จงใจปักกิ่งหลิว[1]
หลิ่วจิ้งแอบหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นจื่อเซียวรีบหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องดูท่าว่าอาหนูคงรอนางจนแทบไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่นางเข้าใจก่อนจะมาก็คงไม่ผิด
ปัจจัยที่ไม่แน่นอนในจวนเวลานี้มีมากมายนักไม่ว่าจะทำการใดล้วนต้องระวังให้มากหลิ่วจิ้งจึงแน่ใจอย่างมากว่าบางเื่ให้มีคนรู้น้อยที่สุดเป็ดี
หลิ่วจิ้งเก็บสายตากลับมา หันไปบอกอวี้จิ่นว่า“เ้าต้องมองการณ์ไกลเข้าไว้ เป้าหมายของเราจะต้องไม่จำกัดอยู่แค่ภายในจวนแม่ทัพนี้เท่านั้น”
“เ้าค่ะฮูหยิน บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ” อวี้จิ่นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราตรีนึกถึงหนทางที่เดินผ่านมาจากที่นางเคยมีฐานะเป็ผู้สังเกตการณ์จนกลายมาเป็พวกเดียวกับหลิ่วจิ้งนางไม่เคยเสียใจเลย ระหว่างหวงฝู่จิ้งกับหลิ่วจิ้งสองคนนี้ นางเลือกคนหลัง
หลิ่วจิ้งยิ้ม นางชื่นชมความคิดอ่านอันทะลุปรุโปร่งของอวี้จิ่นอย่างน้อยยามนี้นางก็ไม่ต้องต่อสู้เพียงลำพังแล้ว
พวกนางสองคนสนทนากันระหว่างเดินไปทางเรือนเหมยลู่ของอาหนู
อาหนูรอมาทั้งวัน แม้ว่าที่สุดหลิ่วจิ้งก็มาแล้วแต่ทันใดนั้นนางก็ไม่รู้ว่าควรจะออกไปรับหลิ่วจิ้ง หรือว่าควรรออยู่ในห้องดี ในขณะที่นางกำลังเดินไปมาอยู่ในห้องอย่างกระสับกระส่ายข้างนอกเรือนเหมยลู่ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้านั้นก็มีเสียงเอ่ยคารวะของผิงเอ๋อร์ “คำนับฮูหยินฮูหยินมาพบฮูหยินรองหรือเ้าคะ?”
อาหนูอยู่ในห้อง ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างพอใจไม่ว่าฮูหยินจะมาด้วยเหตุใดขอเพียงนางยอมมาก็แสดงว่ามีความเป็ไปได้ที่พวกนางจะร่วมมือกัน
เสียงของผิงเอ๋อร์จากข้างนอกดังเข้ามาถึงในห้อง อาหนูไม่อาจทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นได้อีกแล้วจึงสั่งให้จื่อเซียวไปรับฮูหยินเข้ามา
จื่อเซียวรับคำสั่งจากอาหนูจึงค่อยเดินจากในห้องไปข้างนอกนางคำนับเมื่อได้พบหลิ่วจิ้งและนำทางเข้าไปข้างใน
อาหนูกำลังชะเง้อคอรอ จื่อเซียวก็พาหลิ่วจิ้งเดินเข้ามา
“ฮูหยินรองเ้าคะ ฮูหยินมาเ้าค่ะ”จื่อเซียวว่าพลางพาหลิ่วจิ้งไปนั่งที่ตั่งนั่งข้างๆ
“เ้าออกไปเฝ้านอกประตูไว้ หากมีคนมาก็ให้ส่งเสียงบอก”อาหนูหันไปพูดกับจื่อเซียวเสร็จ ก็หันมามองหลิ่วจิ้งด้วยแววตาเฝ้ารอ “ฮูหยินพวกเราไม่ได้สนทนากันเป็ส่วนตัวนานแล้วให้อวี้จิ่นออกไปอยู่กับจื่อเซียวเป็อย่างไรเ้าคะ?”
