใต้ร่างหนาพอ อีกทั้งในหัวสมองของผมก็ยังมีความทรงจำของคนอื่น ผมคาดว่าพวกเราคงจะทะลุมิติมาแล้ว”
สวี่เหราเหลือบมองจางจ้าวฉือ เธอเป็คนเดียวที่เป็คนยึดเหตุผลเป็หลัก แน่นอนว่าไม่มีทางเชื่อเื่แปลกประหลาดเช่นนี้แน่ กลับเป็จางจ้าวฉือที่มองสวี่ตี้ด้วยความใ “ทะลุมิติ? ทะลุมิติแบบในนิยายหรือ?”
สวี่ตี้ขมวดคิ้ว “ทางที่ดีพ่อกับแม่รีบคิดกันก่อนดีกว่า สถานการณ์ที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่นี้ค่อนข้างตึงมือ แต่ที่แน่นอนคือมีคนตั้งใจจะทำร้ายครอบครัวนี้ ไม่เช่นนั้นรถม้าจะสามารถตกลงมาจากถนนเส้นทางหลักได้เหรอครับ? พ่อ แม่ หากพวกแม่ไม่มีเื่อะไรแล้วก็รีบออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวจะต้องมีคนตามมาถอนรากถอนโคนพวกเราแน่”
สวี่เหรากับจางจ้าวฉือต่างก็พากันใ สวี่เหรากล่าวว่า “นี่มันเื่อะไรกัน ไม่ใช่พวกเราออกมาเที่ยวเล่นกันเองหรอกหรือ กลับต้องมาเจอเื่แบบนี้ จ้าวฉือ เธอไม่เป็อะไรใช่ไหม ให้ผมช่วยพยุงไหม?”
จางจ้าวฉือโบกมือแล้วพูด “สวี่ตี้ ลูกรับความทรงจำอะไรมา? เล่าให้พวกแม่ฟังชัดๆ หน่อย”
ด้านข้างรถม้ามีม้าตายอยู่ตัวหนึ่ง ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว แต่บริเวณโดยรอบ ยังคงเปียกชื้นอยู่มาก อีกทั้งครอบครัวนี้ก็โชคดี ตกลงมาบนเนินดินขนาดไม่ใหญ่มากที่ด้านล่างเหว
สวี่ตี้เงยหน้าขึ้นไปมอง้า เห็นระยะห่างจากเส้นทางบนูเากับเนินดินนี่มีระยะประมาณสิบกว่าเมตร บนเนินดินมีหญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด เป็เพราะเหตุนี้เอง ถือว่าครอบครัวสวี่มีความโชคดีอยู่มาก ตอนที่ตกลงมาตัวคนกระเด็นออกมานอกตัวรถม้า แล้วหล่นลงบนพื้นหญ้าที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ถ้าหากตกลงไปด้านล่างรถ คาดว่าคงจะถูกตัวรถทับตาย หรือไม่ก็ถูกทับจนได้รับาเ็ก็เป็ได้
ด้านล่างเนินดินใกล้ๆ มีแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่สายหนึ่ง สวี่ตี้มองม้าตัวนั้น แล้วลองยกรถม้าคันนั้นขึ้นมา สวี่เหรากับจางจ้าวฉือเห็นก็เข้าไปช่วย โชคดีที่รถม้าไม่ได้ใหญ่มาก สามคนออกแรงช่วยกันเต็มที่ ในที่สุดก็พยุงรถม้าขึ้นมาได้
สวี่เหราพูดเสียงหอบ “สวี่ตี้ ลูกจะทำอะไรหรือ?”
