ฉู่เหลียนขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นกลุ่มเด็กสาวในชุดหรูหราที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุการณ์ที่นางพยายามจะหลบเลี่ยงนั้นเกิดขึ้นที่ศาลาติ่งป๋อ ไม่ใช่เรือนเม่ยแห่งนี้ นอกจากนั้นสตรีสูงศักดิ์เหล่านี้ก็ไม่ได้มาปรากฏในเหตุการณ์อีกด้วย แล้วทำไมตอนนี้เหล่าองค์หญิงถึงได้จับตามองมาที่นางเสียได้?
ฉู่เหลียนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบ ๆ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็ใคร
เมื่อนางไม่รู้ว่าเหล่าองค์หญิงตรงหน้าเป็ใครหรือมีพื้นเพเป็เช่นไร นางจึงทำได้เพียงโค้งศีรษะลงทักทาย
“พี่หยวนฉิน สตรีนางนี้ใช่คนที่พี่เฮ่อทอดทิ้งไปใช่หรือไม่”
เด็กสาวที่ยืนเยื้องไปด้านหลังกล่าวด้วยท่าทีหยิ่งผยอง นางเป็บุตรีคนที่ห้าของจวนติ้งหยวน นามว่าโจวหยวนฉิน ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับองค์หญิงเล่อเหยา และเป็หนึ่งในเพื่อนร่วมเรียนกับองค์หญิง เสียงร้องที่ฉู่เหลียนได้ยินก่อนหน้านั้นย่อมมาจากนาง
“องค์หญิงทรงมีสายพระเนตรเฉียบคมยิ่งนักเพคะ”
วันนี้องค์หญิงเล่อเหยาสวมใส่อาภรณ์สีเดียวกับฉู่เหลียน อีกทั้งยังสวมเครื่องประดับศีรษะทับทิมงดงามเช่นกัน
ทว่าทั้งเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายของนางกลับประณีตงดงามกว่ามาก วัตถุดิบในการประกอบชุดนี้ล้วนหายาก สีชมพูบนชุดมีการไล่ระดับสีอ่อนไปเข้มจากบนลงมาล่าง ตัวกระโปรงถูกเย็บปักด้วยลวดลายที่สวยงาม พร้อมประดับติดเพิ่มเติมด้วยแร่ล้ำค่าเม็ดเล็ก ๆ ยามที่ชุดนี้ต้องแสงไฟกลับสะท้อนเป็ประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว มันเป็ชุดที่ทั้งงามสง่าและหรูหรา
เทียบกันแล้ว ชุดของฉู่เหลียนที่คล้ายกันกลับดูซอมซ่อกว่ามาก
อย่างไรก็ตามด้วยร่างบอบบางของฉู่เหลียนที่ดูงามระหง ก็ยังคงสามารถสะกดผู้คนได้ในชุดสีชมพูแบบเรียบ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางอยู่ใน่วัยที่ดีที่สุด ต่างกับองค์หญิงวัยสิบเอ็ดปีที่ยังมีรูปร่างไม่ชัดเจน
เมื่อทั้งสองมายืนอยู่ข้างกัน ต่างคนต่างมีเสน่ห์ในแบบของตน แต่เมื่อมองเฉพาะชุดและเครื่องประดับ ชุดของฉู่เหลียนนั้นเทียบไม่ติดเลย ปิ่นผีเสื้อทับทิมของนางที่ดูน่ารักสดใสในคราแรก ตอนนี้เมื่อนำมาเทียบกับเครื่องประดับขององค์หญิงเล่อเหยาแล้ว มันกลับดูจืดชืดไปถนัดตา
เสียงวิจารณ์ดังขึ้นรอบกาย ฉู่เหลียนััได้ถึงสายตาที่เพ่งมองมายังนางด้วยความดูิ่ดูแคลน
“โกโรโกโสเสียจริง” องค์หญิงเล่อเหยากล่าวพลางยิ้มเยาะ
หลังสิ้นเสียงคำวิจารณ์จากองค์หญิง ผู้คนที่รอบกายยิ่งพากันถกเถียงอย่างออกรสมากขึ้น ทุกคำวิจารณ์ที่ฉู่เหลียนพยายามไม่ใส่ใจกลับดังเข้าหูนางในทุก ๆ ถ้อยคำ
“อ๋า ไม่ใช่ว่าจวนจิ่งอันเกี่ยวดองกับจวนอิ้งเพราะพวกเขาออกจะ...ลูกดกหรอกหรือ?”
