คำพูดของแม่นมลู่ จางจ้าวฉือนั้นฟังเข้าใจแล้ว แต่ว่าหากจะไม่ได้เจอลูกสาวเป็เวลานาน จางจ้าวฉือก็รู้สึกทนไม่ได้
จางจ้าวฉือมาปรึกษากับสวี่ตี้ สวี่ตี้ฟังแล้วก็เงียบไปนานก่อนจะกล่าว “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ในเมื่อทุกคนต่างทำเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องทำเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นต่อไปเ้าเด็กคนนั้นถูกคนอื่นเลือกไปแล้ว จะให้จือเอ๋อร์ของพวกเราหาคนขี้เหร่มาแทนหรือไร?”
จางจ้าวฉือกล่าว “เหตุผลนั้นข้าเข้าใจ ข้าก็แค่คิดว่า เด็กหญิงอายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง จะต้องวางแผนเื่การแต่งงานให้นางตอนนี้มันไวเกินไปหรือไม่?”
สวี่ตี้กล่าว “เช่นนั้นท่านเองก็จะตามไปที่เมืองหลวงด้วยหรือ?”
จางจ้าวฉือกล่าว “เช่นนั้นข้าขอคิดอีกรอบแล้วกัน ข้ายังต้องปรึกษากับพ่อของเ้าด้วย”
สวี่เหรางานยุ่งอยู่ครึ่งเดือน โชคดีที่คนที่ทางเมืองหลวงส่งมาเป็พนักงานที่มีความสามารถมากหน่อย ในมือมีคนทำงานก็ย่อมเป็เื่ที่ดี บวกกับที่ก่านโจวเพิ่งจะเกิดเื่ใหญ่มา พวกที่มีความคิดไม่ดีก็ต่างพากันหลบซ่อนมันเอาไว้ แล้วทำงานตามคำสั่งของสวี่เหราซึ่งเป็ผู้นำสูงสุดของก่านโจวในตอนนี้ ทุกคนล้วนเป็คนที่ทำงานมาหลายปีแล้ว ความ้าของเหลียงเฉิงตี้ในพระราชโองการนั้นหมายความว่าอย่างไรในใจของทุกคนต่างรู้ดี รอจนกระทั่งสวี่เหรารวบรวมข้อมูลมาครบแล้ว ตำแหน่งผู้นำก่านโจวก็ได้รับมาแบบสบายๆ ไม่ใช่หรือ?
ในที่สุดสวี่เหราก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาหน่อย ตอนบ่ายก็ออกมาจากที่ว่าการั้แ่หัววัน พาคนติดตามออกมาด้วยสองคนแล้วเดินทางกลับมาที่เรือน
บนถนนเป็่ที่กำลังครึกครื้น สวี่เหราสวมชุดสบายๆ อายุสามสิบกว่าปี ใบหน้างดงาม อยู่ในราชการมาหลายปีก็ต้องมีมาดของขุนนาง มาเดินตามท้องถนนแค่เห็นก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
เมืองก่านโจวตั้งอยู่ทางตะวันออกของเขตเหอซี ถึงแม้จะสร้างเรือนไปทางใต้ขึ้นเหนือ แต่ที่ใช้บ่อยที่สุดก็เป็ประตูเมืองทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกสองทางนี้ หลังจากเข้าประตูเมืองทางทิศตะวันออก ก็เป็ถนนเส้นยาวๆ ตรงไปถึงประตูเมืองทิศตะวันตก มีเส้นทางไกลหลายลี้ ที่ว่าการอยู่ตรงกลางของถนนเส้นนี้ หลังจากออกมาจากที่ว่าการแล้ว ริมถนนใหญ่เดินไปทางตะวันออก เดินไปหลายร้อยเมตร ก็เป็ตรอกที่อยู่ของเรือนที่สวี่เหราอยู่
