หลังจากที่แม่นมลู่พักผ่อนหนึ่งคืน ทุกเช้าก็จะออกไปแล้วกลับมาตอนกลางคืน ไม่มีใครรู้ว่านางไปเจอกับผู้ใด พูดคุยเื่อะไร หลังจากงานยุ่งอยู่เช่นนี้หลายวัน พอดีกับตอนนี้ที่อากาศดี เมื่อเห็นว่าอากาศไม่เลว แม่นมลู่ก็ถามฮูหยินผู้เฒ่าว่าอยากจะไปดูบ้านสวนบ่อน้ำร้อนเล็กๆ ที่ชานเมืองกับตนหรือไม่
หากเป็เวลาปกติฮูหยินผู้เฒ่าคงจะไม่ไป แต่คิดได้ว่านั่นคือของขวัญที่สวี่ตี้หาเงินมาซื้อให้กับมารดาตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกอยากรู้ อยากจะไปดูว่าบ้านสวนหลังนั้นเป็อย่างไร บวกกับตอนนี้อากาศก็ไม่ร้อน ผ่านไปอีกไม่กี่วันอากาศหนาวแล้วจะไปที่ไหนก็ไปไม่ได้จึงยอมตกลง
ฮูหยินผู้เฒ่าออกจากเรือนครั้งหนึ่ง ไม่ได้มีแค่รถม้าส่วนตัวของหญิงชราที่นั่งเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังมีรถม้าของพวกสาวใช้ที่คอยดูแลด้วย รวมทั้งรถม้าที่ใส่ของที่ฮูหยินผู้เฒ่าใช้เป็ประจำ ของมากมายจนมีรถม้าติดตามไปด้วยห้าถึงหกคัน
หญิงชราชักชวนแม่นมลู่มานั่งอยู่ในรถม้าของตนเองแล้วพูดเสียงเบา “ที่ข้าไม่อยากออกมานอกจวนน่ะ เ้าดูสิ พอออกนอกเรือนก็ทำเสียเอิกเกริก เช่นนี้จะทำให้ผู้คนเกลียดเอาน่ะสิ”
แม่นมลู่ฟังแล้วก็หัวเราะ “ดูเ้าพูดเข้าสิ เ้าเป็ฮูหยินผู้เฒ่าในจวนนะ เลี้ยงดูเด็กในจวนมามากมาย อยากจะทำอะไรจะต้องสนใจสายตาของผู้อื่นด้วยหรือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “ไม่ต้องสนใจสายตาผู้ใดมันก็ใช่ แต่เพราะข้าไม่ชอบสร้างปัญหาให้คนอื่นนี่? คนอื่นไม่พูดอะไร แต่คนดูแลเรือนจะไม่บ่นเลยหรือ? การเคลื่อนไหวแต่ละทีมีเื่ไหนบ้างที่ไม่ใช้เงิน? ในใจข้ารู้ดี”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “เ้าดูเ้าสิ ตอนสาวๆ เป็คนสบายๆ มากคนหนึ่งแท้ๆ เหตุใดแก่แล้วไม่ทำตัวสบายๆ บ้างล่ะ? เ้าออกเดินทางครั้งนี้จะใช้เงินไปเท่าไหร่กัน? ตอนที่เ้าเป็คนดูแลเรือนทำให้จวนหย่งหนิงโหวร่ำรวยมาเท่าไหร่? เ้าแก่แล้วอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยังไม่ได้เลยเชียวหรือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะแล้วเอ่ย “ไม่ใช่ไม่ได้ เป็ตัวข้าเองไม่อยากจะสุรุ่ยสุร่าย ตอนสาวๆ อะไรก็จะต้องหาของดีๆ มาเป็ของตนเอง พอแก่แล้วก็รู้สึกว่าของพวกนั้นความจริงแล้วก็ไม่มีค่าอะไรเลย กินดี กินไม่ดี การใช้ชีวิตในทุกๆ วันก็ผ่านไปได้เหมือนกัน นอนก็นอนบนเตียง ขวนขวายหามามากมายมีประโยชน์อะไร? ขอแค่ลูกหลานของข้ามีอนาคตที่ดี เท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว”
แม่นมลู่ฟังแล้วก็หัวเราะฮี่ๆ ก่อนจะเอ่ยปากถาม “เช่นนั้นเ้าว่า ตอนนี้เ้าพอใจแล้วหรือยัง?”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “หากไม่มีเหราเอ๋อร์ ข้าคิดว่าคงใช้ชีวิตไปอย่างนั้น ตอนนี้มีเหราเอ๋อร์กับตี้เกอที่มีความสามารถเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกว่าทั้งตัวนั้นมีเรี่ยวแรง ใช้ชีวิตก็มีพลังงานมากขึ้น”
