“ซางจื่อ รีบไปเรียกคนมา ยิ่งมากยิ่งดี บอกว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ห้องโถงด้านทิศตะวันตก แต่อย่าบอกว่าใครเป็คนต้นเื่ พูดให้คลุมเครือเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน” ซูเฟยซื่อรีบสั่งเสร็จสรรพ แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็ตื่นตระหนกอีกครั้ง “หลิวมามา หลิวมามา เกิดเื่อะไรขึ้นกับเ้า? เ้าพูดสิ บ่าวไพร่ รีบมาเร็วเข้า”
ซางจื่อแทบชื่นชมการแสดงของซูเฟยซื่อ หันหลังรีบเดินออกไป
นางแซ่หลี่กับซูจิ้งเถียนทราบเื่ที่เกิดขึ้นในห้องโถงทิศตะวันตกกันสักพักแล้ว จึงใส่ใจมาโดยตลอด
ตอนนี้ได้ยินเสียงคนะโว่าเกิดเื่ก็วิ่งพุ่งไปที่นั่นทันที
แต่ซูจิ้งเซียงยังนิ่งอยู่ในสวนบุปผชาติรอให้ซูเฟยซื่อถูกพิษจนตายก่อน ทันทีที่ได้ยินเสียงคนะโว่าเกิดเื่ ก็แทบทนรอไม่ไหวรีบรุดมา แต่เมื่อพวกนางเพิ่งก้าวเข้าไปในห้องโถงด้านทิศตะวันตกก็ตะลึงงันไปกับทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ซูเฟยซื่อไม่เป็ไร ทว่าหลิวมามากลับนอนอยู่บนพื้น น้ำลายฟูมปาก เป็ตายไม่รู้ นี่...
หลิวมามาเป็สมุนคู่ใจนาง ครั้งก่อนถูกฟาดด้วยไม้กระดานไปหลายที นางก็ปวดใจแทบทนไม่ไหวแล้ว มาตอนนี้ถึงกับกลายเป็แบบนี้ นางแซ่หลี่โกรธจนเกือบจับซูจิ้งเซียงมาเค้นถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ซูจิ้งเซียงก็ยิ่งเซ่อซ่าตาค้าง ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ทำไมถึงเป็หลิวมามาไปได้เล่า?
“แม่ใหญ่ พี่รอง น้องสี่ พวกเ้ารีบมาดู หลิวมามาเป็อะไรไปแล้ว? ข้าเชิญนางกินขนมที่พี่รองนำมาให้ ทำไมจึงกลายเป็แบบนี้?” ซูเฟยซื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของพวกนางหลายคน รู้สึกขบขันแต่ยังคงแสดงละครต่อไป
นางแซ่หลี่พลันเข้าใจว่าเกิดเื่อะไรขึ้น คิดอยากเอ่ยปากด่าคน ทว่าไม่รู้ว่ามีคนในพระตำหนักที่รวมตัวกันมาดูความสนุกสนานด้านนอกนี้ั้แ่เมื่อไร เื่นี้หากป่าวประกาศไปเกรงว่าคงไม่งาม
กลยุทธ์ในวันนี้ ยังคงคิดหาวิธีปิดเื่ไว้ก่อนเป็ดี ต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้กับอวี้เสวียนจีรู้เด็ดขาด มิให้ผู้ที่มาก่อนมีผลต่อตำแหน่งของซูจิ้งโหยวในวังหลังได้ ผู้ที่มาทีหลังอาจฉวยโอกาสนี้สร้างปัญหาขึ้น
นางแซ่หลี่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว กำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆ กลับมีสองคนเดินเข้ามาในห้อง รอจนเห็นผู้ที่มาชัดเจน ก็แทบจะหน้ามืดเป็ลมไปทันที
ช่างเป็การกล่าวถึงโจโฉโจโฉก็มา นี่ไม่ใช่ซ่งหลิงซิวกับอวี้เสวียนจีหรือ? พวกเขาสองคนมาได้อย่างไรกัน!