ถนนใหญ่ทางตะวันตกเปิดร้านค้าต่างๆ ของกินดื่มของใช้มีครบถ้วน
สวี่เหราเดินไปก็มองร้านค้าริมค้าทางไป เดินผ่านร้านขนมร้านหนึ่ง เข้าไปซื้อขนมหลายอย่างมาให้เด็กๆ ในครอบครัวที่ชอบกินขนม ถือของเอาไว้ในมือมากมายจนแทบเดินออกมาจากร้านขนมไม่ไหว เด็กโตหลายคนวิ่งมาจากด้านตรงข้ามตนเอง สวี่เหราหลบไปด้านข้าง รอพวกเด็กๆ วิ่งไป ถึงจะพบว่าในมือมีกระดาษเล็กๆ อยู่
สวี่เหราส่งของในมือให้ผู้ติดตาม ก่อนจะคลี่กระดาษออกมาอ่าน ้าเขียนที่อยู่หนึ่งเอาไว้ สวี่เหราใหัวขาวโพลนไปหมด รีบเร่งถือกระดาษแผ่นนี้ในมือกลับไปที่เรือน
ตอนแรกที่จะไปเหอซี หย่งหนิงโหวเย่ให้ผู้ช่วยสวี่เหรามาคนหนึ่ง นามว่าซูเจิ้ง เป็จวี่เหรินที่ตกต่ำ ดีที่เป็คนฉลาดมีความคิดฉับไว ซูเจิ้งติดตามสวี่เหรามาหลายปีแล้ว วางแผนว่าอีกสองปีจะไปเข้าสอบระดับฮุ่ยซื่อ จะได้หรือไม่ได้ก็ค่อยสอบดูอีกครั้งหนึ่ง
ปกติแล้วซูเจิ้งมักจะอยู่ในจวน สวี่เหราถือกระดาษไปที่ห้องตำราเรือนหน้า เรียกให้ซูเจิ้งมาหา ทั้งสองคนมองกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ ซูเจิ้งก็เอ่ย “ใต้เท้า ข้ารู้สึกว่านี่้าเชิญท่านไปปรึกษาขอรับ”
สวี่เหรากล่าว “เมื่อครู่ข้าได้ส่งคนไปสอบถามถึงสถานที่นี้มาแล้ว ว่ามีเื่อันใดถึงต้องให้ข้าไป ตรงประตูใหญ่ของที่ว่าการก็มีช่องใส่จดหมาย หากมีปัญหาอะไรก็มาหาได้ จะช้าจะเร็วข้าก็จะส่งคนไปจัดการเื่ให้อยู่ดี ท่านซู ท่านรู้สึกว่าใช้วิธีเช่นนี้ให้ข้ารู้ มันจะมีเื่อีนใดแอบแฝงหรือไม่?”
ซูเจิ้งส่ายหน้า “เื่นี้พูดยากนักขอรับ”
ทั้งสองคนปรึกษากันอยู่นาน ก็ยังปรึกษากันไม่ออกว่าเป็เื่อะไร สวี่เหรานำกระดาษไปที่เรือนหลัง หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ลากสวี่ตี้กับจางจ้าวฉือไปที่ตั่งอุ่นในห้องพักผ่อนของตัวเองเพื่อปรึกษาเื่นี้
สวี่ตี้มองตัวหนังสือในกระดาษ “ตัวหนังสือนี่ แรงลงพู่กันอ่อนช้อยอยู่เล็กน้อย คงจะเป็เด็กผู้หญิงเขียน กระดาษนี่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง คาดว่าครอบครัวนี้จะไม่ขาดแคลนเงินนะขอรับ ท่านพ่อ ท่านคงไม่ได้ไปหลอกลวงอะไรผู้ใดใช่หรือไม่?”