สวี่ตี้หาท่อนไม้หนาๆ มาสองท่อน ก่อนจะพูด “รีบผลักรถม้าไปที่แม่น้ำก่อน รีบลงมือกันเถอะครับ ต่อไปพวกเราจะไปหาที่ซ่อน แล้วผมจะค่อยๆ เล่าให้พวกพ่อฟัง”
โชคดีที่รถม้าที่ครอบครัวสวี่จัดหามาไม่ใช่รถม้าที่คุณภาพดีสักเท่าไหร่ รถม้าคันนี้ส่วนที่หนักที่สุดก็คือล้อทั้งสองข้าง สามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันทั้งผลักทั้งดัน ในที่สุดก็ขยับรถม้ามาที่้าของเนินดินได้ ทั้งสองคนพ่อลูกช่วยกันออกแรงใช้กำลังทั้งหมดที่ได้รับพลังงานจากมื้ออาหารที่เพิ่งทานมา ผลักรถม้าลงไปในแม่น้ำได้ในที่สุด ก่อนที่จะมีเสียงดังตู้มตามมา รถม้าในที่สุดก็ได้ตกลงไปในแม่น้ำเรียบร้อยแล้ว
สวี่ตี้เห็นรถม้าตกลงไปในแม่น้ำแล้ว ส่วนม้าตัวนั้นก็ตายไปแล้วทำให้เคลื่อนย้ายลำบาก จึงทำได้เพียงแค่พยายามลบร่องรอยของทั้งสามคนทิ้งไป เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้วก็พาพ่อแม่ของตนเองเดินไปให้ไกลจากตรงนี้หน่อย เดินไปพลางลบร่องรอยไปด้วย ทำเช่นนี้จนกระทั่งตะวันขึ้นสูงตรงศีรษะ ถึงจะวางใจลงได้ ก่อนจะลากพ่อแม่ที่เหนื่อยอ่อนมากแล้วเดินไปไกลอีกนิด
จางจ้าวฉือเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงกล่าวออกมา “สวี่ตี้ แม่เดินไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเราพักกันก่อนเถอะ”
สวี่ตี้เองก็เหนื่อยมาก เริ่มเดินไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เขามีความทรงจำทั้งหมดของสวี่ตี้เ้าของร่างเดิมอยู่ ั้แ่เด็กจนถึงวัยรุ่น แล้วค่อยไปถึงวัยกลางคน สวี่ตี้รู้ว่าการที่รถม้าคว่ำในครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ มีคนจงใจ อีกทั้งไม่นานหลังจากนี้จะมีคนมาตรวจสอบว่าครอบครัวสวี่ทั้งสามคนตายไปแล้วหรือไม่ สวี่เหรากับจางจ้าวฉือคนเก่าจริงๆ แค่สลบไป เป็คนพวกนั้นที่หลังจากเดินทางมาถึงแล้วก็ใช้ก้อนหินทุบทั้งสองคนจนตายตกไป แล้วค่อยสร้างสถานการณ์ว่าทั้งสองคนตกลงมาตาย ส่วนสวี่ตี้นั้นโชคดีหน่อย หลังจากที่ถูกหินทุบใส่ตัว ก็แค่ทำให้ขาหักเท่านั้น แต่เขาก็ถูกทุบจนสลบไปเช่นกัน เป็หย่งหนิงโหวเย่มารับเขากลับไป รักษาตัวอยู่สามเดือนถึงได้ฟื้นฟูกลับมาดีขึ้น แต่ว่าเขาก็เสียขาไปแล้ว
สวี่ตี้เห็นเื่ราวมากมายจากเ้าของร่างเดิม ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาปวดใจมากที่สุดก็คือแม่นางน้อยนามว่าสวี่จือคนนั้น ั้แ่เด็กก็โดดเดี่ยวน่าสงสาร ทั้งยังถูกคนเลวพวกนั้นทำร้าย ต่อมาภายหลังสวี่ตี้ได้มุ่งมั่นที่จะไปหาน้องสาวที่หลิงหนาน แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ทว่ายังโชคดีที่หาคนของจวนติ้งกั๋วกงพบ ได้ยินพวกเขาพูดว่า หลังจากที่สวี่จือถูกขายให้กับชาวประมงคนหนึ่งนางก็ะโน้ำฆ่าตัวตาย เ้าของร่างเดิมเสียใจมาก หลังจากลากขาง่อยๆ ของตนเองกลับมาได้ ก็อยากจะยืนยันเื่ที่ตนเองแอบฟังมา ผลสรุปก็คือถูกคนพบเข้า ในคืนวันหนึ่งเขาถูกคนจับใส่ถุงกระสอบแล้วแบกมาที่ข้างแม่น้ำเมืองหู้ บนร่างถูกมัดด้วยหินแล้วโยนลงแม่น้ำจนจมน้ำตายเช่นกัน
หลังจากที่สวี่ตี้เล่าเื่ราวในความทรงจำของตนเองออกมาแล้ว สวี่เหรากับจางจ้าวฉือก็ใอยู่นานจนพูดอะไรไม่ออก
จางจ้าวฉือพูดออกมาด้วยความใ “ทำไมถึงมีเื่แบบนี้กัน สวี่ตี้ พวกเรามาอยู่ในยุคสมัยไหน?”