ตลอดการเดินทางก็พูดคุยกันไป เวลาครึ่งบ่ายก็ถึงบ้านสวนบ่อน้ำร้อนนอกเมือง
เ้าของเดิมเป็ครอบครัวคนรวย ในเรือนมีเงินทองมากมายจึงตกแต่งบ้านสวนเล็กๆ ให้ดูอบอุ่น เพราะว่าขายให้กับพี่สาวคนโตของจวนจิ้งเป่ยโหว อีกทั้งนางก็ไม่ได้กดราคาเลยสักนิด ด้วยความที่อยากจะผูกมิตรกับจวนจิ้งเป่ยโหว เศรษฐีคนนั้นก่อนที่จะมอบบ้านสวนให้ก็ได้ซ่อมแซมตกแต่งไปรอบหนึ่ง ดังนั้น มาถึงแล้วก็สามารถเข้าพักอาศัยได้เลย
โฉนดที่ดินถึงแม้จะให้มาแล้ว แต่เพราะว่าบ้านสวนยังไม่ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกันอย่างเป็ทางการ เศรษฐีคนนั้นก็ยังทิ้งครอบครัวคนใช้เอาไว้ในบ้านสวน รอจนกระทั่งสวี่ตี้โอนกรรมสิทธิ์อย่างชัดเจนแล้วค่อยย้ายออกไป
แม่นมลู่มาที่นี่ก็เพื่อจะโอนกรรมสิทธิ์บ้านสวน จากนั้นก็จัดการเื่ราวต่างๆ ในบ้านสวน ฮูหยินผู้เฒ่าให้สาวใช้ของตัวเองมาทั้งครอบครัว ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยสองสามีภรรยาวัยชรากับครอบครัวของลูกชายรวมเป็เจ็ดคน ลูกชายคนโตมีลูกชายอายุสิบกว่าปี ลูกชายคนเล็กกับลูกสาวยังไม่มีใครแต่งงาน แต่ว่าอายุสิบหกสิบเจ็ดปีกันแล้ว ลูกชายคนเล็กและลูกสาวรวมทั้งหลานชายต่างสามารถช่วยกันทำงานได้
ครอบครัวนี้เดิมทีทำการเพาะปลูกอยู่ในสวนต่างเป็คนซื่อสัตย์ ปลูกพืชผักก็ดี ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าถึงแม้บ้านสวนนี้จะมีแปลงให้ปลูกแค่ไม่กี่สิบไร่ แต่ก็เป็บ้านสวนที่มีบ่อน้ำร้อนอยู่ด้านใน ต่อไปไม่แน่ว่าจะเป็สถานที่ที่ครอบครัวสวี่เหรามาพักกันบ่อยครั้ง คนในบ้านสวนนี้ก็เป็คนที่มีความซื่อสัตย์จริงๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าแก่แล้วแต่ก็ยังคงมีไหวพริบ ถึงแม้จะอายุมากแล้วและไม่ได้ดูแลจัดการเื่ในเรือนแล้ว แต่การทำงานก็ยังคงเป็ระเบียบ รวดเร็ว ในเมื่อจะใช้คน เช่นนั้นก็ต้องเลือกเอาคนดีๆ มา แล้วก็ถือว่าเป็การหาช่องทางใช้ชีวิตให้กับคนที่ซื่อสัตย์ต่อจวนหย่งอี้โหวด้วย
ครอบครัวนี้มีแซ่หลี่ซึ่งเกิดอยู่ในจวนหย่งอี้โหวเหมือนกับฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากได้รับรถม้าที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งให้ไปรับพวกเขามาที่บ้านสวน ตอนนั้นก็ได้เก็บข้าวของในเรือนแล้วย้ายของขึ้นรถม้าตามมาที่นี่ ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ามาถึง ครอบครัวของเหล่าหลี่ก็ได้เข้าพักในเรือนสามห้องที่อยู่ด้านข้างเรือนหลักเป็ที่เรียบร้อยแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงแล้ว ครอบครัวของเหล่าหลี่ต่างพากันมาทำความเคารพ