สวี่เหรากล่าว “บ๊ะ จะมีผู้ใดใส่ร้ายบิดาตัวเองเช่นนี้? ข้างานยุ่งทั้งวันเ้าไม่รู้หรือไร วันๆ ก็อยู่กับพวกเ้าทุกวัน อย่างหลายวันก่อนพวกเ้ายังไม่มา ข้าแทบไม่ได้หลับได้นอน ข้าจะไปหลอกลวงผู้ใดได้”
จางจ้าวฉือกล่าว “พ่อเ้าไม่ใช่คนเช่นนั้น เ้าคิดไปไกลแล้ว”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วกล่าว “พวกท่านสองคนนี่ความรักมั่นคงดั่งทอง แต่ตัวอักษรนี่มันสตรีเขียนจริงๆ นี่ขอรับ”
จางจ้าวฉือกล่าว “ยึดกันตามตรรกะแล้ว อยากจะใช้วิธีเช่นนี้แก้ปัญหา ปกติแล้วก็มักจะมีคนเกี่ยวข้องกันเยอะมาก บางอย่างน่ะ สามารถเกี่ยวพันไปถึงองค์ชายได้ เหล่าสวี่ จะมีสตรีถูกองค์ชายสักองค์มารังแกหรือไม่ จากนั้นก็อยากจะให้เ้าช่วยเรียกร้องความเป็ธรรมให้กับนาง?”
สวี่เหราถอนหายใจ “สมองของพวกเ้าสองแม่ลูกเปิดกว้างเกินไปแล้ว เ้าพูดเช่นนี้ ข้ากลับคิดเื่หนึ่งขึ้นมาได้ แม่น้ำก่านโจวเดิมทีเป็บุรุษแซ่เลี่ยวคนหนึ่ง ได้ยินมาว่าเพราะปัญหาวัตถุดิบของแม่น้ำก่านโจวทำให้มีเื่กับผู้นำก่านโจว ต่อมาคนผู้นี้ก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย”
จางจ้าวฉือกล่าว “เช่นนั้นคาดว่าจะมีปัญหาถูกใส่ร้ายอะไรหรือไม่ ใต้เท้าสวี่ ท่านจะต้องทำเพื่อประชาชนนะ”
สวี่เหรากล่าว “พรุ่งนี้ข้าจะไปดู หากเป็คนสกุลเลี่ยวจริงๆ เช่นนั้นข้าจะได้ให้พวกเขารับเื่งานซ่อมแม่น้ำพอดี หากซ่อมแม่น้ำไม่ดี ต่อให้ทำเื่อื่นๆ ดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ น้ำท่วมทะลักเข้ามาก็พัดไปหมด เช่นนี้ข้าจะไม่ได้ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์หรือ?”
สวี่ตี้กล่าว “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่านด้วย ความสามารถอื่นข้าไม่มี อยากจะขอคนมาช่วยก็ยังสามารถโน้มน้าวได้บ้างขอรับ”
จางจ้าวฉือกล่าว “พาองครักษ์เฉิงไปด้วย”
สวี่เหรากล่าว “เื่นี้ก็แน่นอนอยู่แล้ว ก่านโจวนี่น่ะ เดิมทีน้ำก็ลึกมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังท่วมจนมีคนตายไปมากมาย ผู้ใดจะรู้ว่าด้านใต้น้ำมีเงินทองอยู่เท่าไหร่”
