เื่ที่เกิดขึ้นในเมืองหยินเยว่ แพร่กระจายไปทั่วทั้งแคว้นฉีอย่างรวดเร็ว แม้ว่า....จะไม่มีผู้ใดทราบชื่อชายหนุ่มในชุดสีขาว พวกเขาโดดเด่นมาก กลุ่มเล็กๆของคนทั้งสองกับหมาหนึ่งตัวได้เป็ที่รู้จักไปทั่ว...!
ความสูญเสียในครั้งนี้นับเป็ประวัติการณ์ของเมืองหยินเยว่คฤหาสน์เ้าเมืองเหลือเพียงซากปรักหักพัง..! นายน้อยได้ตายอย่างน่าอนาถภายในหอคอย ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ของเมืองได้ตกตายอนาถจนหมดสิ้น แม้กระทั่งเ้าเมือง หยินจงเฉิงก็ทำได้เพียงไล่ตามไปหลายร้อยลี้แต่ในที่สุดต้องกลับมามือเปล่า ชื่อเสียงที่สั่งสมมาของเขาได้จบสิ้นลง เ้าเมืองซึ่งอยู่จุดสูงสุดของเมืองหยินเยว่ เขาได้พ่ายแพ้ในถิ่นของตนเอง เขาไม่รู้จะปลดปล่อยความโกรธได้ที่ไหน ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง
ขณะนั้นเจียงเฉินและพวกได้เดินทางไปเมืองเซียงหยาง พวกเขาผ่านไปยังเมืองเล็กๆ เยี่ยนเฉินหยวี่ได้ซื้อผ้าคลุมหน้าสีม่วงคลุมใบหน้าอันงดงามของนางครึ่งหนึ่ง ถึงจะคลุมใบหน้าไว้ก็ไม่อาจปกปิดความงดงามของนางได้ ก็ดีกว่าไม่ปิดอะไรเลย อย่างน้อยก็ช่วยไม่ให้พวกเขาเป็จุดสนใจตลอดการเดินทาง
เมืองเซียงหยาง เป็เมืองใหญ่ในแคว้นฉี ไม่ว่าจะขนาดหรือขุมกำลัง เมืองเล็กๆอย่างเมืองหยินเยว่ก็ไม่อาจเทียบได้แม้แต่น้อย เมืองเซียงหยางตั้งอยู่ใจกลางแคว้นฉี เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือของนิกายใหญ่ทั้งสี่
ด้วยเมืองเซียงหยาง เป็ที่ตั้งของนิกายใหญ่ทั้งสี่ จึงเกิดการขัดแย้งกันอย่างไร้สิ้นสุด แต่ยังโชคดีที่เมืองเซียงหยางได้จัดการแข่งขันขึ้นทุกปี ถ้าเมืองแห่งนี้ไม่ได้เป็ศูนย์กลางการค้าและทรัพยากร หากมิเช่นนั้นแล้วเมืองคงถูกย้อมไปด้วยเืเป็แน่
ภายในครึ่งเดือน ที่สุดทั้งสามก็มาถึงเมืองเซียงหยาง จากภายนอก โครงสร้างอันงดงามตระการตา ให้ความรู้สึกอันสูงส่ง เมืองหยินเยว่ไม่อาจเทียบได้ ไม่ต้องพูดถึงเมืองชื่อและเมืองเทียนเซียง
กำแพงของเมืองเซียงหยางมีความสูงถึงสิบจ้าง มันเป็ไปไม่ได้ หากผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์้าจะะโข้ามมัน
เมื่อทั้งสามมาถึงประตูเมือง ก็พบว่าเต็มไปด้วยผู้คนเข้าออกเมือง ไม่สิ...ควรบอกได้ว่ามีแต่คนเข้าเมืองเสียต่างหาก ในทุกปีแคว้นฉีจะจัดการแข่งขันขึ้น มันดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนให้หลั่งไหลมาที่นี่