“เ้าได้ข่าวไหมเล่า เฮ่อซานหลางเร่งเดินทางออกจากบ้านและเมืองหลวงไปเมื่อสองวันก่อนนี่เอง”
“ฮ่าฮ่า น่าขันนัก เป็แม่พันธุ์ที่ดีแล้วจะอย่างไรเล่า หากไร้ซึ่งสามี?”
“ไม่ใช่ว่านางเป็แค่หญิงสาวจน ๆ หรอกหรือ ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะกล้าใส่ชุดเยี่ยงนั้นมาจวนติ้งหยวน น่าละอายนัก”
“ข้าว่าพวกเ้าต้องไม่รู้เป็แน่ว่าคุณหนูหกหรือแม่นางฉู่เนี่ยไม่ได้มีชื่อเสียงดีเด่อะไรมาั้แ่แรกแล้ว ข้าเกรงว่าที่เฮ่อซานหลางต้องฝืนใจออกจากจวนก็เพราะเขาคงไม่พึงใจต่อภรรยานี่แหละ!”
……
หรงฮูหยิแห่งจวนอิ้งที่หลังจากไปเข้าห้องน้ำกลับมาก็ทันสังเกตได้ถึงเสียงเซ็งแซ่ที่ดังไปทั่วเรือนเม่ย นางมองไปด้วยความสงสัย ในตอนนั้นเองที่คุณหนูซูจากบ้านหลักเข้ามาคว้าแขนนางด้วยใบหน้าซีดเผือด “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่หกกำลังถูกรังแก”
นอกจากหรงฮูหยินและคุณหนูซูแล้ว ยังมีคุณหนูหยวน คุณหนูแปดสายรองที่มาร่วมงานนี้ด้วย นางกลอกตาอย่างรังเกียจ “นางถูกสามีทิ้งหลังจากแต่งงานไปแค่ไม่กี่วัน ข้าล่ะไม่อยากเชื่อว่านางจะยังกล้าออกมาทำขายหน้าเช่นนี้!”
หรงฮูหยินหน้าเปลี่ยนสีทันที นางมองไปที่คุณหนูหยวนก่อนจะหันไปถามคุณหนูซู “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ในตอนแรก จวนจิ่งอันได้ปิดข่าวเื่เฮ่อฉางตี้ออกไปร่วมรบที่ชายแดนทางเหนือไว้ แต่ข่าวเกิดรั่วไหลออกมาได้อย่างไรก็ยังไม่ทราบชัด
หรงฮูหยินที่มักอยู่เพียงในจวนจึงไม่ได้ทราบข่าวคราวจากภายนอกนัก หลังได้ยินคุณหนูซูอธิบาย สีหน้านางกลายเป็เครียดในทันที
“เ้าว่าองค์หญิงเล่อเหยา องค์หญิงต้วนเจี่ย และท่านหญิงอานิ่ อยู่ที่นี่ทั้งหมดเลยหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ ฟังจากคำพูดขององค์หญิงเล่อเหยาดูเหมือนว่านางจะไม่ชอบพี่หกนัก”
คุณหนูหยวนกระทืบเท้าอย่างแรง “นังคนเ้าปัญหา! นางไปทำให้องค์หญิงบันดาลโทสะเสียั้แ่เมื่อไหร่ แล้วทีนี้เราก็จะติดร่างแหตามไปด้วย เราไม่ควรให้นางได้แต่งเข้าจวนจิ่งอันเลยั้แ่แรก!”