อาหนู้าแยกอวี้จิ่นออกไป แต่กลับไร้อำนาจจะไปกำกับอวี้จิ่นนางจึงได้แต่รอให้หลิ่วจิ้งเป็คนเอ่ยปาก
อาหนูพูดจบก็เป็กังวลขึ้นมาอีกนางรู้สึกว่านางมีท่าทางร้อนรนเกินไป เพราะนางยังไม่แน่ใจความคิดอ่านของหลิ่วจิ้งแต่กลับทึกทักไปแล้วว่าพวกนางทั้งสองคนลงเรือลำเดียวกันไม่รู้ว่าหลิ่วจิ้งจะคิดเห็นเช่นใด
อย่างไรเสียฮูหยินก็กำลังเป็ที่รักหลงในตอนนี้การที่พวกนางสองคนร่วมกันหารือเื่การตอบโต้นางจ้าวย่อมไม่เป็ผลดีต่อหั่วอี้อย่างยิ่งไม่รู้ว่าฮูหยินจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของหั่วอี้ และเลือกจะไม่สนับสนุนนางหรือไม่
ในขณะที่อาหนูกำลังเป็กังวลหลิ่วจิ้งก็ขยับปากส่งสัญญาณให้อวี้จิ่นออกไป
เห็นดังนั้นดวงตาของอาหนูก็เป็ประกายขึ้นมาทันใดด้วยคิดว่าหลิ่วจิ้งตกลงใจอยู่ในแนวรบเดียวกับนางแล้ว
มองอวี้จิ่นเดินออกไปจนในห้องเหลือเพียงนางสองคนดวงตาของอาหนูจึงแดงก่ำ ร้องไห้เบาๆ ขึ้นมาไม่เหลือความโอหังวางท่าเช่นครั้งแรกที่ได้พบกับหลิ่วจิ้งอีกแล้ว
อาหนูถูกกักบริเวณมาหลายวันจึงััถึงความเศร้าโศกเมื่อต้องอยู่โดยลำพังผู้เดียว ในยามที่ไม่เป็ที่รัก
หลิ่วจิ้งเห็นสภาพของอาหนูในยามนี้ก็ได้รับความรู้ใหม่ว่าวันหน้านางไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเอาแต่พึ่งพาความรักใคร่ของหั่วอี้เพียงอย่างเดียวความรักของบุรุษมีปัจจัยมากมายนักที่ทำให้ไม่คงอยู่จีรังยั่งยืน ดังเช่นที่อาหนูเป็คืนวานยังรักใคร่ทะนุถนอมเ้าอยู่ดีๆ คืนนี้อาจมีคนใหม่และหมางเมินต่อเ้าแล้ว
แม้จะบอกว่าตนเป็สตรีแต่นางต้องมีหนทางให้ถอยและต้องมีอำนาจของตนเอง ต่อให้บุรุษมีรักใหม่ก็จะต้องสามารถกำหนดและลิขิตชีวิตตนเองได้
“อาหนู ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากจะบอกกับเ้าว่าข้าขอร้องท่านแม่ทัพให้เ้าแล้วท่านแม่ทัพอนุญาตให้เ้าไม่ต้องถูกกักบริเวณแล้ว” ไม่รู้เพราะเหตุใดหลิ่วจิ้งถึงรู้สึกขึ้นมาว่าอาหนูน่าสงสารนักจึงรีบแจ้งข่าวดีนี้แก่นาง
ฮูหยินมาแจ้งข่าวนี้ อาหนูกลับไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใดดีเดิมทีนางอยากขอร้องให้ฮูหยินช่วยนางแต่นึกไม่ถึงว่าฮูหยินช่วยนางจนถึงขั้นนี้แล้ว นางยังไม่ทันเอ่ยปากขอร้องแต่ฮูหยินก็ไปขอท่านแม่ทัพให้นางและทำสิ่งที่นาง้าสำเร็จแล้ว
นางจึงรู้สึกสำนึกผิดเมื่อคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่นางเคยทำกับฮูหยินนางลดท่าทีลงก่อนจะเอ่ยกับหลิ่วจิ้งอย่างจริงใจว่า “ฮูหยินสิ่งที่เคยล่วงเกินท่านก่อนนี้ ขอฮูหยินให้อภัยข้าด้วยวันหน้าอาหนูจะเห็นฮูหยินเป็ใหญ่ เชื่อฟังคำสั่งของฮูหยิน”
แววตาของหลิ่วจิ้งส่องประกาย นางไม่ได้ออกปากปฏิเสธเพราะนางเข้าใจจิตใจของอาหนูดี แม้ฉากหน้าอาหนูจะมีท่าทีเกรงอกเกรงใจนัก แต่แท้จริงแล้วข้างในลึกๆก็ยังชิงชังที่นาง่ชิงความสนใจของหั่วอี้ไปจากตน
“เอาล่ะ ข้านำความมาแจ้งเรียบร้อยแล้ววันนี้อาหนูสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจ หากไม่มีเื่อื่น ข้าก็จะกลับแล้ว”
หลิ่วจิ้งไว้หน้าอาหนูจนเพียงพอแล้ว หวังว่าใน่ระยะเวลาสั้นๆนี้ อาหนูจะไม่มาหาเื่นางอีกเป็ดี