สวี่ตี้ตอบ “ราชวงศ์ต้าเหลียง ฮ่องเต้สกุลเซียว”
สวี่เหรากล่าว “นี่ไม่ใช่เื่ของราชวงศ์หนานเป่ยหรอกหรือ?”
สวี่ตี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ไม่ใช่เื่ตอนราชวงศ์หนานเป่ย เป็คนละราชวงศ์กันครับ ผมดูจากลักษณะการแต่งตัวของทุกคนที่นี่แล้ว การดำเนินชีวิตก็คล้ายๆ กับราชวงศ์ซ่ง ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดความผิดพลาดที่ตรงไหน มันไม่ใช่เื่ที่เราจะสามารถเข้าใจได้ก็ถูกแล้ว”
สวี่เหรากล่าว “หรือว่าพวกเราไม่ได้อยู่บนโลกแล้ว?”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ไอ๊หยา คุณจะมาคิดเยอะแยะไปทำไม สวี่ตี้ แบบนั้นพวกเราตอนนี้เป็สถานการณ์แบบไหน? แล้วก็นะ คนที่ทะลุมิติไม่ใช่ว่ามีสิทธิพิเศษอะไรหรือ? พวกเรามีหรือไม่?”
สวี่ตี้ถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “แม่ แม่คิดมากไปแล้ว ตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรเลย สิ่งที่แม่พูดออกมานั้นล้วนมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ บิดาของร่างนี้เป็คุณชายสามของจวนหย่งหนิงโหว เพิ่งจะสอบติดราชการ เตรียมตัวจะเข้าไปคัดเลือกขุนนาง ผลสุดท้ายคือถูกอนุจู้ผู้เป็มารดาเ้าของร่างเดิมของพ่อตอนนี้คะยั้นคะยอจะให้ทั้งครอบครัวมาแก้บนอะไรก็ไม่รู้ที่วัดเฉิงกวงบนูเารกร้างนี่ แล้วก็โชคดีที่ลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งจะสี่ขวบตัวร้อนขึ้นมาก็เลยไม่ได้พามาด้วย ไม่เช่นนั้นครอบครัวนี้ก็คงจะลำบากจนหืดขึ้นคอแล้ว”
สวี่เหราพูดด้วยความใ “เข้ารับราชการ? คนคนนี้ไม่ี้เีเลยจริงๆ สอบเข้าราชการไม่ใช่เื่ง่ายเลยนะ”
สวี่ตี้พูด “ลูกอนุของจวนโหว หากไม่ทะเยอทะยานหาจุดยืนให้กับครอบครัวตัวเองต่อไปจะทำยังไง? พ่อ คุณชายสามคนนี้เป็ลูกของอนุจู้ในจวน วันนี้ที่ออกมาเจอเื่แบบนี้ ก็เพราะว่าอนุจู้รั้นจะให้เดินทางมาแก้บนในเช้าตรู่ของวันนี้เท่านั้น จะบอกว่าเื่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน พ่อเชื่อไหมล่ะ?”