“คุณหนูหยวน หยุดกล่าวไร้สาระได้แล้ว!” หรงฮูหยินตำหนิเสียงต่ำ
ที่นี่ไม่ใช่จวนอิ้ง ดังนั้นหรงฮูหยินจึงไม่ปล่อยให้พวกนางกล่าววาจาได้ตามใจ แม้ว่าฉู่เหลียนจะไม่ใช่ลูกรักของจวนอิ้ง แต่เมื่อนางแต่งออกไป ทุกอย่างที่นางทำย่อมสะท้อนมาถึงตระกูลอิ้งเสมอ เมื่อตัวนางยังยืนอยู่ที่นี่ จึงไม่อาจละเลยในเื่ของฉู่เหลียนได้
ยามนี้ฉู่เหลียนอยากตะคอกเฮ่อฉางตี้ให้แก้วหูแตก ‘พี่เฮ่อ? เ้านั่นไปยั่วยวนองค์หญิงไว้ั้แ่เมื่อไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงเองก็ยังเด็กถึงเพียงนี้ แต่กลับทำตัวโตเกินอายุไปหน่อย’
องค์หญิงต้วนเจี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ องค์หญิงเล่อเหยา นางสูงกว่าองค์หญิงเล่อเหยาอยู่หนึ่ง่ศีรษะ สายตาของนางยังคงเพ่งมองไปที่ฉู่เหลียนด้วยใบหน้าที่เ็า
ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เว่ยเฟิงจื่อก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่ระเบียงเช่นเดียวกัน มุมปากของนางยกขึ้นเมื่อเห็นว่าฉู่เหลียนยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน และเมื่อสาวน้อยผู้นั้นไม่ได้ส่งสาวใช้ออกมาขอความช่วยเหลือ นางจึงทำเพียงนั่งมองดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
ท่านหญิงอานิ่ใช้สายตาหยามเหยียดมองไปที่ฉู่เหลียน “ในเมื่อเราได้เห็นหน้านางแล้วก็ไปกันเถอะเล่อเหยา”
หลังจากที่ท่านหญิงอานิ่กล่าวจบ เหล่าหญิงสูงศักดิ์ก็หันหลังกลับออกไปพร้อมกัน ทว่าเมื่อคุณหนูห้าจวนติ้งหยวน โจวหยวนฉินตวัดสายตามองไปที่ฉู่เหลียน และพบว่าสีหน้าของฉู่เหลียนนั้นไม่ปรากฏความโกรธเคืองใด ๆ ยิ่งกลับทำให้นางมองฉู่เหลียนด้วยความรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น ก่อนจะเดินตามเหล่าสตรีสูงศักดิ์ที่เหลือไป
ฉู่เหลียนกระตุกยิ้มเมื่อเห็นร่างสตรีสูงศักดิ์หายลับไปไกลแล้ว ‘เฮอะ? แล้วคนพวกนี้มาแค่จะเยาะเย้ยนางงั้นสิ เล่นแบบนี้ไม่เด็กไปหน่อยหรือไง?!’
หรงฮูหยินคิดจะเข้ามาช่วยฉู่เหลียน แต่เมื่อเห็นองค์หญิงเล่อเหยาพร้อมพรรคพวกเดินจากไป นางก็พลันโล่งอกยิ่งนัก ทว่ายังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายดี เสียงกรีดร้องก็หวีดแหลมขึ้นในอากาศ
“อ๊า!!!”
ฉู่เหลียนรู้สึกเหมือนมีคนผลักนางโดยแรงเสียจนเซถอยไป หลังจากนั้นของบางสิ่งที่มีกลิ่นหวานก็ร่วงหล่นใส่ตัวนาง และกระดอนลงบนพื้น
ฉู่เหลียนตัวแข็งทื่ออย่างตกตะลึง เมื่อมองไป นางก็เห็นซิ่วท้อเกลื่อนกระจายเต็มพื้น
ผู้ที่ผลักนางยามนี้นั่งคุกเข่า ร่ำไห้โหยหวน
ฉู่เหลียนอดมิได้ให้ลอบกลอกตา
กลุ่มสตรีสูงศักดิ์ยังจากไปไม่ไกลนัก เมื่อเกิดเหตุการณ์วุ่นวายนี้ขึ้น พวกนางจึงค่อย ๆ หันกลับมามอง
เหล่าฮูหยินและคุณหนูที่รายล้อมฉู่เหลียนล้วนล่าถอยไป เปิดทางให้เหล่าสตรีสูงศักดิ์ได้เดินหวนกลับมา
เมื่อโจวหยวนฉินเห็นซิ่วท้อที่ร่วงอยู่บนพื้น ท่าทีสงบนิ่งของนางก็พังทลายลง นางเร่งเดินเข้ามาชี้หน้าฉู่เหลียนด้วยร่างกายสั่นสะท้านจากความเกรี้ยวกราด
“เ้า! กล้าดีอย่างไรมาทำลายของขวัญที่มารดาข้าเตรียมไว้ให้ท่านตา!”