เช้าตรู่ สวี่เหราทานอาหารเช้าก็พูดเื่นี้กับองครักษ์เฉิง เชิญองครักษ์เฉิงให้ไปกับตนเอง องครักษ์เฉิงพาองครักษ์โจวที่เป็ลูกน้องติดตามคุณชายสกุลสวี่ไปตามที่อยู่บนกระดาษ
ที่อยู่บนกระดาษอยู่ทางตะวันตกของเมืองก่านโจว ปกติแล้วเมืองก่านโจวคนรวยอยู่ทางตะวันออก คนจนอยู่ตะวันตก ทางตะวันออกล้วนเป็เรือนหลังใหญ่ๆ ตรอกเป็เส้นตรง ทั้งสองข้างทางล้วนเป็เรือนหลังใหญ่ๆ เล็กๆ ส่วนทางตะวันตก เป็บ้านหลังเล็กเตี้ย มีบางครอบครัวสร้างบ้านมาอยู่ด้านในตรอกอย่างระเกะระกะไม่เป็ระเบียบ นานวันเข้าก็เต็มพื้นที่ จากเดิมที่เป็ตรอกกว้างตอนนี้ทั้งแคบทั้งเล็ก
เดินเข้าไปไม่เพียงเล็กแคบ บนพื้นในตรอกยังเต็มไปด้วยหลุมน้ำอยู่มากมาย สวี่ตี้พูดกับสวี่เหราเสียงเบา “ท่านพ่อ หน้าตาของเมืองควรทำก็ทำนะขอรับ ดูสถานที่นี้สิ ทำให้คนเดินไปเดินมาไม่ได้จริงๆ นะขอรับ”
สวี่เหรายังไม่ได้พูดอะไร หลังจากออกมาจากตรอก อยู่ใกล้ๆ กำแพงเมืองตะวันตกเป็บ้านหลังเล็กๆ ประเมินดูแล้ว ตอนที่สร้างคงจะสร้างขึ้นมาทีหลัง เรือนเล็กๆ หลังนี้มีถนนที่เดินทางไปประตูเมืองตะวันตกโดยเฉพาะ ที่อยู่บนกระดาษในมือสวี่เหราคือหนึ่งในเรือนเล็กๆ ในตรอกนี้
หลังจากเคาะประตู ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งมาเปิดประตู เห็นสวี่เหราที่ยืนอยู่ด้านหลังองครักษ์เฉิงเป็คนเคาะประตู นางก็ไม่ได้พูดอันใดแล้วหมุนตัววิ่งเข้าไปด้านในเรือน กลับทำให้กลุ่มสวี่เหราถึงกับหัวขาวโพลน องครักษ์เฉิงยื่นหัวเข้าไปมองว่าด้านในมีอันตรายอะไรหรือไม่ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในเรือน สวี่ตี้ตามเข้าไปเป็คนสุดท้าย มองซ้ายมองขวาไม่มีคนตามตัวเองมา ก็ปิดประตูใหญ่แล้วตามหลังทุกคนเข้าไปในเรือน
เรือนเล็กใหญ่กว่าเรือนสี่ประสานนิดหน่อย เข้าประตูมาก็เป็ที่กั้นหน้าประตู เดินอ้อมไปเป็ทางหินที่ตรงจากประตูหน้าเรือนลากยาวไปถึงบันไดหน้าเรือนหลัก