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะแล้วส่งถุงเงินให้กับพวกเหล่าหลี่ ก่อนจะเอ่ย “ตอนนั้นบิดาของเ้าเป็องครักษ์ของบิดาข้า ในาเพื่อช่วยโหวเย่ถึงได้รับาเ็ ข้าจำบุญคุณของครอบครัวพวกเ้ามาตลอด ให้ครอบครัวพวกเ้ามาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อหาอนาคตที่ดีให้กับพวกเ้า ข้าน่ะแก่แล้ว ต่อไปไม่แน่ว่าจะตายไปเมื่อไหร่ หากไม่ได้หาที่อาศัยดีๆ ให้กับพวกเ้า ในใจของข้าก็ไม่สงบ นี่คือบ้านสวนของคุณชายสามครอบครัวข้า ตอนนี้ครอบครัวคุณชายสามอยู่ที่เหอซีช่วยปกป้องชายแดนอยู่ ทั้งครอบครัวอยู่ที่นั่นกันหมด ซื้อบ้านสวนนี้มาก็กลับมาจัดการไม่ได้ ต่อไปที่นี่ก็มอบให้พวกเ้าดูแลแล้ว เงินเดือนข้าจะเพิ่มให้เ้าอีกเท่าหนึ่ง จะให้พ่อบ้านในจวนเอามาให้พวกเ้าทุกเดือน ที่ดินในบ้านสวนนี้พวกเ้าจัดการไปก่อน อยากจะปลูกอะไรก็ปลูกได้ ต่อไปรอพวกเขากลับมาจากเหอซีแล้ว ค่อยฟังคำสั่งของพวกเขา พวกเ้าคิดว่าอย่างไร?”
ไม่มีอะไรไม่ดี คนของจวนหย่งอี้โหวตอนนั้น หลังจากถูกฮูหยินผู้เฒ่าให้มาพักอาศัยอยู่ในบ้านสวน ถึงแม้ชีวิตประจำวันจะมีการรับประกันแล้ว แต่ก็มีบางคนที่ไม่ยินดีที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายไปทั้งชีวิต มักจะหาอะไรทำ แต่ว่าไม่มีโอกาสดีๆ ได้ทำ จึงทำได้แค่ใช้ชีวิตเดิมๆ อยู่ในบ้านสวนเล็กๆ จวนจงหย่งโหวมีคนแก่บางคนไม่พอใจที่จะมีชีวิตเช่นนี้ จึงพาพวกเด็กๆ มาฝึกซ้อมต่อสู้ออกกำลัง อย่าเห็นว่าครอบครัวเหล่าหลี่ทำงานปลูกผัก ถ้าหากตอนนี้ให้พวกเขาไปสนามรบก็ยังสามารถสู้หนึ่งต่อสิบได้
เหล่าหลี่มองฮูหยินผู้เฒ่า พลางเอ่ยอย่างเกรงใจ “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ครอบครัวคุณชายสามอยู่ที่ด่านเยี่ยนเหมิน ทางด้านพวกเขาขาดแคลนคนหรือไม่ขอรับ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วก็ชะงักไปก่อนจะถาม “เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
บนใบหน้าของเหล่าหลี่มีความกังวลปนเขินอาย ก่อนจะเอ่ย “ลูกชายคนเล็กของข้ากับลูกสาวั้แ่เด็กก็เรียนศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ในบ้านสวนของพวกเรา พวกเขาเอาแต่คิดอยากจะไปเป็ทหาร ข้ากลัวว่าจะเพิ่มปัญหาให้กับฮูหยินผู้เฒ่า จึงไม่ได้ให้ไปขอรับ ในเมื่อตอนนี้คุณชายสามอยู่ที่เหอซี สามารถให้พวกเขาสองคนไปที่นั่นได้หรือไม่ขอรับ? ท่านวางใจ ข้ากับภรรยาแล้วก็ครอบครัวลูกชายคนโตจะดูแลบ้านสวนแห่งนี้ให้ดีขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วก็มองลูกชายคนเล็กกับลูกสาวของเหล่าหลี่ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอยู่ข้างกัน เด็กชายเด็กหญิงอายุสิบหกสิบเจ็ดปี ปล่อยให้หญิงชรามองพิจารณาตนเองอย่างเปิดเผย เพราะว่าออกกำลังกายอยู่ตลอด ทั้งทำงานในสวน ผิวจึงดำ แต่ว่าแววตามีความมุ่งมั่น
ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ่งดีใจ นางหัวเราะแล้วเอ่ย “ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้ เด็กดี เข้ามาใกล้ๆ ให้ข้าดูสิ อาจารย์ในบ้านสวนที่สอนพวกเ้าตอนนั้นเป็ถึงทหารที่แข็งแกร่งคนหนึ่งในกองทัพเชียวนะ พวกเ้าสองคนฝึกมากี่ปีแล้วหรือ?”