สวี่เหราฟังแล้วก็เงียบไปนาน ก่อนจะพูด “พ่อไม่เชื่อจริงๆ นั่นแหละ ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว อนุคนหนึ่ง ลูกสามารถสอบติดราชการ นั่นย่อมเท่ากับเป็ที่พึ่งพิงของนางในอนาคต นางจะมาทำร้ายลูกของตัวเองแบบนี้ มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ นอกเสียจากจะไม่ใช่ลูกที่ตัวเองคลอดออกมา”
สวี่เหราพอพูดจบก็ใ ก่อนจะหมุนตัวไปมองสวี่ตี้
สวี่ตี้ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย “นี่ก็คือสิ่งที่เ้าของร่างเดิมของผมแอบไปสอบถามมาหลายปี อนุจู้ผู้นี้ ถึงแม้จะเป็อนุแก่ที่ไม่ได้รับความรักของจวนโหว แต่ว่ามีแผนการ มีลูกน้อง ไม่ใช่คนธรรมดา หากจะพูดว่าเ้าของร่างเดิมของพ่อไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็มีความเป็ไปได้จริงๆ ”
จางจ้าวฉือกล่าว “ตอนนี้สถานการณ์เร่งรีบ ต้องหนีออกจากที่นี่ก่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะเจอกับคนที่จะทำร้ายพวกเราตอนไหน สวี่ตี้ ตอนนี้ร่างของครอบครัวนี้พวกเราเอามาใช้แล้ว เช่นนั้นเ้าของร่างเดิมล่ะ?”
สวี่ตี้เอ่ย “คงจะตายไปแล้ว ถ้าหากยังอยู่พวกเราจะใช้ร่างของพวกเขาได้หรือ? พ่อ ต่อไปพ่อได้วางแผนอะไรไว้ไหมครับ?”
สวี่เหราถอนหายใจ “พ่อมืดแปดด้านเลย ไม่รู้ว่าต่อไปจะต้องทำอะไรเลยจริงๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าพ่อจะมีความทรงจำของเขาหรือเปล่า หากพ่อคิดอะไรไม่ออก เช่นนั้นจะไม่ถูกมองออกหรือ?”
สวี่ตี้เอ่ย “ตอนที่ผมเห็นพ่อเลือกขุนนางฝ่ายนอก พ่อพาแม่แล้วก็ผมกับน้องสาวไปนอกเมือง ฟ้าสูงอยู่ห่างไกลฮ่องเต้ เช่นนั้นพวกเราถึงจะสามารถปลอดภัยได้บ้าง”
จางจ้าวฉือฟังแล้วก็พูดต่อ “ใช่สิ มีเื่ใดที่พวกเรายังหลบหนีไม่ได้หรือ? ฟังจากที่สวี่ตี้พูดแล้ว กลับไปลูกก็ไปหาพื้นที่ด้านนอกเมือง ยิ่งไกลจากที่นี่ยิ่งดี พวกเราไปไกลหน่อย จะยังมีอันตรายอะไรได้อีก?”
สวี่เหรากล่าว “เช่นนั้นผมก็ต้องมีความทรงจำของเขาสิ เขารู้จักใครบ้าง ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไร พ่อจำเป็จะต้องรู้เอาไว้ แล้วก็ลูก รู้หรือเปล่าว่าเ้าของร่างเก่าของลูกปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไร? พูดคุยกับเหล่าญาติๆ อย่างไร? อีกอย่างในบ้านยังมีแม่นางน้อยอยู่คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ปกติแล้วปฏิบัติกับแม่นางน้อยอย่างไร ลูกรู้ไหม?”