สี่นิกายใหญ่เป็ดั่งตัวแทนของแคว้นฉี ทุกคนต่าง้าชมการแข่งขันระหว่างศิษย์อัจฉริยะของนิกายใหญ่ทั้งสี่ ว่าใครแข็งแกร่งและมีศักยภาพมากที่สุด นั้นคือเหตุผลแรกว่าทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ อีกเหตุผลคือพวกเขาหวังที่จะสานความสัมพันธ์กับสี่นิกายใหญ่ หากว่าพวกเขาสามารถพึ่งต้นไม้ใหญ่ได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถเดินอย่างาาได้
หลายคนต่างมาด้วยเหตุผลนี้ ศิษย์ของนิกายใหญ่ทั้งสี่ล้วนมาจากทุกแห่งหนในแคว้นฉี และหลายคนมาจากตระกูลใหญ่ ด้วยเหตุนี้ตระกูลต่างๆจึงมาแสดงความสามารถที่นี่ มีเหตุผลสองประการที่ตระกูลต่างๆมาที่นี่ หนึ่งมาเพื่อแสดงถึงกำลังสนับสนุน สองมาเพื่อแสดงความสามารถ การที่ได้เป็ศิษย์หนึ่งในสี่นิกายใหญ่นับได้ว่าเป็เกียรติ และถ้าได้เข้าร่วมการแข่งขันถือได้ว่าเป็เกียรติอย่างมาก
"มีคนมากมายเลยเ้าค่ะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่ พูด
"การแข่งขันจัดแค่ปีละครั้ง แน่นอนว่ามันดึงดูดคนมากมาย"
หวงต้าพูดขึ้น
"การแข่งขันเริ่มต้นพรุ่งนี้ เรามาทันเวลาพอดี"
"ใช่ ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีโอกาสได้ดูการแข่งระหว่างศิษย์สายใน เพราะงั้นข้าจะไม่พลาดการแข่งขันระหว่างศิษย์สายนอก"
"รีบไปยังจตุรัสของเมืองก่อนรุ่งสางเถอะ มิเช่นนั้นเราอาจพลาดอะไรดีๆก็เป็ได้"
ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยการพูดคุยเื่การแข่งขันประจำปีแคว้นฉี
แม้ว่าเมืองเซียงหยางจะกว้างใหญ่ แต่ที่พักไม่เพียงพอต่อคนในเมือง ไม่กี่วันก่อน โรงเตี้ยม ภัตตาคาร ต่างถูกจับจองไว้ ไม่มีห้องพักว่างแม้แต่ห้องเดียว คนจำนวนมากไปที่จตุรัสเพื่อจับจองจุดดีๆสำหรับชมการแข่งขัน
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างเป็ผู้ฝึกตน การนอนหลับบนถนนมิใช่ปัญหาใดๆ ด้วยพลังหยวน ความหนาวเย็นจึงไม่ส่งผลใดๆกับพวกเขา
เจียงเฉินหาที่ของตนไม่ได้ และเขาไม่ได้ตามหาาาปีศาจน้อย เพราะอย่างไรเขาต้องมายังเมืองแห่งนี้แน่นอน
"ท่านพี่เจียงเฉินเ้าคะ! จตุรัสนี่มันอะไรกันคะ มันช่างกว้างใหญ่อะไรเช่นนี้..!!"
เยี่ยนเฉินหยวี่ตกตะลึง นี้เป็จตุรัสที่กว้างขวางมากที่สุดเท่าที่นางเคยพบเห็น อาณาเขตมันกว้างมากกว่าสิบลี้ นี่มันเหนือกว่าจินตนาการของนาง ในใจกลางของจตุรัสมีสนามประลองอยู่ และยังมีบันไดสูงถึงเมฆ บันไดใช้ทำอะไรก็ยังคงเป็ปริศนา นอกจากนี้ยังเป็บันไดที่นำไปยังที่เวทีเพื่อให้ผู้คนสามารถชมการแข่งขันได้สะดวกยิ่งขึ้น
"ไม่รู้อะไรเลย!เมืองนี้ถูกก่อตั้งโดยความร่วมมือของสี่นิกายใหญ่ การแข่งขันประจำแคว้นฉีจัดขึ้นเป็ประจำทุกปี จะจัดเล็กๆได้อย่างไร?"