ของขวัญวันเกิดหรือ?
ซิ่วท้อน่าเกลียดนี่น่ะหรือ?
คุณผู้หญิง หยุดดึงขาข้าเสียที แผนการต่ำเช่นนี้ดูชัดเจนเกินไปหน่อยหรือไม่?
เมื่อหยวนฉินะโจบ ผู้คนรอบกายก็เริ่มกล่าว “ดูลักษณะซิ่วท้อนั่นสิ ต้องเป็ของที่คุณชายหวางจากร้านเต๋ออันเป็ผู้ทำเป็แน่! แต่ถูกทำลายลงไปเช่นนี้น่ะหรือ! เสียของนัก!”
มุมปากฉู่เหลียนขยับขึ้น
เหล่าคุณหนูที่เพิ่งเติบโตเหล่านี้ไม่เพียงจะใช้ซิ่วท้อเพื่อกลั่นแกล้งนาง ทว่ายังชื่นชมมันราวกับพ่อครัวชั้นสูงเป็ผู้ทำอย่างนั้นแหละ! คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกัน? และนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับแผน ‘ผลักตกน้ำ’ ที่นางคาดว่าจะเกิดอย่างในนิยายเล่า?
ทำไมแผนการนี้กลับยิ่ง...งี่เง่ากว่า?
อีกทั้งไอ้ซิ่วท้อที่ร่วงอยู่บนพื้นก็เป็แค่ซาลาเปาแต้มสีแดง คนพวกนี้พูดออกมาเสียราวกับว่าซิ่วท้อนี้ทำโดยพ่อครัวชั้นเลิศงั้นแหละ?
ขอร้องเถอะ อย่ามาล้อเล่นกับข้าเลย
แน่นอน ผู้คนล้วนไม่ได้ยินสิ่งที่อยู่ในหัวฉู่เหลียน
จู่ ๆ ฝูงคนก็แยกตัวจากกันอีกครั้ง คราวนี้กลับเป็ฮูหยินวัยสี่สิบปีในชุดหรูหราผู้หนึ่งที่เดินเข้ามากลางวง เมื่อฉู่เหลียนเห็นนาง นางก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เกิดอะไรขึ้น!”
ผู้นี้คือภรรยาติ้งหยวนซื่อจื่อ หวงฮูหยินที่เมื่อครู่โจวซื่อเพิ่งจะแนะนำให้ได้รู้จัก ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็มารดาของหยวนฉินอีกด้วย
ส่วนผู้ที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้นเป็เพียงสาวใช้ธรรมดาที่สวมชุดสีเหลืองเหมือนขิง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น “บ่าว...บ่าวกำลังจะนำซิ่วท้อไปส่งยังเรือนนอก ทว่า...ทว่านายหญิงน้อยผู้นี้กลับผลักบ่าว ฮูหยิน โปรดเมตตาบ่าวด้วยนะเ้าคะ โปรดเมตตาด้วย!”
ฉู่เหลียน:.....
นางแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ตรงนี้ แล้วจะไปผลักใครได้?
ทว่าไม่มีใครกล่าวค้านให้นาง สำหรับฮูหยินและคุณหนูเหล่านี้ นางเป็เพียงสตรีที่ปีนป่ายเข้าสู่สังคมชั้นสูงได้ด้วยการแต่งเข้าจวนจิ่งอัน อีกทั้งเฮ่อฉางตี้ยังมาทอดทิ้งไปอย่างกะทันหันหลังแต่งงานไม่นาน ทำให้ตอนนี้นางกลายเป็หัวข้อสนทนาในวงสังคมไปไม่น้อย คนมากมายล้วนรอคอยให้นางทำเื่ผิดพลาด แม้รู้ดีว่านี่เป็การใส่ความแต่กลับไม่มีใครเข้าข้างสักคน
นอกจากนั้น ผู้ที่ตั้งใจใส่ร้ายนางดูคล้ายจะเป็ภรรยาติ้งหยวนซื่อจื่อ หรืออาจเป็ธิดาองค์โปรดของฮ่องเต้ องค์หญิงเล่อเหยา
หรงฮูหยินที่ตั้งใจจะเข้ามาช่วย กลับหยุดเท้าไม่เดินต่อ
ทางด้านคุณหนูซูก็นิ่งอึ้ง ตกตะลึงกับเหตุการณ์เบื้องหน้าจนเหม่อลอยไปชั่วขณะ เมื่อรู้สึกตัว จึงหันไปหาพี่สะใภ้แล้วกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ เรา...เรา…”
“ห้ามพูด! เราต้องรอ!”
