“ข้าไม่ได้คบชู้อย่างที่พวกเ้าว่า” เสี่ยวเอินเผลอพูดออกไปเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีตัวเอง หากแต่ลืมไป ว่าตอนนี้อยู่ในร่างของหญิงชาวบ้าน ก่อนกลุ่มคนพวกนั้นจะหันมาแล้วขมวดคิ้ว
“เ้าเป็บ้ารึ พวกข้าไม่ได้พูดกับเ้า ไม่ได้ว่าเ้าสักคำ” เสี่ยวเอินได้สติ จึงรีบเบี่ยงตัวเดินหนีจากคนกลุ่มนั้น แล้วมุ่งตรงไปยังวังหลวงทันที
เสี่ยวเอินเดินเท้าเปล่ามุ่งหน้าไปยังวังหลวงด้วยความยากลำบาก เท้าของนางเปลือยเปล่า แถมมีเลือกซึมออกมา ภาพการถูกปะาอย่างไม่เป็ธรรมไหลเข้ามาในสมองของนางซ้ำ ๆ
“ข้าไม่ได้ทำ เหตุใดท่านเสนาบดีจึงตัดสินเช่นนั้น ตัดสินให้ทุกคนมองข้าเป็คนชั่วร้าย" เสี่ยวเอินรู้สึกเจ็บแค้นในส่วนลึกที่ถูกใครต่อใครตราหน้าว่าเป็หญิงชั่วคิดลอบคบชู้จนนำไปสู่การปะา
“ข้าจะต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา และมันผู้ใดใส่ร้ายข้า ข้าจะต้องเอาคืนเป็สิบเท่า” สายตามุ่งมั่นของเสี่ยวเอินฉายแวววาววับออกมา ไม่นานนักนางก็นำพาร่างอันมอมแมมเข้ามาในวังหลวงได้สำเร็จ
“อย่าเข้าใกล้นาง ดูเนื้อตัวนางสิ มอมแมมราวกับไม่ได้อาบน้ำมาเป็เดือน” ผู้สมัครสาวคนหนึ่ง รีบหลบเสี่ยวเอิน ทำราวกับนางเป็ตัวเชื้อโรค และทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันหลบเสี่ยวเอินไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ ก่อนนายทหารผู้หนึ่งจะวิ่งเข้ามาเพื่อจับเสี่ยวเอินออก
“กลับออกไปซะ ที่นี่เป็วังหลวงไม่ใช่ที่ที่เ้าจะเข้ามาเดินเล่นได้” เขาใช้ไม้จิ้มที่ตัวของนาง ไม่รู้เลยว่าจิติญญาภายในเป็ถึงอดีตพระสนมของรัชทายาทผู้สูงศักดิ์
“เฉินตง อย่าแตะต้องตัวข้า ข้าก็แค่ก็มาสมัครเป็นางกำนัลเหมือนผู้อื่น และข้าก็ไม่ได้ทำผิดกฎแต่ประการใด” น้ำเสียงเข้มของเสี่ยวเอินเอ่ยขึ้น ทำให้นายทหารผู้นั้นจะชักนิ่ง รีบดึงไม้กลับในทันที ด้วยความแปลกใจ
“เ้า รู้จักชื่อข้าได้อย่างไร” เสี่ยวเอินแน่นิ่ง ทว่าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหตุใดข้าจะไม่รู้ เ้าเป็คนของรัชทายาท ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในตำหนักเส้าเฉิง และหากเ้าจับข้าออกไป ข้าจะทุกทางเพื่อรายงานเื่นี้ให้ฮองเฮาทรงทราบ เ้าก็รู้มิใช่รึ ว่าฮองเฮามีความเป็ธรรมมากมายเพียงใด โทษฐานที่เ้าละเมิดนำผู้สมัครคนใดคนหนึ่งออกจากวังหลวง ฮองเฮาคงไม่พอพระทัยเป็อย่างมาก” เฉินตงได้ยินดังนั้น จึงรีบเก็บไม้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจธรรมเนียมภายในวังเป็อย่างดี จึงจำใจปล่อยนางไปโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