"อ้อ!ข้ารู้แล้วพวกเ้าเพิ่งมาที่นี่ เ้าพวกบ้านนอกนี่เอง..!"
หลังจากที่คำพูดของเยี่ยนเฉินหยวี่หลุดออกจากปากนาง นางก็ได้ยินคำพูดแย่ๆอีกทั้งยังถูกคนแปลกหน้าเรียกว่าบ้านนอกอีก ใบหน้าอันงดงามภายใต้ผ้าคลุมเริ่มแสดงถึงความขุ่นเคืองเล็กน้อย นางปิดปากและไม่สนใจ แต่เมื่อเห็นเจียงเฉินและหวงต้าพยายามอย่างมากที่จะไม่หัวเราะ นางจึงโกรธเป็อย่างมากและกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ
หยวี่น้อยรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม จตุรัสแห่งนี้กว้างใหญ่ที่สุดที่นางเคยพบ แม้ว่ามีเมืองชื่ออีกนับสิบเมือง ก็ยังไม่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ แล้วทำไมพวกเขาต้องหัวเราะเยาะนางด้วย?
"ท่านพี่เจียงเฉิน.......!!"
เยี่ยนเฉินหยวี่เริ่มน้ำตาคลอเบ้า มองมายังเจียงเฉิน นี่คืออาวุธของหญิงสาว ยิ่งหญิงสาวผู้นั้นยิ่งงดงามก็ยิ่งได้ผลดี ไม่มีใครสามารถทานทนได้
"หยวี่น้อยพูดถูกแล้ว! จตุรัสแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่นัก มันใหญ่โตมโหฬารเลยทีเดียว"
เจียงเฉินเห็นด้วยกับนาง ขณะเดียวกันในความคิดของเขาด้วยประสบการณ์ของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ จตุรัสแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาสักนิด เมื่อเทียบกับการแข่งขันระดับสุดยอดในทวีปศักดิ์สิทธิ์แล้ว จตุรัสแห่งนี้ช่างไร้ค่ายิ่งนัก
"เ้าหนู! เ้ากล้าดียังไงไม่ชวนข้าบิดาผู้มีเกียรติและสง่างามไปเพลิดเพลินบนถนนยามค่ำคืน? เ้ายังไม่รู้สึกผิดอีกรึ!?"
หวงต้าพูดอย่างไม่พอใจ
"ไสหัวไปเ้าหมาบ้า! หมาอย่างเ้าคงจะสิงอยู่แต่ร้านอาหารเป็แน่"
เจียงเฉินไร้คำพูด เ้าหมานี่ชอบทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่เสียจริง
"แฮร่! บิดามิใช่หมา!!"
หวงต้าเห่าและเถียงกลับ
"มีใครรู้บ้างไหมว่าการแข่งขันประจำปีแคว้นฉีนี่มีการแข่งขันอะไรบ้าง?"