สามห้องหลัก ประตูหน้ามีโถงทางเดินทั้งสองข้างของโถงทางเดินมีประตูอยู่ นี่คงจะเป็เรือนหลักแล้ว ด้านในเรือนยังมีห้องทางตะวันออก หน้าหน้าต่างห้องฝั่งตะวันตกปลูกต้นทับทิมเอาไว้ ระหว่างทางต้นทับทิมสีเขียวมีผลสีแดงอยู่ครึ่งหนึ่ง ด้านหน้าหน้าต่างทิศตะวันตกใช้หินเล็กโรยรอบแปลงดอกไม้ ด้านในมีดอกไม้ที่เห็นได้บ่อยๆ ปลูกอยู่หลายต้น เพียงแต่ดอกไม้ยังไม่บาน
ถึงแม้เรือนจะเล็ก แต่ว่าสร้างออกมาได้งดงามมาก สวี่เหราพยักหน้าในใจ อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความประหลาดใจเกี่ยวกับคนที่เชิญตนมาอีกหลายขั้น
เด็กน้อยเข้ามาในเรือนหลัก ต่อมาผ้าม่านประตูของเรือนหลักก็ถูกแหวกออก ก่อนคนที่ออกมาจะเป็คนชราผมขาวคนหนึ่ง พอเห็นสวี่เหราก็โค้งเอวให้ “ใต้เท้าสวี่ เสียมารยาทให้ท่านมาหาเสียไกล หวังว่าท่านอย่าได้โกรธเคือง”
สวี่เหรารีบคำนับแล้วเอ่ย “ผู้าุโขอรับ ข้ามิบังอาจ ข้ามิบังอาจ”
ผู้าุโกล่าว “ใต้เท้าสวี่ เชิญด้านใน”
เข้าห้องมาถึงได้พบว่า ห้องหลักสามห้องไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน จากตะวันออกถึงตะวันตกถูกเอามาใช้เป็ห้องตำรา
หลังจากเข้าประตูมาก็เป็ห้องพักผ่อน กำแพงที่อยู่ตรงข้ามกับประตูหลักแขวนภาพจงถางเอาไว้ ด้านล่างเป็โต๊ะไม้ปาเซียน ทั้งสองข้างของโต๊ะปาเซียนเป็เก้าอี้ไม้ข้างละสองตัว ตรงกลางเก้าอี้ยังวางโต๊ะเล็กๆ เอาไว้
ทางด้านทิศตะวันออกวางชั้นหนังสือสูงใหญ่เอาไว้หลายหลัง ้าใส่หนังสือเอาไว้จนเต็ม ใกล้ๆ กับชั้นหนังสือวางโต๊ะอ่านหนังสือขนาดใหญ่เอาไว้ ยังมีเก้าอี้อีกหลายตัว ทางด้านทิศตะวันตกกลับเป็โต๊ะทำงานที่ใหญ่กว่ามาก ตอนนี้้าโต๊ะทำงานวางกระดาษเอาไว้หลายแผ่น ดูแล้วรกอยู่นิดหน่อย
ผู้าุโเชิญให้สวี่เหรานั่งลงตรงหน้าโต๊ะยาว สวี่เหรากับองครักษ์ติดตามสองคนนั่งลงตรงตำแหน่งแขก เด็กที่เพิ่งจะเปิดประตูให้ก็ช่วยรินน้ำชา เด็กน้อยอายุเจ็ดแปดขวบ ยกแก้วชาสี่ใบใส่ถาดมาดูแล้วสั่นไปมา สวี่ตี้รีบลุกขึ้นไปช่วย เด็กน้อยก็ส่งยิ้มให้สวี่ตี้ “ขอบคุณขอรับพี่ชาย”
รอจนกระทั่งนั่งลงแล้ว สวี่เหราก็ตรงเข้าเื่ พร้อมถาม “ผู้าุโ ท่านเชิญข้ามาเช่นนี้ มีเื่ลำบากอะไรหรือไม่ขอรับ?”