“เหตุใดท่านทหาร จึงไม่นำหญิงมอมแมมผู้นี้ออกไป” หนึ่งในสาวงามเดินมาต่อว่า ก่อนชายหนุ่มจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เมื่อนางไม่ได้กระทำความผิดอันใด นางก็มีสิทธิ์ที่จะสมัครเป็นางกำนัลได้เหมือนพวกเ้า ข้อนี้เป็กฎที่ฮองเฮาตั้งขึ้น ไม่มีผู้ใดคัดค้านได้” เฉินตงพูดตัดบท ก่อนจะเบี่ยงตัวไปทำหน้าที่โดยไม่สนใจคนพวกนั้นอีก
ทว่าสายตามุ่งมั่นของเสี่ยวเอินจับจ้องไปยังพลับพลาที่ประทับด้วยสายตามุ่งมั่น
“เหม็นเน่าขนาดนี้ยังกล้ามาสมัครอีก”
“เนื้อตัวมอมแมมเช่นนี้จะเป็นางกำนัลได้อย่างไร”
“อย่าอยู่ใกล้นาง” ผู้คนบริเวณนั้นต่างพากันใช้มือบีบจมูกและแสดงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด หากแต่เสี่ยวเอินไม่ได้ใส่ใจนัก นางเอาแต่จับจ้องไปยังพลับพลาที่ประทับ ก่อนเสียงสัญญาณจะดังขึ้น เสี่ยวเอินรีบเบียดเสียดฝูงชนไปยืนอยู่ด้านหน้า ก่อนร่างของฮองเฮาจะเดินมายังที่ประทับ พร้อมด้วยหลี่ถังเยี่ยนเดินประกบอยู่ด้านข้างไม่ห่างกาย สายตาของถังเยี่ยนเลื่อนมองดูหญิงสาวที่มาสมัครด้วยสายตาแน่นิ่ง ก่อนหัวหน้านางกำนัลจะตีกลองให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
เสี่ยวเอินน้ำตาเอ่อขึ้นเมื่อเห็นพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของฮองเฮา นางได้รับการดูแลจากฮองเฮาอย่างดีนับจากเข้าวังเป็นางกำนัล จวบจนความสุขของนางจบลงเมื่อถูกตั้งเป็พระสนม เพราะรัชทายาทไม่เคยยอมรับในตัวนางเลยนับจากวันแรกจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต หญิงสาวปาดน้ำตาแล้วกำมือแน่น ก่อนร่างของท่านเสนาบดีจะเดินเข้ามาน้อมกายลงคำนับฮองเฮา
“กระหม่อมจะเป็คนช่วยคัดเลือกด้วยอีกทางพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาเห็นดังนั้นจึงพยักหน้ารับด้วยความเมตตาเช่นเดิม
“เอาล่ะ พวกเ้าทั้งหลาย หลักเกณฑ์การคัดเลือกนางกำนัลในครั้งนี้ไม่มีอะไรมากนัก เพียงแค่ผู้ใดตอบคำถามสามข้อได้ ก็จะเป็ผู้ถูกเลือกโดยฮองเฮา” เสี่ยวเอินจับจ้องไปยังท่านเสนาบดี แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลันขบคิดในใจ
“เขาตั้งใจทำการสอบสวนข้าอย่างไม่เป็ธรรม เขาจะต้องได้รับกรรม ที่ทำกับข้าไว้” เสี่ยวเอินกำหนดจุดมุ่งหมายทันที ก่อนคำถามข้อแรกจะถูกถามในเวลาต่อมา
“ข้อแรก ผู้ใดสามารถเล่นดนตรีและขับร้องได้” เสี่ยวเอินยกมือขึ้นพร้อมด้วยผู้สมัครอีกจำนวนหนึ่ง ทว่าท่าทางมอมแมมของนางสะกดให้ฮองเฮาหันมาจับจ้องมองนางแต่เพียงผู้เดียว
“ทรงเลือกหม่อมฉันเถิดนะเพคะ หม่อมฉัน้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองอีกครั้ง” เสี่ยวเอินภาวนาในใจอย่างเงียบ ๆ พร้อมสบตาฮองเฮาอย่างมีความหมาย ก่อนถังเยี่ยนจะยิ้มเล็กน้อย แล้วกระซิบบอกฮองเฮา
“หญิงผู้นั้นแม้เนื้อตัวมอมแมม แต่นางก็สามารถเล่นดนตรีและขับร้องได้นะเพคะ”