ไม่เพียงแต่นางแซ่หลี่ กระทั่งซูเฟยซื่อก็อึ้งงันไป นางไม่คิดว่าซ่งหลิงซิวกับอวี้เสวียนจีจะมา ตามเหตุผลแล้ว ต่อให้ข่าวในพระตำหนักแพร่ไปรวดเร็วอย่างไร พวกเขาย่อมไม่สามารถมาได้ไวถึงเพียงนี้ นอกจากพวกเขาจะมุ่งมาที่นี่ั้แ่ยังไม่ทราบข่าวจึงจะสมด้วยเหตุผล
ซูเฟยซื่อเงยหน้าสบตาคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้มของอวี้เสวียนจี พลันเข้าใจทันที เป็เขาที่พาซ่งหลิงซิวมา ดูไปแล้วกระทั่งตำหนักเสียนโหย่วก็ไม่อาจเล็ดลอดจากสายตาเขาได้
แต่แบบนี้ก็ดี เื่แบบนี้ยิ่งวุ่นยิ่งดี
เดิมนางยังกังวลว่าเกิดเื่ใหญ่แบบนี้ นางแซ่หลี่อดทนไม่ไหวจนลำเอียง จึงให้ซางจื่อไปชักนำผู้คนในพระตำหนักมาดูความสนุกสนาน อย่างน้อยท่ามกลางสายตาสาธารณชนในห้องท้องพระโรง นางแซ่หลี่ก็มิอาจทำจนเกินไปด้วย
แต่ตอนนี้อวี้เสวียนจีได้พาซ่งหลิงซิวมาให้นางแล้ว นางก็อยากรู้เช่นกันว่าครั้งนี้นางแซ่หลี่จะจบเื่อย่างไร ซูจิ้งเซียงจะอธิบายอย่างไรว่าของว่างที่นางนำมามียาเบื่อหนู
“นี่เป็เื่อะไรกัน?” ซ่งหลิงซิวเห็นห้องโถงด้านทิศตะวันตกวุ่นวาย ก็อดขมวดคิ้วย่นไม่ได้
“นี่... นี่...” นางแซ่หลี่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ควรพูดอย่างไร ชั่วขณะที่เกิดเื่มากมาย ทุกอย่างล้วนทำให้นางทำอะไรไม่ถูก
“ไอ๊หยา เกิดอะไรขึ้นกับหลิวมามาแล้วนี่? บ่าวไพร่มาเร็วเข้า รีบเชิญหมอหลวงมา” ได้ยินว่าซ่งหลิงซิวมา ซูจิ้งโหยวก็รีบรุดมาทันที ยังโชคดีที่นางมาถึงแล้วด้วย จึงได้รับพระดำรัสของซ่งหลิงซิวแทนนางแซ่หลี่ก่อน
ซูจิ้งโหยวส่งสายตาเป็สัญญาณไปยังผู้คนในพระตำหนักคราหนึ่ง ผู้คนในพระตำหนักรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อนางแซ่หลี่เห็นซูจิ้งโหยวมา ในใจพลันสงบลงไม่น้อย “ที่นี่ช่างสกปรกยุ่งเหยิงเสียจริง ฮ่องเต้ยังคงไปประทับในห้องโถงหลักของพระสนม จะได้ไม่แปดเปื้อนสายพระเนตรของฝ่าาเพคะ”
“ยุ่งเหยิงหรือ? ในห้องบรรทมของพระสนมถึงกับยังมีสถานที่ยุ่งเหยิงสกปรก?” อวี้เสวียนจีลูบเกราะทองเบาๆ กล่าวอย่างเลื่อนลอย
ซูเฟยซื่อได้ยินวาจาก็เกือบสำลักเสียงหัวเราะออกมา ทว่าเป็นางแซ่หลี่ที่ถูกตอกกลับจนไร้วาจา ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
อวี้เสวียนจีกลับไม่สนใจว่านางจะตอบอย่างไร ปลอกนิ้วทองคำชี้ไปยังหลิวมามาที่กำลังนอนอยู่บนพื้น “ริมฝีปากเป็สีม่วงพ่นน้ำลายเป็ฟองขาว นี่เป็อาการจากการถูกพิษ? ดูไปแล้วฮ่องเต้ยังรีบทรงเสด็จไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ ที่นี่ของพระสนมไม่ได้เกิดความวุ่นวายสกปรกเพียงเล็กน้อย มิฉะนั้นคนดีๆ ไยจึงถูกพิษได้เล่า?”