ใครบางคนถามขึ้นมา เจียงเฉินและเยี่ยนเฉินหยวี่ตั้งใจฟัง พวกเขาสนใจเื่การแข่งขันประจำแคว้นฉีนี้
"หากว่าเป็ไปตามคาด มันคงเหมือนการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว พวกเ้าเห็นบันไดหินสูงเสียดฟ้านั่นหรือไม่!? นั่นเรียกว่าเส้นทางสู่์ พวกเ้ารู้ไหมทำไมถึงถูกเรียกว่าเส้นทางสู่์? เหตุผลที่มันถูกเรียกว่าเส้นทางสู่์เพราะว่ามันยากที่จะปีนขึ้นไป "
"ใช่แล้ว การแข่งขันรอบแรกเริ่มพรุ่งนี้ ทั่งสี่นิกายใหญ่ ต่างส่งผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลาย ประจำตำแหน่งบนยอดของบันได พวกเขาจะปลดปล่อยแรงกดดันของพวกเขา เหล่าศิษย์ที่ลงแข่งขันจำต้องปีนขึ้นไปให้ถึงยอด พวกเขาจะต้องฝ่าแรงกดดันอันมากมาย ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงแค่สามสิบคนเท่านั้นที่ไปถึงยอดได้ และได้เข้าร่วมการแข่ง"
"แรงกดดันถูกสร้างขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์ขั้นปลายทั้งสี่คน มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ทั่วไปจะต้านไหว"
หลายคนพูดถึงรอบการแข่งขันต่างๆ มีศิษย์จำนวนมากที่เข้าร่วมการแข่งขัน มีเพียงผู้ที่ผ่านเส้นทางสู่์มาได้เท่านั้น ถึงสามารถเข้าร่วมการแข่งรอบสองได้
จนผู้คนต่างพูดว่า 'ผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น ถึงสามารถอยู่รอดได้' เพราะว่ามีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจริงเท่านั้นที่จะอยู่รอด
"ข้าได้ยินว่า แม้ว่าไม่ได้เป็ศิษย์สี่นิกายใหญ่ก็สามารถลงแข่งได้ และถ้าลงแข่งได้อันดับดีๆก็สามารถเข้าร่วมนิกายได้อีกด้วย"
"นั่นมันเกิดขึ้นได้ยาก! ข้อกำหนดการเข้าเป็ศิษย์นิกายใหญ่นั่นสูงไม่อยากจะเชื่อ ผู้ที่อยากจะเข้าร่วมต้องอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีและพวกเขาต้องอยู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ และถ้าอยากเป็ศิษย์ของหนึ่งในนิกายใหญ่ อันดับต้องไม่ต่ำกว่าสามสิบ "
"ใช่มันยากเกินไป ! การที่จะได้เป็ศิษย์นิกายใหญ่ต้องติดอยู่หนึ่งในสามสิบ มันเป็ไปไม่ได้!! มีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่ว่าอัจฉริยะส่วนใหญ่เป็ศิษย์นิกายใหญ่อยู่ก่อนแล้ว"
ในที่สุดเจียงเฉิน ได้เข้าใจกฏของการแข่งขันนี้ มิน่า ถึงไม่มีคนอื่นที่ไม่ใช่ศิษย์นิกายใหญ่เข้าร่วมแข่งขัน แค่เข้าร่วมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ยากเหลือเชื่อ เพราะเหล่าอัจฉริยะของแคว้นฉีต่างอยู่ในสี่นิกายใหญ่
"ท่านพี่เจียงเฉินเ้าคะ หมายความว่าท่านพี่มีคุณสมบัติที่จะลงแข่งขันประจำปีแคว้นฉีได้สินะเ้าคะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่พูดขึ้น
เสียงของเยี่ยนเฉินหยวี่มิได้เบา ทำให้หลายคนหันมามองยังเจียงเฉินในทันที
"ว๊ะก่ะก่ะ ท่านพี่เจียงเฉินของเ้า จัดการเ้าพวกนั้นได้ง่ายๆอยู่แล้ว เ้าหนูนั่นต้องได้ที่หนึ่งของการแข่งขันเป็แน่ แม้แต่าาปีศาจน้อยก็ไม่ใช่คู่มือเ้าหนูนี่หรอก ..!"