ลูกชายคนเล็กของเหล่าหลี่เป็คนนิสัยขี้อายอยู่เล็กน้อย แต่ลูกสาวยิ้มแล้วตอบ “ตอบฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ พวกเราเรียนวิชากับอาจารย์หลี่มาสิบกว่าปีแล้วเ้าค่ะ เด็กๆ ในบ้านสวนั้แ่เด็กจะเริ่มเรียนวิชากับอาจารย์หลี่เ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกเ้าก็รีบไปเก็บของไป อีกสองวันก็ตามแม่นมลู่ท่านนี้ไปที่เหอซีด้วยกัน ต่อไปก็จะอาศัยอยู่ในเรือนของคุณชายสาม”
ทั้งสองคนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ พลางกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า หญิงชราได้สั่งอะไรอีกเล็กน้อยก็ให้พวกเขาออกไป ทว่าผู้ใดจะไปคิดว่าหลานชายคนโตของเหล่าหลี่ก็มาคุกเข่าตรงหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเช่นกัน “ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ข้าขอร้องท่าน ให้ข้าไปชายแดนด้วยเถิดขอรับ ข้าเองก็เรียนวิชาป้องกันตัวกับอาจารย์หลี่ อาจารย์หลี่บอกว่าข้าเป็อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ ข้าไม่อยากจะเอาความสามารถของข้ามาทิ้งอยู่ที่นี่ ท่านเองก็ให้ข้าไปด้วยเถิดขอรับ”
เหล่าหลี่ถูกหลานชายคนโตของตัวเองทำให้ใจนหน้าขาวซีด ลูกชายคนโตของเหล่าหลี่ก็รับเข้ามาลากเขาไว้แล้วพูดตำหนิเสียงเบา “เด็กอย่างเ้าเพิ่งจะฝึกวิชามาไม่กี่ปีก็กล้าพูดว่าตัวเองเป็อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้แล้วหรือ ตัวเ้าเองยังดูแลตัวเองไม่ได้เลย ไปแล้วก็สร้างปัญหาให้กับคนอื่นเขา รีบลุกขึ้น ตามพวกเราไปเดี๋ยวนี้”
หลานชายคนโตของเหล่าหลี่ไม่ยินยอม ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่า หญิงชรายิ้มมองเด็กชายที่ร่างกายกำยำน่าเอ็นดู อายุสิบกว่าปี ดวงตากลมโตรอคอย เม้มริมฝีปาก ไม่ยอมลุก ในใจของฮูหยินผู้เฒ่ากระตุก แล้วพูดอย่างใจดี “เด็กน้อย เมืองชายแดนไม่เหมือนกับที่นี่ ทางนั้นอันตรายมาก แล้วก็มีคนเป่ยตี้เข้ามาโจมตีตลอดเวลา เ้าไม่กลัวหรือ?”