ซูเฟยซื่อทนกลั้นขำจนใบหน้าเป็สีตับหมูไปแล้ว อวี้เสวียนจีช่างดีจริงๆ กล่าวหาผู้คนได้หน้าตาเฉย
“ท่านอ๋องเก้าพันปีกล่าวขบขันแล้ว หลิวมามาเป็บ่าวไพร่เก่าที่รับใช้ในจวนอัครมหาเสนาบดีหลายสิบปี นี่ไม่ใช่ถูกยาพิษ เป็โรคดื้อรั้น ทุกปีมักกำเริบหลายครั้ง” ซูจิ้งโหยวอธิบายด้วยใบหน้าดำคล้ำ
เดิมคิดว่าอวี้เสวียนจีจะยอมจบเพียงเท่านี้ ไม่คิดว่าการแสดงออกบนใบหน้าเขากลับยิ่งเกินจริง “ฝ่าา เดิมนี่ก็เป็ฮองเฮาที่ฝ่าาจะทรงแต่งตั้ง กระทั่งบ่าวไพร่ที่รับใช้ในจวนอัครมหาเสนาบดีมาหลายสิบปีแล้วต่างสามารถจัดการดูแลกลายเป็แบบนี้ อนาคตจะปกครองจัดการวังหลังได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
สีหน้าซ่งหลิงซิวพลันกลายเป็ไม่สบอารมณ์นัก เขากวาดตามองซูจิ้งโหยวราวกับจะตำหนิและข่มขู่จนซูจิ้งโหยวอดใจสั่นไหวไม่ได้ แต่เื่ที่ทำให้นางยิ่งเศร้าโศกเพราะเกิดเื่คืนนี้ หากนางคิดหวังในตำแหน่งฮองเฮาอีกก็ยากเต็มที
“หมอหลวงมาแล้ว” คนในพระตำหนักรีบพาหมอหลวงมาอย่างฉุกละหุก
หลังจากหมอหลวงถวายบังคม ก็รีบตรวจชีพจรให้หลิวมามา ทว่าเกือบจะแตะบนชีพจรของหลิวมามาก็เอ่ยปากทันทีว่า “นี่เป็อาการดื้อรั้นมาหลายสิบปีแล้ว ข้าน้อยมิมีความสามารถช่วยให้รอดทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ซูเฟยซื่อหรี่ตาลง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมซูจิ้งโหยวมาถึงก็รีบให้คนไปเชิญหมอหลวงทันที ที่แท้หมอหลวงคนนี้ก็ถูกนางซื้อตัวไปแต่เนิ่นๆ แล้ว “ในเมื่อเป็อาการดื้อรั้น เช่นนั้นก็...” ซ่งหลิงซิวกำลังจะเอ่ยปาก ก็ถูกอวี้เสวียนจีขัดจังหวะไว้
“อาการดื้อรั้น? หมอหลวง เ้าเห็นชัดเจนแล้วหรือ?” ดวงตาหงส์ของอวี้เสวียนจียิ่งลุ่มลึกราวกับจะฉุดคร่าิญญาไว้เช่นนั้น
หมอหลวงพลันตกตะลึงจนตัวสั่นเทิ้ม “นี่... ท่านอ๋องเก้าพันปีคิดว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าคิดว่า? เป็เ้าหรือข้ากันแน่ที่เป็หมอหลวง?” อวี้เสวียนจีไม่สนใจเขาอีก แล้วเบนสายตาไปมองซูเฟยซื่อ “ข้าเห็นคุณหนูสามนั่งอยู่ข้างคนไข้มาตลอด คิดว่าต้องรู้ว่าเป็เื่อะไร ก็เชิญคุณหนูสามกล่าวสักคราจะดีกว่าไหม?”
ซูเฟยซื่อเข้าใจความหมายของอวี้เสวียนจี ไม่เพียงคิดทำลายหลิวมามาคนเดียว เื่นี้ต้องลากคนลงน้ำให้มากจึงยิ่งสนุก
ช่างเป็ผู้ชายใจอำมหิตฝีมือชั่วร้ายคนหนึ่ง
แต่ชั่วพริบตาเดียว ทำไมนางถึงรู้สึกว่าอวี้เสวียนจีน่ารักขนาดนั้น
ซูเฟยซื่อปาดเช็ดน้ำตา “ล้วนเป็หม่อมฉันไม่ดี เมื่อวันก่อนหม่อมฉันทำให้หลิวมามาต้องถูกแม่ใหญ่ฟาดตีไปหลายสิบไม้กระดานใหญ่ หม่อมฉันเจ็บแปลบในใจมาตลอด วันนี้เห็นพี่รองนำของว่างที่ประณีตสวยงามมา ก็ให้ซางจื่อไปเชิญหลิวมามามาลิ้มรส ไม่คิดว่าหลิวมามากินๆ ไปก็...”
“ก็อาการดื้อรั้นกลับมากำเริบแล้ว” นางแซ่หลี่กลัวว่าซูเฟยซื่อจะพูดผิด รีบชิงตัดบท
เป็อวี้เสวียนจีที่หัวเราะอย่างเ็าคราหนึ่ง “งั้นหรือ? ทหาร เอาเข็มเงินมา”
เสียงพูดเพิ่งจบ เข็มเงินได้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็เื่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ดูไปแล้ววันนี้หากไม่มีคนตายสักคนละก็ คงมิอาจเลิกราเป็แน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้