เ้าหวงต้าพูดอย่างหน้าไม่อาย เส้นสีดำได้ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเจียงเฉิน เ้าหมาบ้านี่มันรู้ว่าจะพูดยังไงให้ผู้คนเกลียดเขา
หลังจากคำพูดของหวงต้าหลุดจากปากมัน สายตาจำนวนมากมองมายังเจียงเฉิน เหมือนมองคนโง่งมไม่เจียมตน
"บัดซบ! เ้าเด็กหน้าไม่อายนี่มันคิดว่ามันเป็ใครกัน มันคิดจะลงแข่งขันและจัดการาาปีศาจน้อย มันไม่รู้หรือไงว่าาาปีศาจน้อยเป็ใคร..?!"
"ใช่เลย มันคิดว่ามันมาจากไหนกัน?ขนเบื้องล่างยังไม่ขึ้นเลยมั้ง มันถึงไม่เข้าใจอะไร! "
"เ้าหนู!กลับบ้านไปอาบน้ำนอนซะดีกว่ามั้ง!คิดจะจัดการาาปีศาจน้อยหรือ? เ้ามันบ้ารึเปล่า?"
"เ้านี่มันบ้า ออกห่างๆมันไว้"
คนที่อยู่ใกล้เจียงเฉินขยับถอยออกห่างในทันที ทุกคนต่างรักษาระยะห่างจากเขา มันจะมีทางรักษาเ้าเด็กนี่ให้หายบ้าไหมได้หรือไม่
"เ้าพวกระยำ!! เ้าหมายความว่ากระไรนะ?ข้าจะบอกให้พวกเ้าได้รู้ เ้าเด็กนี่มันเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่ง เ้ามีโอกาสที่จะคุกเข่าตอนนี้เท่านั้น! หลังจากที่เขาชนะเลิศการแข่งขัน มันก็สายไปแล้วที่เ้าจะมาสรรเสริญเขา"
หวงต้า พูดอย่างอารมณ์ดี
ระยะห่างระหว่างเจียงเฉินกับฝูงชนก็มากยิ่งขึ้น
"เวรเอ๊ย!"
เจียงเฉินเตะไปยังหัวของหวงต้าให้มันเงียบปาก แม้ว่ามันจะหยุดพูดไป แต่มีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของมัน
"เ้าหมาโง่!ไม่มีใครว่าเ้าเป็ใบ้ ถ้าเ้าหุบปากไม่พูดมาก"
เจียงเฉิน้ากดหวงต้าให้จมลงบนพื้นดิน เผื่อว่ามันจะสงบปากสงบคำเสียบ้าง เ้าหมานี่น่ารังเกียจยิ่งนัก มันทำให้ทุกคนเกลียดเขา
หลังจากมันหยุดพูดไปสักพัก มันก็ไม่สามารถยับยั้งตนเองได้อีกต่อไป เืของมันกำลังเดือดพล่าน มันยกขาหน้าของมันขึ้นและเดินเหมือนมนุษย์ เอาขาหน้าทั้งสองไขว้หลังเดินไปรอบๆจตุรัส มันเดินวางท่าไปยังหน้าทุกคน
"เฮ้ คนงาม!"
เมื่อหวงต้าพบเจอผู้เชี่ยวชาญสาวคนหนึ่ง มันทักทายนางโดยที่ไม่ลืมที่จะหว่านเสน่ห์ใส่
"เ้าบ้า..! เ้ากำลังมองอะไร? ข้ากำลังพูดกับเ้า! มองหน้าข้านี่.! เ้าไม่อยากเป็สัตว์เลี้ยงของข้าหรือ!"
หวงต้ายังคงพูดและล่วงเกินคนอื่นต่อไป
"บัดซบ! เ้าหมานี่มาจากไหนกัน?! รีบไล่มันไปไกลๆ"
มีบางคนไม่อาจทนได้อีก เ้าหมานี่น่ารังเกียจนัก หรือแท้จริงแล้วเ้าหมานี่มันเป็ที่ดึงดูดของความเกลียดชังกันแน่
เจียงเฉินรีบปิดหน้าแล้วพาเยี่ยนเฉินหยวี่ไปทิศทางอื่นอย่างรวดเร็ว เสมือนว่าพวกเขาไม่รู้จักเ้าหวงต้า.