ผู้าุโได้ยินคำพูดของสวี่เหราก็พยักหน้า “ใต้เท้าสวี่ ถึงแม้ท่านจะมาที่ก่านโจวได้เพียงสิบกว่าวัน แต่ข้าก็ได้ไปสอบถามมาแล้ว ท่านเป็ขุนนางดีที่ทำเพื่อประชาชน เื่ที่ท่านทำที่เหอซีข้าเองก็เคยได้ยินมาก่อน ข้าเชิญใต้เท้าสวี่มาก็เพื่อเื่หนึ่งของครอบครัวข้าขอรับ”
สวี่เหรานั้นพูดถูกจริงๆ ผู้าุโแซ่เลี่ยว บรรพบุรุษอยู่ที่เจียงหนาน บรรพบุรุษมาเป็ขุนนางที่นี่ ครอบครัวจึงพักอาศัยอยู่ที่นี่ บรรพบุรุษของผู้าุโเลี่ยวเป็คนที่ซ่อมแม่น้ำโดยเฉพาะ ลูกหลานของพวกเขาั้แ่เด็กก็เคยได้ยินและเคยเห็น ดีหน่อยก็เอามาใช้สอบเข้ากรมโยธาธิการ
แม่น้ำของเขตก่านโจว ล้วนเป็เลี่ยวจือชิวลูกชายของผู้าุโเลี่ยวเป็ผู้รับผิดชอบ ทว่าเมื่อสองปีก่อนตอนที่ซ่อมแม่น้ำ เลี่ยวจือชิวก็รู้เื่ที่ผู้นำก่านโจวกับลูกน้องโกงเงินส่วนของงบบำรุงแม่น้ำไป เดิมทีผู้นำก่านโจวคนก่อนจะลากเลี่ยวจือชิวมาเข้าร่วมด้วยกัน แต่เลี่ยวจือชิวไม่ยินยอม หลังจากน้ำท่วมเลี่ยวจือชิวก็ถูกผู้นำก่านโจวลากให้ไปเป็แพะรับบาปแทน
แน่นอนว่าเลี่ยวจือชิวไม่ยอมรับ พอดีกับที่องค์ชายสามมารับผิดชอบภัยพิบัติของก่านโจว ตอนนั้นเลี่ยวจือชิวยังถูกขังอยู่ในห้องขังของที่ว่าการ เพราะว่าลูกชายถูกจับ ผู้าุโเลี่ยวโกรธมากจนทำให้ล้มป่วย เลี่ยวจือเซี่ยน้องสาวของเลี่ยวจือชิวก็ไปเรียกร้องความเป็ธรรมที่ที่ว่าการ ตอนนั้นถูกผู้นำส่งให้คนมาเชิญไปเรือนด้านหลังที่ว่าการ หลังจากนั้นหลายวันเลี่ยวจือเซี่ยก็ถูกส่งกลับมาในตอนกลางคืน นางกลายเป็คนไร้สติไปเสียแล้ว ถามอะไรก็ไม่ได้ความ
ผู้าุโเลี่ยวเชิญหมอมารักษา ต่างก็บอกว่าลูกดื่มยาอะไรสักอย่างเข้าไปจึงทำลายสมอง ต่อไปก็ทำได้แค่รักษาเงียบๆ
ภรรยาของเลี่ยวจือชิวโกรธมาก จะไปหาคนมารับผิดชอบ นางสู้สุดใจ แต่ถูกผู้าุโเลี่ยวห้ามเอาไว้ ในครอบครัวมีกันไม่กี่คน ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้แล้ว
หลายเดือนต่อมา จ้าวซื่อภรรยาของเลี่ยวจือชิวพบว่าท้องของน้องสามียื่นออกมา เชิญหมอมาตรวจถึงได้พบว่าท้องมาได้หลายเดือนแล้ว เลี่ยวจือชิวยังถูกขังอยู่ในคุก ไม่สามารถเข้าไปพบได้ ตอนนี้เลี่ยวจือเซี่ยก็ยังตั้งครรภ์อีก อีกทั้งเลี่ยวจือเซี่ยนั้นได้หมั้นไปแล้ว ผู้าุโเลี่ยวหมดหนทาง จึงทำได้แค่ให้นางถอนหมั้น เด็กในท้องก็โตแล้ว ร่างกายของเลี่ยวจือเซี่ยก็ยังมาเป็อย่างนี้อีก หมอจึงทำคลอดออกมา