เด็กน้อยเบิกตากว้าง ใบหน้าเล็กเชิดขึ้น พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “บุรุษที่ดีจะต้องทำาเพื่อแคว้นขอรับ เอาหนังม้ามาห่อศพเป็หลุมศพ [1] ฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ข้ายังเด็ก แต่ว่าเหตุผลนี้ข้าเข้าใจ อาจารย์หลี่พูดว่านี่คือความเชื่อของจวนหย่งอี้โหว ถึงแม้ตอนนี้จวนหย่งอี้โหวจะไม่อยู่แล้ว แต่ว่าพวกเรายังอยู่ ก็ต้องพึ่งความเชื่อของพวกเราสืบทอดต่อไปขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วดวงตาก็แดงก่ำ ดึงหลานชายของเหล่าหลี่ขึ้นมากอดในอ้อมอกของตนเอง แล้วเอ่ย “เด็กดี เด็กดี ในครอบครัวของพวกเรามีพวกเ้าอยู่ ข้ายังจะมีอะไรให้กังวลอีก? เด็กน้อย ในเมื่อเ้ามีความคิดเช่นนี้ ขอแค่ปู่กับพ่อของเ้ายินยอม ข้าก็จะให้เ้าไป แต่ว่าไปแล้วไม่ใช่เพื่อทำา แต่เพื่อไปหาความรู้จากที่นั่น เรียนหนังสือ ฝึกวิชาต่อสู้ เ้ายังเด็กนัก การต่อสู้ทำาเพื่อแคว้นนั้นเอาไว้ทีหลัง”
เด็กน้อยได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า ดวงตาก็แวววาวขึ้นมา “ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ข้าจะต้องทำให้ท่านปู่และท่านพ่ออนุญาตให้ข้าไปให้ได้ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะแล้วให้ครอบครัวเหล่าหลี่ออกไป ก่อนจะจับมือแม่นมลู่ “ซินหรัน คำพูดของเด็กเมื่อครู่เ้าได้ยินหรือไม่ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าในที่ที่ข้าไม่เห็น ยังมีคนจำความเชื่อของหย่งอี้โหวของพวกเราได้ ถ้าหากข้าไม่มาทำธุระให้คนพวกนี้ ข้าก็คงมีชีวิตอยู่โดยเปล่าประโยชน์ รอข้าตายไปแล้วข้าก็คงไม่มีหน้าไปเจอท่านพ่อของข้ากับปู่ของพวกเขา”
อารมณ์ของแม่นมลู่ซาบซึ้งมาก นางเคยเห็นคนที่อยู่ชายแดนมาจริงๆ จึงรู้ว่าทหารที่คุ้มกันชายแดนนั้นเพื่อแคว้นนี้จะต้องทุ่มเทไปเท่าไหร่
แม่นมลู่เอ่ย “เ้าวางใจเถิด เื่ที่เกิดขึ้นนี้ข้าจะต้องกลับไปเล่าให้คุณชายสามกับฮูหยินสามฟังแน่นอน”
อุปกรณ์การปลูกพืชนั้นมีครบครัน ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงยังเอาของใช้ในชีวิตประจำวันมาด้วย พวกนางพักอาศัยอยู่ในบ้านสวนคืนหนึ่ง เช้าวันต่อมาก็กลับไปที่เมืองหลวงกับแม่นมลู่
แม่นมลู่เตรียมตัวจะกลับเหอซีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ามองแม่นมเก็บห่อผ้าสัมภาระใบโตออกมา ก่อนจะส่งกล่องไม้แกะสลักดอกไม้พันรอบอันเล็กๆ ให้แม่นมลู่ กล่องใช้ตัวปิดสีเหลืองที่ทำออกมาอย่างดี ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้เปิดตัวที่ปิดออก
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เ้ามอบให้เหราเอ๋อร์ บอกว่านี่คือสินน้ำใจของย่าอย่างข้า ครอบครัวพวกเขาอยู่ที่นั่นลำบากแล้ว”
แม่นมลู่เปิดดู ตั๋วเงินหนาๆ ้าสุดเป็ตั๋วเงินจำนวนห้าร้อยตำลึง คาดว่าด้านล่างก็เป็ยอดเงินจำนวนนี้