อาหนูยังไม่ทันดีใจที่นางไม่ต้องถูกกักบริเวณกลับมาเห็นว่าหลิ่วจิ้งจะไปเสียแล้ว สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปทันใด ใบหน้าแสนงดงามกลับเต็มไปด้วยความดุร้าย
“ฮูหยิน โปรดช้าก่อน อาหนูมีเื่จะหารือ”อาหนูเอ่ยพลางเดินมาตรงหน้าหลิ่วจิ้ง ขวางทางไม่ให้หลิ่วจิ้งออกจากประตูนางร้อนใจอยากให้มีคนที่สามารถร่วมมือกับนางได้ย่อมไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้โน้มน้าวใจหลิ่วจิ้งเช่นในยามนี้ผ่านไปโดยง่าย
หลิ่วจิ้งเห็นอาหนูมาขวางทางไว้ก็เข้าใจทันทีจึงยกมุมปากขึ้นยิ้มไม่ทันไรอาหนูก็อดรนทนไม่ไหวเสียแล้วหรือ ดูท่าว่านางก็ไม่ใช่คนใจบุญเท่าใด
“เป็เื่ใดที่ทำให้อาหนูร้อนใจเพียงนี้?” หลิ่วจิ้งหยุดเดินชั่วขณะ
อาหนูเห็นว่าหลิ่วจิ้งกลับมานั่งอีกครั้งแล้ว นางจึงเข้าไปนั่งข้างหลิ่วจิ้งด้วยและขยับหัวเข้าไปใกล้กระซิบว่า “ฮูหยิน เื่ที่อาหนูบอกกล่าวแก่ท่านไม่ทราบว่าฮูหยินคิดแผนรับมือไว้แล้วหรือไม่ มิเช่นนั้นหากนางจ้าวคลอดบุตรชายหรือบุตรสาวออกมาจริงๆฐานะของฮูหยินก็จะน่าวิตกนักนะเ้าคะ”
อาหนูยังจะพูดโน้มน้าวต่อ แต่สีหน้าของหลิ่วจิ้งกลับหนักอึ้งขึ้นมาก่อนจะขัดคำนางเสีย
“อาหนูมีคำใดก็เอ่ยมาตรงๆ เถิด อย่าอ้อมค้อมอีกอย่างเื่ใหญ่โตเช่นเื่ทายาทนี้ก็ไม่ใช่เื่ที่พวกเราจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้ ท่านแม่ทัพย่อมพิจารณาเอาไว้แล้วไม่ว่าจะพูดจะทำการใด หวังว่าอาหนูจะไม่บุ่มบ่ามเช่นนี้เป็ดี”
อาหนูมองหลิ่วจิ้ง อดเป็กังวลอยู่ในใจไม่ได้เพราะสิ่งที่นางคิดจะทำนั้นน่าตื่นใไม่เบาเลย นางหวังว่าฮูหยินจะเห็นด้วยกับความคิดของนางแต่เมื่อฟังคำพูดของหลิ่วจิ้งแล้วนางก็ต้องลังเลขึ้นมาเพราะตอนนี้นางไม่เข้าใจจิตใจของหลิ่วจิ้งเลย
อาหนูเอ่ยปากอย่างระวังคำนัก “ฮูหยินใหญ่ตั้งครรภ์ทุกคนในจวนล้วนยินดีปรีดาหนักหนา มีเพียงอาหนูที่เป็กังวลแทนฮูหยินว่าในวันที่เด็กนั่นเกิดมาก็จะคือ่เวลาที่ฮูหยินร่วงลงจากตำแหน่งนะเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งใจเต้นรัว มือที่อยู่ในแขนเสื้อพลันกำหมัดสิ่งที่ควรมาที่สุดก็มาแล้วสินะ? นางคิดไว้นานแล้วว่าอาหนูจะต้องเดินมาถึงจุดนี้ไม่ว่าจะเป็ทางแจ้งหรือทางลับล้วน้าให้นางลงมือจัดการเด็กในท้องของนางจ้าวแม้นางจะชิงชังที่นางจ้าวลงมือกับนางอย่างร้ายกาจนักแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ลงมือกับเด็กที่ยังไม่ได้เกิดไม่ลง
นางต้องใคร่ครวญอย่างหนักว่าควรจัดการอย่างไรกับบุตรในท้องของนางจ้าวจึงจะดี? จิตใต้สำนึกฝ่ายดีของนางทำให้นางไม่อาจกำจัดเด็กผู้นี้ได้แต่หากไม่ลงมือทำบางสิ่ง เมื่อนางจ้าวคลอดบุตร นางก็จะไม่อาจรักษาตำแหน่งของนางเอาไว้ได้ดังคำที่อาหนูว่าไว้จริงๆ
_____________________________
เชิงอรรภ
[1] จงใจปักกิ่งหลิว แผลงมาจากสำนวนเต็มว่า “จงใจปลูกบุปผาไม่ผลิบานไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิวกลับงอกงาม” หมายถึงเวลาตั้งใจกลับไม่ได้ผล แต่เมื่อปล่อยไปตามวาสนากลับบังเอิญได้ผลดีเกินคาด“จงใจปักกิ่งหลิว” จึงหมายความว่า ตั้งใจปล่อยไปตามยถากรรม ตามวาสนา อาจได้ผลเกินคาด