หรงฮูหยินรู้สึกอยากถอยหนีไปนัก
ก่อนหน้านี้ ตอนที่องค์หญิงเล่อเหยากล่าวให้ร้ายฉู่เหลียนอย่างเปิดเผย องค์หญิงย่อมเป็ฝ่ายผิดแน่นอน หากนางเข้าไปปกป้องฉู่เหลียนย่อมเป็การสมเหตุสมผลกว่านัก กระทั่งหากนางต้องกลายเป็ศัตรูกับองค์หญิงเสียเอง ข่าวที่แพร่ออกไปก็ย่อมเป็ความดี ความยุติธรรมของนางที่ปกป้องครอบครัวของตน ทว่ายามนี้กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นางไม่เห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าใครจะเป็ฝ่ายกระทำสิ่งใด แต่ของขวัญที่หวงฮูหยินเตรียมไว้ให้ติ้งหยวนโหวถูกทำลายลงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นความผิดทั้งหมดย่อมตกไปเป็ของฉู่เหลียนอย่างไม่ต้องสงสัย
หากนางออกไปตอนนี้ นางจะต้องเผชิญหน้ากับทั้งหวงฮูหยินและองค์หญิงเล่อเหยา จึงไม่เป็ผลดีต่อชื่อเสียงของนาง ซ้ำร้ายยังอาจถูกตราหน้าว่าเป็ผู้ที่พยายามปกปิดความผิดของครอบครัวตนเอง
ยามนี้หรงฮูหยินเป็เพียงฮูหยินที่ไร้บรรดาศักดิ์ นางต้องคอยดูแลจวนอิ้ง ในขณะที่ตระกูลอิ้งเองก็หล่อหลอมให้นางกลายเป็ผู้หนึ่งที่แสวงหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงความสูญเสีย
คุณหนูซูมองไปในฝูงชน และกำลังจะเดินออกไป ทว่าถูกหรงฮูหยินรั้งตัวไว้ก่อน
คุณหนูหยวนที่หลบอยู่เื้ัของหรงฮูหยินลอบมองออกมา ภายใต้เงาที่ทาบทับ มุมปากของนางขยับยิ้ม
………
ในเวลาเดียวกันนั้น เซียวป๋อเจี้ยนกำลังยืนอยู่นอกระเบียง มือขวาของเขาจับราวระเบียงแน่น เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากอีกฟากฝั่งของสระบัว
เจิ้งซื่อจื่อใช้พัดในมือกางขึ้นบังแดดที่ส่องลงมา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “พี่เซียว ดูเหมือนฝั่งนั้นจะมีเื่กันนะ กระทั่งองค์หญิงยังมาร่วมด้วย! ดูครึกครื้นจริง ๆ”
…………….
ณ ชั้นสามของเรือนฉินเฟิง กลิ่นพฤกษาลอยอวลในห้องที่ไร้ซึ่งผู้คน สถานที่แห่งนี้ช่างสงบและปลอดโปร่งยิ่ง หน้าต่างบานพับถูกเปิดออกเพียงครึ่งเผยทัศนียภาพโดยรวมของสระบัวได้เป็อย่างดี ที่เื้ัหน้าต่างนั้นปรากฏเป็บุรุษรูปร่างสูงผู้หนึ่ง
ใบหน้าคมชัดและดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจับจ้องไปยังเรือนเม่ย
บุรุษผู้นั้นไกวมือขึ้นกลางอากาศ คนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกาย
“ขอรับนายท่าน?”
“ไปเรือนเม่ย หากคนพวกนั้นพยายามจะลงโทษคุณหนูฉู่ เ้าจงช่วยนางออกมาเสีย”
“รับทราบขอรับ”
เมื่อเอ่ยจบ ร่างนั้นก็หายไปในชั่วพริบตา