ต่อมาคดีคดโกงของเมืองก่านโจวก็ถูกเปิดเผยออกมา หลังจากผ่านเื่ราวนี้ไป เลี่ยวจือชิวก็ถูกปล่อยตัวออกมา แต่ขาทั้งสองข้างของเลี่ยวจือชิวหัก อยู่ในคุกไม่ได้หาหมอมาตรวจดูดีๆ หลังจากครอบครัวเลี่ยวรับเขากลับมา ก็เชิญหมอมาตรวจ แล้วต่อกระดูกของขาทั้งสองข้างใหม่ ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่เรือนหลัง
หลายวันก่อนเลี่ยวจือเซี่ยคลอดลูกออกมาเป็เด็กชาย เลี่ยวจือเซี่ยยังไม่หายดี แล้วก็พูดไม่ชัดเจนว่าคนที่ย่ำยีนางเป็ผู้ใด ผู้าุโเลี่ยวเองก็ทำได้แค่เลี้ยงสองแม่ลูกนี้เอาไว้ที่เรือนหลัง
ฟังเื่ราวเลวร้ายของครอบครัวนี้จบ แม้แต่องครักษ์เฉิงก็โกรธจนหน้าแดง สวี่เหรากล่าว “ผู้าุโ ท่านวางใจเถิด ข้าจะต้องกลับมาช่วยทวงความยุติธรรมให้กับท่านแน่นอนขอรับ”
ผู้าุโเลี่ยวโบกมือ “ใต้เท้าสวี่ ข้าได้ส่งคนไปสอบถามมาแล้ว ตอนนั้นคนที่ย่ำยีลูกสาวข้าคือองค์ชายสาม หลังจากองค์ชายสามมาที่ก่านโจว ก็ไปพักที่เรือนหลังของที่ว่าการ บังเอิญพอดีกับที่วันนั้นเขาดื่มสุราจนเมามาย ลูกสาวข้าไปเรียกร้องความเป็ธรรม ก็ถูกใต้เท้าผู้นำเมืองลากไปที่เรือนหลัง เดิมทีคิดว่าจะเรียกไปขู่แล้วส่งออกมา ผู้ใดจะรู้ว่าถูกองค์ชายสามเห็นเข้า ตอนนั้นจึงลากลูกสาวของข้าไปที่เรือน ใต้เท้าผู้นำอยากจะฆ่าปิดปาก แต่คนที่เห็นมีเยอะเกินไป จึงกรอกยาที่ทำให้สูญเสียสติให้ลูกสาวข้ากิน ลูกสาวข้าถึงได้กลายเป็อย่างวันนี้ ใต้เท้าสวี่ คนต่างพูดว่าองค์ชายทำผิดกฎก็ได้รับโทษเหมือนประชาชน ท่านว่าข้าสามารถไปเรียกร้องความเป็ธรรมที่เมืองหลวงได้หรือไม่?”
สวี่เหราถอนหายใจ “ผู้าุโขอรับ ตอนนี้สถานการณ์เมืองหลวงไม่ค่อยดี ข้าเองก็ไม่ปิดบังท่าน องค์ชายหลายพระองค์ต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน ท่านไปเช่นนี้ ข้ากลัวว่าท่านจะถูกคนอื่นจับไปใช้ประโยชน์ ตอนนี้ทางนั้นมีเงาดาบซ่อนอยู่ในที่มืด หากทำไม่ดีครอบครัวของท่านก็จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ฮูหยินของข้าถนัดเื่การแพทย์มาก ข้าจะให้นางเข้าไปรักษาลูกสาวของท่าน สามารถทำให้มีสติกลับมาได้จะดีที่สุด ไม่สามารถฟื้นกลับมาได้พวกเราก็รอให้มีโอกาส ท่านว่าเป็อย่างไร?”
ผู้าุโเลี่ยวถอนหายใจ “ข้าเองก็รู้เื่นี้ ก็ไม่รู้ว่าที่ครอบครัวเราถูกใส่ร้ายจะถูกชำระออกไปได้หรือไม่ จะสามารถทวงคืนความยุติธรรมมาได้หรือไม่”
สวี่เหรากล่าว “ความยุติธรรมมันอยู่ในใจคน เพียงแต่เื่จังหวะเวลานั้นเป็ปัญหา ท่านผู้าุโ พวกเราจะนิ่งเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งกระโตกกระตาก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้