จางจ้าวฉือพูด “ตอนนี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็ความตายแล้ว บอกมาสิว่าคุณจะมัวมาพิถีพิถันกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไปทำไม จริงๆ เลยเชียว”
สวี่ตี้มองท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมืดครึ้มแล้ว ก่อนจะพูด “พวกเรารีบไปกันเถอะครับ ผมเห็นว่าฟ้าเริ่มครึ้มแล้ว ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวฝนจะตก พวกเราเข้าไปในูเากัน ดูว่าที่นั่นมีที่หลบฝนบ้างหรือเปล่า”
สวี่เหราพยุงจางจ้าวฉือขึ้นมา ก่อนที่เธอจะพูด “ความจริงแล้วพวกเราก็ได้กำไรนะ เด็กลงมาตั้งหลายสิบปี คนปกติแล้วไม่ได้เจอเื่ปาฏิหาริย์แบบนี้หรอกนะ”
จางจ้าวฉือเป็คนที่นิสัยร่าเริง เดินไปก็พูดปนหอบไป “ฉันจะบอกให้ฟังนะพวกพยาบาลที่โรงพยาบาลของเราน่ะ อ่านนิยายพวกทะลุมิติไปเกิดใหม่เยอะแยะไป น่าเสียดายที่พวกเธอไม่ได้เจอปาฏิหาริย์แบบพวกเรา ก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะกลับไปได้อีกไหม ตำแหน่งงานของฉันเพิ่งจะได้มา หากไม่สามารถกลับไปได้ก็น่าเสียดายจริงๆ ฉันพยายามเพื่อมันมานานมากเลยนะ”
สวี่ตี้พูด “ไอ๊หยา แม่ ใครไม่อยากกลับไปบ้าง แต่แม่ดูสิ พวกเราแม้แต่ขามา มาได้ยังไงก็ยังไม่รู้เลย จะกลับยังไงก็ยิ่งไม่มีทางรู้ แม่ว่าแม่เสียดายตำแหน่งงานของผมเองผมก็เพิ่งจะได้ใบรับรองด็อกเตอร์มา ผมทำเพื่อใบรับรองนี้มามากเลยนะ อีกทั้งที่ปรึกษาของผมก็พูดกับรุ่นพี่ของเขาที่อยู่ต่างประเทศเอาไว้แล้วว่าอยากจะให้ผมไปเรียนที่ต่างประเทศสักสองปีแล้วค่อยกลับมา ผมมาที่นี่แม่ว่าขาดทุนไหมล่ะ?”
สวี่เหราพูด “เอาล่ะๆ ทั้งสองคนก็ขาดทุนกันหมดนั่นแหละ แต่ว่าไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันดีก่อน? อีกทั้งพวกเธอสังเกตไหมว่า ชื่อของพวกเราสามคนเหมือนกับพวกเขา ไม่แน่ว่านี่อาจเป็เหตุผลที่ทำให้พวกเราข้ามมิติมา ในเมื่อมาแล้วก็ใช้ชีวิตให้ดี ไม่ว่าจะที่ไหน พวกเราก็ต้องใช้ชีวิตของเราให้ดีถึงจะถูก”
สวี่ตี้พยักหน้า “เื่ที่เ้าของร่างเดิมปล่อยวางไม่ได้ก็คือน้องสาวของตัวเอง รออีกเดี๋ยวไปรับมาอยู่ด้วยแล้วจะต้องดูแลเธอให้ดีถึงจะถูก”
ทั้งสามคนเดินไปพูดไป จนกระทั่งบ่ายคล้อยถึงได้เดินข้ามูเาลูกนั้นไปได้ บนท้องฟ้าก็เริ่มมีฝนตกลงมาเล็กน้อย ฝนต้นฤดูร้อนค่อยๆ สาดลงมาบนตัวคน ก่อนจะตามมาด้วยลมวูบหนึ่ง จนรู้สึกว่าขนทั้งตัวลุกชันขึ้นมา
ยืนอยู่บนูเามองเห็นบ้านเรือนที่อยู่ไม่ไกล สวี่ตี้จึงพูดขึ้น “ตรงนั้นมีคน พวกเราไปยืมที่พักกันเถอะครับ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ใช่ เปียกฝนกันอย่างนี้ไม่แน่ว่าอาจจะป่วยได้ ยุคนี้ขาดแคลนยาด้วย ป่วยแล้วคงทำให้คนตายได้จริงๆ ”
เชิงอรรถ
[1] วัสสานะฤดู คือ ฤดูฝน
[2] เกาข่าว (高考 gāo kǎo) แปลว่า เอนทรานซ์ (Entrance)