แม่นมลู่เอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่า เ้าทำอะไรน่ะ? ครั้งที่แล้วโหวเย่ให้คนเอาตั๋วเงินมาให้สามพันตำลึง คุณชายสามกับฮูหยินสามก็เก็บเอาไว้ บอกว่ารอกลับไปค่อยเอาไปคืนโหวเย่ แล้วนี่เ้าให้เท่าไหร่หรือ? พวกเขาจะรับของเ้าหรือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เ้าไปแล้วบอกกับจ้าวฉือ ว่านี่ข้าให้กับเด็กในท้องของนาง แล้วก็เป็สิ่งที่ครอบครัวพวกเขาควรจะได้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ก็เพื่อที่พวกเขาช่วยรับคนเก่าๆ พวกนั้นของจวนหย่งอี้โหวเอาไว้ ตอนนั้นที่ข้าแยกย้ายจากทุกคนในจวนหย่งอี้โหว ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ในจวนพวกนั้นข้าก็เอามาด้วย อยากจะใช้เงินมาเลี้ยงคนพวกนี้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเพียงให้พวกเขากินดื่มมันไม่เพียงพอ ข้าควรจะทำอะไรให้พวกเขามากกว่านี้ แต่ว่าข้าแก่แล้ว ทำไม่ไหวแล้ว จึงวานให้พวกเขาช่วย”
แม่นมลู่รู้ว่าเป็เพราะหลานชายคนโตของเหล่าหลี่เมื่อวาน คำพูดของเด็กนามว่าหลี่เจียเหลียงทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าคิดได้มากมาย ตั๋วเงินพวกนี้คาดว่าก็คิดขึ้นมาได้เช่นกัน
แม่นมลู่รับกล่องนั้นมาเงียบๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เ้าเอาคำพูดไปบอกกับเขาให้ชัดเจน พวกเขาจะต้องเข้าใจความ้าของข้า รุ่นพ่อ รุ่นปู่ของคนพวกนี้ ต่างเข้าร่วมากับจวนหย่งอี้โหวของพวกเรา เืที่ไหลอยู่ด้านในของพวกเขาเป็เืร้อนของเหล่าบรรพบุรุษในตอนนั้น ข้าไม่ควรจะให้เืร้อนของพวกเขาเย็นลง ต่อไปจะสั่งการอย่างไรก็ล้วนให้ครอบครัวเหราเอ๋อร์ตัดสินใจเถิด”
แม่นมลู่ถอนหายใจ “เ้าเองก็ไม่ต้องเอาเื่นี้เก็บไปใส่ใจ ความจริงแล้วนี่เป็เื่ดี ถึงแม้จวนหย่งอี้โหวจะไม่อยู่แล้ว แต่ว่าความเชื่อของจวนหย่งอี้โหวนั้นยังอยู่ ต่อไปพวกเขาจะต้องทำให้ความเชื่อของจวนหย่งอี้โหวสืบทอดต่อไป”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก
ตอนบ่ายก่อนที่แม่นมลู่จะไป เหล่าหลี่พาลูกชายคนเล็ก ลูกสาว แล้วก็หลานชายคนโตของตนเองส่งไปที่จวนหย่งหนิงโหว ฮูหยินผู้เฒ่าคิดไม่ถึงว่าครอบครัวหลี่จะให้เด็กอายุสิบกว่าปีตามไปยังสถานที่ไกลขนาดนั้น
หลังจากที่เหล่าหลี่คำนับให้กับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเอ่ย “เด็กคนนี้ดื้ออยู่เล็กน้อย ต่อไปจะต้องให้ครอบครัวคุณชายสามช่วยให้อภัยด้วยนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเหอะๆ แล้วรับคนมา ก่อนจะเอาห่อผ้าที่เตรียมเอาไว้ให้ครอบครัวหลี่ก่อนจะเอ่ย “พรุ่งนี้พวกเ้าตามแม่นมลู่ไปที่เหอซี นี่คือของขวัญการจากลาที่ข้าให้กับพวกเ้า ที่ชายแดนนั้นลำบาก สู้เมืองหลวงที่เจริญของพวกเราไม่ได้ หวังว่าต่อไปพวกเ้าจะปลอดภัย”
เช้าตรู่ ประตูของจวนหย่งหนิงโหวก็เปิดออก แม่นมเสิ่นส่งคณะของแม่นมลู่ออกเดินออกมาด้านนอก ขึ้นนั่งบนรถม้าที่จอดอยู่ตรงหน้าประตูจวน หลังจากล่ำลากันแล้ว แม่นมลู่ถึงได้พาคนสูดหายใจรับอากาศเย็นของฤดูใบไม้ร่วง แล้วเดินทางไปที่ร้านค้าขายหนัง พวกเขาจะเดินทางไปกับร้านค้าหนังสกุลหลี่ เดินทางไปยังเหอซีที่อยู่ห่างไกลหลายพันลี้
เชิงอรรถ
[1] (马革裹尸 Mǎgéguǒshī) หมายความว่า ปกป้องแคว้นด้วยความกล้าหาญจนตัวตาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้